ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ หกข้อแนะนำสำหรับศิษย์กรรมฐาน โปรดใส่ใจ  (อ่าน 2986 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


 
1 การขึ้นกรรมฐาน กระทำครั้งเดียว ถ้ายังไม่ได้ขึ้นก็ให้มาขึ้นกรรมฐาน เสียนะ เพราะถ้าไม่ปวารณาตัวเพื่อเรียนครูอาจารย์ ก็เกรงใจเธอกันนะจ๊ะ ไม่กล้าบอก ไม่กล้าสอน เพราะเธอมิได้เปิด ศรัทธา ต่อ พระสงฆ์ ซึ่งเป็นครู หลายท่านก็จะเป็นอย่างนั้นเช่นนั้น พร้อมที่จะเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรมกรรมฐาน แต่ไม่พร้อมที่จะเคารพพระสงฆ์ ครูอาจารย์ ตราบใดที่ วิจิกิจฉา ในพระรัตนตรัย ยังไม่หมดไป เพราะท่านมิได้เปิดศรัทธา ให้ตั้งมั่น ก็ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการเรียนพระธรรมกรรมฐาน แม้ถึงการแจ้งพระกรรมฐาน ก็จบแต่เพียงต้น เท่านี้

 2.เมื่อเรียนธรรมกรรมฐานแล้ว สิ่งสำคัญก็คือ เป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนมาเรียนธรรม สูญหายไปหรือป่าว ถ้าสูญหายไป ความขี้เกียจ ก็ย่อมมีเข้ามาทดแทน เหมือนคนที่ทำอะไรไม่มีเป้าหมาย ดังนั้นการภาวนาจะมีต่อไปได้ก็อยู่ที่เป้าหมาย ยังคงมีอยู่หรือไม่ ? และเป้าหมายจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการภาวนา ดังนั้นท่านทั้งหลายต้องรักษาเป้าหมายในการภาวนาไว้ อย่าให้สูญหายไป เป้าหมายของผู้ภาวนามีหลายระดับ แต่ ย่อแล้วก็มีสองระดับ

     คือ หนึ่งปรารถนา สุขอันเป็น โลกียะสุข เป็นสุขของชาวโลก เช่น หายป่วย หายไข้ โชคดี มีความสามารถ เป็นต้น
         สองปราณถนา สุขอันเป็น โลกุตตระ นั่นก็ มรรค 4 ผล 4 และ นิพพาน 1 นั่นเอง

   3.เมื่อภาวนาเสร็จสิ้น แต่ละครั้ง แต่ละรอบ ให้ทำการแผ่ญาณ คือ สามารถแห่งจิตในขณะนั้น ให้แผ่ออกไป ทั่วทั้งสาระทิศ ให้เพิ่มกุศลให้แก่ สัตว์ มนุษย์ เทวดา วินิปาตสัตว์ เปตร อสุรกาย โอปปาติกะทั้งหลาย เรียกว่าการแผ่กุศล การแผ่กุศลนั้น มีสองประการ
      คือ หนึ่ง การแผ่ออกไปอย่างเจาะจง
          สอง การแผ่ออกไปอย่างไม่เจาะจง

  4.เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ สำหรับศิษย์กรรมฐาน นั่นก็คือ การแจ้งกรรมฐาน การไถ่ถามข้อข้องใจที่ติดขัดในองค์กรรมฐาน ที่ได้ภาวนา เพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญที่ถูกต้อง ที่ควร เพื่อไปสู่เป้าหมาย จึงต้องมีการแจ้งเพื่อบอกครูกรรมฐาน เพื่อได้เรียนสิ่งที่ควรเรียนต่อ ภาวนาต่อ จนกว่า จะ จบกิจในกรรมฐาน
 
  5.การปรารภความเพียร และ การทำความเพียร เป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ ดังนั้นผู้เรียนธรรมกรรมฐานที่ดี ควรจะต้องหมั่นภาวนา อย่าได้ขาด วันหนึ่งคืนหนึ่ง นั้น อย่างไม่ภาวนาเลย ก็สักครั้ง สัก 30 นาที ขึ้นจะดีกว่าไม่ทำเลย เวลาทำก็อย่าได้อ้าง ว่าป่วยอยู่ สายอยู่ งานยุ่งอยู่ เพราะ ถ้าท่านผลัดอย่างนี้เท่ากับมีความประมาท ขณะใด ขณะหนึ่งเราสามารถ จากกายนี้ไปได้ ทุกขณะ ดังนั้นอย่าประมาท

  6.การทบทวน พระกรรมฐาน เป็นสิ่งที่ควรจะกระทำอย่างน้อยก็สักสัปดาห์ แต่ถ้าเป็นผู้มีการฝึกปรือ ได้ ปีติ ขึ้นมาแล้ว ก็ควรจะทุกวัน เพราะเมื่อท่านทบทวน เท่ากับท่านเข้า ผลแห่ง ญาณ แห่งธรรม ตามภูมิธรรม ตามระดับของท่าน ดังนั้นแม้ผู้สำเร็จธรรมแล้ว ก็ยังต้องทรงวิหารสมาบัติ นี่ก็เรียกว่า ทบทวนกรรมฐาน มีชื่อเรียกต่างกันไปตามภูมิ ตามธรรม ตามการประจักษ์แจ้งธรรม ในขณะนั้น


   เจริญธรรม / เจริญพร


 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หลุดตาไปเลยเรื่องนี้ ถ้าไม่เข้ามาที่บอร์ดตรง ๆ ก็ไม่รู้ว่าพระอาจารย์ มาโพสต์เนื้อหาพระธรรม ให้อ่านกัน

  st11 st12 st12
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
วันหนึ่ง คืนหนึ่งผ่าน ไป ในขณะที่ฉันวิเวก นั้นฉันพยายามมองที่ตนเอง และ หาจุดยืนของตนเอง พร้อมทั้งปรับปรุงตนเองว่า ยังอยู่ในร่อง ในรอย แห่งมรรคหรือไม่ การพิจารณาตนเอง เป็นหนึ่งในคุณธรรม เรียกว่าการทบทวนกรรมฐาน เพราะตนเองควรที่จะรู้ข้อด้อยของตนเองก่อน

ส่วนมากที่ปฏิบัติ ไม่ก้าวหน้า เมื่อทำวิจยะธรรมะกรรมฐานออกมาแล้ว ก็ไม่พ้นจาก หลักทั้ง 6 นี้ต้องขาดไปข้อใด ข้อหนึ่ง หรือขาดมากกว่า 2 - 3 ข้อก็มี บางครั้ง ก็ต้องคอยบอกบรรดาศิษย์ทั้งหลายว่า ให้เสมอต้น เสมอปลาย อย่าได้นึกว่า พระธรรมกรรมฐาน ที่เรียนไปนั้่นพอเพียงแล้ว หากยังไม่ถึงคุณธรรมของพระอรหัตผล แล้ว ก็ยังไม่พอ

  เจริญธรรม / เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
หลุดตาไปเลยเรื่องนี้ ถ้าไม่เข้ามาที่บอร์ดตรง ๆ ก็ไม่รู้ว่าพระอาจารย์ มาโพสต์เนื้อหาพระธรรม ให้อ่านกัน

  st11 st12 st12

  ไม่ใช่แต่เพียงเธอที่หลุด เราก็หลุด เหมือนกัน พระอาจารย์ออกบทความต่อเนื่องมาตลอด ยังเข้าใจว่าช่วงนี้พระอาจารย์ ไม่ได้มาโพสต์อะไรเลย ช่างเป็นความเข้าใจผิด อย่างมากคะ

   st11 st12 st12
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
   st11  st11   st12

ขอบพระคุณค่ะ

 :25:  :25:  :25:
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุโมทนาสาธุ st11 st12 st11 :welcome:
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา