ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ ตามที่ฟังครูบาอาจารย์เล่าให้ฟัง
ผู้ที่ผ่านขั้นตอนไปตามลําดับ อาโลกสัญญา ความสว่าง เกิดขึ้นเองจากภายใน ทั้งนี้ ก็ขอรวม ทั้งปฐวีกสิน ก็เกิดขึ้นเองจากภายในไม่ต้องกําหนด หรืออยากให้เป็น
ความกําหนดความอยากให้เป็น ไม่พ้นสังขตะ คืออยู่ในสังขาร
ถ้าเทียบตามปฏิจสมุปบาทแล้ว ก็ยังตกอยู่ภายใต้อวิชชา ก็ยังคือยังไม่พ้นโลก
ในกรรมฐานมัชฌิมา ถือนิมิตแท้ที่ไม่ปรุงแต่ง เป็นรูปปรมัตถ์ เป็นนิมิตที่เกิดขึ้นเอง
มีทั้งอุคหนิมิต และปฏิภาคนิมิต
...............การกําหนดแบบที่ถามนั้น เป็นการฝึกแบบ เพ่งกสิน จดจําสมมุติ หรือกําหนดให้เป็น นั่น ไม่ใช่กรรมฐานมัชฌิมาแบบลําดับ
ส่วนกสินในกรรมฐาน มัชฌิมา เป็นกรรมฐานต่อเนื่อง จาก อานาปานสติ
จึงไม่ต้องกําหนดอะไร
เพียงใช้นิมิต สามประการเป็นหลักไป เดี๋ยวความเข้าใจก็มีเอง
ความแตกต่างทางด้านอารมณ์ ในความสว่างแบบเกิดขึ้นเอง ทางได้ในกรรมฐานนี้ ด้านอารณ์ นาม ต้องหมดจรดด้วย เน้นความ ปีติ ปราโมทย์ และร่าเริง แคว่วคล่องว่องไว เป็นที่สุด ในเรื่องอารมณ์ด้วย
ส่วนกรรมฐานอื่น การกําหนดให้เป็นแบบเพ่ง ความสว่าง อารมณ์ จะแข็ง หลีกเร้นผู้คน อยู่กับคนยาก แบกกลดหนีคนก็มี
อารมณ์สองอย่าง หมายถึงตอนที่ได้บรรลุวิปัสสนาญาณแล้ว
ครูอาจารย์เคยเล่าให้ฟังไว้อย่างนี้
ถ้าผ่านตรงนั้นแล้วมันแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว
ก็แล้วแต่จริตความชอบของแต่ละท่าน
จะเลือกอันไหนแบบไหนก็มีได้ตามจริต
หรือจะเลือก มัชฌิมา ก็ตามลําดับ กรรมฐานมัชฌิมา
ก็ไม่ต้องคิด ไม่ยาก ตามครูผู้สอน
..............หากฝึกแบบกําหนดความสว่าง ก็จดจําความสว่างเป็นอารมณ์ ไม่ยากก็เอาเทียนไขมาตั้งหนึ่งเล่มก็จบ