ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชีวิต นี้สายเกินไปหรือไม่ ?  (อ่าน 2848 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

GodSider

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 121
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ชีวิต นี้สายเกินไปหรือไม่ ?
« เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 11:10:35 am »
0
ผมเองทำงานเกี่ยวกับ คนที่หลงผิด แล้ว ก็มารับโทษ

  ทุกครั้งที่ต้องคอยตอบ ว่า เขาหมดโอกาสแล้ว เขาไม่มีหนทางแล้ว ถึงแม้เดินจากตรงนี้ไป ชีวิตก็เคว้งคว้าง จึงไม่อยากจากตรงนี้ไป

  แท้ที่จริง ชีวิตของคนเราสายไปแล้ว จริง หรือ ไม่ ? ที่หลังจากทุกคนได้กระทำผิด

  ยังทันเวลาหรือไม่ หรืออายุจะหมดก่อน หรือ โรคภัยไข้เจ็บที่เบียดเบียน

  ความหวังของผู้ป่วย ที่รู้ว่าตนเองจะตาย .... ควรจะเยียวยาอย่างไร ?

  ควรจะให้ ความหมายกับชีวิต อย่างไร ?

  และทำอย่างไร ที่จะให้คนรู้คุณค่าของการมีชีวิต อยู่

        :58:
บันทึกการเข้า
สุดเขต เสลดเป็ด ไกลสุดกู่ ใกล้แค่ ปลายจมูก

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ชีวิต นี้สายเกินไปหรือไม่ ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 09:50:46 pm »
0

คุณGodSider ไม่ทราบมีหน้าที่อะไร อ่านดูเหมือนจะให้เข้าใจว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมราชฑัณท์

 คนที่เข้าใจข้อธรรมทางศาสนาได้ ต้องมีพื้นฐานมาบ้าง พูดง่ายๆก็คือ ต้องสั่งสมบารมีมาทางนี้

 หากไม่มีบารมีมาทางนี้ ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะเข้าใจ คงต้องอาศัย "จิตวิทยาทางโลกเข้าช่วย"

 แนะนำให้ไปดูเว็บของ "กรมสุขภาพจิต" กระทรวงสาธารณสุข

 ลิงค์นี้เลยครับ http://www.dmh.go.th/main.asp

 หากยืนยันที่หาข้อธรรม เพื่อนำไปปลอบประโลมใจเพื่อนร่วมทุกข์ ก็ต้องอ้างพุทธพจน์ที่ว่า

  "ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก, ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย เป็นอยู่ยาก,
  การฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก, การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก."


 เกิดเป็นมนุษย์แสนยาก ได้เกิดมาฟังสัทธรรมก็ยากอีก ดังนั้น ในเมื่อเราได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว
 สัทธรรมของพระพุทธเจ้าก็มีอยู่ ทำไมเราจึงไม่ศึกษาธรรมะกันล่ะ

 ข้อยก "พระสูตรมาแสดงสัก ๓ สูตร" ดังนี้ครับ





พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

ฉิคคฬสูตรที่ ๑
ว่าด้วยความเป็นมนุษย์ยาก

             [๑๗๔๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษโยนแอก ซึ่งมีช่องเดียวลงไปในมหาสมุทร เต่าตาบอดมีอยู่ในมหาสมุทรนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ

เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เต่าตาบอดนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆจะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นได้บ้างหรือหนอ? 

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าล่วงกาลนานไปบางครั้งบางคราว เต่าจะสอดคอให้เข้าไปในแอกนั้นได้บ้าง.


             พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  เต่าตาบอด ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ สอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้น ยังจะเร็วกว่า เราย่อมกล่าวความเป็นมนุษย์

เพราะคนพาลผู้ไปสู่วินิบาตแล้วคราวเดียวก็หามิได้ ข้อนั้น เพราะเหตุไร? 

เพราะว่าในวินิบาตนี้ ไม่มีการประพฤติธรรม การประพฤติชอบ การกระทำกุศล  การกระทำบุญ มีแต่การเคี้ยวกินกันและกันการเคี้ยวกิน ผู้มีกำลังน้อยกว่า ย่อมเป็นไปในวินิบาตนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร?   

เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ เป็นไฉน?  คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียร เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.


          จบ สูตรที่ ๗


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ บรรทัดที่ ๑๐๖๙๙ - ๑๐๗๑๔. หน้าที่ ๔๔๗.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=10699&Z=10714&pagebreak=0             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=1743



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

ฉิคคฬสูตรที่ ๒
ว่าด้วยการได้ความเป็นมนุษย์ยาก

             [๑๗๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนมหาปฐพีนี้มีน้ำเป็นอันเดียวกัน บุรุษโยนแอกซึ่งมีช่องเดียวลงไปในมหาปฐพีนั้น ลมทิศบูรพาพัดเอาแอกนั้นไปทางทิศประจิม ลมทิศประจิมพัดเอาไปทางทิศบูรพา ลมทิศอุดรพัดเอาไปทางทิศทักษิณ ลมทิศทักษิณพัดเอาไปทางทิศอุดร เต่าตาบอดมีอยู่ในมหาปฐพีนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ

เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน เต่าตาบอดนั้น ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอให้เข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นได้บ้างหรือหนอ? 


ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่เต่าตาบอด ต่อล่วงร้อยปีๆ มันจะโผล่ขึ้นคราวหนึ่งๆ จะสอดคอเข้าไปในแอกซึ่งมีช่องเดียวโน้นเป็นของยาก.

             พ. ฉันนั้นภิกษุทั้งหลาย การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก
     พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลกเป็นของยาก
     ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วจะรุ่งเรืองในโลกก็เป็นของยาก

     ความเป็นมนุษย์นี้เขาได้แล้ว
     พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติแล้วในโลก
     และธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วก็รุ่งเรืองอยู่ในโลก


ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละเธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.

          จบ สูตรที่ ๘


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ บรรทัดที่ ๑๐๗๑๕ - ๑๐๗๓๐. หน้าที่ ๔๔๘.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=10715&Z=10730&pagebreak=0             
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=1744



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

อัญญตรสูตร
ว่าด้วยสัตว์ผู้มาเกิดในมนุษย์น้อย

             [๑๗๕๗] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงช้อนฝุ่นเล็กน้อยไว้ในปลายพระนขา แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสถามว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อยที่เราช้อนขึ้นไว้ในปลายเล็บกับแผ่นดินใหญ่นี้ ไหนจะมากกว่ากัน


ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แผ่นดินใหญ่นี้แลมากกว่า ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ในปลายพระนขามีประมาณน้อย เมื่อเทียบกับแผ่นดินใหญ่ ฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคทรงช้อนไว้ในปลายพระนขา ย่อมไม่ถึงซึ่งการนับ การเปรียบเทียบ หรือแม้ส่วนเสี้ยว.

             พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สัตว์ที่กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีน้อยโดยที่แท้ สัตว์ที่กลับมาเกิดนอกจากมนุษย์มีมากกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะไม่ได้เห็นอริยสัจ ๔ อริยสัจ ๔ เป็นไฉน? คือ ทุกขอริยสัจ ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.

          จบ สูตรที่ ๑



อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙  บรรทัดที่ ๑๐๙๐๓ - ๑๐๙๘๐.  หน้าที่  ๔๕๗ - ๔๖๐.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=10903&Z=10980&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=19&i=1757
ขอบคุณภาพจาก http://download.buddha-thushaveiheard.com,www.amulet.in.th,http://img.kapook.com,http://entertainment.goosiam.com,www.thaimuslim.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 19, 2011, 11:06:05 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

GodSider

  • ผู้อุปถัมภ์
  • กำลังแหวกกระแส
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 121
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ชีวิต นี้สายเกินไปหรือไม่ ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กันยายน 19, 2011, 08:50:36 am »
0
อนุโมทนา กับการชี้แนะนำจากทุกท่าน ด้วยนะครับ

 การทำความดี สิ่งสำคัญที่สุด ต้องอาศัย ความอดทน อดกลั้น และ ความ พยายาม กับปัญญา

 ที่สำคัญ ความดี เริ่มจากศีล สมาธิ และ ปัญญา

 ขอบคุณครับ สำหรับคำวิจารณ์ บทความแนะนำ

  :25: :c017: :25: :c017:
บันทึกการเข้า
สุดเขต เสลดเป็ด ไกลสุดกู่ ใกล้แค่ ปลายจมูก