สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: สมภพ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2012, 08:26:59 am



หัวข้อ: การกล่าวล่วงละเมิด บริภาษ ตั้งแต่พระโสดาบัน ก็มีโทษ ปิดกั้นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: สมภพ ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2012, 08:26:59 am
     พระพุทธเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ธรรมบรรยายที่เป็นธรรมาทาส คือกระจก
เงาส่องธรรมดังนี้แล ซึ่งอริยสาวก พึงใช้พยากรณ์ด้วยตนเองท่านกล่าวไว้ว่า บุคคลที่เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าปรากฏว่า มีผู้อื่นผู้ใดประมาทพลาดพลั้ง หรือคะนองปาก กล่าวคำตำหนิติเตียน หรือนินทาว่าร้าย(อริยุปวาท) ด่า
บริภาษ โดยที่สุดอริยบุคคลโสดาบัน ที่เป็นคฤหัสถ์ ท่านกล่าวว่าห้าม มรรค ผลนิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรค ผลได้ การติเตียน ด่าบริภาษพระอริยเจ้า จึงมีโทษมาก เกิดความฉิบหาย ๑๐ อย่างคือ
บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ ๑
เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ๑
สัทธรรมของบุคคลนั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว ๑
เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม ๑ ไม่
ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ ๑
ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างหนึ่ง ๑
ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก ๑
ถึงความเป็นบ้า มีจิตฟุ้งซ่าน ๑
หลงตามกาละ คือตายไม่มีสติ ๑
       เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก กรรมที่บริภาษ ด่าทอ พระอริยบุคคลนี้ เป็นกรรมตัดรอน มรรคผล นิพพาน มิใช่กรรมเก่า แต่เป็นกรรมที่สร้างขึ้นใหม่ และมีผลรุนแรงมาก มีอำนาจตัดรอนกรรมดีอื่นๆ
ในทันใด
      วิธีแก้กรรมนี้ ต้องกล่าวขอขมาโทษ แก่พระอริยเจ้า เมื่อพระอริยเจ้า อดโทษไม่เอาโทษแล้ว ก็ไม่ห้ามมรรค ผล นิพพาน กลับคืนเป็นปรกติตามเดิม โดยการขอขมาโทษ

      แม้อริยบุคคลโสดาบัน บางท่าน จะมีอาการหรือความเป็นไปภายนอก เช่นความเศร้าโศก และทุกข์โทมนัส ยังแสดงออกมาให้เห็นคล้ายกับปุถุชน แต่ก็เป็นอาการที่เป็นไปชั่วขณะ เมื่อมีสติ หรือมีผู้เตือนให้สติ อาการเหล่านั้นท่านก็ระงับได้ กลับเป็นปรกติตามเดิม โดยมีสติ

      แม้บุคคลโสดาบันที่เป็นคฤหัสถ์ ก็ควรทำสามีจิกรรม กราบไหว้ พระภิกษุสามเณร ที่บวชวันแรก และยังไม่บรรลุมรรคผลใดๆเลย เนื่องจาก เพศของพระภิกษุสามเณร เป็นอุดมเพศ เป็นวัตถุที่ควรเคารพบูชาพระพุทธเจ้าทรงแสดงเปรียบเทียบอานิสงส์ ของพระโสดาบันว่า ประเสริฐกว่าความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ประเสริฐกว่าการไปเกิดในสวรรค์ ประเสริฐกว่าความเป็นใหญ่ในโลกทั้งปวง เพราะพระเจ้าจักรพรรดิ์ ก็ยังไม่พ้นจากอบายภูมิ การไปเกิดเป็นเทวดา เมื่อหมดบุญกุศลแล้ว ก็อาจไปอบายภูมิได้ แต่พระโสดาบัน เป็นผู้ปิดประตูอบายภูมิอย่างเด็ดขาด
ท่านผู้ที่ตั้งอยู่ในโสดาปัตติมรรค และท่านผู้ที่ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล นับเป็นพระอริยบุคคล ซึ่งเป็นสาวก ของพระผู้มีพระภาคเจ้า คู่ที่ ๑


พระประวัติสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร มหาเถรเจ้า (สุกไก่เถื่อน)
เรียบเรียงโดย พระครูสิทธิสังวร ผช.จล. วัดราชสิทธาราม ( พลับ )เจ้าคณะ 5
อาจารย์ใหญ่ผู้สืบทอด วิชากรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ องค์ปัจจุบัน

(http://www.madchima.net/images/481_pariyat.jpg)


หัวข้อ: Re: การกล่าวล่วงละเมิด บริภาษ ตั้งแต่พระโสดาบัน ก็มีโทษ ปิดกั้นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: หมิว ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2012, 09:56:24 am
อนุโมทนา ด้วยคะ
ได้ความรู้มากเลยคะ

 :25:


หัวข้อ: Re: การกล่าวล่วงละเมิด บริภาษ ตั้งแต่พระโสดาบัน ก็มีโทษ ปิดกั้นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: vichai ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2012, 10:38:44 am
อนุโมทนา ครับ ขออนุญาต ช่วยปรับวรรคตอนให้ใหม่ นะครับ

 :s_hi: :08:


หัวข้อ: Re: การกล่าวล่วงละเมิด บริภาษ ตั้งแต่พระโสดาบัน ก็มีโทษ ปิดกั้นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: chatchay ที่ กุมภาพันธ์ 01, 2012, 01:00:34 pm
เป็นเรื่องที่สำคัญ มาก ในสายกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ จึงมีการขอขมาก่อนภาวนาพระกรรมฐาน ครับ

ขอบคุณมากครับ ที่มาช่วยรื้อฟื้น ประวัติหลวงปู่ให้ทราบ ไม่ได้อ่านมานานแล้วครับ

 สาธุ สาธุ สาธุ

  :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: การกล่าวล่วงละเมิด บริภาษ ตั้งแต่พระโสดาบัน ก็มีโทษ ปิดกั้นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: pussadee ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2012, 01:28:11 am
อนุโมทนา คะ
มีสาระที่เกือบลืม ไปแล้ว พึ่งเข้ามาอ่านปี 2555

   :25: :13: :13:


หัวข้อ: Re: การกล่าวล่วงละเมิด บริภาษ ตั้งแต่พระโสดาบัน ก็มีโทษ ปิดกั้นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: บุญเอก ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2012, 12:46:00 am
อนุโมทนา สาธุ ครับเป็นเรื่องที่ควรทำไว้ในใจเบื้องต้นนะครับ เรื่องนี้เห็นด้วยมากครับ

  :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: การกล่าวล่วงละเมิด บริภาษ ตั้งแต่พระโสดาบัน ก็มีโทษ ปิดกั้นธรรม
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 15, 2012, 09:02:14 am
การกล่าว บริภาษ พระอริยะบุคคลตั้งแต่พระโสดาบัน นั้นมีโทษมาก นะจ๊ะ

  ที่จะบอกก็คือ เมื่อเราขอขมาโทษแล้ว ธรรมที่ถูกปิดกั้น ก็จะไม่ถูกปิดกั้น นะจ๊ะ อันนี้สำคัญมาก

  แต่โทษที่ ทำการล่วงเกินนั้น มิได้หมดไปเพราะขอขมานะจ๊ะ ยังคงต้องรับกรรม ที่ได้ทำไว้ด้วย

บางท่านเข้าใจว่า ทำการขอขมาแล้วโทษหมด มิใช่เป็นเช่นนั้น  เพียงทำให้ธรรมที่ถูกปิดกั้นนั้น ไม่ปิดกั้นการบรรลุธรรมซึ่งมีความสำคัญ  ส่วนกรรมที่สร้างไว้ ต้องรับต่อเช่นเดิมนะจ๊ะ


  ดังนั้น ทางที่ดีอย่าสร้างกรรมเหล่านี้ขึ้น อย่าไปคิดว่าจำเป็นต้องสร้างกรรม อาตมาเป็นห่วงทุกท่านที่ล่วงเกินและสร้างกรรมส่วนนี้ เพราะทุกวันนี้อาตมาเองก็รับกรรมในส่วนนั้น อยู่เช่นกันถึงแม้เราจะรู้ธรรมแล้วก็ตาม

  เจริญธรรม ขอให้ทุกท่านมีสติ อย่าสร้างกรรมส่วนนี้ขึ้นมากันนะจ๊ะ

   ;)