พิมพ์

[raponsan]

Floriade 2012 World Horticultural Expo งานสวนดีๆ นานทีมีหน

Floriade 2012 World Horticultural Expo คืองานพืชสวนระดับโลกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งไม่ได้หาชมกันง่ายๆ เพราะสิบปีจึงจะจัดกันครั้งหนึ่ง Trend@home สัปดาห์นี้เลยมามาดูสวนสวยๆ ของที่นี่กัน

ม้านั่งดีไซน์เก๋ที่แทรกตามจุดต่างๆ ในสวน รองเท้าบูตยักษ์ที่ตั้งเด่นเป็นแลนด์มาร์กหน้างาน บรรยากาศป่าในสวน Green Park สถานที่จัดงานอันร่มรื่น

สัญลักษณ์หนึ่งของชุมชนคนรักสีเขียวที่ชวนให้ใครต่อใครต่างหยุดถ่ายรูป คือ ภาพรองเท้าบูตคู่ยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้างาน Floriade 2012 World Horticultural Expo งานพืชสวนระดับโลกของประเทศเนเธอร์แลนด์ซึ่งไม่ได้หาชมกันง่ายๆ เนื่องจากงานนี้จะจัดขึ้นทุก 10 ปี ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 6 (ห่างจากปีแรกที่จัดเมื่อปี ค.ศ.1960 นับได้ 52 ปี) ระหว่างวันที่ 5 เมษายน-7 ตุลาคม 2555 ณ สวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง Venlo

เมืองที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองสีเขียวอันดับต้นๆ ของประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่ง The Netherlands Horticulture Council ผู้จัดงานคงคิดไว้แล้วว่าทำเลที่ตั้งเหมาะกับการดึงนักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและจากยุโรป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเยอรมนี ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองนี้ให้เข้ามาเที่ยวชมงาน

บรรยากาศในงานยังคงคึกคักไปด้วยผู้คนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป มีชาวเอเชียอย่างคนไทยส่งภาษามาให้ได้ยินบ้างประปราย รวมทั้งเด็กนักเรียนที่คุณครูพามาทัศนศึกษาหาความรู้เป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งก็คล้ายๆ กับงานพืชสวนโลกที่จัดที่เชียงใหม่บ้านเรา ธีมของงานในปีนี้หากจะใช้ว่า “Living Nature!” ก็คงไม่ผิดนัก

เพราะจุดประสงค์ของผู้จัดต้องการให้ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของโรงละครแห่งธรรมชาติซึ่งผู้ชมสามารถเข้ามาสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้นสำหรับคนรักธรรมชาติจึงไม่ต้องเกรงว่ามาที่นี่แล้วจะผิดหวัง เพราะด้วยบรรยากาศของสถานที่จัดงานนั้นอยู่ในโซนสีเขียวของสวนสาธารณะ GreenPark

ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่ ร่มรื่นด้วยป่าและต้นไม้น้อยใหญ่ จึงเป็นแหล่งดูนกของคนรักธรรมชาติ บริเวณด้านหน้ามีอาคาร Innovatoren ซึ่งเป็นแหล่งรวมความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมด้านพรรณพืช ตั้งตระหง่านเป็นจุดสังเกต

ภาพรวมที่แตกมาจากธีมของงาน แบ่งเป็น 5 โซนหลัก คือ “World Show Stage” เป็นโซนที่สื่อถึงศิลปะวัฒนธรรมของแต่ละประเทศ มีสวนประจำชาติและพาวิลเลียนต่างๆ ที่จัดโชว์ของดีประจำชาติ ที่เด่นสุดเห็นจะเป็นสีสันของอาคารจากประเทศสเปน ซึ่งดึงผู้สนใจเข้าไปเยี่ยมชมได้เป็นจำนวนมาก และสวนหลังคาของประเทศเบลเยียมที่มีผู้ชมเป็นจำนวนไม่น้อยเดินขึ้นไปดู

ได้เห็นวิธีการปลูกพืชและวางระบบน้ำบนหลังคาเพื่อการดูแลระยะยาว รวมทั้งสวนจีนที่มีพื้นที่ใหญ่กว่าสวนอื่นๆ ภายในสวนก็สื่อถึงศิลปะด้านสถาปัตยกรรมและสวนซึ่งเก็บรายละเอียดได้ดีไม่แพ้กัน “Relax & Heal” โซนนี้เน้นการสร้างแรงบันดาลใจจากธรรมชาติด้วยรูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัส ซึ่งสื่อมาในรูปแบบของสวนที่ให้บรรยากาศสงบชวนพักผ่อน

มีการสร้างพื้นที่ส่วนตัวด้วยผนังแนวตั้ง มีมุมพักผ่อนแสนสบายสำหรับฟังเสียงน้ำ รวมทั้งบางสวนยังนำหลักคิดแบบหยินหยางและเซนมาใช้ร่วมด้วย “Education & Innovation” เป็นโซนที่นำเสนอนวัตกรรมการผลิตพืชผลทางการเกษตรและเมล็ดพันธุ์ปลอดสารพิษแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ขณะที่ “Green Engine” เป็นโซนที่เน้นการรักษาสมดุลระหว่างแนวทางธรรมชาติกับระบบอุตสาหกรรมมีการออกแบบแผงโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยประหยัดพลังงานที่กลมกลืนไปกับการตกแต่งสวน โซนนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Villa Flora เรือนกระจกสองชั้นขนาดใหญ่ที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับไม้ดอกไม้ประดับ และพืชพรรณต่างๆ ที่น่าสนใจในยุโรป เหมาะอย่างยิ่งกับผู้รักการจัดดอกไม้

โซนสำคัญอย่าง “Environment” ก็เน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี โดยจำลองพื้นที่สีเขียวมาไว้ในเมือง เพื่อปรับใช้กับชีวิตประจำวัน ในโซนนี้มีหลายส่วนน่าสนใจ เช่น ผลงานจากประเทศเยอรมนี นอกจากโชว์ดีไซน์ของอาคารและงานไม้แล้ว ด้านนอกยังมีโซนสำหรับเด็ก แปลงไม้ประดับกระถางสีสันสดใส และพื้นที่ ให้เด็กๆ ได้สนุกไปกับการขีดเขียนและเรียนรู้เรื่องพรรณไม้

ประเทศเนเธอร์แลนด์หรือที่หลายคนมักเรียกกันติดปากว่า “ฮอลแลนด์” ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของยุโรปตะวันตกภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่หนึ่งในสี่อยู่ต่ำกว่าระดับทะเล เนเธอร์แลนด์จึงมีประสบการณ์ด้านระบบการจัดการน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย มีเขื่อนและสถานีสูบน้ำจำนวนมาก และมีการผันน้ำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ

ซึ่งภายในงานไม่ลืมที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แทรกไปกับการออกแบบภูมิทัศน์ด้วยเช่นกัน และเป็นอีกโซนหนึ่งที่ได้รับความสนใจในวงกว้างทั้งจากเด็กและผู้ใหญ่ สำหรับผู้ที่คิดอยากชมสวนสวยเก๋เพียงอย่างเดียว งานนี้อาจไม่ใช่เป้าหมายหลัก เพราะภาพรวมมิได้เน้นแต่เฉพาะเรื่องสวนแต่เป็นการโชว์ผลงานนวัตกรรม งานดีไซน์ ตลอดจนวัฒนธรรมประจำชาติซึ่งแสดงออกในรูปแบบต่างๆ

รวมทั้งเน้นการปลุกจิตสำนึกของการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุก คนไม่ควรลืม...ขากลับออกจากงาน เราเดินผ่านรองเท้าบูตยักษ์คู่นั้นอีกครั้ง อดคิดไม่ได้ว่า...วันหนึ่งพลังสีเขียวเหล่านี้จะสามารถเดินเคลื่อนไปพร้อมๆ กับการเกิดใหม่ของนวัตกรรมต่างๆ ได้อย่างสมดุลและยาวนาน

สร้างลูกเล่นให้มุมสวนด้วยการออกแบบประติมากรรมหัวและหางมังกรให้มีระยะห่างต่อเนื่องกัน รวมทั้งเพิ่มความสนุกแบบมีส่วนร่วม โดยมังกรจะพ่นไฟได้หากผู้เข้าชมหยอดเหรียญ

ขอบคุณบ้านและสวน ฉบับเดือนสิงหาคม
คอลัมน์ สวนสวย
www.baanlaesuan.com
ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/life/284224