ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำบุญอย่างไร เพื่อให้เกิดปัญญา  (อ่าน 4652 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ทำบุญอย่างไร เพื่อให้เกิดปัญญา
« เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 09:22:53 pm »
0
ทำบุญอย่างไรเพื่อให้เกิดปัญญา : ดังตฤณ


ถาม – ทราบว่าเคยมีผู้ถวายประทีบแล้วอธิษฐานขอให้มีปัญญา ชาติต่อมาก็ได้มีปัญญาสมใจ แต่ก็มีผู้ถวายมีดโกนแล้วขอให้มีปัญญา ชาติต่อมาก็ได้มีปัญญาสมใจเช่นกันอีก ที่สงสัยคือตกลงถ้าอยากมีปัญญามากควรถวายอะไรกันแน่?

ขอถวายเป็นแค่ตัวตั้งครับ ถวายอะไรจิตก็จับสิ่งนั้นเป็นเครื่องหมายของบุญ ทีนี้ประสงค์ให้บุญบันดาลผลอันใด ผลอันนั้นก็จะปรากฏตามคำอธิษฐาน ส่วนจะช้าหรือเร็ว จะมีคุณสมบัติหรือคุณภาพเพียงใดก็ต้องว่ากันเป็นกรณีไปบุญเป็นสิ่งที่มีพลังในตัวเอง

พอเทียบเคียงได้กับความร้อน เราใช้ความร้อนทำอะไรได้หลายอย่างตามประสงค์ ไม่จำกัดเฉพาะว่าจะต้องเอามาต้มน้ำ เอามาทำให้เสื้อผ้าแห้ง หรือเอามาทำให้อาหารสุก คุณเล็งความร้อนไปที่วัตถุชิ้นไหน วัตถุชิ้นนั้นก็ร้อนขึ้นตามต้องการถ้าหากคุณทำบุญเป็นข้าวของเครื่องใช้

ตั้งต้นด้วยความปรารถนาดี อยากให้ผู้รับได้ใช้ประโยชน์จากของชิ้นนั้นๆ ผลโดยตรงคือจะทำให้เป็นผู้มีรสนิยมดี เกิดชาติหน้าวิบากกรรมจะจัดสรรให้เป็นผู้มีสิทธิ์เกิดในบ้านคนรวย และในชาตินี้เองถ้าทำทานด้วยเจตนาเดิมนี้เป็นประจำ ก็อาจปรับฐานะให้ดีขึ้นพอสบายสมควรแก่อัตภาพได้ (แต่จะไม่ให้ผลใหญ่เท่าตอนล้างไพ่เกิดชาติใหม่)

นอกจากนี้ยังมีอานิสงส์เป็นการลดละความละโมบโลภมาก จิตใจเยือกเย็นลง ได้ความสบายทางใจในปัจจุบันอีกโสด แต่หากคุณทำบุญเป็นข้าวของเครื่องใช้ชิ้น เดียวกันกับข้างต้น มีความยินดีในการให้เปล่า มีความยินดีที่มีผู้ใช้ของของคุณแล้ว

และแถมด้วยการอธิษฐานหวังผลในทางใดทางหนึ่ง ผลของทานก็จะแคบลงมา กล่าวคือไม่ได้ให้ผลแบบเหวี่ยงแหกว้างๆ ทว่าเล็งตรงจำเพาะเจาะจงตามปรารถนา ซึ่งถ้าหากอธิษฐานซ้ำๆจนสั่งสมกำลังบุญมากพอ ก็อาจเกิดผลที่สมน้ำสมเนื้อใน ๓ วันหรือ ๓ ปีได้ ไม่ต้องรอชาติหน้า
 

การทำบุญหวังความมีปัญญา

กลับมาพูดถึงเรื่องของการทำบุญหวังความมีปัญญา ก่อนอื่นต้องมองว่าปัญญาเป็นสมบัติติดตัว เป็นนามธรรม เป็นคุณภาพของจิตอย่างหนึ่ง ซึ่งโดยรวมแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ต้องรอองค์ประกอบมากมายเหมือนข้าวของเงินทอง ภายนอกที่เป็นรูปธรรม เพราะตามธรรมชาติของจิตนั้น ขอเพียงหนักไปในทางกุศลสว่าง ขจัดม่านหมอกความหลงผิด สามารถเห็นอะไรตามจริง ก็เริ่มเกิดปัญญาได้ทันทีแล้ว

ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจ หากทำบุญอย่างสม่ำเสมอแล้วอธิษฐานขอให้สติปัญญาดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ก็มักได้ผลกันในเวลาไม่เนิ่นช้าเกินรอเหมือนอย่างอธิษฐานขอเงินทองคราวนี้มา ดูในคำถาม เกี่ยวกับวัตถุบุญอันเป็นที่ตั้งของการอธิษฐานขอมีปัญญาดี ผมขอแจกแจงรายละเอียดดังนี้

๑) การถวายโคมไฟประดับโบสถ์หรือปักตามทางเดินในวัด
ให้สว่างไสวเห็นทั่ว กำจัดจุดอันตรายอันเกิดจากสัตว์ที่แฝงอยู่ในความมืดนั้น เมื่อทำสำเร็จแล้ว เกิดความยินดีแล้วว่าโบสถ์หรือทางเดินวัดสว่างไสวด้วยทานของคุณ จิตจะจับความสว่างเป็นที่ตั้งของบุญ

ดังนั้นเมื่ออธิษฐานขอให้ได้เป็นผู้มีปัญญาสว่างไสวเช่นนั้น ก็ย่อมสัมฤทธิ์ผลตามปรารถนา มีปัญญาอันสว่างแจ้งเมื่อถวายทานด้วยไฟเป็นประจำ ทำมาก ทำด้วยความเข้าใจ ทำด้วยความยินดีว่าวัดจะสว่างเพราะทานของคุณ กระทั่งถึงจุดที่กำลังบุญใหม่เหนือระดับบุญเก่าทางปัญญา ปัญญาของคุณจะดีขึ้นผิดหูผิดตา เมื่อต้องคิดอ่านแก้ปัญหา จิตจะมีลักษณะของความสว่างแจ้ง ผุดความเข้าใจกระจ่างขณะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ชวนให้คนอื่นรู้สึกมืดมนแปดด้าน


การทำบุญในลักษณะนี้ ขอแนะนำสำหรับผู้รู้สึกตัวว่ามีปัญญาทึบ คือพอจะต้องแก้ปัญหาอะไรแล้วมืดแปดด้านไปหมด หรือคลำหาจุดเริ่มต้นของทางออกไม่ค่อยเจอ หากทำบุญลักษณะนี้ไปตลอดชีวิต เกิดชาติใหม่ปัญญาจะเรืองรอง คือรู้แจ้งได้ไม่ติดขัด ไม่มีปัญหาอันเป็นมุมมืด หรือยากจะมีจุดอับที่จิตส่องสว่างเข้าไปไม่ถึง นอกจากนั้น ผลของปัญญาที่เกิดจากบุญประเภทนี้มักเป็นไปในทางนุ่มนวล ประนีประนอม ไม่ชอบใช้วิธีแก้ปัญหาแบบหักด้ามพร้าด้วยเข่าอีกด้วย

๒) การถวายมีดโกน เพื่อให้พระโกนศีรษะปลงผม
คิดเกื้อกูลให้พวกท่านโกนหนวดเคราอันเป็นสภาพรกเรื้อดูไม่สบายตา เมื่อเกิดความยินดีว่าพระภิกษุสงฆ์จะได้กำจัดความรุงรังทางกายออกจนเกลี้ยง เกลาโดยง่ายด้วยมีดโกนอันคมกริบของคุณแล้ว จิตจะจับความคมกริบของใบมีดเป็นที่ตั้งของบุญ

ดังนั้นเมื่ออธิษฐานขอให้ได้เป็นผู้มีปัญญาคมกล้าเช่นนั้น ก็ย่อมสัมฤทธิ์ผลตามปรารถนา มีปัญญาอันคมกล้าเมื่อถวายทานด้วยมีดโกนเป็นประจำ ทำมาก ทำด้วยความเข้าใจ ทำด้วยความยินดีว่าพระท่านจะมีรูปศีรษะเกลี้ยงเกลาตามพระวินัยเพราะทานของคุณ กระทั่งถึงจุดที่กำลังบุญใหม่เหนือระดับบุญเก่าทางปัญญา ปัญญาของคุณจะดีขึ้นผิดหูผิดตา พอต้องคิดแก้ปัญหา จิตจะมีลักษณะของสติสัมปชัญญะคมชัด จับจุดปัญหาได้เร็ว เพ่งเล็งเห็นเป้าที่ต้องตีให้แตกได้ชัดถนัด และสามารถฝ่าฟันปัญหาได้หลายชั้นไม่ติดขัด ขบปัญหาได้แตกเป็นเปลาะๆแบบฉับพลัน หรืออย่างน้อยก็ไม่เนิ่นช้าจนสายเกินการณ์

การทำบุญในลักษณะนี้ขอแนะนำสำหรับ ผู้รู้สึกตัวว่ามีปัญญาทื่อ คือรู้ตัวว่าเฉื่อย ใช้สมองกัดปัญหาไม่ได้ลึก เห็นปัญหาทั้งหลายเป็นของยากเย็นแสนเข็ญไปหมด หากทำบุญลักษณะนี้ไปตลอดชีวิต เกิดชาติใหม่ปัญญาจะคมเหมือนดาบซามูไร คือฟันปัญหาฉับๆขาดเป็นท่อนๆไม่ติดขัด ไม่มีกำแพงปัญหาใดแข็งเกินคมปัญญาของคุณทะลวงผ่าน


ขัดห้องน้ำลดความทะนงตน
อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงของปัญญาที่เกิดจากบุญประเภทนี้มักเป็นไปในทางแข็งกระด้าง เทียบแล้วมีแนวโน้มว่าอัตตาจะแรงกว่าปัญญาประเภทแรก และธรรมดาผู้เกิดมาพร้อมปัญญาคมกล้ามักบ้าบิ่น ทะนงว่าไอคิวสูง ชอบข่มชาวบ้านด้วยความฉลาดพลิกแพลงแห่งตน ตรงนี้ก็สามารถทำบุญเพิ่มเติมเพื่อแก้เคล็ด โดยขออาสาพระขัดห้องน้ำห้องท่าในวัด แล้วอธิษฐานให้ตนเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่ดูถูกดูหมิ่นใครเพราะทะนงในปัญญาอันคมกล้า นี่ก็จะเป็นบุญที่คานกันพอดีไม่ให้เหลิงได้

คำอธิษฐานพลิกแพลงได้
จิตนั้นมีความวิจิตรพิสดารนัก ทำบุญอะไรแล้วอธิษฐานก็จะได้ผลตามทิศทางนั้นๆมากบ้างน้อยบ้างเสมอ คุณจะคิดปรุงแต่งบุญให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างไรก็ได้ เช่นซื้ออาหารอร่อยๆไปให้พ่อแม่หรือผู้ทรงศีลสัตย์กิน

เมื่อเห็นถูกปากพวกท่าน จนคุณเกิดความปลื้มใจในทานของตนดีแล้ว ก็อาจอธิษฐานขอให้มีปัญญาขบคิดปัญหาได้อย่างเอร็ดอร่อย อันนี้ผลอาจได้เป็นผู้เพลินคิดแก้ปัญหา จำพวกเล่นหมากรุกได้นานๆ ยิ่งคิดยิ่งมัน ยิ่งคันสมอง ยิ่งแตกแขนง ใช้สมองได้ไม่รู้เบื่อ เป็นต้น

 

หนังสือธรรมะสุดยอดทานเพื่อหวังปัญญา
ในแง่ของการทำทานด้วยวัตถุเพื่อหวังปัญญา คงไม่มีอะไรเกินถวายหนังสือธรรมะ สร้างห้องสมุดให้วัด แต่จิตคุณต้องจับอยู่ที่เนื้อหาในหนังสือจนปลื้มจริงๆ พูดง่ายๆคือคุณต้องอ่านก่อน ได้ประโยชน์ก่อน แล้วจึงคิดบริจาค แต่ละคนจะเข้าใจธรรมะไม่เหมือนกัน นับถือแนวคำสอนของพระหรือครูบาอาจารย์ต่างกัน

ขอให้เลือกตามที่คุณมีจิตแช่มชื่น และให้แน่ใจว่าหนังสือนั้นนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกที่ตรงจริงๆเถิด (หากไม่แน่ใจ ถวายพระไตรปิฎกฉบับของท่านอาจารย์สุชีพ จะประกันความปลอดภัยสูงสุด หนังสือธรรมะนั้น ถ้าปลื้มผิดๆแล้วเอาไปถวายพระ จะชักนำให้คุณติดอยู่ในแนวทางผิดๆแบบนั้นลึกเกินกว่าจะคะเนถูก)

อยากได้ปัญญาต้องเข้าหาสมณะ(ผู้รู้)
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ความจริงแล้ว คือการทำบุญซึ่งไม่ใช่เหตุแห่งปัญญาโดยตรง เมื่อไม่ใช่เหตุโดยตรงย่อมไม่ให้ผลสม่ำเสมอ ไม่ให้ผลกว้างใหญ่ไพศาลสมบูรณ์แบบ ทางที่ดีขอให้เผื่อทางเลือกสุดท้ายตามคำแนะนำของพระพุทธเจ้าเอาไว้ด้วย

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า บุคคลบางคนในโลกนี้จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม จะได้ชื่อว่าสร้างเหตุแห่งการเป็นผู้มีปัญญามาก ก็เมื่อเข้าไปหาสมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่าอะไรเป็นกุศลอะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ อะไรที่ทำแล้วเป็นโทษ หรือเป็นไปเพื่อต้องทนทุกข์จนสิ้นกาลนาน อะไรที่ทำแล้วเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล หรือเป็นไปเพื่อความสุขจนสิ้นกาลนาน

เมื่อไถ่ถามหรือใฝ่รู้อยู่โดยอาการอย่างนี้ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ฉลาดถามในสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุด เมื่อเผชิญกับปัญหาให้ขบคิด จิตจะมีลักษณะตื่นรู้ตามจริง ทั้งสว่างไสวและคมกริบ เมื่อค้นคิดจะพยายามตัดตรงเข้าสู่แก่นของปัญหาไม่เนิ่นช้า ใช้ใจชั่งตวงวัดเอาได้ว่าทางแก้ไหนมีน้ำหนักผลดีผลเสียมากกว่ากัน นอกจากนั้นยังมีปัญญามากอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ผลุบๆโผล่ๆเอาแน่ไม่ได้เหมือนคนทั่วไป

ปัญญาต้องประกอบด้วยสติ
นอกจากนั้น สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรอผลยาวไกลถึงชาติหน้า พระพุทธองค์ยังตรัสเหตุที่จะก่อให้เกิดผลเป็นปัญญาในปัจจุบัน คือการพยายามตั้งสติระลึกรู้ความเป็นไปต่างๆในร่างกายอยู่เสมอๆ นับตั้งแต่ดูว่าลมหายใจกำลังเข้าหรือออก กำลังยาวหรือว่าสั้น ดูไปๆจนกระทั่งเห็นชัดล่วงเข้าไปถึงกิริยาท่าทางต่างๆ ว่ากำลังนั่งเดินยืนนอนด้วยลักษณะอย่างไร

และในแต่ละขณะรู้สึกเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ สงบหรือฟุ้งซ่าน ดูเป็นตอนๆไปเรื่อยๆโดยไม่ปล่อยให้จิตเสียกำลังสติไปในเรื่องฟุ้งซ่านมั่ว ซั่วทั้งหลาย ในที่สุดก็จะเกิดปัญญาชนิดพิเศษ เห็นแจ้งว่ากายไม่น่ายึดมั่นถือมั่นผู้ฝึกสติดังกล่าวนี้

เมื่อเผชิญปัญหา จิตจะมีลักษณะของการรู้แจ้งแทงตลอด ประกอบด้วยกำลังสติสัมปชัญญะเกินสามัญมนุษย์ คือถึงขั้นแก้ปัญหาได้ด้วยญาณหยั่งรู้ลึกซึ้ง ผิดแผกแตกต่างจากธรรมชาติของการคิดนึกธรรมดา คนอื่นใช้เวลาเป็นชั่วโมง ผู้ทรงสติสัมปชัญญะตามแนวทางพระพุทธเจ้าอาจใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวก็ได้คำตอบออกมาแล้ว


อะไรคือฉลาดอย่างประเสริฐสุด
อันที่จริงการฝึกฝนให้เกิดปัญญานั้น จะอาศัยกลวิธีแบบโลกๆก็ได้ ไม่ใช่ว่าจะต้องประกอบการอันเป็นบุญกุศลในขอบเขตของพุทธศาสนาอย่างเดียว เพียงแต่ความฉลาดหรือไอคิวที่เกิดขึ้นโดยปราศจากบุญในพุทธศาสนารองรับนั้น ไม่มีอะไรเป็นประกันว่าส่งขึ้นฟ้าหรือผลักลงเหว โน้มเอียงไปก่อกรรมทำชั่วหรือสร้างคุณประโยชน์ให้แก่โลก เอาความมีใจบุญเป็นฐานหล่อเลี้ยงความฉลาดนั่นแหละครับ จะได้ชื่อว่าฉลาดอย่างประเสริฐสุดแล้ว

ที่มา  http://www.agalico.com/board/images/smi ... are034.htm
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ทำบุญอย่างไร เพื่อให้เกิดปัญญา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2010, 03:45:49 pm »
0
สาธุ ครับ    สาธุ :25:
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม