เรื่องทั่วไป > สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน

การทำแท้ง

<< < (3/4) > >>

ธรรมะ ปุจฉา:
คงต้องกลับไปรักแบบมีสติ ไม่งั้นอาจจะเสียสะตัง และเสียสติ 
ขอให้ทุกท่านมีสติอยู่เหนืออารมณ์ :58:

ปักษาวายุ:


ผงะศพเด็กทารก 348 ศพ โผล่กลางโกดังเก็บศพวัดไผ่เงิน  หิ้สัปเหร่อเค้นสอบปริปากรับสารภาพรับจ้างคลินิกเผาทำลาย
   
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 16 พ.ย.พ.ต.ท.ชูศักดิ์ คำทราย สวส.สน.วัพระยาไกร รับแจ้งพบศพเด็กทารกจำนวนมาก ภายในวัดไผ่เงิน โชตินาราม ซอยตรอกจันทน์ 43 แยก 20 ถนนจันทน์ แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ รีบไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สส.น.5 พ.ต.อ.เมธี รักษ์พันธ์ ผกก.นายบัณฑิต สิทะนามสุวรรณ ผอ.สำนักงานเขตบางคอแหลม แพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง

ที่เกิดเหตุบริเวณโกดังเก็บศพหลังวัดชื่อ "ศาลาสันติสุข" แบ่งเป็นช่องเก็บศพ ทั้งด้านหน้าและด้านหลังจำนวน 20 ช่อง จากการตรวจสอบภายในช่องที่ 17 ซึ่งอยู่ชั้นล่างติดกำแพงวัดพบคราบเลือดปนน้ำเหลืองไหลออกมาจำนวนหนึ่ง มีถุงพลาสติกสีฟ้า สีแดง และสีขาว ส่งกลิ่นเหม็นคละคุล้งไปทั่งบริเวณ เมื่อเปิดออกเจ้าหน้าที่ถึงกับผงะ เนื่องจากในถุงแต่ละใบพบชิ้นส่วนอวัยวะทารกสภาพที่เป็นชิ้นเนื้อ,กระโหล กศีรษะ,ถุงรก,กระดูก,ถุงมือยาง,ผ้าอนามัย โดยบางถุงเป็นศพทารกที่มีอายุในครรภ์ประมาณ 6-8เดือน มีอวัยวะครบสมบูรณ์กว่า10 ศพ เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันลำเลียงศพออกมาด้านนอก เพื่อให้แพทย์ และพฐ.ชันสูตร จากการตรวจสอบพบจำนวนถุงพลาสติกใส่ศพประมาณ100 กว่าถุง น่าจะเป็นเศษชิ้นส่วนจากทารกที่ถูกทำแท้งเกือบ 250 ศพ

จากการสอบถามนายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 46 ปี สัปเหร่อวัดดังกล่าว ให้การว่าก่อนเกิดเหตุขณะดูแลความเรียบร้อยบริเวณดังกล่าวพบกลุ่มชาวบ้านยืน จับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ ตนจึงเข้าไปร่วมวงด้วย จึงทราบว่าชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ติดกำแพงวัดด้านหลังได้กลิ่นเหม็นเน่า คล้ายซากศพโชยออกมาจากโกดังเก็บศพ สร้างความเดือดร้อน บางคนผวากลัววิญญาณเร่รอน ขอให้ตนไปช่วยดู และและจัดการให้เรียบร้อย ตนจึงนำเรื่องไปแจ้งกับพระครูวิจิตร สรกุล เจ้าอาวาสวัดไผ่เงิน เมื่อไปตรวจสอบก็พบว่าช่องเก็บศพที่ 17 เปิดแง้มอยู่ เมื่อเปิดออกมาดูก็พบถุงพลาสติก ภายในมีซากศพทารกอยู่เป็นจำนวนมาก จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่  ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่าศพทั้งหมดมาอยู่ในตู้ได้อย่างไร เนื่องจากปกติช่องเก็บศพทั้ง 20 ช่องจะเต็มตลอด และมีการล็อคกุญแจอย่างแน่นหนา

สัปเหร่อวัดที่เกิดเหตุ กล่าวต่อว่า ลูกกุญแจปิดนั้น ญาติของผู้ตายจะเก็บไว้ ส่วนช่องที่ 17 ก่อนหน้านี้มีโลงศพซึ่งเป็นศพเด็กอยู่ด้านใน โดยเก็บมาได้ประมาณ 5 ปีแล้ว ซากศพทารกที่เจอ คนที่เอามาทิ้งคงไม่กลัวบาปกรรม ขอยืนยันว่าตอนแรกที่ทราบเรื่องตนขุดหลุมเตรียมฝั่งทารกทิ้ง แต่เมื่อเห็นสภาพว่าทารกมีจำนวนมากเลยไม่กล้า รีบแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว

ด้านพระทิวา ธรรมชโย พระเลขาธิการวัด กล่าวว่า ปกติโกดังเก็บศพ สัปเหร่อจะเป็นคนจัดการ แต่ถ้าเป็นการบังสกุลโดยญาติโยมมานิมนต์ พระก็จะไปสวดบังสกุลให้ ดังนั้นพระจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโกดังเก็บศพ เหตุกาณณ์ที่พบซากศพทางวัดไม่ทราบที่มาที่ไป ทุกเดือนเม.ย.ทุกปี จะมีพิธีล้างป่าช้า สำหรับศพที่บรรจุอยู่ด้านในโกดังที่ญาติไม่มาติดต่อ ส่วนศพที่ไม่มีญาติมาติดต่อก็จะเก็บไว้เหมือนเดิม ก่อนหน้านี้ในช่องดังกล่าวมีการเก็บศพเด็กที่ยังไม่เผาเอาไว้ คิดว่าซากทารกที่พบน่าจะมีคนนำมาไว้ตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา

พ.ต.ท.ชูศักดิ์  กล่าวว่า จากการสอบปากคำสัปเหร่อและผู้ช่วย ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจ เชื่อ เนื่องจากตรวจสอบพบว่าข้างๆ โกดังเก็บศพพบหลุมกว้าง 1 เมตรกว่า ลึก 1 เมตร เพิ่งขุดใหม่ๆ นายสุเทพอ้างว่าขุดเพื่อนำซากทารกที่พบฝั่ง แต่กลับเปลี่ยนใจเมื่อเห็นศพมีจำนวนมาก

ด้านนายบัณฑิต กล่าวสั้นๆว่า ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด ทั้งนี้ยืนยันว่าในพื้นตนไม่มีการเปิดสถานที่ทำแท้งเถื่อนแน่นอน เชื่อว่าซากศพทารกที่พบน่าจะถูกนำมาทิ้งจากที่อื่น ส่วนการสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดคงต้องให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ

พล.ต.ต.สุเมธ กล่าวว่า เบื้องต้นจะต้องสอบปากคำสัปเหร่อทั้ง 2 คน ว่ามีส่วนรู้เกี่ยวข้องหรือไม่ และจะต้องสอบสวนทางวัดว่ารู้เห็นกับสัปเหร่อด้วยหรือไม่ เนื่องจากศพทารกจำนวนมากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำกันเพียงแค่คนหรือสองคน อีกทั้งจะต้องสอบปากคำเด็กที่ดูแลทางเข้าออกด้านหน้าวัดด้วย เนื่องจากเวลา 21.00น. จะต้องปิดประตูไม่ให้ใครเข้ามาด้านใน ถ้าหากมีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงตัวสัปเหร่อทั้ง 2 คน แล้วยังให้การปฏิเสธ จะมีความผิดฐานปกปิด ซ่อนเร้น ช่วยเหลือผู้กระทำผิด แต่ถ้าให้การเป็นประโยชน์ก็จะกันเอาไว้เป็นพยาน หลังจากนี้จะส่งศพทั้งหมดส่งให้แพทย์และพฐ.ชันสูตรศพอย่างละเอียด และตรวจสอบหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมถึงกำชับฝ่ายสืบสวนให้หาที่มาที่ไปของซากทารกว่ามีที่มาจากที่เดียวกัน หรือไม่ เนื่องจากลักษณะการห่อศพทารกคล้ายกันมาก

ล่าสุดเวลา  18.00 น.หลังจากที่ฝ่ายสืบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่าง ละเอียด สามารถสรุปยอดศพทารกทั้งสิ้น 348 ศพ ขณะที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัวนายสุเทพ สัปเหร่อวัดไผ่เงิน ไปเค้นสอบอย่างหนัก ในที่สุดเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา รับจ้างคลินิกวางแผนครอบครัวในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร 3 แห่ง สน.ยานนาวา อีก 2 แห่ง ให้เดินทางไปรับศพทารกมาทำลายหลักฐาน บางครั้งก็มีเจ้าหน้าที่คลินิกนำมามอบให้ที่วัด แต่เนื่องจากเมรุของวัดวัดเกิดชำรุดมาได้ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ เลยไม่มีที่เผาทำลายต้องเก็บรวบรวมไว้ในช่องเก็บศพหมายเลขที่ 17 ของโกดังดังกล่าว จนศพล้นออกมาทำให้เรื่องแดงขึ้นในที่สุด อย่างไรก็ตามคำให้การของผู้ต้องหายังคลุมเครือ วกไปวนมา เจ้าหน้าที่ต้องรอผลสอบปากคำจากพยานปากสำคัญรายอื่นๆ อีกครั้ง จึงจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ต่อไป
 
ขอบคุณที่มาข่าว

http://www.dailynews.co.th/web/index.cfm?page=content&contentId=104562&categoryID=419

ปักษาวายุ:
Share
เจ้าหน้าที่ถึงผงะเมื่อพบเศษชิ้นส่วนมนุษย์ ก้อนเลือด และกะโหลกอ่อน บรรจุใส่ถุง 250 ถุง รวม 348 ศพ แต่ละศพถูกทิ้งในเวลาต่างกัน สัปเหร่อวัดปฏิเสธลั่น แต่สุดท้ายยอมจำนนสารภาพสิ้น รับเอี่ยวคลินิกทำแท้ง 4-5 แห่ง เอาศพมาเผาทำลาย แต่ตอนหลังเมรุเกิดเสีย เลยต้องเก็บศพไว้จนเน่า เรื่องจึงแดงออกมา

กรุงเทพฯ – วานนี้ (16 พ.ย. 53) เมื่อเวลา 13.30 น. พ.ต.ท.ชูศักดิ์ คำทราย พงส.(สบ2) สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุพบเศษเนื้อมนุษย์อยู่ในถุงพลาสติกจำนวนมาก ทิ้งไว้ในโกดังเก็บศพ ′ศาลาสันติสุข′ หลังวัดไผ่เงินโชตนาราม ซ.จันทน์ 43 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม จึงรายงานผู้บังคับบัญชารับทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมพล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สน.วัดพระยาไกร และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน รวมทั้งแพทย์เวรร.พ.จุฬาลงกรณ์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

 

เมื่อถึงที่เกิดเหตุ บริเวณด้านหลังวัดซึ่งเป็นป่าช้าและโกดังเก็บศพ พบชาวบ้านจำนวนมากมุงดูเหตุการณ์อยู่ จึงเข้าตรวจสอบในโกดัง ซึ่งมีช่องใส่ศพทั้งหมด 20 ช่อง โดยช่องที่ 17 พบคราบน้ำเหลืองไหลเยิ้มมาจากข้างใน เมื่อเปิดออกถึงผงะ เมื่อพบเศษชิ้นเนื้อ ก้อนเนื้อ ก้อนเลือด กะโหลกอ่อนทารก บรรจุในถุงพลาสติกหลากสี จำนวน 250 ถุง ใส่ไว้ถุงละศพ นอกจากนี้ ยังมีเศษชิ้นเนื้อและก้อนเลือดอีกจำนวนมาก นับรวมทั้งหมดได้ 348 ศพ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวล โดยเจ้าหน้าที่ได้เปิดถุงพลาสติกทุกใบ พบชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ในสภาพเน่าเปื่อยมาแล้วหลายเดือน บางถุงเป็นซากศพทารกมีลักษณะสมบูรณ์ อายุในครรภ์ 6-7 เดือน เจ้าหน้าที่จึงเก็บซากทั้งหมดไปตรวจสอบ

จากการสอบสวนนายสุเทพ ชะบางบอน อายุ 46 ปี สัปเหร่อวัดไผ่เงิน ให้การว่า ทำงานเป็นสัปเหร่ออยู่ที่วัดมานาน 7 ปีแล้ว ช่วงเช้ามีชาวบ้านมาบอกกับเจ้าอาวาส ว่าได้กลิ่นเหม็นเหมือนซากศพโชยออกมาจากโกดังเก็บศพ เจ้าอาวาสจึงสั่งให้ตนไปตรวจดู เมื่อไปถึงก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจริงๆ และเหม็นมาก ที่ช่องหมายเลข 17 ซึ่งพบว่ามีกุญแจคล้องเอาไว้เฉยๆ ไม่ได้ล็อค ตนจึงเปิดดู พบว่ามีถุงพลาสติกจำนวนมากวางอยู่ เมื่อแกะออกดูก็พบเศษชิ้นส่วนมนุษย์เต็มไปหมด จึงไปบอกเจ้าอาวาส ตอนแรกเจ้าอาวาสให้ฝัง แต่มีชาวบ้านทักท้วงไว้ ว่าควรแจ้งตำรวจดำเนินการ กระทั่งมีชาวบ้านแจ้งตำรวจในตอนหลัง

พล.ต.ต.สุเมธกล่าวว่า จากการตรวจสอบ พบว่ามีศพเด็กกว่า 300 ศพ สภาพการตายไม่พร้อมกัน มีการนำมาทิ้งในเวลาต่างกัน ซึ่งกรณีนี้ต้องสอบปากคำพยานอีกหลายปาก ว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการศพดูแลโกดังบ้าง เพราะมีสัปเหร่อ 2 คน แต่เบื้องต้นทั้งคู่ยังปฏิเสธ ไม่รู้เห็นอะไร ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะพื้นที่ตรงนี้อยู่ในความรับผิดชอบของทางวัด เบื้องต้นคาดว่าคลินิกทำแท้งนำมาทิ้งไว้ และอาจจะรู้เห็นกับคนในวัด

 

ต่อมาเวลา 20.00 น. พ.ต.อ.สมชาย พัชรอินโต รรท. ผบก.น.5 เดินทางมาสอบปากคำนายสุเทพด้วยตนเอง เนื่องจากไม่เชื่อในคำให้การของนายสุเทพ โดยมีพ.ต.อ.เมธี ร่วมสอบสวน ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น ซึ่งจากการสอบปากคำในครั้งนี้ นายสุเทพยอมให้การรับสารภาพว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา รับการว่าจ้างจากคลินิกวางแผนครอบครัวในพื้นที่สน.วัดพระยาไกร 3 แห่ง และสน.ยานนาวา อีก 2 แห่ง ให้เดินทางไปรับศพทารกมาดำเนินการทำลายหลักฐาน บางครั้งก็จะมีเจ้าหน้าที่ทางคลินิกนำมามอบให้ที่วัด แต่เนื่องจากเมรุของทางวัดเกิดชำรุดมาได้ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ เลยไม่มีที่เผาทำลาย ต้องเก็บรวบรวมไว้ในช่องเก็บศพหมายเลขที่ 17 ของโกดังดังกล่าว จนศพล้นออกมา ทำให้เรื่องแดงขึ้นในที่สุด ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อว่าจะกระทำการเพียงคน เดียว น่าจะมีผู้อื่นร่วมรู้เห็นด้วย และทางเจ้าหน้าที่ต้องรอผลสอบปากคำจากพยานปากสำคัญรายอื่นๆ อีกครั้งจึงจะแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องได้ต่อไป

พ.ต.อ.สมชายเปิดเผยภายหลังสอบปากคำ ว่า ผู้ต้องหารายนี้ให้การเป็นประโยชน์พอสมควร โดยยอมรับว่ามีผู้ดูแลโกดังเก็บศพของทางวัดรู้เห็นด้วย 5 คน ทั้งหมดเป็นฆราวาสที่ทำงานอยู่ในวัด แต่การสอบสวนในเบื้องต้นยังไม่ลงลึกไปถึงขั้นตอนการทำงาน ว่าไปรับศพเด็กจากที่ใด มีการว่าจ้างให้ผลตอบแทนอย่างไร ราคาเท่าไหร่ ทราบแต่เพียงว่ามีคลินิกวางแผนครอบครัวประมาณ 4-5 แห่ง ในท้องที่สน.วัดพระยาไกร และพื้นที่ใกล้เคียงด้วย ซึ่งตนได้สั่งการให้กำลังฝ่ายสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบ เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานเอาไว้หมดแล้ว คาดว่าวันพรุ่งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถเดินทางไปตรวจสอบได้ครบทุก แห่ง

 

“ตำรวจจะพยายามขยายผลไปให้ถึงตัวผู้ต้องหาให้มากที่สุด เนื่องจากมีการทำผิดเป็นขบวนการ และระยะเวลาต่อเนื่องยาวนาน เท่าที่ทราบในตอนนี้ คือเมรุเผาศพของทางวัดชำรุดมานานกว่า 2 เดือน ก่อนหน้านั้นจะมีการนำศพทารกไปเผาทำลายหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนซากศพจำนวน 348 ศพ ที่ส่งไปตรวจพิสูจน์ยังสถาบันนิติเวช ร.พ.จุฬาฯ นั้น เพื่อหาคำตอบว่า ศพใดเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ และมีศพใดบ้างที่คลอดออกมาเป็นทารกแล้วค่อยเสียชีวิต จากนั้นจึงค่อยพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหากับทีมงานสัปเหร่อทั้งหมดว่ากระทำความ ผิดเข้าข่ายกฎหมายใดบ้าง ตั้งแต่ร่วมกันทำแท้งและร่วมกันปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ โดยตนได้มอบหมายให้พ.ต.อ.วราวุธ ทวีชัยการ รอง ผบก.น.5 เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติของพนักงานสอบสวน” พ.ต.อ.สมชายกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนายสุเทพแล้วยังมี นายสุชิน ภูมี อายุ 56 ปี ผู้ช่วยสัปเหร่อ ที่ทำงานกับนายสุเทพร่วมมือด้วย เจ้าหน้าที่จะได้นำตัวมาขยายผลอีกครั้ง

ที่มา : ข่าวสด
ภาพ : www.pohtecktung.org



อ่านต่อได้ที่นี่ด้วยนะละเอียดดี
http://www.pattayadailynews.com/th/2010/11/17/%E0%B8%AA%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%97%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%96%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%B8/

ประสิทธิ์:
โผล่อีก! แม่ใจโหดทำแท้งลูก 7 เดือน โยนทิ้งลงน้ำ
โผล่อีก! แม่ใจโหดทำแท้งลูก7เดือน โยนทิ้งลงน้ำ

แม่ใจโหดทำแท้งลูก 7 เดือนโยนศพลงแม่น้ำตรังหวังให้ลอยหาย แต่ศพดันติดริมแม่น้ำ ด้านตำรวจเตรียมจับแม่เด็กมาดำเนินคดี

พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ซูซัน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งจาก นายโคสิต รัตตมณี อายุ 45 ปีอยู่บ้านเลขที่ 19/2 หมู่ที่ 4 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง ว่า พบศพเด็กทารกลอยมาติดอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำตรัง เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพบเป็นทารกเพศหญิง อายุครรภ์ประมาณ 6-7 เดือน ยาว 1 คืบ หนักประมาณ 4 กรัม คาดถูกทำแท้งมาแล้วไม่เกิน 12 ชม. ลักษณะผิวขาว มีอวัยวะครบสมบูรณ์ทุกส่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า แม่เด็กได้นำศพลูกของตัวเองมาทิ้งในแม่น้ำตรัง หวังเพื่อให้จมหายไป หรือให้ตกเป็นอาหารปลาเพื่อทำลายหลักฐาน แต่ศพกลับลอยมาติดริมแม่น้ำ

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้มอบศพเด็กให้แพทย์โรงพยาบาลตรังตรวจหาดีเอ็นเอ เพื่อติดตามหาแม่เด็กและผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป . -สำนักข่าวไทย

modtanoy31:
เจ็บตัวยังไม่พออันตรายอีกได้ของแถมเป็นบาป+เวรกรรมพร้อม
เราว่าแก้กรรมไม่ได้หรอกแต่อาจผ่อนหนักเป็นเบาได้
เพราะความจริงก็คือ มีเหตุต้องมีผลเสมอไป

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว