พิมพ์

[raponsan]

เจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว ศูนย์รวมแห่งความศรัทธากลางไฟใต้

เจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยวศูนย์รวมแห่งความศรัทธากลางไฟใต้ : ท่องไปในแดนธรรม โดย เรื่อง สุพิชฌาย์ รัตนะ / ภาพ จรูญ ทองนวล

               “มัสยิดกรือเซะ” “วัดช้างให้” และ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” ศาสนสถานอันสำคัญของพี่น้องไทยพุทธ มุสลิม และชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของคน ๓ เชื้อชาติได้เป็นอย่างดี
     
                     ท่ามกลางความไม่สงบได้ส่งผลให้พื้นที่แห่งนี้ต้องเงียบเหงาซบเซาลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็น “วัดช้างให้” ที่ร้างราผู้คนอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว” กลับยังคงมีชาวไทยพุทธเชื้อสายจีนทั้งจากในพื้นที่ภาคใต้ หรือจากภูมิภาคอื่นๆ รวมไปถึงจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง มาเลเซีย และสิงคโปร์ ยังคงแวะเวียนเดินทางมายัง “ศาลเจ้าเล่งจูเกียง” อย่างไม่เคยขาดสาย ทั้งที่ในพื้นที่ยังมีเหตุการณ์ปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่องก็ตาม
     
                     “ผู้ใดศรัทธานับถือ ความศักดิ์สิทธิ์จะเกิดกับบุคคลผู้นั้นเอง” ป้ายภาษาจีนเขียนติดประกาศไว้ที่หน้าศาลเล่งจูเกียง (เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว) ที่ จ.ปัตตานี มีมานานนับร้อยปีมาแล้ว
     
                     เหตุผลสำคัญที่ยังทำให้ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนอาเนาะรู อันเป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลักของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจ้าแม่ทับทิม ที่มีชาวพุทธเชื้อสายจีนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาสักการะชนิดไม่เคยวางเว้น เป็นที่รู้จักและนับถือกันอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวจีนในสิงคโปร์ มาเลเซีย ตลอดจนฮ่องกง ในนามของวีรสตรีผู้มีความกตัญญูเป็นเลิศ มีความเด็ดเดี่ยวในสัจจวาจาเป็นที่ยิ่ง ทำให้วันสมโภชเจ้าแม่จึงมีผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกทิศ เพื่อร่วมพิธีที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่
     
                     ด้วยปัจจัยดังกล่าว ทำให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาคัดเลือก “ศาลเจ้าเล่งจูเกียง” หรือ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว" เป็นศาลเจ้าบริหารงานดีเด่นระดับประเทศ ประเภทศาลเจ้าขนาดใหญ่ ชนะเลิศรางวัลที่ ๑ ในปีล่าสุด เพราะการบริหารจัดการและร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยให้กับผู้มาเยือนตั้งแต่ย่างกรายเข้าสู่เขต จ.ปัตตานี ซึ่งถือเป็นรางวัลที่สร้างความปลาบปลื้มให้ชาวพุทธเชื้อสายจีนในพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
     
                     “ประยูรเดช คณานุรักษ์” ผู้จัดการปกครองศาลเจ้าเล่งจูเกียง ในฐานะผู้บริหารมูลนิธิเทพปูชนียสถาน (เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว) จ.ปัตตานี เปิดเผยถึงเบื้องหลังความสำเร็จที่ทำให้ศาลเจ้าอันเป็นหลักที่พึ่งทางกาย และที่พึ่งทางใจของชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่และต่างถิ่น ซึ่งสามารถยืนหยัดท่ามกลางสถานการณ์ไม่ปกติในพื้นที่ว่า เริ่มต้นจากคนในพื้นที่ต้องมาสักการะและทำพิธีอันเป็นมงคลร่วมกันที่ศาลเจ้าแม่แห่งนี้เป็นประจำทุกวันก่อน เพื่อสะท้อนภาพให้คนภายนอกเห็นว่า เรายังสามารถมีวิถีชีวิตดำเนินไปอย่างปกติได้
     
                     นอกจากการสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยด้วยการทำหน้าที่ดูแลต้อนรับพี่น้องชาวพุทธเชื้อสายจีนที่เดินทางเข้ามาสักการะเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวจะต้องได้รับการดูแลอย่างดี เพื่อให้ได้รับรู้ว่า เดินทางมาที่นี่แล้วยังปลอดภัย ด้วยการดูแลเรื่องเส้นทาง เรื่องที่พัก เรื่องอาหารการกิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คนที่มาแล้วนำไปบอกกล่าวคนอื่น ซึ่งเป็นที่มาของปรากฏการณ์ปากต่อปาก ทำให้วันนี้ “ศาลเจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว” ไม่เคยร้างราผู้มาเยือน
     
                     ประยูรเดช ยังบอกด้วยว่า ขอให้ชาวพุทธเชื้อสายจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาพื้นที่แห่งนี้ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะยืนยันว่า จะขอดูแลเพื่อความมั่นใจอย่างใกล้ชิด และที่สำคัญการเดินทางมายังพื้นที่ชายแดนภาคใต้ เพื่อสักการะศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวนอกจากจะได้รับความสุขกาย สุขใจแล้ว ยังเป็นการเพิ่มกำลังใจให้กับชาวจีนในพื้นที่ ให้มีพลังในการบริหารศาลเจ้าแห่งนี้ให้ยืนหยัดอยู่ได้ตราบนานเท่านานสืบไป ไม่ว่าสถานการณ์ในพื้นที่จะเป็นเช่นไรก็ตาม
     
                     งานประเพณีแห่เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ที่ได้จัดต่อเนื่องกันมาเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว โดยจะจัดขึ้นหลังวันตรุษจีน ๑๕ วัน หรือในวันเพ็ญเดือน ๓ ตามจันทรคติของไทย ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น คือ งานฉลองเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ตรงกับ "วันมาฆบูชา"[/color]

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20120120/120761/เจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยวศูนย์รวมแห่งความศรัทธากลางไฟใต้.html

[winyuchon]

ดูแล้วตะลึง ดีนะคะ ทำไมจึงเดินผ่านกองถ่านไฟกันได้ สิ่งเหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วย ความคิดแต่คงต้องพิสูจน์ได้ด้วย ญาณ