ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมสาระวันนี้ "การทำโยนิโสมนสิการเพื่อให้เกิด ปีติ ปราโมทย์"  (อ่าน 3250 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
      พระสุตตันตปิฎก  สังยุตตนิกาย  สคาถวรรค  [๙.  วนสังยุต]
                 ๑๑.  อโยนิโสมนสิการสูตร

            ๑๑. อโยนิโสมนสิการสูตร
            ว่าด้วยการมนสิการโดยไม่แยบคาย
            [๒๓๑]    สมัยหนึ่ง    ภิกษุรูปหนึ่งอยู่    ณ    ราวป่าแห่งหนึ่ง    แคว้นโกศล    สมัยนั้นท่านพักผ่อนอยู่ในที่พักกลางวัน    ตรึกถึงอกุศลวิตกอันเลวทราม    คือ    กามวิตก(ความตรึกเกี่ยวกับกาม)    พยาบาทวิตก(ความตรึกเกี่ยวกับพยาบาท)    และวิหิงสาวิตก(ความตรึกเกี่ยวกับวิหิงสา)    ครั้งนั้น    เทวดาผู้สิงสถิตอยู่ในราวป่านั้นมีความอนุเคราะห์หวังดีต่อภิกษุนั้น    ประสงค์จะให้ภิกษุนั้นสลดใจ    จึงเข้าไปหาภิกษุนั้นถึงที่อยู่แล้วได้กล่าวกับภิกษุนั้นด้วยคาถาว่า

            ท่านถูกวิตกเกาะกิน    เพราะมนสิการโดยไม่แยบคาย
           ท่านจงละการมนสิการโดยไม่แยบคาย
           และจงใคร่ครวญโดยแยบคายเถิด
             ท่านปรารภพระศาสดา    พระธรรม    พระสงฆ์
            และศีลของตนแล้ว    จะบรรลุความปราโมทย์    ปีติ
            และความสุขโดยไม่ต้องสงสัย
            แต่นั้น    ท่านมากไปด้วยความปราโมทย์
            จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
            ลำดับนั้น    ภิกษุนั้นถูกเทวดาทำให้สลดใจ    เกิดความสลดใจแล้ว
            อโยนิโสมนสิการสูตรที่ ๑๑ จบ






การทำไว้ในใจโดยแยบคาย ก็คือการตรึก ต่อการออกจากกาม ตรึกออกจากพยาบาท ตรึกออกจากการเบียดเบียน การตรึกอย่างนี้เรียกว่า การทำไว้ในใจโดยแยบคายสมควรแก่ธรรม

   การภาวนาคือการทำไว้ในใจโดยแยบคาย หากคิดมากไปก็จะทำให้เราเข้าไปสู่ปริยัติ ข้อศึกษามากในการปฏิบัติจริงคือการที่ท่านทั้งหลายมีความหมั่นภาวนา ที่มีความมุ่งหมายมุ่งตรงต่อการไม่กลับมาเกิดอีกนั่นเอง จัดป็น โยนิโสมนสิการ ทุกขณะดังนั้นขณะที่ท่านภาวนานั้นจึงเป็นไปเพื่อสนับสนุน ปีติ ปราโมทย์ ฉันทะ เพื่อ ธรรมสังเวช คือความสลดใจ จนเห็นจริงว่าควรเบื่อหน่าย คลายกำหนัด นั่นเอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 30, 2012, 07:53:19 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 290

ข้อความบางตอนจาก...

สังคีติสูตร

         วิตกที่ประกอบด้วย    กาม   ชื่อว่า   กามวิตก.     วิตกที่ประกอบด้วยพยาบาท    ชื่อว่า   พยาบาทวิตก.    วิตกที่ประกอบด้วย     วิหิงสา   (ความเบียดเบียน )   ชื่อว่า   วิหิงสาวิตก.  บรรดาวิตกเหล่านี้  วิตก  ๒  อย่าง  ย่อมเกิดขึ้น    ทั้งในสัตว์    ทั้งในสังขาร.     เป็นความจริงที่เมื่อคิดถึงสัตว์ก็ตามสังขารก็ตาม    ที่น่ารักใคร่พอใจ   กามวิตกย่อมเกิดขึ้น.   ตั้งแต่เวลาที่โกรธแล้วมองดูสัตว์ก็ตาม    สังขารก็ตาม  ที่ไม่รักไม่ชอบใจ จนกระทั่ง ( เห็นสัตว์หรือสังขารนั้น)     พินาศไป     พยาบาทวิตกย่อมเกิดขึ้น.   วิหิงสาวิตกย่อมไม่เกิดขึ้นในสังขาร.      เพราะสังขารที่ชื่อว่าควรจะทำให้ถึงความลำบากได้หามีไม่.    แต่วิหิงสาวิตกย่อมเกิดขึ้นในสัตว์ในเวลาที่คิดว่า    สัตว์พวกนี้จงถูกฆ่า  จงขาดสูญไป  จงพินาศไป  หรือว่า  จงอย่าได้มี
 
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

SAWWALUK

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 246
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา สาธุ คะ วันนี้รู้สึกจะสั้นนะคะ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

VongoleX

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 402
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา ครับ แต่รอบนี้รู้สึกจะสั้น นะครับ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ผู้พิทักษ์รุ่นที่ 10 แห่ง Vongole จับมือกับ แก็งค์ อ๊บ อ๊บ