พิมพ์

[raponsan]

10 สิ่งที่ต้องทำในสุโขทัย

เม็ดฝนที่โปรยปรายไม่เพียงสร้างความชุ่มชื้นกับผืนดิน หากแต่ยังทำให้พืชพันธ์ุที่ฝังรากอยู่บนนั้นได้รับอานิสงส์ไปพร้อม ๆ กันด้วย และฤดูกาลแห่งสีเขียวนี้เองเป็นช่วงเวลาที่นาข้าวดูสดชื่นและสดใสที่สุด ก่อนที่จะทยอยออกรวงเมื่อฝนขาดสาย และนั่นคือ ภาพอันงดงามที่ผู้โดยสารของสายการบินบางกอกแอร์เวย์สจะได้สัมผัสก่อนที่ล้อของเครื่องบินแบบเอทีอาร์ 72 จะสัมผัสกับรันเวย์

นาข้าวที่ล้อมรอบสนามบินสุโขทัยอยู่นั้น เป็นพื้นที่ของโครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย ซึ่งเคยได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 8 ประจำปี 2553 ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และเพิ่งรับรางวัล PATA Gold Award 2012 จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2555

ซึ่งผู้ที่มาเยี่ยมเยือนนอกจากจะมีโอกาสได้สัมผัสกับแปลงนาสาธิตแบบใกล้ชิด พร้อมชมพื้นที่เกษตรอินทรีย์ส่วนอื่น ๆ แล้ว ยังจะได้ลิ้มลองอาหารเพื่อสุขภาพที่ปรุงจากผลิตภัณฑ์ออแกนิกซึ่งเป็นผลผลิตจากโครงการด้วย ซึ่งรวมทั้งข้าวหอมสุโขที่ได้รับคัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย ปี 2553 ครั้งที่ 1 ระดับ 5 ดาว ของจังหวัดสุโขทัยด้วย

แต่นอกจากเยี่ยมโครงการเกษตรอินทรีย์แล้ว อาณาจักรแรกของชนชาติไทยเมื่อ 700 ปีที่แล้วอย่างสุโขทัย ชื่อที่หมายถึง รุ่งอรุณแห่งความสุขนั้น ยังมีอีก 10 สิ่งที่มาถึงที่นี่แล้วจะต้องทำ ซึ่ง ททท.สำนักงานสุโขทัยรวบรวมไว้

    ๑. เริ่มต้นด้วยการกราบพระอจนะ พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดใหญ่ อ่อนช้อย งดงาม แสดงออกถึงฝีมือของสกุลช่างสุโขทัยขนานแท้ ประดิษฐานอยู่ที่ “วัดศรีชุม” ตามชื่อของพระพุทธรูปองค์นี้ อจนะ หมายถึง ผู้ที่ไม่หวั่นไหว มั่นคง “ผู้ที่ควรแก่การเคารพกราบไหว้” ใครที่ผ่านมาสุโขทัยแล้วไม่แวะนมัสการพระองค์นี้ อาจถูกกล่าวได้ว่ามาไม่ถึงเมืองสุโขทัย

    ๒. เช่นเดียวกับการแวะไปกราบไหว้อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณนานัปการ “ถ้าไม่มีสุโขทัย คงไม่มีประเทศไทยในทุกวันนี้” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยนั่นเอง

    ๓. แล้วต่อด้วยการเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

    ๔. ซึ่งมีไฮไลต์อยู่ที่การชมพระอาทิตย์ตก ณ “วัดมหาธาตุ” เพื่อชมแสงสีทองสุดท้ายของวันก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินอมม่วง ล้อสลับสีกับโบราณสถานได้อย่างสวยงามจับตา สร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็นเสมอ

    ๕. สักการะพระขพุงผีหรือพระแม่ย่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสุโขทัยอีกสิ่งหนึ่ง ชาวสุโขทัยเชื่อกันว่านี่คือ พระนางเสือง พระมารดาของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระแม่ย่าของพระยาเลอไท หากใครมีเรื่องทุกข์ร้อนให้ไปตั้งจิตอธิษฐานขอความช่วยเหลือจากท่านก็จะได้สมดั่งที่ขอ

    ๖. ขอพรเสร็จแล้วต้องไม่พลาดเมนูเด็ดขึ้นชื่อของจังหวัด นั่นก็คือ “ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย” ก๋วยเตี๋ยวรสชาติอร่อยจัดจ้าน ใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวเหนียวนุ่ม ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวคั้นสดและน้ำปลาแท้ เติมเครื่องให้ครบด้วยถั่วลิสงป่นคั่วใหม่ ๆ และถั่วฝักยาวซอย เป็นสูตรต้นตำรับฉบับดั้งเดิมรสชาติเด็ดอย่าบอกใครเชียว

    ๗. แล้วไปนั่งรถคอกหมู ชื่อที่เรียกขานแต่ไม่ได้เอาไว้บรรทุกหมูหรือทำมาจากคอกหมูแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะลักษณะของรถไม้คันใหญ่สีแดงมีแผ่นไม้ตีแปะด้านข้างเป็นช่องเหมือนคอกหมู เป็นรถโดยสารท้องถิ่นของคนสุโขทัย นอกจากจะมีไว้บริการรับ-ส่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศไปเที่ยวที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. แล้ว รถแบบเดียวกันนี้ยังเป็นรถที่จะรับส่งนักท่องเที่ยวที่อยากไปสัมผัสบรรยากาศย้อนยุคของตลาดริมยม 2437 ที่จะมีทุกวันเสาร์ต้นเดือนด้วย

    ๘. ตลาดริมยม 2437 ตั้งริมแม่น้ำยมในเขตอำเภอกงไกรลาศ ซึ่งนอกจากจะมีตลาดนัดที่เต็มไปด้วยของอร่อยมากมายแล้ว

    ๙. อีกอย่างที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปถึงที่นี่ก็คือ การชิมขนมผิงแง้มประตูขาย ขนมผิงแม่ติ๋มแง้มประตูขาย เป็นเจ้าดั้งเดิมของชุมชนกงไกรลาศ ตลาดเก่าแก่ของจังหวัดสุโขทัย ที่ต้องแง้มประตูขายเพราะว่าขายไม่ทัน ด้วยการใช้กรรมวิธีฉบับดั้งเดิม อบขนมด้วยเตาถ่าน ทำให้ขนมหอมกรุ่น เวลาทานเพียงลิ้นแตะก็ละลาย ให้รสชาติ หวาน มัน ติดใจไม่รู้ลืม

   ๑๐. สิ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาสุโขทัยอีกอย่างก็คือ การปั้นเครื่องสังคโลกซึ่งสุโขทัยยังคงอนุรักษ์ไว้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมการปั้น เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ หรือไม่ก็ปั้นแต่งเครื่องสังคโลกตามแต่จินตนาการ ให้เป็นผลงานชิ้นโบแดง 1 เดียวในโลก ก่อนจะไปแวะซื้อเงิน-ทองโบราณที่ศรีสัชนาลัยที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ลายโบราณไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ร่วมกับจังหวัดสุโขทัยและสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ชวนร่วมกิจกรรม 10 สิ่งที่ต้องทำในสุโขทัย พร้อมเยี่ยมชมโครงการเกษตรอินทรีย์สนามบินสุโขทัย ระหว่างวันที่ 6-8 กันยายน 2556 สอบถามรายละเอียดได้ที่ บีเอฟทราเวล โทร. 09-0465-6623 หรือ 08- 9825-8465 รับจำนวนจำกัดเพียงแค่ 20 ท่านเท่านั้น.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/article/725/220444