สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ซึ้งจนน้ำตาไหล!ความดีของ"แม่ชรา" วัย 83 สุดรันทด เฝ้าดูแลพระลูกชาย 2 รูป ตาบอด-อัมพาตป่วยวัณโรคไม่ห่างกาย มีเงินแค่ 800 บาทต่อเดือน อาศัยข้าวก้นบาตรจากลูกชายไปวัน ๆ

เมื่อวันที่ 29มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ภายในชุมชนไวท์เฮ้าส์ หมู่ 16ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีว่า ที่บ้านเลขที่ 31/649 ซอย 2 ชุมชนไวท์เฮ้าส์ มีแม่วัย 83 ปี ที่แก่ชราดูแลพระภิกษุที่เป็นบุตรชาย 2 รูป ที่มีอาการป่วยจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หลังรับแจ้งจึงลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว สภาพทรุดโทรมอยู่แบบตามมีตามเกิด ภายในบ้านพบนางสาลี่ คงชู อายุ 83 ปี กำลังเช็ดตัวและทำความสะอาดร่างกายให้กับพระเฉลิมชัย กิจวังโส อายุ 44 ปี และพระสมหมาย สิริวังโส อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายทั้ง 2 รูป โดยพระสมหมายมีอาการป่วยด้วยโรคอัมพาต ตาบอด ส่วนพระเฉลิมชัยป่วยเป็นวัณโรคกระดูกทับเส้นมีแผลกดทับที่แผ่นหลังจนเน่าส่งกลิ่นเหม็นต้องใส่ถุงปัสสาวะตลอดเวลา ซึ่งภาพที่เห็นแม่กำลังปรนนิบัติพระลูกชายทั้งสองที่ป่วย ทำเอาผู้ที่พบเห็นถึงกับน้ำตาไหลด้วยความสงสาร


นางสาลี่ เปิดเผยด้วยสีหน้าทุกข์ใจว่า บุตรชายได้บรรพชาตั้งแต่อายุครบกำหนด บวชมาแล้วกว่า 20 พรรษาจำวัดอยู่ที่วัดวิจิตราราม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิจิตร แต่หลังจากปี 2551 บุตรชายทั้งสองคนป่วยพร้อมกันจึงต้องมาจำวัดอยู่ที่บ้านกับตน ด้วยความเป็นแม่จึงต้องดูแลลูกชายทั้งสอง พร้อมกับรักษาบาดแผลมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันรายได้ก็มีเพียงเงินของผู้สูงอายุเดือนละ 800 บาทได้มาก็นำไปซื้อยารักษาแผลกดทับที่หลัง และพาลูกไปรักษาที่ รพ.สงฆ์ ส่วนอาหารการกินมีเพียงข้าวที่ได้จากการปั่นรถจักรยานสามล้อพ่วงข้างออกบิณฑบาตของพระลูกชายนำมาประทังชีวิตคนในครอบครัว ทั้งนี้ตนอยากขอร้องผู้ที่มีต้องการช่วยเหลือสามารถบริจาคทุนทรัพย์ได้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขารังสิต ชื่อบัญชีนางสาลี่ คงชู เลขที่บัญชี 165-421886-4หรือเดินทางมาที่บ้านพักก็ได้จะถือเป็นพระคุณอย่างสูง


ด้านพระสมหมาย กล่าวว่า ที่อาตมา และพระพี่ชายไม่สึก เพราะสามารถใช้สิทธิ์ของพระสงฆ์รักษาอาการบาดเจ็บที่ยังรักษาอยู่ต่อเนื่องได้ หากสึกไปก็จะขาดสิทธิ์หลายอย่าง รวมถึงแม่ก็ต้องลำบากมาขึ้น

บ่ายวันเดียวกัน นางรุ่งทิวา สุดแดน พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดปทุมธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความเป็นอยู่พร้อมกับนำเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น โดยตรวจสอบแล้วพบว่า ผู้ป่วยซึ่งเป็นพระทั้งสองรูปมีสิทธิ์รักษาที่ รพ.สงฆ์ และตามหลักประกันสุขภาพ โดยได้ประสานไปทาง รพ.สงฆ์ ถึงอาการได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมจากที่เคยรักษา และรับยา เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และเตรียมพร้อมในการรักษาอาการบาดเจ็บต่อไป.



ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/regional/331482 (http://www.dailynews.co.th/regional/331482)

นี่แสดงให้เห็นว่า องค์กรสงฆ์ ไม่ได้ดูแล พระที่อาพาธกันเอง นะครับ อันนี้ชัดเจนมาก คือ ถ้าเป็นพระลูกวัดผมได้ยินมาจากวัดใกล้บ้านเรานี่ คือ ไม่ว่าท่านจะมีผลงานช่วยงานวัดขนาดไหนก็ตาม ถ้าป่วยถึงกับขั้นนอนแล้วทำอะไร ไม่ได้แล้ว ก็จะติดต่อเรียกญาตให้มารับตัว โดยให้ลาสิกขาบถ ไปอยู่กับญาติที่ดูแล

    ฟ้งมาแล้วแปลก วัดและพระสงฆ์ ควรจะต้องดูแลกันให้ถึงที่สุด นะครับ หากรูปใดเสียชีวิตสมบัติทุกชิ้นก็เป็นของวัด แต่ทีอย่างนี้ ไล่ลาสิกขาบถ เหมือนหมู เหมือนหมา เป็นวัว เป็นควาย มันแสดงให้เห็นว่า องค์กรสงฆ์จริง ๆ แล้วหา สงฆ์ที่ดีดูแลกันจริง ๆ อย่างที่ว่า แผ่เมตตาไม่ได้

    ดังนั้นผมเลยมองว่า คำสอน พระสงฆ์ปัจจุบันนี้เป็นเพียง คำพูด แต่ไม่สามารถทำได้หรือ ปฏิบัติได้

    น่าช้ำนะครับ ที่เราทราบว่า องค์กรสงฆ์ เป็นอย่างนี้ ....

     st11 st12

อ่านที่คุณ Vongolex แสดงแล้ว ทำไม รพ.สงฆ์ ไม่รับเป็นผู้ป่วยใน ไปเลย สงสัยอยู่เหมือนกัน

 :13: :13: :13:

การวิจารณ์ น่าจะไม่ตรงกับ เจตนา ของผู้โพสต์ นะครับ
 ผู้โพสต์ อาจจะเพียงแค่ ต้องการให้ช่วย พระสองรูปนี้
 แต่ผู้วิจารณ์ ไปแตกเรื่อง ที่คณะสงฆ์ ไม่ช่วยเหลือกัน

  ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง ทั้งสองอย่าง
  แต่ผลที่ได้กับพระสองรูปนี้ เป็นอย่างไร ครับ

  :13: