ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระนันทกเถระ เอตทัคคะในทางผู้ให้โอวาสภิกษุณี  (อ่าน 1656 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

เฉินหลง

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 153
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

พระนันทกเถระ เอตทัคคะในทางผู้ให้โอวาสภิกษุณี

พระนันทกเถระ เกิดในตระกูลพราหมณ์ เมืองสาวัตถี เมื่อเจริญวัยเติบโตขึ้นมาได้มี โอกาสไปฟังพระธรรมเทศนา จากพระบรมศาสดาแล้ว เกิดศรัทธาเลื่อมใส กราบทูล ขออุปสมบท ในพระพุทธศาสนา ตั้งใจบำเพ็ญเพียรเจริญสมณธรรม ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์

ท่านก็เป็นอีกรูปหนึ่ง ที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ ในการระลึกชาติในอดีตของตนเอง และ สัตว์อื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ท่านยังมีความเชี่ยวชาญในการแสดงธรรม แก่พุทธบริษัททั้ง ๔ สามารถ ชี้แจงยกอุปมาอุปไมย อธิบาย จนทำให้ผู้ฟังเข้าใจแจ่มแจ้ง

ท่านเคยแสดงธรรมแก่ภิกษุณี จำนวนถึง ๕๐๐ รูป จนได้บรรลุพระอรหัตผล ณ วัดราชการาม ซึ่งเป็นวัดที่พระเจ้าปเสนทิโกศล สร้างถวายตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ซึ่งในครั้งนั้น ขณะที่พระบรมศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตะวันมหาวิหาร พระ มหาปชาบดีเถรี ได้พาภิกษุณีประมาณ ๕๐๐ รูป มาเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา เพื่อรับฟังพระธรรม เทศนา และพระพุทธองค์ได้ทรงมอบหมายให้พระภิกษุณีเหล่านั้น และในบรรดาภิกษุสาวกเหล่า นั้น ก็มีพระนันทกะรวมอยู่ด้วย

หลีกเลี่ยงแสดงธรรมแก่ภิกษุณี
พระสาวกรูปอื่น ๆ เมื่อถึงวาระของตน ก็ไปแสดงธรรมตามหน้าที่ ด้วยดีทุกองค์ แต่พอ ถึงวาระของพระนันทกะ ท่านไม่ไปแสดงธรรมเอง แต่ให้พระภิกษุรูปอื่น ไปแสดงธรรมแทน เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะท่านระลึกชาติในอดีตได้ว่า “ภิกษุณีเหล่านั้น ในอดีตชาติเคยเป็นบาท จาริกา ข้ารับใช้ของท่านมาก่อน” ดังนั้น ท่านจึงเกรงว่า “ถ้าพระภิกษุพุทธสาวกรูปอื่นที่ สามารถระลึกชาติในอดีตได้ ทราบความแล้ว อาจจะตำหนิท่านว่า ยังมีความผูกพันกับภิกษุณีเหล่า นั้นอยู่ก็ได้”

เรื่องนี้ทรงทราบถึงพระบรมศาสดา จึงทรงมีพระบัญชารับสั่งด้วยพระองค์เอง ให้พระนันทกะ ไปแสดงธรรมแก่นางภิกษุณีเหล่านั้น ท่านไม่อาจจะขัดพระบัญชาได้ จึงต้องไป เมื่อถึงวาระของตน

ท่านแสดงธรรม ว่าด้วยเรื่องอายตนะภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และอายตนะภาย นอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ เมื่ออายตนะภายนอกสัมผัสกันแล้ว ทำให้ เกิดเวทนา ถ้าชอบใจ ก็เกิดสุขเวทนา ถ้าไม่ชอบใจ ก็เกิดทุกขเวทนา ถ้าไม่เกิดความรู้สึกชอบใจ หรือไม่ชอบใจ ก็เป็นอุเบกขาเวทนา ท่านได้ชี้แจงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านั้น ไม่เที่ยงแท้ ย่อมผันแปร เปลี่ยนไป ไม่มีตัวตนที่ควรจะยึดถือได้

ท่านพระนันทกะ ได้แสดงธรรมแก่ภิกษุณีเหล่านั้นในวันแรก ภิกษุณีทั้งหลาย ได้บรรลุ เป็นพระโสดาบัน พากันชื่นชมโสมนัสยินดี ในธรรมกถาของท่าน พระบรมศาสดาทราบความนั้น แล้ว จึงรับสั่งให้ท่านไปแสดงธรรมอีกเป็นครั้งที่สอง ซึ่งท่านก็ได้แสดงในเรื่องเดียวกัน เมื่อจบ ลงแล้วนางภิกษุณีเหล่านั้น ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยกันทั้งหมด ด้วยอานิสงส์ ที่สามารถ ควบคุมจิต ให้สงบจากความรักความผูกพันในอดีตชาติได้

ด้วยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องท่าน ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้ง หลาย ในทางผู้ให้โอวาทภิกษุณี

ท่านดำรงอายุสังขาร สมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม :
- ประวัติพระนันทกเถระ หนึ่งในอสีติมหาสาวก (พระมหาสาวก ๘๐)


บันทึกการเข้า