แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - นิรมิต
|
หน้า: [1] 2
|
13
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เอาพระสูตรมาฝากไว้นะ เพื่อพิจารณาว่า อย่างไรคือ พระภิกษุดี
|
เมื่อ: เมษายน 19, 2013, 10:41:16 am
|
เอาพระสูตรมาฝากไว้นะ เพื่อพิจารณาว่า อย่างไรคือ พระภิกษุดี และการได้พบได้เห็นภิกษุดี เป็นผู้มีวิบากอันเลิศ ภิกษุดีอยู่ที่ไหน ควรจะไปดูไปเห็น แม้จะต้องเดินสิ้นหนทางนับด้วยโยชน์ ๆ ถึงกับต้องเอาห่อสะเบียงไปด้วยก็ตาม ตามที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ -----
ภิกษุ ท. ! (เครื่องทำ) ความเป็นสมณะ เป็นอย่างไรเล่า ? อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง, ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ : นี้เรียกว่า(เครื่องทำ) ความเป็นสมณะ.
ภิกษุ ท. ! ประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ : นี้เรียกว่า ประโยชน์แห่งความเป็นสมณะ. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๐/๑๐๒ - ๑๐๔.(อริยสัจจากพระโอษฐ์ หน้า ๔๔)
หรือที่ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=19&A=556&Z=564
|
|
|
21
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ทำไม พวกมด จึงรู้ว่า จะมีฝนตก หรือ ไม่มีฝนตก ครับ
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 08:00:07 am
|
เป็นคำตอบ อย่าง วิทยาศาสตร์ ที่ชัดเจน สมเหตุ สมผล ครับ แต่ อย่างไร เสียก็ให้เป็น ความสามารถของมด เถอะครับ บางอย่าง ก็เป็นความสามารถประจำ สัตว์นั้น อย่างเช่น ไม่ว่า คุณจะวางน้ำตาลไว้ตรงไหน ถ้าไม่ปิดฝาให้สนิท คุณก็จะเห็นได้ ว่า มด บุก ถึง น้ำตาลนั้นแน่ ๆ ไม่เชื่อลองทำดูก็ได้นะครับ วางไว้บนฝ้า ผมรับรองครับว่า มดหาน้ำตาลเจอแน่ นอน ครับ
|
|
|
22
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / <<<๑๐ วิธี "ตื่น" ได้ทุกวัน>>> มาต่อเติม ความสุขกัน ด้วย ปัญญา
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2013, 07:48:25 am
|
<<<๑๐ วิธี "ตื่น" ได้ทุกวัน>>>
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://img.kapook.com
หากความหมายของการ "ตื่น" คือ การมีสติ การรู้ตัว และไม่เผลอหลงไปกับพฤติกรรมหรือความคิดที่เราเคยชิน การเจริญสติในชีวิตประจำวันย่อมเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติ แต่การ "ตื่น" ในชีวิตประจำวันนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก แต่ก็ไม่ได้ยากลำบากจนเกินไปเช่นกัน
จากการพูดคุยกับพี่น้องผู้ปฏิบัติหลายท่าน เราได้รับฟังประสบการณ์ที่แต่ละคนแลกเปลี่ยนว่า มีวิธีการปฏิบัติส่วนตัวในชีวิตประจำวันกันอย่างไรบ้าง เราจึงอดไม่ได้ที่จะนำเสนอกุศโลบายที่แยบคาย และน่าสนุกยิ่งสำหรับนักปฏิบัติในคอลัมน์ครั้งนี้
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.oknation.net ๑. ระฆังแห่งสติในคอมพิวเตอร์
เหมาะมากสำหรับผู้ที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน เมื่อได้ยินเสียงระฆังจากโปรแกรม (เราสามารถตั้งไว้ได้ว่าจะให้ดังทุก ๑๕ นาที หรือทุกชั่วโมง ที่กังวานใส เราก็เพียงหยุดทุกสิ่งที่ทำอยู่ รวมถึงหยุดคิดด้วย แล้วกลับมาอยู่กับลมหายใจแห่งสติสัก ๓ ลมหายใจ แล้วจึงค่อยทำงานต่อ ส่วนใครจะหายใจไปด้วย ยิ้มไปด้วย ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.pharmacy.cmu.ac.th ๒. ระฆังแห่งสติในชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้ที่ไม่ได้อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็สามารถเจริญสติได้ โดยการหาอะไรสักอย่างที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันมาเป็น "ระฆังแห่งสติ" ให้กับตนเอง บางคนใช้เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นก็ตามลมหายใจก่อนรับโทรศัพท์ มีพี่หมอท่านหนึ่งได้แลกเปลี่ยนว่า เพราะการเป็นหมอดมยาในห้องผ่าตัด (วิสัญญีแพทย์) พี่หมอจึงใช้เสียงของเครื่องปั๊มอากาศในห้องผ่าตัดแทนระฆัง เมื่อได้ยินเสียงเครื่องปั๊มอากาศพี่หมอก็กลับมาอยู่กับลมหายใจ แล้วชวนให้ผู้ป่วยกลับมาอยู่กับลมหายใจพร้อมกัน พี่หมอบอกว่านอกจากตัวเองแล้ว ยังสังเกตได้ว่าผู้ป่วยที่เคยกังวล ค่อยๆ หลับไปด้วยความผ่อนคลายยิ่งขึ้นด้วย งานนี้เรียกว่าหนึ่งได้สองกันเลยเชียว
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://sphotos-b.xx.fbcdn.net ๓. ทางเดินแห่งสติ
เราอาจเลือกเส้นทางหนึ่งที่เราต้องเดินในทุกวันให้เป็นทางเดินแห่งสติของเราเอง อาจเป็นทางเดินที่ไม่ไกลนัก เช่น จากที่จอดรถไปห้องทำงาน หรือจากตึกหนึ่งไปสู่อีกตึกหนึ่งหรือบันไดระหว่างชั้นที่เรามักต้องขึ้นลงบ่อยๆ ขอให้เราตั้งใจเอาไว้ว่า ในเส้นทางนี้เราจะเดินอย่างมีสติในทุกย่างก้าว ให้เป็นเส้นทางที่เดินแล้วเราได้ผ่อนคลาย เป็นการเดินที่สร้างรอยยิ้มให้กับเราก็เพียงพอแล้ว
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.inventor.in.th ๔. ไฟแดงคือหยุดอย่างแท้จริง
น้องคนหนึ่งแลกเปลี่ยนว่า แทนที่จะปล่อยความหงุดหงิดไปกับรถติดบนท้องถนน เธอเลือกที่จะใช้ไฟแดงนั้นเป็นอุปกรณ์ทำให้เธอได้กลับมาอยู่กับลมหายใจ และยิ้มให้กับไฟแดงซะเลย ยิ่งติดไฟแดงบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสกลับมาอยู่กับลมหายใจเท่านั้น เธอบอกไว้พร้อมรอยยิ้ม
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://public.bay.livefilestore.com
๕. จักรวาลในจานข้าว
บางคนจะที่ชอบทานก็สามารถยึดเอาเป็นสรณะได้เช่นกัน เพราะยิ่งทานก็ยิ่งมีโอกาสได้พิจารณาอาหารได้มากครั้งเท่านั้น เราได้มีโอกาสฝึกมองอย่างลึกซึ้งว่าอาหารหรือขนมที่อยู่ตรงหน้านั้นมาจากไหนบ้าง มีผู้คนที่ทำงานหนักด้วยความรักความเอาใจใส่อยู่มากมายเพียงใดในอาหารจานนี้ ที่สำคัญเรากำลังจะทานด้วยความรู้สึกอย่างไร เพียงเท่านี้เวลาในการทานอาหารก็กลายเป็นเวลาอันประเสริฐแห่งการปฏิบัติแล้ว
ขอบคุณภาพจาก http://i99.photobucket.com
๖. เพลงพาใจเบิกบาน
หมู่บ้านพลัมมีบทเพลงที่เชื้อเชิญให้กลับมาอยู่กับลมหายใจ กับปัจจุบันขณะ กับตัวเราเอง กับความเบิกบาน มากมาย เวลาที่ขุ่นมัวเราอาจจะฮัมเพลงเหล่านั้นขึ้นมาเบาๆ ซึ่งแม้เพียงแผ่วเบา ดอกไม้ก็สามารถบานขึ้นในใจได้เช่นกัน หรือใครจำเพลงของหมู่บ้านพลัมไม่ได้ อาจเลือกเพลงที่มีความหมายดี ๆ ที่ชอบเป็นการส่วนตัวแทนก็ได้ ไม่ว่ากัน
ขอบคุณภาพจาก http://blog.eduzones.com
๗. ปฏิบัติกับสังฆะ
การดำรงสติในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่การปฏิบัติร่วมกันเป็นหมู่คณะช่วยให้การปฏิบัติง่ายขึ้นได้ เวลาเรายิ้มไม่ค่อยออก พี่น้องข้างหน้าจะส่งยิ้มให้เรายิ้มตอบ เวลาเราไม่ค่อยมีสติ พี่น้องข้างขวาจะปฏิบัติอย่างมีสติให้เราเห็น เวลาเราหลงลืมการปฏิบัติ พี่น้องข้างซ้ายจะปฏิบัติอย่างถูกต้องให้เราได้ทำตาม เวลาเราหมดกำลังใจ พี่น้องข้างหลังจะส่งพลังแห่งสติและความเบิกบานมาเกื้อกูล "สังฆะอยู่รอบตัวเราเพื่อเกื้อกูลกันและกัน ถ้าเป็นไปได้ควรปฏิบัติร่วมกันเป็นสังฆะดีกว่าปฏิบัติเพียงลำพังคนเดียว" หลวงปู่กล่าวเอาไว้เช่นนั้น
ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net
๘. ยิ้มช่วยท่านได้
เพื่อนนักปฏิบัติคนหนึ่งที่แม้จะไม่รู้จักหลวงพี่นิรามิสาเป็นการส่วนตัว แต่เพราะชอบรอยยิ้มอันเบิกบานของหลวงพี่ จึงตัดเอารูปของหลวงพี่จากนิตยสารฉบับหนึ่งเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะ เมื่อหงุดหงิดหรือมีความโกรธขึ้นมา พี่คนนี้ก็จะเปิดลิ้นชักออกมาและพบกับรอยยิ้มของหลวงพี่ ในทันใดก็สามารถสัมผัสถึงรอยยิ้มของหลวงพี่และสามารถยิ้มกลับไปได้ เมื่อรอยยิ้มเกิด ความโกรธก็จากลาไปในขณะเดียวกัน
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://file.siam2web.com
๙. หลวงปู่ช่วยท่านได้
พี่คนหนึ่ง (อักษรย่อ ต.) เป็นคนชอบดื่มเหล้า เมื่อปฏิบัติก็รับศีลและตั้งใจว่าจะลดการดื่มลง เมื่อกลับไปที่บ้าน พี่ ต. นำใบรับศีลที่ได้วางไว้หน้าขวดเหล้าในตู้เพื่อเป็นระฆังสติ เตือนใจยามที่เพื่อนมาที่บ้านแล้วจะสังสรรค์กัน เท่านั้นไม่พอ พี่ ต. ยังนำรูปหลวงปู่ติช นัท ฮันห์ วางไว้หลังใบรับศีล เผื่อว่าวันไหนอดใจไม่ไหว หยิบใบรับศีลออกก็จะยังได้เจอกับหลวงปู่อีกเป็นปราการด่านสุดท้าย และขอรายงานว่า จนถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ ๒ ปี ขวดสุราของ พี่ ต. ยังไม่พร่องไปเลยสักนิด เพราะการปฏิบัติเช่นนี้นี่เอง
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.arip.co.th
๑๐. ...............
สำหรับข้อนี้ขอเว้นว่างเอาไว้ให้คุณผู้อ่านได้เติมวิธีปฏิบัติของตัวเองว่ามีวิธีการ "ตื่น" อย่างไรบ้าง
ขอบคุณเนื้อหาจาก http://www.facebook.com/profile.php?id=100003331947011
|
|
|
25
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ชมภาพ.! วินาทียื้อชีวิต..สาวใหญ่แดนมังกร
|
เมื่อ: สิงหาคม 22, 2012, 05:52:22 pm
|
การช่วย เป็นการแสดงให้เห็น ถึงมนุษยธรรม ของโลกไม่ว่า จะเลวจะชั่ว อย่างไร ถ้าเห็นคนกำลังตายต่อหน้า ก็ต้องพยายามช่วยเหลือกันก่อน เป็นสูตรของมนุษย์ ส่วนการประหารชีวิต เป็นการลงโทษให้เป็นตัวอย่างในสังคม เพื่อที่ใครจะอะไรแบบนี้จะได้ยั้งคิด ยั้งทำไว้ได้ สรุป แม้จะต้องตายเหมือนกัน แต่ การตายด้วยประหารชีวิต ไม่เป็นบาป เพราะการฆ่าตัวตายเป็นบาป คนอื่นประหารให้เพราะเหตุต่าง ๆ ก็เป็นบาปของคนอื่น เป็นกรรมของผู้ก่อที่ส่งผล
|
|
|
31
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ปฏิบัติภาวนากรรมฐาน ทำไม่ โชคไม่ดี อย่างที่เพื่อนชวนและบอกไว้คะ
|
เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2012, 12:10:57 pm
|
โชคดี หรือ ไม่ดี นั้นอยู่ที่กรรมและจังหวะครับ เมื่อโชคไม่ดีมาก่อน แสดวงว่าโชคดี ก็จะตามมาหลังโชคไม่ดี อะไรคือ โชคดี ได้ลาภ ได้ยศ สุข สรรเสริญ เบ็ดเตล็ด ก็คือ สมหวัง อยากได้ก็ได้ อยากมีก็มี อยากเป็นก็เป็น โชคดีมาจากการสั่งสมกุศล ต้องดูว่าเราขากการสั่งสมกุศล อะไร จะได้เติมเต็มกุศลส่วนนั้นครับ เช่น อยากได้ลาภ ก็ต้อง ให้ทานบ้างครับ ไม่สละ หรือ ให้ทาน จะได้ลาภ ได้อย่างไร อยากปลอดภัย ก็ต้อง ให้ชีวิตเป็นทานบ้างครับ ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ช่วยเหลือคนตกทุกขืได้ยาก อย่างนี้ครับ อยากมีปัญญา ก็สร้างธรรมทาน ให้มากขึ้น อยากพ้นสังสารวัฏ ก็ต้องภาวนากรรมฐาน เห็นหรือไม่ครับ ความโชคดี อยู่ที่เหตุด้วย ไม่เหมารวม หรือ เปลี่ยนเหตุปัจจัย ละก็ได้แน่ ๆ ครับ
|
|
|
33
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระสร้อย "บิณฑบาตกับต้นมะฮอกกานี"
|
เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2012, 12:14:11 pm
|
เคยได้ยินเรื่องนี้ มานานแล้ว นะครับ สมัยก่อนพระธุดงค์ ท่านเดินบิณฑบาตรไม่ได้ ท่านจะไปยืน อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และอธิษฐานจิต เปิดฝาบาตรรอด้วยการหลับตาอยู่ตรงนั้น ถ้าบาตรเริ่มหนักเหมือนมีข้าวอยู่ก็ให้ปิดฝาบาตร และกลับไปเพื่อนั่งฉัน โดยมีข้อแม้ว่า เวลาเปิดบาตรฉัน ห้ามมอง ห้ามดู ให้ใช้ช้อนหรือ ควักฉันไปเรื่อย หลวงปู่ หลวงตา เล่าว่า เป็นอาหารทิพย์ ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด ฟังเล่ามาก็เล่าต่อครับ
|
|
|
36
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เคล็ดนั่งกรรมฐานได้นาน ๆ ( นำมาฝาก )
|
เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2012, 06:57:57 pm
|
ท่าที่ 1 นั่งซ้อนขา ซ้อนมือ มาตรฐาน ท่านี้มาตรฐาน ปทุมะสยานะ อาการนั่ง ถ้าอยู่ที่บ้านของท่านตามลำพัง ท่านจะนั่งอย่างไรก็ได้ตามสบาย จะนั่งขัดสมาธินั่งพับเพียบ นั่งห้อยเท้าบนเก้าอี้ หรือ นอน ยืน เดิน ตามแต่ท่านจะสบาย ทั้งนี้หมายถึงหลังจากที่ท่านบูชาพระแล้ว เสร็จแล้วก็เริ่มกำหนดรู้ลมหายใจเข้า และหายใจออก คำว่า กำหนดรู้ คือหายใจเข้าก็รู้หายใจออกก็รู้ ถ้าต้องการให้ดีมาก ก็ให้สังเกตด้วยว่าหายใจเข้ายาวหรือสั้น หายใจออกยาวหรือสั้นขณะที่รู้ลมหายใจนี้ และเวลานั้นจิตใจไม่คิดถึงเรื่องอื่นๆ เข้าแทรกแซง ก็ถือว่าท่านมีสมาธิแล้ว การทรงอารมณ์รู้เฉพาะลมหายใจเข้าออก โดยที่อารมณ์อื่นไม่แทรกแซง คือไม่คิดเรื่องอื่นในเวลานั้น จะมีเวลามากหรือน้อยก็ตาม ชื่อว่าท่านมีสมาธิแล้ว คือตั้งใจรู้ลมหายใจโดยเฉพาะ ท่าที่ 2 ท่านั่งจับเข่า พีระมิดสยานะ เปรียบเทียบ ระหว่าง ท่านั่ง ปทุมะสยานะ ( ผู้หญิง ) กับ โยคะสยานะ ( ผู้ชาย ) คิดเอาเองว่า ท่าไหนจะอึดกว่ากัน นะจ๊ะ ท่าปทุมะสยานะ ท่านั่งดี ๆ สามารถนั่งได้ทนตามสภาพร่างกายของผู้ปฏิบัติ ประมาณ 1 ชมสบาย ๆ ท่านั่งขัดสมาธิเพชร วัชรสยานะ เพื่อน ๆ คงพอเห็นภาพกันนะจ๊ะ
|
|
|
37
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ธรรมสาระวันนี้ "มาทำความเข้าใจ กับ วิตก เพื่อ อธิจิต ตั้งนิมิต ที่เป็นกุศล"
|
เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 10:34:54 am
|
ธรรมสาระนี้ น่าจะเป็นตอนล่าสุด ใช่หรือไม่ครับ ? ผมขอแสดงความเห็นว่า พระอาจารย์ นาน ๆ ออกก็ได้นะครับ สักอาทิตย์ออกสักเรื่องนะครับ เพราะช่วงหลังที่พระอาจารย์ออกบทความมานั้น ต้องอ่านกันเป็นอาทิตย์นะครับ ไม่ใช่ว่าบทความยาวนะครับ แต่ว่าเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมากครับ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ คนทั่วไปจะเข้าใจได้ง่าย ๆ เท่าที่สังเกตเองในทีมมัชฌิมา ยังไม่กล้าแสดงความเห็นเลยครับ เพราะเกรงว่า จะผิดพลาดดังนั้นคนทั่วไปที่อ่านแล้ว จะเข้าใจ และแสดงความเห็นกันโดยตรงนั้น น่าจะเป็นไปได้ยากครับ แต่สำหรับผมก็คิดว่ามีประโยชน์ เหมือนได้ถูกสอบความเข้าใจที่ผ่านมาด้วยครับ ยิ่งพระอาจารย์นำเรือ่งที่ไม่เคยคิดหรือได้ยินมาก่อน มาแสดงให้เห็นแสดงให้เห็นว่า ภูมิธรรมผมยังอ่อนอยู่จริง ๆ นะครับ สาธุ กับบทความแนะนำที่ดี ครับ
|
|
|
39
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: ชมภาพ พุทธชยันตี-วิสาขสัญจร ๔ มิ.ย.๕๕ ตอนที่ ๓. สามสถาน
|
เมื่อ: มิถุนายน 06, 2012, 02:58:39 pm
|
ผมมาสนามหลวงโดยตั้งใจจะทำอยู่สามสิ่ง คือ เวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุ มาดูองค์ดำนาลันทา และสุดท้ายคือ มาบริจาคเงินเข้าโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติฯ และผมก็ทำไ้ด้ครบทั้งสามสิ่ง ตามที่ปรารถนา แต่ทำด้วยจิตที่ไม่ผ่องใสนัก เพราะมาถึงสนามหลวงตอนที่ เจ้าหน้าที่ได้ประกาศปิดบริเวณรอบพระบรมสารีริกธาตุแล้ว แต่ผมก็ดื้อเข้าไปทำประทักษิณา ต้องรีบเดินครับ จิตเลยไม่ค่อยตั้งมั่น รูปก็ไม่ได้ถ่าย เพราะเหลือแต่กล้องมือถือเก่าๆ ไม่ค่อยกล้าถ่าย กลัวแบตมือถือจะหมด ทริปนี้อุปสรรคเยอะครับ อนุโมทนา ด้วยครับ เจตนา เป็นตัวกรรม อย่างน้อยก็ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ สาธุ สาธุ สาธุ
|
|
|
|