เรื่องทั่วไป > สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน

การทำแท้ง

(1/4) > >>

saithong:
เมื่อก่อนจะเข้า ซัมเมอร์ มานี้ดิฉัน ต้องไปช่วย ลูกศิษย์หญิง คนหนึ่งซึ่งประสพปัญหาในการเรียน

คือมี ความรัก กับ ชายหนุ่มเพื่อนเรียนด้วยกัน ปรากฏว่าถึงขั้นตั้งครรภ์อ่อน ๆ เป็นเวลา 3 เดือน
เด็กคนนี้ได้ไป กับแฟนเขาเพื่อทำแท้ง เพราะเกรงทางบ้านรู้เรื่อง และทางฝ่ายปกครองการเรียนรู้เรื่อง
แต่ความก็แตก จนดิฉันรู้เรื่อง เพราะผลจากการทำแท้ง ทำให้เธอต้องเสียเลือดอยู่ตลอดเวลา

สุดท้ายทางบ้านก็ทราบเรื่อง ทางฝ่ายการศึกษาก็รู้เรื่อง

ซึ่งส่วนตัวดิฉัน แล้วก็พยายามจะช่วย เพื่อไม่ให้เธอโดน รีไทร์ ( เป็นห่วงอนาคตลูกศิษย์ )

ปัญหาแบบนี้ ในสถานศึกษาระดับ อุดมศึกษา มีมาก ๆๆๆ ซึ่งดิฉัน ต้องพบเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่าปีละ 5 คนที่มีปัญหาป้องกันไม่ได้

========================================
รบกวน เพื่อนสมาชิก หรืิอ คุณปุ้ม ช่วยโพสต์เรื่อง
กรรมของการทำแท้ง หน่อยนะคะ
 ;)

========================================

raponsan:
ปัญหาการทำแท้ง
การทำแท้ง
          ความหมายของการแท้ง
          การแท้ง  หมายถึงการสิ้นสุดของการตั้งครรภ์ก่อนที่เด็กจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้นอก ครรภ์มารดาเท่าที่องค์การอนามัยโลกใช้กันมาแต่เดิม ถือเอาการสิ้นสุดของการตั้งครรภ์ก่อนอายุครรภ์ ๒๘ สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เด็กยังหนักไม่ถึง ๑,๐๐๐ กรัม

          ในระยะหลังนี้ประเทศที่พัฒนาแล้วมีความก้าวหน้าทางการแพทย์มาก จนสามารถจะเลี้ยงดูเด็กที่น้ำหนักแรกคลอดต่ำกว่า ๑,๐๐๐ กรัม ให้รอดชีวิตได้เป็นส่วนใหญ่ ประเทศเหล่านั้นจึงเปลี่ยนนิยามของการแท้งใหม่ โดยถือว่าการแท้งเป็นการสิ้นสุดของการตั้งครรภ์เมื่ออายุครรภ์ต่ำกว่า ๒๐ สัปดาห์ หรือเมื่อเด็กมีน้ำหนักต่ำกว่า ๕๐๐ กรัม สำหรับในประเทศไทยยังไม่ก้าวหน้าถึงเพียงนั้น จึงพากันใช้คำนิยามเดิมไปก่อน

          การแท้งอาจแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ ๒ กลุ่ม  คือ

          ๑. การแท้งเอง หมายถึงการแท้งที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่จงใจจะให้เกิดการแท้ง ถือเป็นความล้มเหลวของการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ สาเหตุของการแท้งเองอาจจะเกิดได้จาก
               ก. ความบกพร่องของไข่ที่ผสมแล้ว หรือตัวอ่อน พวกนี้จะแท้งตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ใหม่ๆไปจนถึงอายุครรภ์ไม่เกิน ๑๒ สัปดาห์
               ข. ความบกพร่องทางด้านมารดา เช่น มดลูกพิการ   ปากมดลูกปิดไม่ดี   โรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคไต โรคเลือด การแท้งจากสาเหตุนี้จะเกิดขึ้นเมื่ออายุครรภ์มากเกิน ๑๒ สัปดาห์ขึ้นไป
          จากการสำรวจผู้ป่วยแท้งเอง แพทย์ยังไม่พบสาเหตุชัดเจน สำหรับตัวผู้ป่วยเองนั้น มักจะคิดว่าการกระทบกระเทือนเป็นสาเหตุของการแท้ง
          ๒. การทำแท้ง หมายถึง กระทำเพื่อให้เกิดการแท้ง แบ่งเป็น
               ก. การทำแท้งเพื่อการรักษา หมายถึง การทำแท้งในกรณีที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ กฎหมายระบุไว้ชัดเจนว่า แพทย์สามารถจะทำแท้งได้ในกรณีต่อไปนี้
               (๑) เมื่อพิจารณาเห็นว่าหากปล่อยให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปจะเป็นอันตรายร้าย แรงต่อชีวิตสุขภาพของมารดา เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคเลือด โรคไตบางชนิด
               (๒)  มารดาที่เป็นโรคจิตอยู่ก่อนการตั้งครรภ์ หรือเป็นโรคจิตขณะตั้งครรภ์
               (๓) การตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นจากการข่มขืนกระทำชำเราในผู้เยาว์ต่ำกว่า ๑๕ ปี  โดยทั่วไป แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินว่ารายใดควรจะทำแท้งให้ แม้ว่าจะมีเหตุผลถูกต้องตามกฎหมายแพทย์ก็ยังจะต้องพิจารณาดูถึงผลได้และผล เสียของการทำแท้งในแต่ละรายด้วย อาทิเช่น เด็กอายุ ๑๓ ขวบถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์ ถึงแม้จะมีหลักฐานชัดเจน แต่ได้ปล่อยปละละเลยทิ้งไว้จนอายุครรภ์ ๖ เดือน กรณีนี้การทำแท้งก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าการปล่อยให้ตั้งครรภ์ต่อไป
          อาจจะเป็นเพราะกฎหมายการทำแท้งค่อนข้างเก่า  หรือเพราะความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการแพทย์ค่อนข้างรวดเร็ว จนสามารถจะให้การวินิจฉัยความพิการบางชนิดของเด็กในท้องได้ แพทย์จึงทำแท้งให้ในกรณีของเด็กพิการ ซึ่งบางรายยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าจะพิการหรือไม่ เช่น กรณีของมารดาติดเชื้อหัดเยอรมัน เพียงขณะตั้งครรภ์อ่อนๆ โอกาสที่เด็กในท้องจะมีความพิการของหัวใจ หูหนวก ตาเป็นต้อ  และสมองพิการในอัตราค่อนข้างสูง  มารดามีความวิตกกังวลว่าเด็กที่ออกมาจะพิการ เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของมารดา และถ้าเด็กออกมามีความพิการจริงก็จะเป็นภาระแก่ครอบครัว สังคม และประเทศชาติต่อไป

ตารางแสดงเหตุผลในการลอบทำแท้งของสตรีที่แต่งงานแล้ว (พ.ศ. ๒๕๑๑-๒๕๒๑)
--------------------------------------------------------------------
เหตุผลในการทำแท้ง         % ของสตรีทั้งหมด (๒,๘๓๐)
--------------------------------------------------------------------
  มีบุตรเพียงพอแล้ว                       ๒๐.๑

  ตั้งครรภ์ถี่เกินไป                             ๑๘.๑

  รายได้ไม่พอ                                 ๒๔.๗

  ครอบครัวแตกแยก                          ๑๕.๗
 
  การตั้งครรภ์ขัดต่องานอาชีพ               ๖.๑

  ไม่มีคนเลี้ยงดูบุตรขณะไปทำงาน          ๐.๗

  เคยคลอดยากมาก                           ๓.๖

  เหตุผลอื่น ๆ                                  ๗.๓

  ไม่ทราบเหตุผล                              ๓.๗
  -----------------------------------------------------------
                                 

          ในเรื่องของโรคจิตนั้น  จิตแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดว่าควรทำแท้งหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อขจัดปัญหาเกี่ยวกับการเป็นโรคจิตจริงหรือโรคจิตปลอมออกไป

               ข. การทำแท้งผิดกฎหมาย หมายถึงการลักลอบทำแท้งโดยบุคคลที่มิใช่แพทย์ ไม่ว่าจะทำโดยเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งการทำแท้งโดยแพทย์ที่ทำนอกเหนือข้อบ่งชี้ที่กฎหมายระบุไว้ เนื่องจากผู้ประกอบการทำแท้งส่วนมากมิใช่แพทย์  และทำแท้งโดยไม่ถูกหลักวิชา   การทำแท้งผิดกฎหมายจึงมักมีอาการแทรกซ้อน และมีอันตรายมากกว่าแท้งเอง หรือแท้งเพื่อการรักษา


การทำแท้ง หรือการยุติตั้งครรภ์เป็นปัญหา ทั้งทางสังคม ทางการแพทย์ และทางกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อน และหลากหลายในประเด็นต่างๆ ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันในวงการต่างๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง. ล่าสุดได้มีข่าวใหญ่ที่ได้มีการจับกุมแพทย์คนหนึ่งสังกัดสำนักงานตำรวจแห่ง ชาติ ในการทำแท้งที่คลินิกส่วนตัว ซึ่งทันทีที่มีการจับกุม แพทยสภาก็ได้ดำเนินการตรวจสอบ และพิจารณาในเรื่องจริยธรรมของแพทย์ ดังกล่าวทันที.

การทำแท้งนั้นสามารถกระทำได้โดยถูกกฎหมาย ในบางกรณีตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติไว้ดังนี้

มาตรา 301 หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูกหรือ ยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา 302 ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอมต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้า การกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอย่างอื่นด้วย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้า การกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงถึงแก่ความตาย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท

มาตรา 305 ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าว ในมาตรา 301 และมาตรา 302 นั้น เป็นการกระทำของนายแพทย์และ
(1) จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากสุขภาพของ หญิงนั้น หรือ
(2) หญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดอาญาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 276 มาตรา 277 มาตรา 282 มาตรา 283 หรือมาตรา 284
ผู้กระทำไม่มีความผิด

ขณะ นี้มีร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 305 ที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำลังรอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรอยู่ โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมให้แพทย์สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้เพิ่มจากเดิมอีก โดยได้บัญญัติให้ชัดเจนว่า สามารถกระทำได้เพื่อสุขภาพจิตของมารดา และ เพื่อสุขภาพของทารกในครรภ์ด้วยซึ่งเป็นกรณีที่หลายๆฝ่ายเห็นว่า ควรได้รับการยกเว้นให้กระทำได้ เพราะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วย ซึ่งเป็นหญิงที่ตั้งครรภ์แล้วมีปัญหา แต่ขณะที่กำลังรอร่างกฎหมายฉบับนี้อยู่ แพทยสภาก็ได้มีข้อบังคับของแพทยสภาในเรื่องการยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วดังนี้


ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การ ปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์

ตาม มาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2548
อาศัย อำนาจตามความในมาตรา 21 (3) (ฎ) และด้วยความเห็นชอบของสภานายกพิเศษตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 อันเป็นพระราชบัญญัติที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและ เสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการแพทยสภาออกข้อบังคับ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า "ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติ เกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2548"Ž

ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็น ต้นไป

ข้อ 3 การยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น จะกระทำได้เมื่อหญิงตั้งครรภ์นั้นยินยอม

ข้อ 4 แพทย์ผู้กระทำการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ตามข้อบังคับนี้ต้องเป็นผู้ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมาย

ข้อ 5 การยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ตามมาตรา 305 (1) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ให้เป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้
(1) เป็นกรณีที่จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากปัญหาสุขภาพทางกายของหญิงตั้งครรภ์ หรือ
(2) เป็นกรณีที่จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากปัญหาสุขภาพทางจิตของหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งจะต้องได้รับการรับรอง หรือเห็นชอบจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่มิใช่ผู้กระทำการยุติการตั้งครรภ์ อย่างน้อยหนึ่งคน

ในกรณีที่หญิงนั้นมีความเครียดอย่างรุนแรง เนื่องจากพบว่าทารกในครรภ์ มีหรือมีความเสี่ยงสูงที่จะมีความพิการอย่างรุนแรง หรือเป็นหรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคพันธุกรรมอย่างรุนแรง เมื่อหญิงนั้นได้รับการตรวจวินิจฉัยและการปรึกษาแนะนำทางพันธุศาสตร์ (Genetic counseling) และมีการลงนามรับรองในเรื่องดังกล่าวข้างต้นโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ มิใช่ผู้กระทำการยุติการตั้งครรภ์อย่างน้อยหนึ่งคน ให้ถือว่าหญิงตั้งครรภ์นั้นมีปัญหาสุขภาพจิตตาม (2)
ทั้งนี้ต้องมีข้อบ่ง ชี้ทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่าหญิงนั้นมีปัญหาสุขภาพทางกายหรือทางจิต และต้องมีการบันทึกการตรวจและวินิจฉัยโรคไว้ในเวชระเบียนเพื่อเป็นหลักฐาน

ข้อ 6 การยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ตามมาตรา 305 (2) แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น ต้องมีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงอันควรเชื่อได้ว่า หญิงตั้งครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดอาญาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 305 (2) แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ข้อ 7 การยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ตามข้อ 5 และข้อ 6 ต้องกระทำในสถานพยาบาลดังต่อไปนี้
(1) โรงพยาบาลหรือหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน หรือสถานพยาบาลเวชกรรมที่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืนตามกฎหมายว่าด้วยสถาน พยาบาล ทั้งนี้โดยสามารถปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ได้ตามความ เหมาะสม
(2) คลินิกเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล โดยสามารถปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ที่อายุครรภ์ไม่ เกินสิบสองสัปดาห์

ข้อ 8 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ ตามข้อบังคับนี้จะต้องทำรายงานเสนอต่อแพทยสภา ตามเงื่อนไขและระยะเวลาในแบบฟอร์มที่แพทยสภากำหนด

ข้อ 9 ในกรณีที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้กระทำการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้ ให้ถือว่าผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมผู้นั้นประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่รักษา มาตรฐานในระดับที่ดีที่สุด

ข้อ 10 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ ตามข้อบังคับนี้ ให้ถือว่าได้กระทำตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา


ผลจากการปราบคลินิกทำแท้ง : ความจริงที่สังคมไม่ยอมรับ

         ปัญหาการทำแท้งเถื่อนยังคงเป็นปัญหา สาธารณสุขสำคัญลำดับต้นๆ ของสังคมไทยเสมอมา เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว คอลัมน์นี้ได้เขียนเรื่องการทะลายคลินิกทำแท้งเถื่อนไปแล้ว ยังไม่ทันจะครบปีดี ก็มีเหตุให้ต้องมาเขียนประเด็นการทำแท้งซ้ำอีกครั้ง เมื่อมีการจับกุม พ.ต.อ.น.พ.สมชัย ตรีมธุรกุล ที่คลินิกแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ ผลของการปราบปรามลักษณะนี้ทำให้สังคมออกมาชี้หน้า ผู้หญิงว่าเป็นแม่ใจยักษ์ ประนามหมอว่าใจบาปและเห็นแก่เงิน แต่จะมีสักกี่คนที่หยุดคิดสักนิด และมองปัญหาให้รอบด้านสมกับที่ภาคภูมิใจว่าตนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอุดม ปัญญา

        คอลัมน์นี้จึงขอเสริมสร้างปัญญามากกว่าเพิ่มปัญหาด้วยการนำเสนอ ข้อมูลที่รอบด้านในประเด็นการทำแท้งจากหนังสือ สุขภาพคนไทย 2551 ที่ จัดทำโดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) บทความเรื่อง “ถึง เวลาต้องป้องกันและแก้ไขปัญหาทำแท้งเถื่อนให้ได้ผล” ในหนังสือเล่มนี้ ได้ให้ข้อมูลสภาพปัญหา ข้อค้นพบจากงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง แนวทางแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้านเอาไว้ด้วย

         บทความดังกล่าวระบุว่าเริ่มมีการใช้กฎหมายอาญาเมื่อปี 2500 ส่วนมาตราที่เกี่ยวข้องกับการทำแท้งมี 5 มาตรา คือ มาตรา 301-303, 304 และ 305 ซึ่งมาตรา 305 ระบุว่าถ้าการทำแท้งนั้นทำโดยแพทย์และจำเป็นต้องกระทำเนื่องจาก “(1) สุขภาพของหญิงนั้น หรือ (2) หญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดอาญาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 276 มาตรา 277 มาตรา 282 มาตรา 283 หรือมาตรา 284 ผู้กระทำไม่มีความผิด” การระบุเช่นนี้ มีปัญหาอย่างมากในการตีความและการปฏิบัติ แพทย์ส่วนใหญ่จึงตีความกฎหมายอย่างแคบที่สุดเพื่อไม่ให้ตนเองถูกตั้งข้อ กล่าวหา หรือพูดให้เข้าใจได้ง่ายๆ ว่าพยายามปฏิเสธที่จะให้บริการทำแท้งไว้ก่อน

         อย่างไรก็ตาม ได้มีแพทย์และนักวิชาการที่ใกล้ชิดกับปัญหาหรือพูดได้ว่าเป็นตัวจริงเสียง จริงที่ตามแก้ปัญหาการทำแท้งเถื่อนและการบาดเจ็บล้มตายของผู้หญิง ร่วมกันผลักดันการออก ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติ เกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ตามาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่ง ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 15 ธันวาคม 2548 โดยข้อบังคับแพทยสภานี้ได้ขยายคำนิยามของคำว่า ‘สุขภาพ’ ให้ครอบคลุมถึงสุขภาพจิตด้วย นับเป็นการมอง ‘สุขภาพ’ อย่างเป็นองค์รวม และสอดคล้องกับสภาพปัญหา

         สาระของข้อบังคับนี้กำหนดว่าการยุติการตั้งครรภ์นั้นกระทำได้ เมื่อหญิงนั้นยินยอมในกรณีต่างๆ ดังนี้ หนึ่ง หญิงมีครรภ์มีปัญหาสุขภาพทางกาย สอง หญิงมีครรภ์มีปัญหาสุขภาพจิต สาม หญิงมีครรภ์มีความเครียดอย่างรุนแรง ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงที่จะพิการหรือเป็นโรคพันธุกรรมรุนแรงให้ถือว่าหญิง นั้นมีปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งต้องได้รับการรับรองจากแพทย์ที่มิใช่ผู้ทำการยุติการตั้งครรภ์อย่างน้อย หนึ่งคน และต้องมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่ชัดเจน และมีการบันทึกการตรวจและวินิจฉัยโรคไว้ในเวชระเบียนเพื่อเป็นหลักฐาน สาม เมื่อทารกในครรภ์มีความพิการรุนแรง และ 4 กรณีที่ถูกข่มขืนซึ่งเพียงมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการมีครรภ์นั้นเกิดจาก การข่มขืน ไม่จำเป็นต้องมีใบแจ้งความ ที่สำคัญข้อบังคับแพทยสภานี้ยังระบุชัดด้วยว่า “ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการ แพทย์ตามข้อบังคับนี้ให้ถือว่าได้กระทำตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

         จากการศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านจึงมีการเสนอแนวทางแก้ปัญหาการทำ แท้งเถื่อนและผลกระทบของปัญหาไว้ สุขภาพคนไทย 2551 ดังนี้ หนึ่ง ลดจำนวนการตั้งท้องที่ไม่พร้อม โดยให้การศึกษาเรื่องเพศวิถีที่รอบ ด้านแก่เยาวชนทั้งผู้ชายและผู้หญิง ขยายกลุ่มเป้าหมายของบริการคุมกำเนิดและวางแผนครอบครัวให้ครอบคลุมคนทุกวัย รวมทั้ง ผู้ที่ไม่ได้แต่งงานด้วย ทั้งนี้ เพราะปัญหาการตั้งท้องโดยไม่พร้อมของสังคมไทยนั้น มีสาเหตุสำคัญมาจาก “ความไร้ประสิทธิภาพในการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาแก่ประชาชนทุกกลุ่มอายุ และการไม่สามารถให้บริการด้านการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพแก่ประชาชนได้ อย่างทั่วถึง”

         สอง ลดจำนวนคนที่บาดเจ็บและตายจากบริการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย โดยยกเลิก กฎหมายอาญามาตรา 301-305 เพราะสถิติจากกระทรวงสาธารณสุขชี้ว่า 50 ปีที่ผ่านมาของการมีกฎหมายห้ามทำแท้ง ไม่ได้ทำให้การลักลอบทำแท้งลดลง ยังคงมีผู้ป่วยด้วยภาวะแทรกซ้อนจากการทำแท้งผิดกฎหมายเข้ารักษาตัวในโรง พยาบาลของรัฐปีละหลายหมื่นคน คิดเป็นค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยคนละ 20,000 บาท หรือไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาทต่อปี ยิ่งกว่านั้น งานวิจัยขององค์การอนามัยและสถาบันกัทแมเชอร์ (Guttmacher Institute) ยังระบุชัดเจนว่าประเทศยุโรปตะวันตกมีอัตราการทำแท้งต่ำที่สุด ทั้งๆ ที่การทำแท้งในประเทศเหล่านี้เป็นเรื่องถูกกฎหมายและมีเงื่อนไขน้อยมาก

         ส่วนประเทศที่การทำแท้งเป็นเรื่องถูกกฎหมายและมีบริการที่ได้ มาตรฐานและทั่วถึง จะมีผู้บาดเจ็บจากการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัยต่ำมาก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ประเทศแอฟริกาใต้และเนปาล โดยเมื่อแอฟริกาใต้แก้ไขกฎหมายให้การทำแท้งถูกกฎหมายเมื่อปี 2539 ตัวเลขผู้ป่วยจากการทำแท้งไม่ปลอดภัยในปี 2543 ลดลงกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับปี 2538 ส่วนเนปาลซึ่งเคยมีตัวเลขผู้หญิงที่เสียชีวิตจากการทำแท้งไม่ปลอดภัยติด อันดับต้นๆ ของโลก ตัวเลขกลับลดลงอย่างมากหลังจากการแก้กฎหมายในปี 2545 และข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สภายุโรป ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกในยุโรป 47 ประเทศ รับรองข้อมติเมื่อ 16 เมษายน 2551ให้การทำแท้งเป็นสิ่งถูกกฎหมาย และสามารถทำได้ภายใต้เงื่อนไขที่ยืดหยุ่นและเหมาะสม และต้องมีการจัดบริการทำแท้งที่ปลอดภัยให้ผู้หญิงเข้าถึงได้

         ข้อมูลที่นำเสนอมาทั้งหมดนี้ เพียงเพื่อต้องการให้สังคมหยุดคิดสักนิด ค้นคว้าข้อมูลสักหน่อย ก่อนออกมาตัดสินโยนความเลวให้กับผู้หญิงที่ไปทำแท้ง หรือประนามแพทย์ที่ให้บริการทำแท้งอย่างปลอดภัยและได้มาตรฐาน หากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองยังไม่เปิดใจรับข้อบังคับแพทยสภา ก็คงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าการจับกุมแพทย์ที่ให้บริการทำแท้งสามารถลดจำนวนการ ทำแท้งได้จริง หาไม่แล้ว สิ่งที่กระทำลงไปจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ตามมา นั่นคือ แพทย์ที่ยินยอมทำแท้งให้ผู้หญิงที่ประสบปัญหาจะลดน้อยลง หรืออาจไม่มีหลงเหลืออยู่เลย สถานการณ์เช่นนี้จะกดดันให้ผู้หญิงต้องหันไปพึ่งบริการหมอ


โพสต์โดย  สุกานดา นักศึกษา
http://learners.in.th/blog/problems/336731

raponsan:

วิธีการทำแท้ง


((ทำแท้ง)) ถ้ารู้จริง จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก by-หมอแมว
เรื่องนี้ผมตั้งท่าจะเขียนมาหลายวันมากแล้วล่ะครับ แต่ว่าเนื่องจากมันเป็ฯเรื่องใหญ่มากที่ไม่รู้จะเขียนในแง่มุมไหนดี เลยทำให้ตั้งท่าอยู่นาน วันนี้ตั้งใจแล้วว่าจะเขียนซะที เอาเป็นว่าเขียนได้ไม่เต็มก็มีตอนสองแล้วกัน ที่ตั้งใจจะเขียนก็เพราะว่าเมื่อก่อนเคยไม่ชอบคนที่ไปทำแท้งมาอย่างมาก เนื่องจากคิดว่าเป็นเรื่องไม่ดีบาปหนักหนามาก และเคยคิดว่าเป็นเรื่องวัยรุ่นใจแตก...........

ความเห็นของผมเปลี่ยนไปเมื่อคนไข้คนแรกเรื่องทำแท้งของผมสมัยเรียนนั่นเอง.... เธอเป็นแม่ลูก 4 อายุ 40 ปี .... ลูกก็เป็นลูกจากพ่อคนเดิม สาเหตุที่ทำให้เธอไปทำแท้งคือไม่มีจะเลี้ยง

วิธีทำแท้งที่ใช้กันในสมัยนี้ตามสถานที่ทำแท้งเถื่อนมีหลายวิธี
(ผมขอไม่เรียกว่าคลีนิกแล้วกัน มันแสลงหู)

1. ใส่อุปกรณ์หรือฉีดสารเข้าทางช่องคลอด
2. เหน็บยา
3. กินยา
4. เหยียบเตะต่อย(อันนี้ที่จริงมักทำกันเองที่บ้าน)

1. ใส่อุปกรณ์หรือฉีดสารเข้าทางช่องคลอด

เป็นวิธียอดนิยมที่ทำกันมานาน และก็เป็นวิธีที่ " เลียนแบบ " แพทย์ตัวจริงมาใช้ " ขูดมดลูก " อุปกรณ์ที่ใช้คือตัวขูดเนื้อยาวราวๆฟุตนึง ตรงกลางเป็นก้าน ตรงปลายจะมีลักษณะคล้ายที่ขูดมะพร้าว

วิธีทำคือเมื่อผู้หญิงมาถึง นั่งบนขาหยั่ง ผู้ทำแท้งจะเปิดแหวกช่องคลอดด้วยเครื่องถ่าง แล้วใช้เครื่องมือจิกปากมดลูกไว้ จากนั้นเอาที่ขูด แหย่เข้าไปขูดในมดลูก ถ้าคนทำแท้งมีความรับผิดชอบต่อค่าจ้างที่ได้ เขาจะขูดตัวอ่อนออกมา แล้วก็ขูดเนื้อในมดลูกไปด้วย ถ้าไม่รับผิดชอบ ก็ขูดแค่พอเห็นเนื้อๆแล้วก็พอให้กลับได้ ระหว่างที่ทำอาจเจ็บได้บ้าง ขึ้นกับราคาที่จ่ายไป ถ้ามากหน่อยอาจมียาแก้ปวดอย่างแรงให้กิน (ซึ่งก็เลยเห็นเป็นภาพชินตาที่พอตำรวจบุกแล้วพวกเธอมักหนีไม่ทันกัน) แต่บางแห่งก็ให้แค่ยาแก้ปวดธรรมดามากินก่อนขูดมดลูก เพราะว่าเวลาขูดก็เอาแค่ขูดน้อยๆ

ปัญหาที่ตามมาคือ

1.1 เนื้อในมดลูกที่เหลือ...

เพราะว่าร่างกายคนเราที่เตรียมจะมีเด็ก จะมีการขยายของพื้นที่ในมดลูกโดยเพิ่มเส้นเลือดมากๆ และมีที่ให้เด็กมาเกาะมากๆ ทีนี้พอไม่มีเด็กเพราะโดนขูดไปแล้ว เนื้อพวกนี้ก็จะพยายามหลุดลอกตัวออก แต่ฤทธิ์ฮอร์โมนที่ยังมีอยู่ อาจทำให้หลุดไม่ดี

คนที่โชคดี ก็จะมีเลือดออกมาสักสัปดาห์ -2สัปดาห์ กินยาสตรีต่างๆแล้วก็ขับน้ำคาวปลาออกไปได้พร้อมเนื้อรกเนื้อมดลูก คนที่โชคไม่ดี เนื้อเหล่านี้ไม่หลุดออก ก็จะมีเลือดไหลออกมาเรื่อยๆไม่หยุด บางคนไหลเป็นเดือนๆกว่าจะมาหาหมอ บางคนไหลจนตาย (ที่จริงคงมีการทะลุมดลูกร่วม)


1.2 ติดเชื้อ ตรงไปตรงมา เครื่องมือและคนทำห่วยแตก
มดลูกทะลุ .... เพราะในการขูดมดลูกที่ถูกต้อง ต้องมีการวัดขนาดและตรวจดูรูปร่างของมดลูกว่าหันไปทางทิศใดก่อนขูดเนื่องจากการขูดเป็นการทำโดยไม่เห็นด้วยตา แต่อย่าไปหวังอะไรกับคนทำแท้งเถื่อนเลย ส่วนใหญ่มักขูดไปเลย และมีไม่น้อยที่ทะลุ โชคดีก็ปิดได้เอง โชคร้ายเผลอๆติดเชื้อในท้องแบบเวลาไส้ติ่งแตกหรือกระเพาะทะลุก็มี

ที่ร้ายไปกว่านั้น บางคนที่ผมเคยเจอการทะลุจากมดลูกเข้าช่องท้องต่อไปยังลำไส้ใหญ่... เมื่อหายแล้วก็กลายเป็นว่ามีช่องทางใหม่ ทำให้อุจจาระไหลออกมาทางช่องคลอดได้ (ซึ่งผ่าซ่อมยาก)

1.3 ขูดมั่วไม่โดนเด็ก
เลือดออกแป๊บเดียวก็หยุด แต่ที่ไหนได้ท้องโตเอาโตเอาจนคลอดออกมาเป็นตัว

1.4 สุดท้ายก็ต้องไปหาหมอ(ตัวจริง)
เท่าที่เคยเจอมา ที่ทำแท้งเถื่อนห่วยๆบางที่ใช้วิธีขูดมั่วซั่ว พอเป็นพิธีแล้วบอกว่าถ้าเลือดไม่หยุดให้ไปหาหมอ.. ส่วนใหญ่มันแค่เอาเครื่องมือสอดแล้วขูดครั้งสองครั้ง เอาเนื้อชิ้นโตๆมาชิ้นเดียวแล้วปล่อยภาระให้เป็นของแพทย์ตัวจริงส่วนใหญ่มักจะมีอาการมาด้วยเรื่องเลือดไหลออกทางช่องคลอด พร้อมกับเรื่องเล่าแปลกๆ ถ้าเป็นสิบปีก่อน ก็จะเล่าว่าเดินข้ามท้องร่องแล้วลื่นไม้กระดานฟาดกลางหว่างขา เดี๋ยวนี้ก็เป็นล้มในห้องน้ำ ขับรถเครื่องแล้วเบรกแรงๆ ตกบันได

ผมจะบอกว่า ถ้าคุณไปทำแท้ง ก็บอกว่าไปทำแท้งเถอะครับ เพื่อให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ปลอดภัยทั้งตัวคุณเองและคนที่ให้การรักษา เคยมีกรณีที่เด็กบอกว่าหกล้มในห้องน้ำแล้วเลือดออก แม่ก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงเห็นกับตา แต่ว่าไปๆมาๆเกิดปวดท้องไข้สูง และก็ติดเชื้อในช่องท้องจากการที่มดลูกทะลุและมีการติดเชื้อ.....

ซึ่งการติดเชื้อระดับนี้ เวลาคุยกับญาติ เราไม่ได้คุยว่าจะกลับบ้านได้เมื่อไหร่นะครับ แต่เราคุยว่าโอกาสตายมีมากเพียงใด ถ้ารู้ว่าไปทำแท้งมาและเลือดออกไม่หยุด ส่วนมากก็จะขูดต่อให้เสร็จสรรพเพื่อรักษา และจะได้ให้ยาทั้งหลาย ทั้งยาฆ่าเชื้อและวัคซีนบาดทะยัก

การทำก็คล้ายกับที่เล่าไปแล้ว คือก็จะใช้เครื่องมือดันเปิดทาง แต่จะมีเครื่องวัดขนาดภายในมดลูก และมีการตรวจทิศทางของมดลูกเพื่อจะได้ใส่เครื่องมือได้ถูก จากนั้นก็จะค่อยๆขูดโดยใช้วิธีที่ถูกต้องเพื่อให้ได้เนื้อออกมาให้ครบถ้วนที่สุดเพื่อเลือดจะได้หยุดไหล


นอกจากนี้ยังมีวิธีทำแท้งโดยใช้การฉีดยาหรือสารบางอย่างเข้าไป เช่นฉีดน้ำเกลือเข้าไปรอบๆทารกให้ทารกขาดน้ำตาย หรือฉีดสารพิษให้ทารก
แต่การทำแท้งวิธีนี้เสี่ยงต่อแม่มาก เพราะหลายครั้งผู้ทำแท้งก็ฉีดมั่วจนตายทั้งแม่ทั้งลูก ปัจจุบันก็เลยเจอลดลง

2. เหน็บยา

วิธียอดฮิตที่มีที่มาจากการที่พบว่ายารักษาโรคกระเพาะตัวนึงเมื่อกินเข้าไปทำให้แท้งได้บ่อย และต่อมาก็พบว่ายานี้ออกฤทธิ์ที่มดลูกได้ ต่อมาก็มีคนเอามาใช้เพื่อการทำแท้ง และต่อมาอีกก็นำมาใช้ในการเร่งคลอดให้ปากมดลูกเปิดได้เร็วขึ้น

ปัญหาที่ทำให้หมอไม่ชอบใช้ยานี้ทำแท้งอย่างถูกกฎหมาย มีดังนี้คือท้องอ่อนๆ หมอชอบทำแท้งให้เพราะอันตรายน้อยกว่าและเด็กยังเล็ก แต่ยานี้ใช้ไม่ค่อยได้ผลมดลูกไม่หดปากมดลูกไม่เปิดท้องมากๆ หมอไม่ชอบทำแท้ง แต่ยาดันใช้ได้ผลดีขึ้น เด็กไหลดีนัก แต่หมอจะฝันร้าย เพราะว่าเด็กที่หลุดออกมาจะยังมีชีวิต ดิ้นได้ และจะดิ้นอย่างสุดฤทธิ์ก่อนตาย บางคนดิ้นเป็นชั่วโมง


ยาตัวนี้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้รับทำแท้งและคนขายยานอกคอก เนื่องจากขายในราคาเม็ดละ700-1400บาท เวลาใช้มักขายทีละสองเม็ด โดยที่ต้นทุนไม่ถึง10บาท กำไรเหนาะๆ และไม่ต้องเสี่ยงถูกจับเท่าเปิดร้าน หลายครั้งที่มีคนมาด้วยเรื่องตกเลือด พอตรวจไปก็เจอว่ามียาที่ยังละลายไม่หมดเหน็บอยู่ (แต่เจ้าตัวก็ยังปฏิเสธว่านั่นน่ะยาเหน็บแก้เชื้อรา..)

ข้อเสียนอกจากเด็กตายแบบดิ้นๆ ยังมีอีกคือ Amniotic pulmonary embolism ซึ่งเป็นภาวะอันเกิดจากการที่มดลูกบีบรัดแรงแล้วทำให้น้ำคร่ำไหลเข้ากระแสเลือด แล้วไปอุดตันที่ปอดของแม่จนแม่ขาดอากาศตาย

ซึ่งภาวะนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้วแม้คลอดปกติ และช่วยเหลือยากมากแม้อยู่ในมือหมอ

ข่าวดังๆที่หาว่าหมอทำคลอดไม่ดีแล้วแม่ตาย ก็มีส่วนมาจากอันนี้เหมือนกัน นี่ขนาดบางคนอยู่ในโรงเรียนแพทย์และมีหมอสิบกว่าคนยื้อชีวิตยังเอาไม่อยู่ ถ้าเกิดใครไปเหน็บยาตัวนี้เข้าแล้วเกิด Amniotic pulmonary embolism ขึ้นล่ะ รอดยากครับ ก็คงตายเงียบๆในบ้าน


3. กินยา

วิธีสุดคลาสสิก เห็นในหนังไทยที่คุณหญิงย่าบังคับให้นางอิจฉาเอายาขับเลือดกรอกปากนางเอก กรอกเสร็จแล้วจะเกิดอาการปวดท้องแล้วก็มีเลือดไหลออกทางหว่างขา

ผมได้เจอเด็กคนนึง กินยาสตรีและยาขับเลือดลมหลายขนานในท้องตลาดหลังจากที่รู้ว่าท้อง... กินอยู่5เดือน จนค่ายารวมๆแล้วแพงกว่าค่าทำแท้ง สรุปแล้ว ผมยังไม่เคยเห็นยาขับเลือดที่ใช้ได้ผล มีแต่คนโน้นคนนี้มาบอกเท่านั้น


4. เหยียบ เตะ เข่า ศอก นวด


วิธีที่อ้างว่าได้ผล.... คงได้ผลกันบ้างแลกกับการเจ็บตัวพอสมควรของแม่เด็ก เป็นวิธีที่ผมไม่เคยได้ประสบหรือเจอใครที่เอาตัวเข้าแลกขนาดนั้น... เห็นแต่ในหนัง ที่กลิ้งตกบันไดแล้วเลือดออก

แต่เรื่องที่ยืนยันว่าเข่าและเท้าเอาเด็กออกได้ก็มี เป็นเรื่องของครอบครัวนึง แม่ตั้งท้องแฝด ตั้งท้องได้ 7-8 เดือน พ่อก็ทะเลาะกับแม่แล้วเตะต่อยท้อง....... จนแม่ปวดมาก และเมื่อทนไม่ไหวก็ไปโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียง แล้วเด็กก็เริ่มคลอดแบบทันที ที่ไปถึง โดยที่หมอยังไม่ทันตั้งตัว เด็กออกมาได้ 1 คน แต่อีกคนคาอยู่ออกยาก และในที่สุดเด็กออกมาก็แย่ทั้งคู่เนื่องจากคลอดก่อนกำหนดและคนน้องก็แย่เพราะขาดอากาศ
เรื่องนี้ พ่อเด็กเอาเรื่องหมอ หาว่าหมอฝีมือแย่ทำให้ลูกเขาแย่หายใจไม่ได้........ เอาเรื่องไปลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น... จนที่สุดหมอต้องจ่ายเงินให้ไปหลายแสนทั้งที่ไม่ผิด


เรื่องนี้บอกให้รู้ว่า การกระแทกแรงๆเหล่านี้ หากเป็นอายุครรภ์น้อยๆ มักแท้งยากหน่อย เพราะว่าตัวอ่อนมีเกราะหนาเมื่อเทียบกับขนาดตัวอ่อน แต่พอเป็ฯอายุมากๆ ก็จะโดนแรงกระแทกโดยตรงได้มากโอกาสที่เด็กจะแย่ก็มีมาก และเด็กที่คลอดก่อนกำหนดจากมือจากเท้าแบบนี้ก็มีได้ และตายจากการหายใจไม่ออก(ปอดยังเจริญไม่พอ)


เราจะมาต่อด้วยเรื่องผลเสียผลข้างเคียงและผลแทรกซ้อนจากการทำแท้ง

รูปเครื่องมือทำแท้ง

หลังจากเขียนไปในตอนที่แล้ว ก็รู้สึกได้ทันทีในความรู้สึกที่ดูหดหู่ และเป็นเรื่องที่ฟังแล้วไม่สบายใจ ที่มีเรื่องทำแท้งมาพูดในที่สาธารณะ เรื่องนี้เป็นหนึ่งในสามหัวข้อที่ผมว่ายากที่สุดที่ผมตั้งใจจะเขียนคือ

1. ทำแท้ง
2. มะเร็ง
3. การเผชิญหน้ากับความตาย(ของคนใกล้ชิด)

แต่ที่ก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทยจริงๆ แต่เป็นเพราะว่ามีการพยายามปิดมันและโทษให้เป็นเรื่องความผิดของคนสองคน ทั้งที่จริงๆก็ไม่รู้ว่าเป็นความผิดของใคร

สิ่งที่ผมพยายามนำเสนอ คือ

1. ความน่ากลัวของการทำแท้ง การทำแท้งเถื่อนไม่ได้ง่าย
และสวยหรูอย่างที่คิด

2. มันไม่ใช่สิ่งที่ทำแล้วสิ้นสุดในวันเดียว แต่จะมีผลสืบเนื่องต่อไป
(ดังจะได้กล่าวในกระทู้นี้)

3. ทุกปัญหามีทางออกครับ (กระทู้ที่แล้วเขียนไม่ทัน เอามันในกระทู้นี้ล่ะ)

4. การป้องกัน

***************************************************

เอาล่ะครับ เรามาต่อจากกระทู้ที่แล้วกันเถอะ เรามาพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากเด็กได้จากไปแล้วกัน .... ผลสืบเนื่องที่ตามมาหลังการทำแท้งเถื่อนแบบใช้อุปกรณ์ นอกจากเรื่องที่จะเกิดขึ้นในระยะใกล้ๆที่ได้เล่าไปในกระทู้ที่แล้ว สิ่งที่อาจเกิดตามมาได้และเป็นปัญหาสำคัญที่ตามไปตลอดคือ

ปัญหาการมีบุตรยาก

มดลูกประกอบไปด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้ คือ
  - ปากมดลูก
   - ตัวมดลูก
   - ปีกมดลูก

เวลาใส่อุปกรณ์จะโดนปากมดลูกและปีกมดลูก หากทำรุนแรงก็อาจเกิดการฉีกขาด เนื่องจากว่าในระยะตั้งครรภ์นั้นส่วนเหล่านี้จะนุ่มกว่าปกติเมื่อฉีกขาด ร่างกายของมนุษย์ก็จะมีการซ่อมแซมตนเอง


การฉีกขาดที่ปากมดลูก จะทำให้เกิดแผลเป็นที่ปากมดลูก หากต่อไปมีการตั้งครรภ์อีกครั้ง ก็มีโอกาสที่จะเกิดการแท้งได้ในช่วงเดือนที่ 3-4 จากการที่ปากมดลูกไม่แข็งแรงพอหรือเมื่อคลอดในครั้งต่อไปทางช่องคลอด ก็อาจเกิดเลือดออกมากผิดปกติ การฉีกขาดมากๆในโพรงมดลูก เมื่อร่างกายซ่อมแซมก็จะเกิดการเชื่อมติดกันของแผล โพรงมดลูกอาจเชื่อมติดกัน จนทำให้ต่อไปตั้งครรภ์ไม่ได้เพราะไม่มีช่องให้เด็กอยู่ การติดเชื้อในมดลูกหลังการทำ อาจลามไปสู่ปีกทั้งสองข้าง และเมื่อการติดเชื้อผ่านไป ก็อาจทำให้ท่อทั้งสองข้างตีบหรือตัน ก็มีลูกยาก


ผลสืบเนื่องจากการใช้ยา

ยาทุกชนิดในค่ายยาตะวันตก มีลักษณะคือ มีทั้งข้อดีและข้อเสียให้เห็นๆ
ผลข้างเคียงระยะสั้นๆที่มีของยาพวกนี้คือ คลื่นไส้อาเจียนไประยะหนึ่ง ซึ่งผลสืบเนื่องที่ตามาก็คือ ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่ดีและแย่ติดตัวไปนาน เนื่องจากทำให้กลายเป็นช่วงเวลาอันเลวร้ายมากขึ้น

ผลสืบเนื่องระยะยาวที่น่ากลัวก็มีพวกตับอักเสบ ที่อาจเกิดขึ้นได้

------------------------------------

ฟังเท่านี้อาจรู้สึกหดหู่ใช่ไหมครับ

------------------------------------

แต่อย่าพึ่งหดหู่เลย เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนที่ทำแท้ง ดูเหมือนธรรมชาติยังให้โอกาสคนได้กลับตัว เพราะผลที่เกิดขึ้นพวกนี้มักเกิดในคนที่ทำหลายๆครั้งมากกว่าคนที่ทำครั้งเดียว และในคนที่เป็น หลายๆอย่างก็พอมีทางแก้ไขหากตั้งใจจริง ..... ประโยคข้างต้นนี้เคยมีอาจารย์บอกผมไว้อย่างนั้น ทำให้พอผมมองดูใหม่ด้วยมุมมองใหม่ เลิกความคิดตัดสินคนอื่นไปเลย

ทุกปัญหามีทางออก >>>>

ผมไม่ได้เป็นจิตแพทย์ และคงไม่อาจหาญให้คำแนะนำทางจิตวิทยาได้ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่รู้หลังจากทำงานก็คือ ทุกปัญหามีทางออกครับ Keyword คืออย่างน้อยที่สุด เราทุกคนต้องมีคนที่เป็นห่วงเรา คนใกล้ตัวที่สุดคือพ่อแม่

เด็กคนที่มาหาผมคนล่าสุดในเรื่องทำแท้ง มีแม่มาด้วย........... ในกรณีการทำแท้งเป็นปกติที่ผมจะไม่พูดคุยกับเด็กในขณะที่อยู่กับแม่ และจะไม่คุยกับแม่ให้เด็กเห็น สิ่งหนึ่งที่จับได้คือ เด็กกลัวแม่ไม่รัก เด็กกลัวแม่เกลียด เด็กเสียใจที่ทำให้แม่เสียใจ และอีกด้านนึงที่จับความรู้สึกได้คือ แม่กลัวเด็กตาย กลัวลูกสาวกลัวตัวเอง(แม่)

สรุปว่า กลัวอีกฝ่ายไม่สบายใจ -_-''

หรือเรื่องสุด classic ที่เคยได้ยินมา เด็กมาโรงพยาบาลด้วยเรื่องแบบนี้ และครอบครัวมากันหมด พ่อ แม่ ปู่ ย่า (หรือตายาย) ผลัดมาถามหมอว่าเด็กเป็นอะไร ทุกคนบอกว่าอย่าบอกใครว่าเด็กเป็นอะไร(และขอให้ทำเป็นบอกญาติๆต่อหน้าเด็กว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เลือดไหลธรรมดา) ส่วนเด็กก็ไม่อยากให้คนในครอบครัวรู้ กลัวเสียใจ

สรุปว่าทุกคนกลัวคนในครอบครัวเสียใจ....
ก็เป็นความรักแบบครอบครัวไทยที่น่ารักดีไปอีกแบบ


**********************************************

ส่วนเรื่องการป้องกัน

1. ใช้ถุงยางทุกครั้ง (ผมไม่ได้ชี้โพรงให้กระรอกนะ เพราะโพรงมันวางในSeven) เพราะส่วนใหญ่ของคนที่พลาด จะไม่ได้ใช้ถุงยางและหลั่งข้างนอก โอกาสพลาดมีดังนี้คือ

ก. เผลอหลั่งข้างใน
ข. ไม่รู้ว่าน้ำใสๆที่หลั่งออกมาก่อนของผู้ชายน่ะ
ที่จริงก็มีเชื้ออสุจิอยู่ ดังนั้นยังไม่ถึงก็ท้องได้
ค. หลั่งเปื้อนข้างนอกแล้วไม่ล้าง มันก็ว่ายเข้าไปได้

2. เลิกได้ก็ดี นับวัน น่ะ

หน้า 7 หลัง 7 ไม่เห็นนับถูกเลย ..... นับผิดประจำ

3. เอาเครื่องขายถุงยางอัตโนมัติให้ลับหูลับตาคนหน่อย

ในโรงพยาบาลที่ผมอยู่มีเครื่องนี้สองเครื่อง เครื่องแรกตั้งหน้าห้องน้ำ อีกเครื่องตั้งที่หน้าห้องยา(ที่มีคนตลอด) เนื่องจากคนที่มีปัญหาทำแท้งที่อายุน้อยก็มีมาก ก็ไม่แปลกที่จะไม่กล้าซื้อถุงยางในร้านสะดวกซื้อ


ที่มา
http://www.mthai.com/webboard/7/101993.html
http://www.mthai.com/webboard/7/101607.html
ที่มา http://board.palungjit.com/f8/แฉหมดเปลือกเรื่องการทำแท้ง-กรรมจากการทำ แท้งและวิธี แก้ไขกรรม-76250.html

raponsan:

คลีนิคทำแท้ง

ทีมข่าว " คม ชัด ลึก " จึงลงพื้นที่เพื่อสำรวจข้อเท็จจริง และรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการทำงาน รวมทั้งเส้นทางแหล่งผลประโยชน์ของคลินิก ทำแท้งจากแหล่งข่าวรายหนึ่งที่เคยเป็นฟันเฟืองสำคัญ ขององค์กรเถื่อนเหล่านี้

" อ๊อด " อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ของคลินิกรับทำแท้งแห่งหนึ่ง ย่านสุทธิสาร ยอมเปิดใจกับเรา หลังจากต้องทนกล้ำกลืนกับภารกิจ "กำจัดมารหัวขน" มานานเกือบ 1 ปี

อ๊อด เล่าว่า เหตุที่เข้ามาอยู่ในวงการนี้ เพราะมีหมอที่รู้จักกันท่านหนึ่งชักชวนให้เข้ามาทำงาน ด้านการตลาดให้กับคลินิก หลังจากที่เรียนจบชั้น ปวส. ตอนนั้นเขายังไม่มีงานทำ และเห็นว่างานที่ทำมีรายได้ดี จึงตกปากรับคำในทันที โดยคุณหมอท่านนั้นเสนอเงินเดือนให้เริ่มแรก 10,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมค่าล่วงเวลาจะมีรายได้ประมาณ 20,000-30,000 บาทต่อเดือน

" ในคลินิกที่ผมทำจะมีหมออยู่ 1 คน และมีผู้ช่วยอีก 3 คน ตอนที่ทำแท้งคุณหมอจะไม่ทำเอง แต่จะให้ลูกมือที่เคยเรียนรู้งานจากคุณหมอเป็นคนทำให้ ส่วนผู้ช่วยที่เหลือ 2 คน จะแบ่งมาช่วยหยิบเครื่องมือ และต้อนรับลูกค้าที่หน้าคลินิก ลักษณะภายนอกของคลินิกทำแท้งจะเหมือนคลินิกอื่นๆ ทุกประการ เพียงแต่จะไม่รับรักษาโรคทั่วไป หากมีคนไข้ที่ไม่ได้มาทำแท้งเข้ามาก็จะได้รับคำตอบว่า คุณหมอไม่อยู่ เพื่อตัดปัญหา "

ผมจะมีหน้าที่หาลูกค้าผ่านเครือข่ายร้านขายยาต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยยึดหลักที่ว่า คนที่ทำแท้งมักจะมาซื้อยาขับเลือดที่ร้านขายยา เราก็เลยติดต่อกับ ร้านขายยาเพื่อขอให้เขาเป็นนายหน้า โดยเสนอเงินให้ 1,000 บาทต่อลูกค้า 1 คน โดยลูกค้าที่ได้รับการแนะนำจากร้านขายยาจะได้รับนามบัตรที่มีรายชื่อของคลินิกเรา และมุมหนึ่งของบัตรจะมีรหัสลับของร้านขายยานั้นๆ อยู่ เพื่อเป็นหลักฐานในการจ่ายเงิน

อ๊อด ให้ข้อมูลว่า แต่ละวันจะมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาที่คลินิกวันละประมาณ 2-3 ราย แต่จะเพิ่มขึ้นเป็น 10 กว่ารายในวันเงินเดือนออก โดยกลุ่มลูกค้ามีทั้งเด็กสาวใจแตกอายุตั้งแต่ 14-15 ปี ไปจนถึงแม่บ้านวัยทำงานวัยขึ้นเลข 3 สนนราคาในการทำแต่ละครั้ง จะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์และกำลังทรัพย์ของลูกค้า โดยราคาจะอยู่ระหว่าง 2,500-35,000 บาท และรับ " งานรีด " ตั้งแต่อายุครรภ์อ่อนๆ ตั้งแต่ 1 เดือน ไปจนถึงท้องแก่ใกล้คลอด 8 เดือน

ด้วยปริมาณลูกค้าและค่าบริการระดับนี้ เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะสร้างรายได้ให้แก่เจ้าของคลินิกถึงเดือนละ 200,000-300,000 บาท โดยเจ้าของคลินิกจะจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชา 4,000-5,000 บาทต่อเดือน ให้กับตำรวจท้องที่บางคน เพื่อแลกกับบริการท้าทายกฎหมายและศีลธรรม

สำหรับขั้นตอนการรีดนั้น อ๊อด บรรยายว่า เมื่อคนไข้มาถึงคลินิก แพทย์จะสอบถามอายุครรภ์ หากคนไข้ยังไม่ทราบก็จะมีการสอบถามรอบเดือนครั้งสุดท้ายที่มา และมีการตรวจปัสสาวะเพื่อความชัวร์อีกครั้ง เมื่อทราบอายุครรภ์แล้วก็จะประเมินว่าจะใช้วิธี " คีบออก " หรือ "คลอดเอง"

ทั้งนี้ หากอายุครรภ์น้อยไม่เกิน 6 เดือน ก็จะใช้วิธีแรก โดยจะให้ลูกค้าขึ้นไปนอนบนขาหยั่ง จากนั้นจะใช้อุปกรณ์ถ่างช่องคลอดให้กว้าง แล้วใช้คีมเหล็กมีจะงอยยาวประมาณ 1 ฟุต ล้วงเข้าไปในช่องคลอด เมื่อเจอมดลูกที่มีตัวอ่อนมนุษย์อยู่ ก็จะจัดการขูดผนังมดลูก หรือคีบเด็กออกมา

วิธีนี้ อ๊อด บอกว่า คนไข้จะเจ็บมาก จนต้องฉีดยาชาระงับปวด ซึ่งจะต้องเสียค่าเข็มอีก 500 บาท หรือในรายที่เด็กตัวโตจริงๆ อาจต้องถึงขั้นดมยาสลบ ที่แพงกว่าค่ายาชาไปอีก 500 บาท สำหรับลูกค้าที่อายุครรภ์เกิน 6 เดือน คลินิกจะเลือกใช้วิธีการทำคลอดให้ตามปกติ แต่จะเป็นการคลอดที่ต้องใช้ยาเร่งคลอดช่วยให้เด็กออกก่อนกำหนด

ที่น่าสลดใจก็คือ ท้ายที่สุดทารกเหล่านี้ จะถูกห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ แล้วนำร่างที่ยังมีลมหายใจรวยรินสุมรวมกันในถุงขยะ มัดปากถุงให้แน่น จากนั้นขยะมีชีวิตทั้งหมดจะถูกนำไปทิ้งอย่างไร้ความปรานีในป่ารกชัฏต่างๆ ย่านชานเมือง

สนนราคาการทำแท้ง
     - อายุครรภ์ 1-2 เดือน จ่าย ประมาณ 4,000-5,000 บาท
     - อายุครรภ์ 4 เดือนจ่าย ประมาณ 12,000 บาท

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ " รีดเลือด " แล้วทางคลินิกจะจ่ายยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด และยาบำรุงเลือดให้คนไข้กลับไปรับประทานที่บ้าน แต่ส่วนใหญ่คนไข้มักจะได้รับผลข้างเคียงจากการทำแท้งเป็นของแถม มากบ้างน้อยบ้างตามยถากรรม อาทิ อาการติดเชื้อในมดลูก ตกเลือดเรื้อรัง หรือในรายที่มดลูกถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงก็อาจหมดสิทธิที่จะมีลูกไปตลอดชีวิต

แหล่งข่าวของเราให้เบาะแสด้วยว่า แหล่งที่มีคลินิกเถื่อน เปิดให้บริการ มักจะพบในย่านที่มีนักศึกษา สาวโรงงาน หรือพนักงานออฟฟิศอยู่รวมกันมากๆ... จุดสำคัญที่พบแหล่งทำแท้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น ที่รับทำกันไม่เว้นแต่ละวันนั้นคือ ถนนประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง จะเปิดรับบริการตั้งแต่ 10.00-17.00 น. โดยลูกค้าขาประจำนั้น จะเป็นนักศึกษาและหญิงที่ทำงานอยู่สถานบริการต่างๆ ในย่านถนนเพชรบุรี โดยสนนราคาจะมีตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับการตั้งครรภ์กี่เดือน

ย่านสุขุมวิท เปิดให้บริการกับผู้ไม่ต้องการให้ลูกอยู่ในครรภ์อีกต่อไป เปิดบริการลูกค้ามานานนับสิบปี ลูกค้ามีทุกรูปแบบ แต่ขาประจำนั้นจะเป็นสาวโรงงานและนักศึกษา เนื่องจากเป็น สถานที่รับทำแท้งในราคาตั้งแต่ 1,500 บาทขึ้นไป นับว่าเป็นสถานที่ทำแท้งที่ถูกที่สุด นอกจากนี้ ยังมีสถานบริการรับทำแท้งในย่านต่างๆ อีกมากมาย เช่น วงเวียนใหญ่ บางเขน สะพานใหม่ อินทามระ สุทธิสาร รังสิต คลองสาม-สี่ บางบอน และคลองตัน ราคารับทำแท้งนั้นจะอยู่ตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป

ที่น่าหวั่นใจก็คือ คลินิกส่วนใหญ่ยังคงลักลอบเปิดให้บริการได้นั้นปัจจัยสำคัญ จะใช้วิธีการเลี่ยงกฎหมาย โดยใช้คำว่า " รับปรึกษาปัญหาวางแผนครอบครัว " เมื่อมีลูกค้าไปใช้บริการแล้ว เขาจะใช้วิธีการเลี่ยงบาลีอีกว่า " หมอจะปรับการมีประจำเดือนให้นะ " ลูกค้าก็จะรู้โดยทั่วกันว่า ปรับประจำเดือนให้กลับมาใหม่เหมือนเดิม พร้อมกับใช้กรรมวิธีนำลูกในท้องออกไปนั่นเอง

อ๊อด ทิ้งท้ายสั้นๆ ถึงสาเหตุที่ล้างมือจากคาวเลือด ว่า ตั้งแต่คุณหมอตาย ผมก็ลาออก ที่เหลืออยู่ก็มีแต่หมอเถื่อน ผมกลัวทำพลาดแล้วมีคนตาย ก็เลยชิงลาออก อยากฝากถึงคนที่คิดจะทำแท้งด้วยว่า ให้ป้องกันไว้ก่อนดีกว่า ทำแท้งมันเสี่ยงมาก เจอคนไม่มีความรู้ทำแบบมั่วๆ มีสิทธิตายได้ง่ายๆ ...... นอกจากความผิดและบาป ที่ถือเป็นมาตรฐานทางศีลธรรมในการควบคุมปัญหาการทำแท้งแล้ว การเอาผิดด้วยมาตรการทางกฎหมายก็เป็นหนทางหนึ่งในการบรรเทาปัญหานี้ให้เบาบางลง


การทำแท้งอย่างผิดกฎหมายมีบทลงโทษ

พ.ต.อ.สุรัศมิ์ อุดมรัตน์ ผู้กำกับการ กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและเยาวชน (ผกก.กก.สด.) ในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง ให้ความรู้ว่า ..... การทำแท้งนั้นมีทั้งทำแท้งได้และทำไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.305 ระบุว่า ผู้หญิงที่ถูกข่มขืน ค้าประเวณี หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวีและหัดเยอรมัน ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพเด็กและมารดา กฎหมายจะอนุโลมให้ทำแท้งได้

แต่พวกที่ไปทำแท้งเองโดยไม่มีเหตุผลอันควร กฎหมายระบุว่า เป็นการทำให้ตัวเองหรือทำให้คนอื่นแท้ง มีความผิดทั้งผู้ที่ไปทำและผู้ที่รับทำให้ บทลงโทษสำหรับแม่ที่ทำแท้ง ตาม ม.301 จะถูกจำคุกไม่เกิน 3 ปี ในกรณียินยอม หากเป็นการทำแท้งโดยแม่ไม่ยินยอม คนที่ทำแท้งให้หรือแพทย์ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี กรณีหญิงที่ทำแท้งเป็นอันตรายสาหัสจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และหากหญิงนั้นถึงแก่ความตาย จะมีโทษจำคุก 5 - 20 ปี


กรณีที่มีการเข้าไปจับกุมแล้วเจอผู้หญิงที่กำลังทำแท้งอยู่ หญิงคนนั้นจะเจอข้อหาทำให้ตัวเองแท้ง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนแพทย์ที่ทำให้จะถูกจำคุกไม่เกิน 10 ปี ส่วนคนที่รอ***ถือว่าเป็นการเตรียมการตามกฎหมายถือว่ามีความผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ โดยรัฐจะรับดูแลเด็กที่เกิดมาเอง

พ.ต.อ.สุรัศมิ์ บรรยายภาพความทารุณของการทำแท้งเป็นของแถมว่า ในกรณีที่อายุครรภ์ไม่มาก คนที่ทำแท้งจะใช้ความเค็มของน้ำเกลือกัดกร่อนเด็กให้หลุดออกจากผนังมดลูก น้ำเกลือที่ว่าจะถูกฉีดเข้ามดลูก โดยดูดน้ำคร่ำออกก่อนแล้วฉีดน้ำเกลือเข้าไปแทนที่

จากนั้นน้ำเกลือที่มีความเข้มข้นสูงจะเข้าไปกัดกระดูกและตัวเด็กทีละน้อยจนทนไม่ไหว ผู้หญิงที่ไปทำแท้งจึงเจ็บมากเพราะเด็กที่อยู่ในท้องจะถีบท้องด้วยความทุรนทุราย ก่อนจะขาดใจตายในที่สุด !!!!!


ที่มา http://www.bodin3.ac.th/board/classicreply.php?qID=356[/url


การทำแท้ง และภาพประกอบ






ภาพต่อไปนี้ครับ เป็นภาพศพเด็กที่ตาย จากการทำแท้งของผู้หญิงที่แบบรักสนุกและก็ผู้ที่ีไม่ปราถนาจะมีลูกครับ ท่านดูแล้วก็คิดสังเวชตามผมล่ะกันครับ



ภาพศพเด็กน้อยผู้น่าสงสาร โดนดึงจนหัวขาด




ถ้าเราไปทำแท้งมา เป็นการฆ่ามนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งตามหลักศาสนาพุทธ ถือว่าบาปนะ ท่านผู้หญิงทั้งหลายเชื่อผมครับ อย่าไปทำเลยครับ .......


ที่มา http://board.palungjit.com/f8/แฉหมดเปลือกเรื่องการทำแท้ง-กรรมจากการทำ แท้งและวิธี แก้ไขกรรม-76250.html

raponsan:


((( บาปกรรม จากการทำแท้ง )))
.......ในสังคมปัจจุบัน ปัญหาการทำแท้งส่วนใหญ่พบในกลุ่มวัยรุ่นกำลังเรียน หรือพนักงานโรงงานต่างๆ สถิติการทำแท้งนับวันมีจำนวนสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ในขณะเดียวกันก็พบคลีนิคทำแท้งผิดกฎหมายทุกจังหวัด โดยเฉพาะในเขตโรงงานหรือสถาบันการศึกษา ยิ่งไปกว่านั้นบางประเทศเปิดโอกาสให้มีการทำแท้งเสรี เพราะรัฐบาลคิดว่าเป็นทางแก้ปัญหา เข้าใจว่าเป็นสิทธิ์ของผู้เป็นแม่ที่จะเลือกเอาเด็กไว้หรือไม่ก็ได้ หารู้ไม่เป็นบาปกรรมอย่างหนัก เพราะเป็นการฆ่ามนุษย์

ต้นเหตุของปัญหาอาจมาจากหนุ่มสาวรักกัน บางครั้งถึงขั้นพลาดพลั้งเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาในขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีความพร้อม บางทีชายก็แนะหญิงให้ทำแท้ง หญิงก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย อาจเป็นเพราะความไม่พร้อม หรือเกรงจะสร้างปัญหา เนื่องจากตนเองยังเรียนไม่จบ ผลสุดท้ายต้องไปทำแท้งเอาเด็กออก หรือบางกรณีหมอวินิจฉัยว่าลูกในท้องเกิดมาต้องพิการก็ไปทำแท้งอีกเช่นกัน เพราะเกรงจะเป็นปัญหา เป็นภาระของตัวเองในอนาคต

ในความเป็นจริง การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถือว่าได้เกิดในสุคติภูมิที่เกิดขึ้นได้ยาก ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า หากจะเปรียบเทียบจำนวนของผู้ที่ไปเกิดในทุคติ เช่น ไปเป็นสัตว์นรก เปรต อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉาน กับจำนวนผู้ที่มาเกิดในสุคติภูมิ เช่น โลกมนุษย์ สวรรค์ หรือ พรหมโลกแล้วละก็ จำนวนผู้ที่มาเกิดในสุคติภูมินี้น้อยนิดเหลือเกิน ไม่ถึงแม้ส่วนเสี้ยวของจำนวนผู้ที่ไปเกิดในทุคติ เหมือนฝุ่นในเล็บมือไม่อาจเปรียบเทียบกับแผ่นดินทั้งโลกนี้ได้ฉะนั้น

อีกประการหนึ่งคือ การจะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้ ต้องอาศัยกายของบิดาและมารดาเป็นแดนเกิด ซึ่งจะต้องประกอบธาตุส่วนหยาบ เพื่อให้กายละเอียดของผู้มีบุญพอที่จะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้เกิดมาสร้างบารมี สร้างความดีต่อไป ทารกน้อยผู้กำลังจะเกิดมา ควรจะมีสิทธิ์ในชีวิตของตนเอง แต่พ่อกับแม่บางรายกลับไม่อนุญาต ไปเอาเขาออกก่อนกำหนด

ในกรณีนี้ ผู้ที่ทำแท้งเอง ผู้ให้คำแนะนำ หรือออกคำสั่งให้ทำ หรือผู้ให้การสนับสนุนการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ตาม ย่อมได้รับผลแห่งกรรมแตกต่างกันไป เนื่องจากการทำแท้งก็คือการฆ่ามนุษย์ ซึ่งเป็นบาปหนักของกรรมปาณาติบาต ต้องไปตกอยู่ในมหานรกก็เยอะ อยู่ในขุมบริวารก็มาก ในยมโลกยิ่งไม่ต้องนับกันเลย

.......ผู้ที่ตกไปอยู่มหานรก ต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างหนัก มีความร้อนแรงมาก และมีนายนิรยบาลซึ่งเป็นธาตุกายสิทธิ์เกิดขึ้นด้วยกำลังของบาปอกุศลในยมโลก เจ้าหน้าที่จะมีร่างกายใหญ่โตมโหฬาร สูงใหญ่ยิ่งกว่าต้นยางสูงๆ สีผิวดำแดง ดำอมเขียว หรือดำอมม่วง น่ากลัวมาก มีหน้าที่ลงทัณฑ์ทรมาน แต่ยังดูดีกว่านายนิรยบาลในมหานรก ที่มีสีผิวดำมืดเหมือนกับถ่าน ไฟในมหานรกนั้นร้อนแรงกว่าในยมโลกเป็นล้านเท่า

ไฟในยมโลกยังมีสีสันคล้ายกับไฟในเมืองมนุษย์ คือยังมองกันออก แต่ไฟในมหานรกนั้นมีเปลวสีดำ ภพของมหานรกก็ใหญ่กว่า อายุของสัตว์นรกก็ยืนยาวกว่า หากเปรียบเทียบกันแล้ว ยมโลกเป็นสถานที่ที่มนุษย์ไปรับผลที่เป็นเศษกรรมเท่านั้น ส่วนในมหานรกนั้นคือ รับผลส่วนเต็มๆของกรรม

.......ผู้ที่สร้างบาปอกุศลไว้อย่างหนัก พอตายแล้วกระแสบาปจะดูดวูบลงไปสู่มหานรก เหมือนพระเทวทัตที่ถูกไฟอเวจีดูดลงไปเองตามแรงกรรม แต่ผู้ที่ตายแล้วกระแสบาปยังไม่แรงพอ จะมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นยักษ์ประเภทหนึ่ง เรียกว่ากุมภัณฑ์ นุ่งผ้าหยักรั้งสีแดง นำกายละเอียดของผู้ตายลงไปสู่ยมโลก เพื่อเตือนสติให้ระลึกถึงบุญอีกครั้ง

แผนผังจาก บทเรียนอภิธรรม หลักสูตรเรียนทางอินเตอร์เน็ต อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มจร. เรียบเรียงโดย นายทวี สุขสมโภชน์

ผู้หญิงทำแท้งตายแล้วจะถูกดูดลงมหานรก
    แต่ในมหานรกนั้น ใครสร้างบาปอกุศลไว้อย่างหนัก ดังเช่น กรณีของผู้หญิงที่ไปทำแท้ง
    พอตายแล้วกายละเอียดจะถูกดูดวูบไปเป็นสัตว์นรกในมหานรกทันที
    สัตว์นรกจะได้รับการลงทัณฑ์แตกต่างหลากหลายกันไป
    เช่น จะถูกทัณฑ์ทรมานด้วยก้อนเหล็กร้อนใส่เข้าไปในอวัยะเพศ ใส่เข้าไปอยู่ในท้องหลายๆ ก้อน
    จนกระทั่งท้องโตดูแล้วเหมือนคนท้อง แล้วเอาด้ายกับเข็มเหล็กร้อนแดงมาเย็บปิดไว้
    สัตว์นรกจะเกิดความร้อนทุรนทุรายมาก

    จากนั้นก็จะมีน้ำมันร้อนๆ มาราดให้ทุกข์ทรมานหนักยิ่งขึ้นจนตาย
    เมื่อตายแล้วก็กลับเกิดใหม่ มารับการลงทัณฑ์เช่นนี้อีกเรื่อยไป
    เป็นเวลายาวนานหลายล้านปีมนุษย์ จนกว่าวิบากกรรมจะเบาบางลง


คนเป็นพ่อจะลงมหานรกเช่นกัน
......ส่วนคนเป็นพ่อที่ให้กำเนิดเขา แล้วสั่งให้ทำแท้ง พอตายแล้วกายละเอียดจะถูกดูดลงไปอยู่ในมหานรก บางคนไปอยู่โรรุวนรก ( มหานรก ขุมที่ ๔ ) บางคนอยู่ตาปนรก ( มหานรกขุมที่ ๖ )
    สัตว์นรกในขุมนี้จะถูกนายนิรยบาลผ่าท้อง เอาก้อนเหล็กร้อนๆ ใส่เข้าไปในท้องจนท้องโตเหมือนกับหญิงมีครรภ์ แล้วก็เอาด้ายกับเข็มเหล็กเย็บ เสร็จแล้วก็ราดด้วยน้ำมันร้อนๆต้องทนทุกขเวทนาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ต้องรับกรรมอย่างนี้เป็นเวลายาวนานเช่นกัน

    คนที่มีหน้าที่ทำแท้งด้วยอุปกรณ์ต่างๆ นายนิรยบาลก็จะเอาคีมเหล็กร้อนมาคีบหัวแล้วดึงขาให้ขาดจากกัน แล้วโยนลงไปบนพื้น เอาน้ำมันร้อนๆ ราด พอตายแล้วฟื้นขึ้นมาก็ทำอย่างนี้อีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่า บางคนก็ถูกจับขึ้นมาแล้วเอาอุปกรณ์ในการลงทัณฑ์ คล้ายๆ กับมีดหมอแต่ว่าร้อนมากมาผ่าท้องออก แล้วก็เอาไปวางบนตะแกรงเหล็กที่พาดอยู่บนเตาที่มีไฟสีดำ ย่างกลับไปกลับมาเหมือนเราย่างไก่อย่างนั้นแหละ

ผู้ที่ทำกรรมประเภทนี้แล้วไปตกอยู่ในนรกนั้นมีจำนวนมาก กว่าจะพ้นจากนรกได้ก็ยาวนานมากทีเดียว แล้วต้องมารับผลกรรมต่อที่ขุมบริวารอีก หมดกรรมที่ขุมบริวารก็มารับกรรมต่อที่ยมโลก หากว่าหมู่ญาติทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ บุญก็จะมาคอยอยู่ที่ยมโลก ถ้ามีบุญตรงนี้ก็อาจหมดกรรมที่จะถูกลงทัณฑ์ทรมาน

จะถูกส่งไปเกิดในโลกมนุษย์พอไปเกิด ก็ต้องชดใช้กรรมที่ทำเอาไว้อีก คือไปเกิดอยู่ในท้องแม่ได้ไม่กี่เดือน แม่ก็ต้องทำแท้งเอาออก ต้องเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอยู่เช่นนี้จนกองกระดูกสูงเท่าภูเขา คือนานมากกว่าจะพ้นจากบาปอกุศล ..........



ผู้มีส่วนรู้เห็นและสนับสนุน..เบาหน่อย
.......สำหรับผู้ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ อาจจะทำไปเพราะความสงสาร
     เห็นใจ ไปเป็นเพื่อน หรือเขาไม่มีเงินก็ช่วยออกให้ คนเหล่านี้ยังไม่ถึงกับไปนรก
     เพราะเป็นแค่การอนุโมทนาบาป แต่จะได้รับเศษกรรมเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์
     วิบากกรรมที่จะตามมาก็คือ จะมีลูกยาก ลูกมักแท้งก่อนถึงกำหนดคลอด
     ชีวิตตัวเองก็จะไม่ค่อยยืนยาว เพราะการสนับสนุนให้เขาทำแท้ง

     ถ้าหากไม่รู้ว่าการกระทำสิ่งนี้เป็นบาป และได้กระทำบุญอื่นๆ ไว้มาก
     เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมองในขณะละโลก ก็จะได้ไปสู่สุคติก่อน
     แต่ถ้าภาพเกี่ยวกับการสนับสนุนให้เขาทำแท้งนี้มาปรากฎให้เห็น
     เป็นกรรมนิมิตระหว่างใกล้จะตาย ทุคติก็เป็นที่ไป แต่ก็ไปอยู่ในระดับเปรตวิสัย

.......เปรตวิสัยนี้ มีชีวิตไม่ยืนยาวเท่ากับสัตว์ในมหานรก หรือในขุมบริวาร ซึ่งมีตั้งแต่พันปี หมื่นปี แสนปี ล้านปี จนกระทั่งถึงหนึ่งพุทธธันดร ข้อแตกต่างกันก็คือ สัตว์นรกเวลาถูกทรมานจะตาย ตายแล้วก็จะฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาแล้วก็ถูกลงโทษให้ตายไปอีก เกิดแล้วตาย ตายแล้วฟื้นอยู่อย่างนี้นับครั้งกันไม่ถ้วน แต่เปรตวิสัยจะไม่ตาย จะถูกทรมานอยู่อย่างนั้นจนสิ้นกรรม

สมมุติว่า มีใครสักคนไปสนับสนุนการทำแท้ง ไปเป็นเพื่อน หรือว่าออกเงินเป็นค่าใช้จ่ายให้ และกรรมนิมิตนี้มาให้เห็นตอนใกล้จะตาย ก็จะไปเกิดเป็นเปรต มีรูปร่างคล้ายๆ ก้อนเนื้อเหมือนเด็กที่อยู่ในครรภ์ ทำแท้งตอนนั้นกี่เดือน ก็จะมีลักษณะเหมือนอย่างนั้น เป็นเปรตก้อนเนื้อ ไม่ใช่เนื้อชิ้นเล็กๆ แต่ก้อนโตขนาดเท่าตึกใหญ่ๆ และจะถูกทรมานหลายรูปแบบ

บางพวกจะถูกเหล็กร้อนแดงร่อนมาจากอากาศ แล้วตกมาทรมานก้อนเนื้อนั้น ให้ทุกข์ทรมานซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ไม่ตาย ส่งเสียงร้องโอดโอย ครวญคราง บางพวกจะโดนฝนด่าง ฝนกรดตกลงมา ทำให้ปวดแสบ ปวดร้อน บางพวกก็เหมือนกับมีหนามแหลมๆ คอยทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา

บางพวกถูกฝูงแร้งปากเหล็กจิกแล้วจิกอีก ก็ยังไม่ตาย ดิ้นทุรนทุรายกันไป ต้องถูกทรมานอย่างนี้จนกว่าจะหมดกรรม พอหมดกรรมก็อาจจะมีกรรมอย่างอื่นพาไปสู่มหานรก หรือขุมบริวาร หรือยมโลก แต่ถ้ามีกุศลกรรมที่เคยทำไว้ตามมาช่วยไว้ทัน ก็จะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์หรือไปเกิดอยู่บนสวรรค์

เรื่องของกรรมเป็นเรื่องสลับซับซ้อน ดังนั้นต้องระมัดระวัง อย่าพลาดพลั้งไปทำสิ่งที่เป็นบาป สมมุติว่ามีกฎหมายให้ทำแท้งได้อย่างถูกต้องออกมาใช้ เราอาจจะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ต้องได้รับโทษนี้ แต่เนื่องจากการทำลายชีวิตผู้อื่นให้สิ้นไป ไม่ว่าจะอ้างความจำเป็นกรณีใดๆก็ตาม เป็นเรื่องที่ผิดต่อศีลธรรม จะต้องได้รับผลอันทุกข์ทรมานจากกฎแห่งกรรมอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

หากใครพลาดพลั้งทำไปแล้ว ก็ไม่ต้องวิตกกังวลร้อนใจจนเกินไป วิธีแก้ไขก็คือ อย่าไปนึกถึงภาพนั้นตอกย้ำซ้ำเติม ถ้าไปนึกถึงบาป ดวงบาปจะโตขึ้น แล้วจะมีผลตอนใกล้ตาย ภาพนั้นจะมาฉายให้เห็น เมื่อไม่นึกถึงแล้วก็อย่าไปทำบาปอกุศลใดๆ เพิ่มเติมอีก ให้หมั่นสั่งสมบุญ ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาให้มากๆ ทำบ่อยๆ จนเป็นอาจิณกรรม จะทำให้มีดวงบุญสว่างไสวใหญ่โตพอที่จะปิดประตูอบายภูมิได้ .........

ที่มา
http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=711
ที่มา http://board.palungjit.com/f8/แฉหมดเปลือกเรื่องการทำแท้ง-กรรมจากการทำ แท้งและวิธี แก้ไขกรรม-76250.html
ขอบคุณภาพจาก http://122.155.0.199/jabchai/images_joke/,http://www.buddhism-online.org/,http://i178.photobucket.com/

การแก้กรรมทำแท้งบุตร


การแก้กรรมสำหรับการทำแท้งบุตร

การทำแท้งนั้นถือเป็นบาปมหันต์จะทำให้ผู้ที่ทำ แท้งดวงตก  ถึง 7 ปี ทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่ร่วมกันทำแท้ง  ฉะนั้น อาจารย์จึงบอกวิธีแก้ไว้เพราะมีคนรู้วิธีแก้กรรมนี้น้อยมาก

การแก้กรรมการทำแท้งบุตร  มีวิธีดังนี้

    1)ทั้งหญิงและชายจะต้องปล่อยเต่า ให้ได้เท่าอายุ  เช่น  อายุ  22 ปี      ก็ปล่อย 22  ตัว  โดยจะทำทีเดียวให้ครบหรือ ค่อยๆ  ทำจนกว่าจะครบก็ได้  แต่ ระยะเวลาอย่าให้เกิน 3  เดือน

    2)และจะต้องจัดสังฆทานดังกล่าวนี้ ถวายพระ โดยทำให้ครบ 7 ครั้ง โดยจะทำทุกเดือนหรือทุก  3  เดือน  ทำ 1  ครั้ง  ก็ได้  ให้ครบ 7 ครั้ง จะทำให้ชะตาชีวิตดีขึ้นและหมด เคราะห์กรรมแล้ว                   
      1)  ชุดไตรจีวรครบ 1  ชุด
      2)  พระประจำวัน เกิด 5  นิ้ว 1 องค์
      3)  กระติกน้ำแข็ง 1 ใบ
      4)  กระโถน 1 ใบ
      5)  ไฟฉายพร้อมถ่าน 1 กระบอก
      6)  ที่ตัดเล็บ 1  อัน
      7)  หนังสือ มนต์พิธี 1 เล่น
      8)  ยารักษาโรค 1 ชุด
      9)  ข้าวสารพอ ประมาณ
      10)  ดอกไม้  ตาม กำลังวัน                   
      11)  ธูป  ตาม กำลังวัน
      12) เทียน ตามกำลังวัน
      13)  เงิน ตาม สมควร

     กำลังพระเคราะห์หรือเทวดาเสวย อายุ ทั้ง 8 ดังกล่าวนี้ ตามหลักโหราศาสตร์ ท่านกำเนิดเรียงกำลังวันไว้ต่างจากหลักสากลทั่วไป คือเรียง ดังนี้
         พระ อาทิตย์  มีกำลัง 6
         พระจันทร์  มีกำลัง 15
         พระอังคาร  มีกำลัง 8
         พระพุธ มีกำลัง 17
         พระเสาร์  มีกำลัง 10
         พระพฤหัส  มีกำลัง 19
         พระราหู (พุธ กลางคืน) มีกำลัง 12
         พระศุกร์ มีกำลัง 21



ปัตติทานะคาถา ( บทสวดนี้ คนเคยทำแท้งควรจะสวดทุกวัน )

( นำ ) หันทะมะยัง  ปัตติทานะคาถาโย  ภะณามะ เส  ฯ
( รับ ) ยาเทวะตา สันติ  วิหาระวาสินี
ถู เป  ฆะเร โพธิฆะเร  ตะหิง  ตะหิง
ตา ธัมมะทาเนนะ ภะวันตุ  ปูชิตา
โสตถิ กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล
เถรา  จะ มัชฌา  นะวะกา จะ ภิกขะโว
สารามิ กา  ทานะปะตี  อุปาสะกา
คามา จะ เทสา นิคะมา  จะ อิสสะรา
สัปปาณะภู ตา  สุขิตา ภะวันตุ  เต
ชะลาพุชา  เยปิ  จะ อัณฑะสัมภะวา
สังเสทะ ชาตา  อะถะโวปะปาติกา
นิยยานิกัง  ธัมมะวะรัง  ปะฏิจจะ  เต
สัพเพปิ  ทุกขัสสะ  กะโรนตุ  สังขะยัง  ฯ
ฐาตุ  จิรัง สะตัง ธัมโม  ธัมมัทธะรา จะ ปุคคะลา
สังโฆ โหตุ  สะมัค โค วะ   อัตถายะ จะ หิตายะ จะ
อัมเห  รักขะตุ สัทธัมโม  สัพเพปิ ธัมมะจาริโน
วุฑฒิง  สัมปาปุเณยยามะ  ธัมเม  อะริยัปปะเวทิตา  ฯ
ปะสันนา  โหนตุ  สัพเพปิ  ปาณิโน  พุทธะสาสะเน
สัมมา  ธารัง ปะเวจฉันโต  กาเล เท โว ปะวัสสะตุ
วุฑฒิภาวายะ  สัตตานัง  สะมิทธัง  เนตุ  เมทะนิง
มาตา  ปิตา  จะ  อัตระชัง  นิจจัง รักขันติ  ปุตตะกัง
เอวัง  ธัมเมนะ  ราชาโน  ปะชัง  รักขันตุ  สัพพะทา ฯ

        *************************************

กะระณียะเมตตะสุตตัง

....... กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ
สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ
นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ
สุ ขิโน วา เขมิโน โหนตุ
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ
ทีฆา วา เย มะหันตา วา
ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา
ภูตา วา สัมภะเวสี วา
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
พยา โรสะนา ปะฏีฆะสัญญา
มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ
....... เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง.......
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ
ติฏฐัญจะ รัง นิสินโน วา
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ
ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา
กาเม สุ วิเนยยะ เคธัง ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานิ
อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
นาติมัญเญ ถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
ทัสสะเนนะ สัมปันโน
นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติฯ

ที่มา  http://www.sathanimahaprash.com/index.asp?catid=4&contentID=10000004&getarticle=22&title=%E1%A1%E9%A1%C3%C3%C1%B7%D3%E1%B7%E9%A7%BA%D8%B5%C3

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป