สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: vijitchai ที่ กรกฎาคม 16, 2010, 07:54:15 am



หัวข้อ: ในสติปัฏฐาน 4 นั้น ควรเริ่มศึกษาภาวนาส่วนใดก่อน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: vijitchai ที่ กรกฎาคม 16, 2010, 07:54:15 am
ใน มหาสติปัฏฐาน นั้น มีเรื่อง มี 4 ปัฏฐานใหญ่ ถ้าเราผู้เริ่มศึกษาปฏิบัตินั้น จะเลือกศึกษาปฏิบัติควรเริ่มจุดไหนก่อน ดีครับ


 :25: :25:


หัวข้อ: Re: ในสติปัฏฐาน 4 นั้น ควรเริ่มศึกษาภาวนาส่วนใดก่อน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: axe ที่ กรกฎาคม 16, 2010, 04:17:56 pm
ผมเคยถาม พระอาจารย์ข้อนี้ครั้งหนึ่ง

คำตอบได้รับกลับมาเป็นคำถาม อย่างนี้


คุณมีจริตอะไร

ชอบฐานไหน ก็ปฏิบัติฐานนั้น

สั้น ๆ แต่นั่งคิดเป็นชั่วโมงเลยครับ

 :25:



หัวข้อ: Re: ในสติปัฏฐาน 4 นั้น ควรเริ่มศึกษาภาวนาส่วนใดก่อน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 17, 2010, 11:14:37 am
๑.กายานุปัสสนา สติปัฏฐาน
๒.เวทนานุปัสสนา สติปัฏฐาน
๓.จิตตานุปัสสนา สติปัฏฐาน
๔.ธัมมานุปัสสนา สติปัฏฐาน

๑.ราคจริต (หนักไปทางรักสวยรักงาม มักติดใจ) กรรมฐานคู่ปรับสำหรับแก้ คือ อสุภะและกายคตาสติ

๒.โทสจริต(หนักไปทางใจร้อนขี้หงุดหงิด) กรรมฐานที่เหมาะ คือ พรหมวิหารและกสิณ โดยเฉพาะวัณณกสิณ

๓.โมหจริต  (หนักไปทางเหงาซึม งมงาย)กรรมฐานที่เกื้อกูล คือ อานาปานสติ และพึงแก้ด้วยมีการเรียน ถาม ฟังธรรม สนทนาธรรมตามกาลหรืออยู่กับครู 

๔.สัทธาจริต (หนักไปทางน้อมใจเชื่อ) พึงชักนำไปในสิ่งที่ควรแก่ความลื่อมใส และความเชื่อที่มีเหตุผล เช่น พิจารณาอนุสติ ๖ ข้อต้น

๕.พุทธิจริต (หนักไปทางคิดพิจารณา) เจริญได้ทุกกรรมฐาน

๖.วิตกจริต (หนักไปทางคิดจับจดฟุ้งซ่าน) พึงแก้ด้วยสิ่งที่สะกดอารมณ์ เช่น เจริญอานาปานสติ หรือเพ่งกสิณ เป็นต้น

ขอนำคำเทศนาของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช
มากล่าวพอเป็นแนวทางนะครับ ขอบอกก่อนว่าตัวผมเองก็ยังเข้าใจไม่หมด

การทำสมถกรรมฐาน จะพิจารณาตาม จริต ๖
ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน มีแค่ ๒ จริต คือ ทิฏฐิจริต และราคจริต(ตัณหาจริต)

การดูกายและเวทนา ดูยาก ต้องทำสมาธิก่อน(เข้าฌาณ) เหมาะสำหรับสมถยานิก และผู้มีราคจริต
การดูจิต ดูง่าย ไม่ต้องทำสมาธิ เหมาะสำหรับวิปัสสนายานิก และผู้มีทิฏฐิจริต
การดูธรรม ดูยากมาก เหมาะสำหรับผู้มีปัญญากล้า ไม่แนะนำให้ดู

ขอตอบเท่านี้ก่อนนะครับ สงสัยอะไรก็ถามได้ ยินดีตอบทุกเรื่อง

ขอให้ธรรมคุ้มครอง
 :25: :25: :25:


มาเพิ่มเติมเพื่อความกระ่จ่างครับ ลืมบอกไปว่า ทิฏฐิจริตคือ พวกชอบคิดมาก
พวกที่เีรียนมาสูง ปริญญาตรี โท เอก หรือเชื่อในวิทยาศาสตร์อย่างเดียว

ถ้าจะนำเอาพจนานุกรมพุทธศาสน์มาอ้างอิง จะมีความหมายดังนี้ครับ

ทิฏฐิ ความคิดเห็น ความเชื่อถือ ลัทธิ ทฤษฎี อุดมการณ์ต่าง ๆ ที่ยึดถือไว้โดยงมงายหรือโดยอาการเชิดชูว่าอย่างนี้เท่านั้นจริง อย่างอื่นเท็จทั้งนั้น เป็นต้น

ทำให้ปิดตัวแคบ ไม่ยอมรับฟังใคร ตัดโอกาสที่จะเจริญปัญญา หรือคิดเตลิดไปข้างเดียว ตลอดจนเป็นเหตุแห่งการเบียดเบียนบีบคั้นผู้อื่นที่ไม่ถืออย่างตน, ความยึดติดในทฤษฎี ฯลฯ ถือความคิดเห็นเป็นความจริง

พระอาจารย์ปราโมชย์ยังกล่าวอีกว่า เลือกเอาเพียงฐานใดฐานหนึ่งมาปฏิบัติ เข้านิพพานได้เหมือนกันทุกฐาน และเมื่อถึงที่สุดแล้ว จะดูได้ทั้งหมด คือ อีกสามฐานที่เหลือจะดูได้เองอัตโนมัติ

         ฟิสิกคัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ฟิสิกคัง สะระณัง คัจฉามิ
ตติยัมปิ ฟิสิกคัง สะระณัง คัจฉามิ

ตัวผมเองเคยมีฟิสิกค์เป็นสรณะ แล้วเพื่อนๆล่ะครับ มีอะไรเป็นสรณะ


หัวข้อ: Re: ในสติปัฏฐาน 4 นั้น ควรเริ่มศึกษาภาวนาส่วนใดก่อน ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kittisak ที่ กรกฎาคม 20, 2010, 06:38:07 am
สำหรับการฝึก มหาสติปัฏฐาน นั้น ถ้าจะให้กล่าวว่าฝึก อะไรก่อนนั้น


ถ้าเราฝึก อานาปานสติ แล้ว ก็ต้องฝึกตามลำดับครับ

กาย เวทนา จิต และ ธรรม

เลือกเฉพาะอย่างใด อย่างหนึ่งไม่ได้ ครับ

เพราะเป็นธรรมะ ที่นับเนื่อง ซึ่งกันและกัน

องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสตามลำดับแล้วครับ

อ่านตรงนี้เพิ่มจะเข้าใจครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=776 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=776)