ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะสาระวันนี้ "มรรคกถา หนทางสู่ความพ้นสังสารวัฏ "  (อ่าน 2863 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พระสุตตันตปิฎก  ขุททกนิกาย  ปฏิสัมภิทามรรค  ๑. 
มหาวรรค๙.  มัคคกถา
]

เล่มที่ 31 หน้าที่ 401 ถึง 404

๙. มัคคกถา  ว่าด้วยมรรค
            [๒๓๗]    คำว่า    มรรค    อธิบายว่า    ชื่อว่ามรรค    เพราะมีสภาวะว่าอย่างไร
            คือ    ในขณะแห่งโสดาปัตติมรรค   
            ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ  เพราะมีสภาวะเห็น  เป็นมรรคและเป็นเหตุ เพื่อละมิจฉาทิฏฐิ เพื่ออุปถัมภ์สหชาตธรรม เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย(๕)    เพื่อความหมดจดในเบื้องต้นแห่งปฏิเวธ    เพื่อความตั้งมั่นแห่งจิตเพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิต  เพื่อบรรลุธรรมวิเศษ เพื่อรู้แจ้งธรรมอันยิ่ง เพื่อตรัสรู้สัจจะ  เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในนิโรธ




๕ เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย  หมายถึงทำกิเลสทั้งหลายให้สิ้นไป  (ขุ.ป.อ.  ๒/๒๓๗/๒๑๐)




            ชื่อว่าสัมมาสังกัปปะ เพราะมีสภาวะตรึกตรอง เป็นมรรคและเป็นเหตุ เพื่อละมิจฉาสังกัปปะ เพื่อุปถัมภ์สหชาตธรรม    เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย    เพื่อความหมดจดในเบื้องต้นแห่งปฏิเวธ    เพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต    เพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิตเพื่อบรรลุธรรมวิเศษ    เพื่อรู้แจ้งธรรมอันยิ่ง    เพื่อตรัสรู้สัจจะ    เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในนิโรธ

            ชื่อว่าสัมมาวาจา    เพราะมีสภาวะกำหนด    เป็นมรรคและเป็นเหตุ    เพื่อละมิจฉาวาจา    เพื่ออุปถัมภ์สหชาตธรรม    เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย    เพื่อความหมดจดในเบื้องต้นแห่งปฏิเวธ    เพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต    เพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิต    เพื่อบรรลุธรรมวิเศษ    เพื่อรู้แจ้งธรรมอันยิ่ง    เพื่อตรัสรู้สัจจะ    เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในนิโรธ

            ชื่อว่าสัมมากัมมันตะ    เพราะมีสภาวะเป็นสมุฏฐาน    เป็นมรรคและเป็นเหตุเพื่อละมิจฉากัมมันตะ    เพื่ออุปถัมภ์สหชาตธรรม    เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย    เพื่อความหมดจดในเบื้องต้นแห่งปฏิเวธ    เพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต    เพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิตเพื่อบรรลุธรรมวิเศษ    เพื่อรู้แจ้งธรรมอันยิ่ง    เพื่อตรัสรู้สัจจะ    เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในนิโรธ

            ชื่อว่าสัมมาอาชีวะ    เพราะมีสภาวะผ่องแผ้ว    เป็นมรรคและเป็นเหตุ    เพื่อละมิจฉาอาชีวะ    ฯลฯ    ชื่อว่าสัมมาวายามะ    เพราะมีสภาวะประคองไว้    เป็นมรรคและเป็นเหตุ    เพื่อละมิจฉาวายามะ    ฯลฯ    ชื่อว่าสัมมาสติ    เพราะมีสภาวะตั้งมั่น    เป็นมรรคและเป็นเหตุเพื่อละมิจฉาสติ    ฯลฯ
 
           ชื่อว่าสัมมาสมาธิ    เพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่าน    เป็นมรรคและเป็นเหตุ    เพื่อละมิจฉาสมาธิ    เพื่ออุปถัมภ์สหชาตธรรม    เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย    เพื่อความหมดจดในเบื้องต้นแห่งปฏิเวธ    เพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต    เพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิต    เพื่อบรรลุธรรมวิเศษ    เพื่อรู้แจ้งธรรมอันยิ่ง    เพื่อตรัสรู้สัจจะ    เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในนิโรธ
 
          ในขณะแห่งสกทาคามิมรรค   
          ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ    เพราะมีสภาวะเห็น    ฯลฯ    ชื่อว่าสัมมาสมาธิ    เพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่าน    เป็นมรรคและเป็นเหตุ    เพื่อละกามราค-สังโยชน์    ปฏิฆสังโยชน์    ส่วนหยาบ  ๆ    กามราคานุสัย    ปฏิฆานุสัย    ส่วนหยาบ  ๆเพื่ออุปถัมภ์สหชาตธรรม    เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย    เพื่อความหมดจดในเบื้องต้นแห่งปฏิเวธ    เพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต    เพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิต    เพื่อบรรลุธรรมวิเศษเพื่อรู้แจ้งธรรมอันยิ่ง    เพื่อตรัสรู้สัจจะ    เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในนิโรธ

          ในขณะแห่งอนาคามิมรรค   
          ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ    เพราะมีสภาวะเห็น    ฯลฯ    ชื่อว่าสัมมาสมาธิ    เพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่าน    เป็นมรรคและเป็นเหตุ    เพื่อละกามราคสังโยชน์    ปฏิฆสังโยชน์    ส่วนละเอียด  ๆ    กามราคานุสัย    ปฏิฆานุสัย    ส่วนละเอียด  ๆเพื่ออุปถัมภ์สหชาตธรรม    เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย    เพื่อความหมดจดในเบื้องต้นแห่งปฏิเวธ    เพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต    เพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิต    เพื่อบรรลุธรรมวิเศษเพื่อรู้แจ้งธรรมอันยิ่ง    เพื่อตรัสรู้สัจจะ    เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในนิโรธ

            ในขณะแห่งอรหัตตมรรค   
            ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ    เพราะมีสภาวะเห็น    ฯลฯ    ชื่อว่าสัมมาสมาธิ    เพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่าน    เป็นมรรคและเป็นเหตุ    เพื่อละรูปราคะอรูปราคะ  มานะ    อุทธัจจะ    อวิชชา    มานานุสัย    ภวราคานุสัย  อวิชชานุสัย    เพื่ออุปถัมภ์สหชาตธรรม    เพื่อครอบงำกิเลสทั้งหลาย    เพื่อความหมดจดในเบื้องต้นแห่งปฏิเวธ    เพื่อความตั้งมั่นแห่งจิต  เพื่อความผ่องแผ้วแห่งจิต    เพื่อบรรลุธรรมวิเศษเพื่อรู้แจ้งธรรมอันยิ่ง    เพื่อตรัสรู้สัจจะ    เพื่อให้จิตตั้งมั่นอยู่ในนิโรธ
 
           มรรคคือความเห็น    ชื่อว่าสัมมาทิฏฐิ   
           มรรคคือความตรึกตรอง    ชื่อว่าสัมมาสังกัปปะ   
           มรรคคือการกำหนด    ชื่อว่าสัมมาวาจา   
           มรรคคือสมุฏฐาน    ชื่อว่าสัมมากัมมันตะ   
           มรรคคือความผ่องแผ้ว    ชื่อว่าสัมมาอาชีวะ   
           มรรคคือการประคองไว้ชื่อว่าสัมมาวายามะ   
           มรรคคือความตั้งมั่น    ชื่อว่าสัมมาสติ   
           มรรคคือความไม่ฟุ้งซ่านชื่อว่าสัมมาสมาธิ
 
           มรรคคือความตั้งมั่น    ชื่อว่าสติสัมโพชฌงค์   
           มรรคคือการเลือกเฟ้น    ชื่อว่าธัมมวิจยสัมโพชฌงค์   
           มรรคคือการประคองไว้    ชื่อว่าวิริยสัมโพชฌงค์   
           มรรคคือความแผ่ซ่าน    ชื่อว่าปีติสัมโพชฌงค์   
           มรรคคือความสงบ    ชื่อว่าปัสสัทธิสัมโพชฌงค์
           มรรคคือความไม่ฟุ้งซ่าน    ชื่อว่าสมาธิสัมโพชฌงค์   
           มรรคคือการพิจารณา    ชื่อว่าอุเบกขาสัมโพชฌงค์
 
         มรรคคือความไม่หวั่นไหวเพราะความไม่มีศรัทธา    ชื่อว่าสัทธาพละ   
         มรรคคือความไม่หวั่นไหวเพราะความเกียจคร้าน    ชื่อว่าวิริยพละ   
         มรรคคือความไม่หวั่นไหวเพราะความประมาท    ชื่อว่าสติพละ   
         มรรคคือความไม่หวั่นไหวเพราะอุทธัจจะ    ชื่อว่าสมาธิพละ   
         มรรคคือความไม่หวั่นไหวเพราะอวิชชา    ชื่อว่าปัญญาพละ
         
         มรรคคือความน้อมใจเชื่อ    ชื่อว่าสัทธินทรีย์   
         มรรคคือการประคองไว้    ชื่อว่าวิริยินทรีย์   
         มรรคคือความตั้งมั่น    ชื่อว่าสตินทรีย์   
         มรรคคือความไม่ฟุ้งซ่าน    ชื่อว่าสมาธินทรีย์   
         มรรคคือความเห็น    ชื่อว่าปัญญินทรีย์
       
           มรรคที่ชื่อว่าอินทรีย์    เพราะมีสภาวะเป็นใหญ่   
           มรรคที่ชื่อว่าพละ    เพราะมีสภาวะไม่หวั่นไหว   
           มรรคที่ชื่อว่าโพชฌงค์    เพราะมีสภาวะนำออก   
           มรรคที่ชื่อว่าองค์แห่งมรรค    เพราะมีสภาวะเป็นเหตุ   
           มรรคที่ชื่อว่าสติปัฏฐาน    เพราะมีสภาวะตั้งมั่น
          มรรคที่ชื่อว่าสัมมัปปธาน    เพราะมีสภาวะตั้งไว้   
          มรรคที่ชื่อว่าอิทธิบาท    เพราะมีสภาวะให้สำเร็จ   
          มรรคที่ชื่อว่าสัจจะ    เพราะมีสภาวะเป็นของแท้   
          มรรคที่ชื่อว่าสมถะเพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่าน   
          มรรคที่ชื่อว่าวิปัสสนา    เพราะมีสภาวะพิจารณาเห็น
          มรรคที่ชื่อว่าสมถะและวิปัสสนา    เพราะมีสภาวะมีรสเป็นอย่างเดียวกัน   
          มรรคที่ชื่อว่าธรรมที่เป็นคู่กัน    เพราะมีสภาวะไม่ล่วงเลยกัน   
          มรรคที่ชื่อว่าสีลวิสุทธิ    เพราะมีสภาวะสำรวม   
          มรรคที่ชื่อว่าจิตตวิสุทธิ    เพราะมีสภาวะไม่ฟุ้งซ่าน   
          มรรคที่ชื่อว่าทิฏฐิวิสุทธิ    เพราะมีสภาวะเห็น   
          มรรคที่ชื่อว่าวิโมกข์    เพราะมีสภาวะหลุดพ้น
          มรรคที่ชื่อว่าวิชชา    เพราะมีสภาวะรู้แจ้ง   
          มรรคที่ชื่อว่าวิมุตติ    เพราะมีสภาวะสละ
          มรรคที่ชื่อว่าญาณในความสิ้นไป    เพราะมีสภาวะตัดขาด   
          มรรคที่ชื่อว่าฉันทะ เพราะมีสภาวะเป็นมูล   
          มรรคที่ชื่อว่ามนสิการ    เพราะมีสภาวะเป็นสมุฏฐาน   
          มรรคที่ชื่อว่าผัสสะ    เพราะมีสภาวะเป็นที่ประชุม   
          มรรคที่ชื่อว่าเวทนา    เพราะมีสภาวะเป็นที่รวม
          มรรคที่ชื่อว่าสมาธิ    เพราะมีสภาวะเป็นประธาน   
          มรรคที่ชื่อว่าสติ    เพราะมีสภาวะเป็นใหญ่   
          มรรคที่ชื่อว่าปัญญา    เพราะมีสภาวะเป็นธรรมที่ยิ่งกว่าธรรมนั้น   
          มรรคที่ชื่อว่าวิมุตติ    เพราะมีสภาวะเป็นแก่นสาร   
          มรรคที่ชื่อว่าธรรมที่หยั่งลงสู่อมตะคือนิพพาน    เพราะมีสภาวะเป็นที่สุด
                  มัคคกถา จบ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2012, 09:08:55 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ