ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมต้องเอา บทพระพุทธคุณ ไปตั้งเป็นชื่อ พระนารายณ์ คร้า....  (อ่าน 67162 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สิ่งที่หมวยจ้า สงสัยอยู่เหมือนกัน.......

คาถาบูชาดวงประจำวันเกิดทั้ง ๗ วัน
๑. เกิดวันอาทิตย์ อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ ชื่อคาถาพระนารายณ์และรูปใช้ในทางเมตตามหานิยม สวดวันละ ๖ จบ

๒. เกิดวันจันทร์ อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ชื่อคาถากระทู้ ๗ แบก ใช้ในทางคงกระพัน สวดวันละ ๑๕ จบ

๓. เกิดวันอังคาร ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง ชื่อคาถาฝนเสน่หา ใช้ในทางเมตตามหานิยม สวดวันละ ๘ จบ

๔. เกิดวันพุธกลางวัน ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท ชื่อคาถาพระนารายณ์เกลื่อนสมุทร ใช้เสกปูนสูญฝี สวดวันละ ๑๗ จบ

๕. เกิดวันพุธกลางคืน คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ ชื่อคาถาพระนารายณ์พลิกแผ่นดิน ใช้ทางแก้ความผิด สวดวันละ ๑๒ จบ

๖. เกิดวันพฤหัสบดี ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ ชื่อคาถา พระนารายณ์ครึ่งไตรภพ ใช้ทางเมตตามหานิยม สวดวันละ ๑๙ จบ

๗. เกิดวันศุกร์ วา โท โณ อะ มะ มะ วา ชื่อคาถาพระนารายณ์ สวาดหิมพานต์ ไช้ทางเมตตามหานิยม สวดวันละ ๒๑ จบ

๘. เกิดวันเสาร์ โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ ชื่อคาถาพระนารายณ์ถอดจักร ใช้แก้ถอนคุณไสยศาสตร์ สวดวันละ ๑๐ จบ

บทพระพุทธคุณ ทำไมไปเกี่ยวกับ พระนารายณ์คร้า...... :25:
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง

sathukrab

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +6/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 64
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นคำถามที่น่าสนใจ มากครับ นั่นสินะ
เป็นคำจำกัดความ ให้ดูเหมือน ยิ่งใหญ่ หรือป่าวครับ

แต่ที่จริง บทพุทธคุณ เป็นบทที่มีอานุภาพมากอยู่แล้ว สามารถ ขจัดความกลัว ความสะดุ้งได้

หลวงพ่อจรัญ ท่านกล่าวว่าเป็นบทต่ออายุด้วยครับ


ผมว่า มีอุปเท่ห์ ใมการให้สวดมากกว่าครับ เรื่องพวกนี้ใช้ศรัทธา ก็ดีนะครับ
 :s_good:
บันทึกการเข้า
พุทโธ อะระหัง พุทโธ ธัมโม อะระหัง พุทโธ สังโฆ อะระหัง พุทโธ อะหัง วันทามิ
ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่ เว้นเสียแต่ต้นทุนบุญกุศล
ทิ้งสมบัติทั้งหลาย ให้ปวงชน ร่างของตนเขายังเอาไปเผาไฟ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
อิติปิโส 8 ทิศ อานุภาพคณานับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2010, 07:14:55 pm »
0
อิติปิโส 8 ทิศ อานุภาพคณานับ
   
๑. อิระชาคะตะระสา เรียกว่ากระทู้ ๗ แบก คุ้มทิศบูรพา เสกเป่าพิศสัตว์กัดต่อย
   
๒.ติหังจะโตโรถินัง เรียกว่า ฝนแสนห่า คุ้มทิศอาคเนย์ บทนี้ทำน้ำมนต์ รดคนเจ็บไข้ได้ป่วย
   
๓.ปิสัมระโลปุสัตพุธ เรียกว่านารายณ์เกลื่อนสมุทร คุ้มทิศทักษิน ภาวนากันภูตผีปีศาจ
   
๔.โสมานะกะริถาโธ เรียกว่านารายณ์คลายจักร คุ้มทิศหรดี เสกสวด108 คาบทำน้ำมนต์ ไล่ผี หรือคนท้องกินคลอดลูกง่าย
   
๕. ภะสัมสัมวิสะเทภะ เรียกว่านารายณ์ขว้างจักรไตรตรึงภพ คุ้มทิศประจิมเสกพรมร่างคนไข้ ไล่ภูพผีปีศาจ
   
๖.คะพุทปันทูธัมวะคะ เรียกว่านารายณ์พลิกแผ่นดิน เสกน้ำมนต์ป้องกันผีเจ้าเข้าทรง หรือถูกคุณกระทำชะงักนัก
   
๗.วาโธโนอะมะมะวา เรียกว่าตวาดป่าหิมพานต์ คุ้มทิศอุดร เสกด้าย หวาย มีด ข้าวสาร ขับไล่ผี ผีป่าเวลาเดินทาง
   
๘.อะวิชสุนุตสานุสติ เรียกว่านารายณ์แปลงรูป คุ้มทิศอีสาน เสกเป่าตัวเอง เวลาออกจากบ้านแคล้วคลาด..


    ภาวนาป้องกันภัยอันตราย 108 มีคุณอเนกคณานับ

    จากหนังสือตำราพรหมชาติ หน้า 247-248 หมวด พระคาถามหาอาคม



   

  อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
    ติ หัง จะ โต โล ถิ นัง
    ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุธ
    โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ
    ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ
    คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ
    วา โธ โน อะ มะ มะ วา
    อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ


    ผู้รู้ ในสมัยก่อน ท่านว่า วิธี ใช้มากมายเพราะ อะไรครับ ทำไม ชื่อ อิติปิโส ๘ ทิศ เรียกกระทู้ ๗ แบก
    แต่ละบท มี ๗ คำ คูณ ๘ บท = ๕๖ คุณพระพุทธเจ้า
    คาถานี้ มาจากไหนครับ ลอง อ่าน ลงมา ตัวเเรก บทแรกลง มาตัวแรก บทที่สองไร่ลงไปเรือยๆๆดูซิครับ แล้วขึ้นไปตัวที่ สอง บทแรกอ่านไร่ ลงมาเรือยๆๆ

    อิติปิโสภะคะวา อะระหังสัมมา สัมพุทโธ วิชาจะระนะสัมปันโน สุคะโตโลกะวิทู
อะนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมะ มะนุสสานัง พุธโธ ภะคะวาติ ครับ ก็ บท
 อิติปิโส ที่เราๆๆท่านๆๆสวดบูชา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นไงครับ

    และ ยังมี อิติปิโสถอยหลัง อีกครับ

    ติวาคะภะโธพุทนังสา
    นุสมะวะเทถาสัตถิระ
    สามะทัมสะริปุโรตะ
    นุตอะทูวิกะโลโตคะ
    สุโนปันสัมณะระจะชา
    วิชโธพุทสัมมาสัมหังระ
    อะวาคะภะโสปิติอิ


    ให้ภาวนา ๓ / ๗ คาบ ก่อนเดินทางไปในทิศใดๆๆ จะแคล้วคลาดปราศจากทุกข์ภัยพิบัติทั้งปวง หากภาวนาได้ครบ 108 คาบ ติดต่อกัน ท่านว่าจะมีตัวเบา ตัวปลิว เสกหรือสะเดาะเคราะห์ สะเดาะ กุญแจ หรือโซ่ตรวนของจองจำทั้งปวงได้

    จาก หนังสือตำราพรหมชาติ หมวด คาถามหาอาคม หน้า 256





    กระทู้เจ็ดแบก อาจารย์จําแนกไว้บูชา เสกข้าวกินทุกวัน อาจป้องกันเครื่องศาสตรา อนึ่งภาวนา แล้วหันหน้าสู่ช้างสาร อาจหักงวงคชา ด้วยพลาอันห้าวหาญ มีกําลังเหลือประมาณ ยิ่งช้างสารอันตกมัน ฤษีทั้ง7องค์ ท่านดํารงอยู่ทิศนั้น เมื่ออภิวันท์ หันพักตร์นั้นทางทิศบูรพา


    อาคเนย์ฝนแสนห่า ใช้ภาวนาคราเดินทาง ถึงเดินสิ้นทั้งวัน เรื่องนํ้านั้นอย่าระคาง เสกหมากรับประทานพลาง สิบห้าคําอ้างกินเรื่อยไป แม้นใคร่ให้มีฝน อย่าร้อนรนจงใจเย็น ให้เสกไส้เทียนชัย เสกให้ได้แสนเก้าพัน แล้วให้นึกเทเวศ ผู้เรืองเดชในสวรรค์ อิทรพรหมสิ้นด้วยกัน ตลอดจนถึงชั้นอะกะนิฏฐ์ ฝนก็จะตกหนัก เพราะอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีโรคอันวิปริต จงพินิจพิจารณา เอาทํานํ้ามนต์ แล้วพรํ่าบ่นด้วยคาถา เสกพ่นสัก7ครา มิทันช้าก็จักหาย อาคเนย์นามทิศศา จงหันหน้าไปโดยหมาย เคารพครูบรรยาย แล้วจึงร่ายคาถาเอย

    นารายณ์กลืนสมุทร์ ฤทธิรุททิศทักษิณ เรื่องฝีเกลื่อนหายสิ้น ไม่ต้องกินเสกพริกไทย เจ็ดเม็ดเสกเจ็ดหน แล้วจงพ่นลงทันใด สามครั้งก็จะหาย สมดังใจจํานง อนึ่งใช้เสกปูน สําหรับสูญฝีหัวลง มิช้าฝีก็คง ยุบย่อลงในบัดใด ภาวนาลงกระดาษ อย่าประมาทจงตั้งใจ ฟั่นเทียนเอาทําไส้ เทียนนั้นไซร้หนึ่งบาทหนา ลงคาถาล้อมให้รอบ ตามระบอบอย่ากังขา เท่ากําลังเทวดา ตามชันษาผู้เป็นไข้ แล้วจุดบูชาพระ อย่าได้ละภาวนาไป มิช้าไข้นั้นไซร้ จะหายดังปลิดทิ้ง


    หรดีพึงสําเหนียก มีชื่อเรียกเป็นสองอย่าง คือนารายณ์คลายจักรอ้าง กับอีกทั้งพลิกแผ่นดิน มีฤทธิ์และศักดา ทั้งเดชาและโกสินทร์ ภาวนาเป็นอาจิณ ยําเกรงสิ้นเหล่าศัตรู รําลึกแต่ในใจ ข้าศึกไซร้ปืนสู้ หย่อนกําลังพรั่งพรู ไม่คิดสู้เราต่อไป ถึงแม้คนใจกล้า พอเห็นหน้าก็อ่อนไป ครูเฒ่าท่านสอนไว้ แม้สิ่งใดมีประสงค์ สิ่งนั้นพลันต้องได้ สมดังใจจํานง เพราะคาถาเป็นมั่นคง อย่างวยงงจงบูชา คุณครูผู้บรรยาย ท่านเร่ย้ายหรดีทิศา เมื่อจะภาวนา จงหันหน้าทางนั้นเอย


    ทิศประจิมนามประหลาด ชื่อตวาดหิมพานต์ มีเดชอันห้าวหาญ ดุจช้างสารไม่กลัวตาย พบช้างและปะเสือ ที่ดุเหลือทั้งโคควาย อีกทั้งโจรดุร้าย ก็อย่าได้นึกกลัวมัน จงนิ่งภาวนา พระคาถาไปฉับพลัน เป็นมหาจังงังอัน วิเศษยิ่งอย่ากริ่งใจ สัตว์ร้ายและคนพาล ไม่อาจหาญเข้ามาใกล้ ให้แคล้วให้คลาดไป จงท่องไว้ทั้งเช้าคํ่า อนึ่งเมื่อภาวนา จงหันหน้าอย่าถลํา ทิศประจิมจงจดจํา ดังแนะนําดังนั้นเอย

    พายัพนามทิศ มหิทฤทธิ์นั้นมากนัก ชื่อว่านารายณ์กลืนจักร์ มีฤทธิ์ศักดิ์นั้นย้อนยอก ครูเฒ่าท่านกล่าวมา ถ้าแม้นลูกไม่ออก เอานํ้าใส่ขันจอก แล้วเปล่งออกซึ่งวาจา เสกนํ้าทํานํ้ามนต์ ร้อยแปดหนด้วยคาถา ให้กินอย่ารอช้า พรหมกายาตลอดศรีษ์ บุตรน้อยจะค่อยเคลื่อน ขยัยเขยื้อนเคลื่อนอินทรีย์ เสดาะเสกวารี หากไม่มีนํ้ากระสาย จงเป่าด้วยคาถา ไม่ทันช้าหลุดกระจาย ครูประสิทธิ์บรรยาย ท่านเร่ย้ายอยู่พายัพ เพื่อเป็นการคํานับ ตามตําหรับอาจารย์เอย

    นารายณ์ขว้างจักร์นี้เลิศลบ อีกนามหนึ่งตรึงไตรภพ สองชื่อย่อมลือจบ ทั่วพิภพเรืองเดชา ภาวนาสูดลมไป ว่าให้ได้สักสามครา คอยดูที่ฉายา ถ้าเห็นเงาว่าหายไป ครานั้นจงชื่นชม คนนับหมื่นหาเห็นไม่ บังตาหายตัวได้ ครูกล่าวไว้เร่งบูชา หันพักตร์สู่อุดรทิศ แล้วตั้งจิตภาวนา ตามบทพระคาถา ที่กล่าวมาแต่ต้นเอย

    อิสานนามแถลง นารายณ์แปลงรูปโดย หมาย ภาวนาอย่าระคาย ศัตรูร้ายแปลกเราไป เมื่อจะเสดาะแล้วไซร้ เสกให้ได้ร้อยแปดคาบ ตั้งใจให้แน่วแน่ ครั้นถ้วนแล้วเป่ากระหนาบ ต้องหลุดอย่างราบคาบ ได้เคยปราบเห็นประจักษ์ ถ้าชอบทางเสน่ห์ ทําเป็นเล่ห์ให้เขารัก นํ้าหอมอย่าหอมนัก จงรู้จักที่อย่างดี แล้วเสกให้บ่อยๆ อย่างน้อยๆ108ที แล้วเก็บไว้ให้ดี ถึงคราวที่จะต้องใช้ เสกอีกสักเจ็ดหน ประกายตนแล้วจึงไป เป็นเสน่ห์แก่ผู้ใช้ ทั้งหญิงชายทุกภาษา ไม่ว่าคนชั้นไหน แต่พอได้เห็นพักตรา ให้รักด้วยเมตตา ประหนึ่งว่าเป็นลูกหลาน แคล้วคลาดเหล่าศัตรู สิ้นทั้งหมู่อันธพาล ครูอยู่ทิศอิสาน จงนมัสการและบูชาเอย


    ยังมีอิติปิโสอีกหลายบท พิมพ์ให้ดูไม่ไหวเยอะมากเช่น เช่นอิติปิโสเรือนเตี้ย(มงกุฎพระพุทธเจ้า) อิติปิโสธงชัย, อิติปิโสแปลงรูป, อิติปิโสเต็มที่, อิติปิโสตรึงไตรภพ อิติปิโสฤษีย้ายรูป อิติปิโสพุชฌงค์ซ่อนหัว และซ่อนหาง อิติปิโสนารายณ์คลายจักร อิติปิโสนารายณ์ประสมจักร อิติปิโสนารายณ์หักจักร อิติปิโสนารายณ์ถอดจักร อิติปิโสนารายณ์ยกจักร อิติปิโสนารายณ์ปิดสมุทร เป็นต้น

 อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ให้เอา ขี่เถ้าของ ผีตายวันเสาร์ เผาอังคาร มาปั้นเป็นหุ่น ตอนที่ปั้นให้ภวานาคำว่า อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา ตลอดจนปั้นเสร็จแล้วท่องคาถาอีก 108จบก็จะได้หุ่นผีเอาไว้ใช้เลย



ที่มา  http://www.e-sarnsakyan.com/webboard/index.php?topic=378.0
โพสต์โดย r_non Sr. Member




ความเห็นที่ 1 โดย ทรราชย์น้อย
ผมเคยได้ต้นฉบับพระคาถานี้มา โดยเป็นบันทึกของพระยากสิการบัญชา ท่านว่าตระกูลท่านเป็นนักรบมาหลายชั่วคน และพระคาถานี้ได้สั่งสอนสืบทอดกันมาในตระกูลของท่าน แต่จากการค้นคว้าเพิ่มเติม พบว่าผู้ที่คิดปริศนาพระคาถาอิติปิโสแปดทิศนี้คือพระอาจารย์วัดพนัญเชิง กรุงเก่า ผู้เป็นอาจารย์ของพระเจ้าสายน้ำผึ้งแห่งอาณาจักรศรีรามเทพนคร ซึ่งเกิดก่อนอาณาจักรกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยาหลายศตวรรษ พระอาจารย์องค์นี้แหละที่ในพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งจะยกพลไปขุดบางเตย
พระอาจารย์ห้ามไว้ว่าน้ำเค็มนัก ยังไม่ถึงพุทธทำนายสร้างไม่ได้...โดยส่วนตัวผมจึงเชื่อว่าพระคาถาบทนี้เกิดขึ้นที่วัดพนัญเชิง ก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยา


ความเห็นที่ 2 โดย Chonlathorn
ขอเสริมครับ กระทู้บนสุดก็เป็นอุปเทห์อีกอย่างหนึ่งครับ ในสมัยโบราณเวลาจะตั้งค่าย เขาจะใช้อิติปิโสแปดทิศเสกทรายซัดไปทางทิศทั้งแปดครับ เป็นวิธีใช้อีกอย่างหนึ่งของคาถาบทนี้ครับ วิธีนี้ก็มีมานานแล้วครับ ในปัจจุบันก็ยังมีใช้กันอยู่ครับสำหรับเดินป่าตั้งแคมป์พักแรม กันอาถรรพ์ป่า และสัตว์ร้ายได้ฉมังนักแลผมคิดว่าอุปเทห์ของอิติปิโสแปดทิศยังมีอีกมากมาย ครับ ครูท่านผูกไว้ให้ได้ใช้กันเหมือนคำว่า "ฝอยท่วมหลังช้าง" นั่นหละครับ


ที่มา http://board.palungjit.com/f17 /พระ-คาถา-อิติปิโส-๘-ทิศ-101060.htm
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2015, 12:08:50 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อุปเท่ห์ [อุปะเท่, อุบปะเท่] น. อุบายดําเนินการ, วิธีดําเนินการ. (ส. อุปเทศ; ป. อุปเทส).
ที่มา พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒



ต้องขอโทษเพื่อนๆทุกคนด้วย ผมได้ห่างหายจากเว็บบอร์ดนี้ไปหลายวัน

เอาล่ะครับ มาตอบคำถามของหมวยนีย์กันดีกว่า 

จริงๆผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่จะคุยเป็นเพื่อนนะครับ

ขอให้เพื่อนๆอ่านบทความที่ได้เสนอไว้ด้านบน

จะเห็นว่า คาถาดังกล่าว คนที่แต่งขึ้นมามีจุดประสงค์ในทางไสยศาสตร์

ต่อสู้ป้องกันคุณไสยต่างๆ ป้องกันสัตว์ร้าย และใช้ในการรบสมัยโบราณ

เหตุที่ต้องใช้คำว่า "นารายณ์" มาเป็นชื่อคาถานั้น

ผู้แต่งคาถานี้ คงเอาอิทธิฤทธิ์ของพระนารายณ์ มาสร้างความศักดิ์สิทธิ์

สร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้คาถา คาถานี้ต้องสัมฤทธิ์ผลแน่นอน เพราะมีชื่อพระนารายณ์อยู่

ผมคงคุยได้แค่นี้แหละ จนด้วยเกล้าจริงๆ ยอมแพ้ครับ

ขอให้ธรรมคุ้มครอง
 :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ประวัติพระวิษณุ-นารายณ์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2010, 08:02:36 pm »
0
ประวัติพระวิษณุ-นารายณ์


(ภาษาอังกฤษ : Vishnu , อักษรเทวนาครี : विष्णु) หรือเรียกอีกอย่างว่า พระนารายณ์

เป็น1 ใน 3 มหาเทพ มีหน้าที่คุ้มครองแลดูแลรักษาทั้ง 3 โลกตามความเชื่อของชาวฮินดู จากคัมภีร์พราหมณ์

รูปร่างลักษณะมีพระวรกายจะมีสีที่เปลี่ยนไปตามยุค ฉลองพระองค์ดั่งกษัตริย์ มีมงกุฎทอง อาภรณ์สีเหลือง

 มี 4 กร ถือ สังข์ จักร ตรี คทา แต่ที่จะพบเห็นได้บ่อยที่สุดคือถือ จักร์ สังข์ คทา ส่วนอีกกรจะถือ ดอกบัวบ้าง


หรือ ไม่ถืออะไรเลยบ้าง(โดยจะอยู่ในลักษณะ"ประทานพร")


โดยปรกติ พระวิษณุ จะทรงประทับอยู่ที่เกษียรสมุทร โดยส่วนมากจะทรงบรรทมอยู่บนหลังอนันตนาคราช โดยมีพระชายาคือ พระลักษมีมหาเทวี คอยฝ้าดูแลปรนิบัติอยู่ข้างๆเสมอ พาหนะของพระวิษณุคือ พญาครุฑ
 

พระวิษณุ มีอีกชื่อหนึ่งว่า "หริ" แปลว่าผู้ดูแลแห่งจักรวาลถือเป็นเทพสูงสุด เพราะทุกอย่างเกิดจาก "หริ" โดย"หริ"ได้แบ่งตนเองออกเป็น 3 คือ

    * พระพรหม มีหน้าที่สร้างและลิขิตสรรพสิ่งทั้งปวงในทั้งสามโลก

    * พระวิษณุ หรือ พระหริ มีหน้าที่ดูแลทั้งสามโลกให้อยู่ในความเรียบร้อย และสมดุล

    * พระศิวะ มีหน้าที่ทำลายสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายทั้งปวงในโลกทั้งสาม


อาจเป็นไปได้ว่าชาวพุทธไม่ชอบการที่ฮินดูนำพระศาสดาของพุทธ ไปเป็นอวตารปางหนึ่งของมหาเทพของเขา จึงมีการสลับปางที่ไม่สำคัญเข้ามาแทน


   1. ปางที่ 1 วราหาวตาร (อวตารเป็นหมูเผือกเขี้ยวเพชร)

   2. ปางที่ 2 กูรมาวตาร (อวตารเป็นเต่าทอง)

   3. ปางที่ 3 มัตสยาวตาร (อวตารเป็นปลากรายทอง)

   4. ปางที่ 4 นรสิงหาวตาร (อวตารเป็นครึ่งสิงห์)

   5. ปางที่ 5 วามนาวตาร หรือ ทวิชาวตาร (อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย)

   6. ปางที่ 6 มหิงสาวตาร (อวตารเป็นมหิงสา หรือควาย)

   7. ปางที่ 7 อัปสราวตาร (อวตารเป็นนางฟ้า)

   8. ปางที่ 8 รามาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์ชื่อพระราม)

   9. ปางที่ 9 กฤษณาวตาร (อวตารเป็นพระกฤษณะ)

  10. ปางที่ 10 กัลกยาวตาร (อวตารเป็นมนุษย์เรียกว่า วีรบุรุษขี่ม้าขาว)



ปางอื่นๆที่น่าสนใจ

- อัปสราวตาร (อวตารเป็นนางอัปสร หรือ นางฟ้าผู้เลอโฉม) เพื่อหลอกล่อเหล่าอสูร เพื่อให้เหล่าเทวดาได้ดื่มน้ำอมฤตที่ได้จากการกวนเกษียรสมุทร เพื่อเทวดาจะได้เป็นอมตะและมีฤทธิ์เหนืออสูร

- นารัตอวตาร (อวตารเป็นเทวฤษีนารัต)เพื่อให้ความรู้ สั่งสอน และชี้แนะแก่ มวลเทวะ มวลมนุษย์ และ หมู่มวลอสูร
 

ความเชื่อในคตินิยม
พระวิษณุ หรือคนไทยมักเรียกว่า พระนารายณ์ มี 4 กร และมีอาวุธอยู่ทั้ง 4 พระหัตถ์ ประกอบด้วย ตรี คทา จักร สังข์ เป็นเทพผู้สร้างโลก เทพผู้ถ่ายทอด สรรพวิชาช่างต่างๆ โดยได้รับพรและ พลังอันศักดิ์สิทธิ์มากมายจากพระอิศวร จึงมีฤทธิ์ไม่แพ้กัน และยังมีความเชื่อว่า ใครบูชาท่านแล้วจะได้รับความคุ้มครอง และมีโชคลาภ แต่จะต้องเป็นคนมีสัจจะ รักษาศีล รวมทั้งเจริญภาวนาเป็นที่ตั้ง

คาถาบูชา
   1. คำบูชาพระวิษณุ (นารายณ์) โอม...นะโม นารายณะ นามะ ภะวันตุเม ทุติยัมปิ...นะโม นารายณะ นามะ ภะวันตุเม ตะติยัมปิ...นะโม นารายณะ นามะ ภะวันตุเม ฯ

   2. บทอธิฐานขอพร พระนารายณ์ โอม...ศานตาการัม ภุชะคะศะยะนัม ปัทมะนาภัมสุ ุเรศัม วิศวาธารัม คะคะนะสะทฤศัม เมฆะวรรณัม ศุภางคัม ลักษมีกานตัม กะมะละนะยะนัม โยคิภีร์ ธยานะคัมมยัม วันเทวิษณุมอภะวะภะยะหะรัม สรรวะโลกัยกานาถัม ฯ

   3. บทอธิฐานขอพร พระวิษณุ โอม...สะศางขะจักรัม สะกิริฏะ กุณตะลัม สปิตะวัสตรัม สะระสีรูเหกษณัม สะหาระวักษะสถะละ เกาสตุภะ ศริยัม นะมามิ วิษณุม ศิระสา จตุรภุซัม ฯ

   4. บทอธิฐานขอพร พระราม โอม...นีลามพุชะ ศยามะละ โกมะลางคัมสีตา สมา โรปิตะ วามะภาคัม ปาเณา มหาสายะกะ จารุ จาปัม นะมามิ รามัม ระฆุวัมศะ นาถัม ฯ

ทีมา http://montradevi.makewebeasy.com/index.php?type=webboard&add=2&update=1&id=33743

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 05, 2010, 08:06:56 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PISSAMAI

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 84
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ดิฉันว่า พวกนำคาถามาประสานลงไป น่าจะเป็นพวกพราหมณ์ นะคะ

เพราะว่า พุทธ สอนให้ประเทืองปัญญา ไม่ใช่ให้ งมงาย คะ

 :25:
บันทึกการเข้า

pongsatorn

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ที่จริง บทสวด พระพุทธคุณ นั้นเป็นบทสวดสรรเสริญ พระพุทธคุณ แต่พวกงมงายนำไปใช้ในทางไสยศาสตร์

ถ้าให้ดีควรจะสวดแปลให้ขึ้นใจ นะครับ เพราะบทสวดบทนี้ ชี้นำให้เราเคารพในพระพุทธคุณ 9 ประการของ

พระพุทธเจ้า
 :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



อิติปิโส(ตามทิศ)เจ็ดแบก

๑. อิระชาคะตะระสา เรียกว่า กระทู้ ๗ แบก คุ้มทิศบูรพา เสกเป่าพิศสัตว์กัดต่อย
๒. ติหังจะโตโรถินัง เรียกว่า ฝนแสนห่า คุ้มทิศอาคเนย์ บทนี้ทำน้ำมนต์ รดคนเจ็บไข้ได้ป่วย
๓. ปิสัมระโลปุสัตพุธ เรียกว่า นารายณ์เกลื่อนสมุทร คุ้มทิศทักษิน ภาวนากันภูตผีปีศาจ
๔. โสมานะกะริถาโธ เรียกว่า นารายณ์คลายจักร คุ้มทิศหรดี เสกสวด108 คาบทำน้ำมนต์ ไล่ผี หรือคนท้องกินคลอดลูกง่าย
๕. ภะสัมสัมวิสะเทภะ เรียกว่า นารายณ์ขว้างจักรไตรตรึงภพ คุ้มทิศประจิมเสกพรมร่างคนไข้ ไล่ภูพผีปีศาจ
๖. คะพุทปันทูธัมวะคะ เรียกว่า นารายณ์พลิกแผ่นดิน เสกน้ำมนต์ป้องกันผีเจ้าเข้าทรง หรือถูกคุณกระทำชะงักนัก
๗. วาโธโนอะมะมะวา เรียกว่า ตวาดป่าหิมพานต์ คุ้มทิศอุดร เสกด้าย หวาย มีด ข้าวสาร ขับไล่ผี ผีป่าเวลาเดินทาง
๘. อะวิชสุนุตสานุสติ เรียกว่า นารายณ์แปลงรูป คุ้มทิศอีสาน เสกเป่าตัวเอง เวลาออกจากบ้านแคล้วคลาด..

 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

กระทู้เจ็ดแบก อาจารย์จําแนกไว้บูชา เสกข้าวกินทุกวัน อาจป้องกันเครื่องศาสตรา อนึ่งภาวนา แล้วหันหน้าสู่ช้างสาร อาจหักงวงคชา ด้วยพลาอันห้าวหาญ มีกําลังเหลือประมาณ ยิ่งช้างสารอันตกมัน ฤษีทั้ง7องค์ ท่านดํารงอยู่ทิศนั้น เมื่ออภิวันท์ หันพักตร์นั้นทางทิศบูรพา

อาคเนย์ฝนแสนห่า ใช้ภาวนาคราเดินทาง ถึงเดินสิ้นทั้งวัน เรื่องนํ้านั้นอย่าระคาง เสกหมากรับประทานพลาง สิบห้าคําอ้างกินเรื่อยไป แม้นใคร่ให้มีฝน อย่าร้อนรนจงใจเย็น ให้เสกไส้เทียนชัย เสกให้ได้แสนเก้าพัน แล้วให้นึกเทเวศ ผู้เรืองเดชในสวรรค์ อิทรพรหมสิ้นด้วยกัน ตลอดจนถึงชั้นอะกะนิฏฐ์ ฝนก็จะตกหนัก เพราะอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีโรคอันวิปริต จงพินิจพิจารณา เอาทํานํ้ามนต์ แล้วพรํ่าบ่นด้วยคาถา เสกพ่นสัก7ครา มิทันช้าก็จักหาย อาคเนย์นามทิศศา จงหันหน้าไปโดยหมาย เคารพครูบรรยาย แล้วจึงร่ายคาถาเอย

นารายณ์กลืนสมุทร์ ฤทธิรุททิศทักษิณ เรื่องฝีเกลื่อนหายสิ้น ไม่ต้องกินเสกพริกไทย เจ็ดเม็ดเสกเจ็ดหน แล้วจงพ่นลงทันใด สามครั้งก็จะหาย สมดังใจจํานง อนึ่งใช้เสกปูน สําหรับสูญฝีหัวลง มิช้าฝีก็คง ยุบย่อลงในบัดใด ภาวนาลงกระดาษ อย่าประมาทจงตั้งใจ ฟั่นเทียนเอาทําไส้ เทียนนั้นไซร้หนึ่งบาทหนา ลงคาถาล้อมให้รอบ ตามระบอบอย่ากังขา เท่ากําลังเทวดา ตามชันษาผู้เป็นไข้ แล้วจุดบูชาพระ อย่าได้ละภาวนาไป มิช้าไข้นั้นไซร้ จะหายดังปลิดทิ้ง

หรดีพึงสําเหนียก มีชื่อเรียกเป็นสองอย่าง คือนารายณ์คลายจักรอ้าง กับอีกทั้งพลิกแผ่นดิน มีฤทธิ์และศักดา ทั้งเดชาและโกสินทร์ ภาวนาเป็นอาจิณ ยําเกรงสิ้นเหล่าศัตรู รําลึกแต่ในใจ ข้าศึกไซร้ปืนสู้ หย่อนกําลังพรั่งพรู ไม่คิดสู้เราต่อไป ถึงแม้คนใจกล้า พอเห็นหน้าก็อ่อนไป ครูเฒ่าท่านสอนไว้ แม้สิ่งใดมีประสงค์ สิ่งนั้นพลันต้องได้ สมดังใจจํานง เพราะคาถาเป็นมั่นคง อย่างวยงงจงบูชา คุณครูผู้บรรยาย ท่านเร่ย้ายหรดีทิศา เมื่อจะภาวนา จงหันหน้าทางนั้นเอย

ทิศประจิมนามประหลาด ชื่อตวาดหิมพานต์ มีเดชอันห้าวหาญ ดุจช้างสารไม่กลัวตาย พบช้างและปะเสือ ที่ดุเหลือทั้งโคควาย อีกทั้งโจรดุร้าย ก็อย่าได้นึกกลัวมัน จงนิ่งภาวนา พระคาถาไปฉับพลัน เป็นมหาจังงังอัน วิเศษยิ่งอย่ากริ่งใจ สัตว์ร้ายและคนพาล ไม่อาจหาญเข้ามาใกล้ ให้แคล้วให้คลาดไป จงท่องไว้ทั้งเช้าคํ่า อนึ่งเมื่อภาวนา จงหันหน้าอย่าถลํา ทิศประจิมจงจดจํา ดังแนะนําดังนั้นเอย

พายัพนามทิศ มหิทฤทธิ์นั้นมากนัก ชื่อว่านารายณ์กลืนจักร์ มีฤทธิ์ศักดิ์นั้นย้อนยอก ครูเฒ่าท่านกล่าวมา ถ้าแม้นลูกไม่ออก เอานํ้าใส่ขันจอก แล้วเปล่งออกซึ่งวาจา เสกนํ้าทํานํ้ามนต์ ร้อยแปดหนด้วยคาถา ให้กินอย่ารอช้า พรหมกายาตลอดศรีษ์ บุตรน้อยจะค่อยเคลื่อน ขยัยเขยื้อนเคลื่อนอินทรีย์ เสดาะเสกวารี หากไม่มีนํ้ากระสาย จงเป่าด้วยคาถา ไม่ทันช้าหลุดกระจาย ครูประสิทธิ์บรรยาย ท่านเร่ย้ายอยู่พายัพ เพื่อเป็นการคํานับ ตามตําหรับอาจารย์เอย

นารายณ์ขว้างจักร์นี้เลิศลบ อีกนามหนึ่งตรึงไตรภพ สองชื่อย่อมลือจบ ทั่วพิภพเรืองเดชา ภาวนาสูดลมไป ว่าให้ได้สักสามครา คอยดูที่ฉายา ถ้าเห็นเงาว่าหายไป ครานั้นจงชื่นชม คนนับหมื่นหาเห็นไม่ บังตาหายตัวได้ ครูกล่าวไว้เร่งบูชา หันพักตร์สู่อุดรทิศ แล้วตั้งจิตภาวนา ตามบทพระคาถา ที่กล่าวมาแต่ต้นเอย


อิสานนามแถลง นารายณ์แปลงรูปโดย หมาย ภาวนาอย่าระคาย ศัตรูร้ายแปลกเราไป เมื่อจะเสดาะแล้วไซร้ เสกให้ได้ร้อยแปดคาบ ตั้งใจให้แน่วแน่ ครั้นถ้วนแล้วเป่ากระหนาบ ต้องหลุดอย่างราบคาบ ได้เคยปราบเห็นประจักษ์ ถ้าชอบทางเสน่ห์ ทําเป็นเล่ห์ให้เขารัก นํ้าหอมอย่าหอมนัก จงรู้จักที่อย่างดี แล้วเสกให้บ่อยๆ อย่างน้อยๆ108ที แล้วเก็บไว้ให้ดี ถึงคราวที่จะต้องใช้ เสกอีกสักเจ็ดหน ประกายตนแล้วจึงไป เป็นเสน่ห์แก่ผู้ใช้ ทั้งหญิงชายทุกภาษา ไม่ว่าคนชั้นไหน แต่พอได้เห็นพักตรา ให้รักด้วยเมตตา ประหนึ่งว่าเป็นลูกหลาน แคล้วคลาดเหล่าศัตรู สิ้นทั้งหมู่อันธพาล ครูอยู่ทิศอิสาน จงนมัสการและบูชาเอย


ขอบคุณข้อมูลจาก th.wikisource.org/wiki/อิติปิโส(ตามทิศ)เจ็ดแบก
ขอบคุณภาพจาก www.วิชาพระเกจิ.com/product/83/คาถาอิติปิโส-๘-ทิศ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

สิทธิการิยะ พระคาถาอิติปิโส ๘ ทิศและยันต์อิติปิโส ๘ ทิศนี้ มีอานุภาพมากหลาย ป้องกันได้ สารพัดตามใจปรารถนา พระอาจารย์เจ้ากล่าวไว้ว่า ฝอยท่วมหลังข้างแลมี อุปเท่ห์มากมายเหลือจะพรรณนา จะกล่าวไว้ย่อๆ พอเป็นบรรทัดฐานดังนี้

     - แม้จะยาตราไปทางสารทิศใด ให้ภาวนาพระคาถาประจำทิศตาม ทิศที่จะไปนั้น หรือทำน้ำมนต์ลูบหน้าปะพรมพาหนะที่จะไป จะปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง ไม่มีมารบกวนเลย ป้องกันได้สารพัด แม้ว่าทิศที่จะไปนั้นจะต้องผีหลวงหรือหลาวเหล็ก(ทิศที่ร้ายตามตำราโหราศาสตร์) ก็ดี คุ้มกันได้สิ้นไป
     - สงครามก็มีชัยชนะ ไปทำมาค้าขายก็กำไร มีความเจริญ รุ่งเรืองบังเกิดลาภผลพูนทวี
     - จะลงเป็นประเจียดป้องกันศาตราอาวุธก็ได้
     - ทั้งเป็นเสน่ห์แก่ฝูงชนทั้งปวง
     - เขียนบูชาไว้กับบ้านเรือน ป้องกันภัยอันตรายได้ทุกอย่าง
     - ถ้าจะไปนอนกลางป่าให้เสกก้อนดินไปวางไว้ตามทิศ เมื่อจะวางทิศไหนให้เสกด้วยคาถาประจำทิศนั้นอีกทิศละ ๘ จบ กันสารพัดสัตว์ร้าย เปรียบประดุจมีกำแพงแก้วคุ้มกันตนไว้ถึง ๗ ชั้น
     - ถึงแม้จะถูกข้าศึกโจรผู้ร้าย ล้อมไว้ก็ดี จะหักออกทางทิศไหน ให้ภาวนาคาถาประจำทิศนั้นเถิด แล้วให้หักออกมาจะแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งสิ้น


    พระคาถาบทนี้มีอิทธิฤทธิ์มากมายสุดที่จะกล่าวได้ เหรียญยันต์พระคาถาอิติปิโสแปดทิศนี้ ผู้ใดพกติดตัวเป็นประจำอุปเท่ห์เสมอด้วยความศักดิ์สิทธ์เช่นเดียวกัน โดยมีวิธีใช้ตามพิธีกรรมโบราณดังจะกล่าวต่อไปนี้




พระคาถาอิติปิโส 8 ทิศ

   อิระชาคะตะระสา_ติหังจะโตโรถินัง ปิสัมระโลปุสัตพุท โสมานะกะริถาโท ภะสัมสัมวิสะเทภะ คะพุทปันทูธัมวะคะ วาโธโนอะมะมะวา อะวิสุนุตสานุติ


การนำไปใช้

อิระชาคะตะระสา บทนี้ชื่อกระทู้ 7 แบก ประจำอยู่ทิศบูรพา(ตะวันออก) บทกระทู้ 7 แบกให้นำเหรียญอิติปิโสแปดทิศใส่มือพนมตั้งจิตบริกรรมคาถานี้เสกข้าวกินอยู่คงทน สารพัดอาวุธทั้งสิ้นทำอันตรายมิได้เลย ภาวนาเข้าสู้ช้างอาจจะง้างจับงาหัก กำลังหนัก 7 ช้างสาร ดับพิษไฟสารพันพิษทุกสิ่ง ให้เอาเถ้าผีตายวันเสาร์เผาวันอังคาร มาผสมกับชะมดพิมเสนทำเป็นรูปคน เอาผ้าขาวคลุมไว้ เอาเหล้าขาวเส้นวางเหรียญอิติปิโสแปดทิศเบญจ 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ลงไปเสกด้วยคาถานี้ 108 คาบ สารพัดใช้ได้ดั่งใจปรารถนา ถ้าจะลองหรือทำสตรีให้เอาข้าวสารตกตีนครกมา 7 เม็ด วางเหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้ เสก 17 คาบแช่น้ำมันหอม หรือน้ำมันจันทน์ไว้เอาน้ำมันดีดให้ต้องตนตามมา อยู่ทิศบูรพาแลท่านเอย

ติหังจะโตโรถินัง บทนี้ชื่อเรียกว่า ฝนแสนห่า ประจำยู่ทิศอาคเนย์(ตะวันออกเฉียงใต้) บทเรียกฝนแสนห่า ถ้าอดน้ำวันยังค่ำกลัวยากหยิบหมากและเหรียญอิติปิโสแปดทิศใส่มือเสกหมาก 108 คาบ กลืนกระหนาบเข้าไปเถิดหนา ถ้าจะทำให้ฝนตกให้เอาคาถายกเหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้เสกไส้เทียน แล้วจึงเพียรภาวนา พระคาถาแสนเก้าพันลำลึกถึงชั้นเทวดา อินทร์พรหมสิ้นทั้งหลายตกเนืองไปอย่าร้อนใจ ถ้าเป็นไข้ให้นำเหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้แช่เสกน้ำพ่นถ้วน 7 หนก็หาย เคารพครูปริยายประสิทธิ์อยู่ทิศอาคเนย์แลท่านเอย

ปิสัมระโลปุสัตพุท บทนี้ชื่อเรียกว่า นารายณ์เกลื่อนสมุทร์ ประจำอยู่ทิศทักษิณ(ใต้) บทนารายณ์เกลื่อนสมุทร์ฤทธิ์สุดเสกพริกไทย 7 เม็ด เม็ดละ 7 หน แล้วพ่นลงที่ฝีสักสามทีก็ศูนย์ หนึ่งเสกปูนทาก็ได้ถ้าเป็นความไซร้จะหาย เอาชื่อคนทั้งหลายลงกระดาษอย่าให้คลาดทำไส้เทียนแล้วจึงเขียนคาถาล้อมวาดวงรูปเหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้ที่กระดาษไส้เทียนเสกพร้อมตามกำลังวัน เล่มเทียนนั้นหนัก 1 บาท อย่าให้ขาดภาวนาความที่หาก็สูญสิ้น อยู่ทิศทักษิณแลท่านเอย

โสมานะกะริถาโท บทนี้ชื่อนารายณ์ถอดจักร์ ประจำอยู่ทิศหรดี(ตะวันออกเฉียงใต้) บทนารายณ์ถอดจักร์แช่เหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้ในน้ำมนต์เสกน้ำมนต์ 108 คาบ ลูกไม่ออกกลืนเข้าไปให้พรมที่ศีรษะจะออกมาโดยคล่อง ถ้าถูกจำจองด้วยขื่อคา เอาเหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้แช่น้ำเสกคาถานี้เสกวารี ถ้าไม่มีเอาน้ำลายเป่ากระจายไปด้วย ฤทธิ์อยู่ทิศหรดีแลท่านเอย

ภะสัมสัมวิสะเทภะ บทนี้ชื่อว่านารายณ์ขว้างจักร์กรึงไตรภพ ประจำอยู่ทิศประจิม(ใต้) บทนารายณ์ขว้างจักร์ถ้าจะบังคับลมให้พัดหนัก ให้ภาวนากลืนเข้าไปถ้ามิให้ลมพัดให้ภาวนาอมเหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้เอาลิ้นดุนเพดาน อัดลมนิ่งนึกภาวนาในใจ พายุหยุดนิ่งแล แม้เดินทางไปพบเสือช้างโจรร้ายให้ภาวนาเป็นมหาจังงัง ศัตรูหยุดยั้งไม่เข้าใกล้ให้กำเหรียญอิติปิโสแปดทิศในมือภาวนาตวาดศัตรู ยกมือมิขึ้นเลยตวาดช้าง ช้างก็หนีไปสิ้น อยู่ทิศประจิมแลท่านเอย

คะพุทปันทูธัมวะคะ บทนี้ชื่อนารายณ์พลิกแผ่นดิน ประจำอยู่ทิศพายัพ(ตะวันออกเฉียงเหนือ) บทนารายณ์พลิกแผ่นดินหงาย สารพัดสะเดาออกหลุดลุ่ยกระจายแล ให้พนมมือบริกรรมเหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้ในมือ ภาวนาไว้เป็นเสน่ห์แก่ท้าวพระยาทั้งหลายแม้นโทษถึงตายภาวนาอยู่มิตาย อยู่ทิศพายัพแลท่านเอย

วาโธโนอะมะมะวา บทนี้ชื่อว่าตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ประจำอยู่ทิศอุดร(เหนือ) บทตวาดฟ้าป่าหิมพานต์ ศัตรูทั้งหลายอย่ากลัวมัน เป็นจังงังแล บริกรรมคาถานี้เสกเหรียญอิติปิโสแปดทิศ ถ้าจะต่อสู้ด้วยฝูงผีเสกหวายตีข้าวสารซัด แตกกระจัดกระจายจร อยู่ทิศอุดรแลท่านเอย

อะวิสุนุตสานุติ บทนี้ชื่อนารายณ์แปลงรูป ประจำอยู่ทิศอีสาน(ตะวันออกเฉียงเหนือ) บทนารายณ์แปลงรูปภาวนาสูบลมอมเหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้เข้าสามกลืนยื่นขมำ ดูเงาฉาย ถ้าเงาหายเป็นกำบังคนอย่าหวังเห็นตัวเลยแช่เหรียญอิติปิโสแปดทิศนี้ในน้ำมันหอมเสกน้ำมัน 108 หนเอาไว้ใช้ เมื่อจะใช้เสกอีก 7 หน เป็นที่เสน่หาแก่คนทั้งหลาย ท่านเจ้านายเห็นหน้าถือดังลูกหลาน อยู่ทิศอีสานแลท่านเอย




ท่านให้เอา ชะมด พิมเสน กระแจะ จันทร์หอม โกฏหัวบัว บดผสมเข้าด้วยกัน ให้ลงพระคาถานารายณ์แปลงรูป ที่หน้าหินบดแล้ว จึงเสกรวมกับเหรียญอิติปิโสแปดทิศด้วยคาถาพระอิติปิโส 7 คาบ เสกด้วยพระคาถานารายณ์แปลงรูป 108 คาบ
    - บดแล้วเอาไว้ใช้ทาตัว เราไปไหนมีแต่เสน่ห์เมตตานักแล เห็นหน้าเรา คือ ดังพระนารายณ์แปลงรูป
    - ถ้าเปาสตรี เมื่อจะบังคับมาให้เรียกด้วย อาคะฉายะ อาคะฉาหิมาสิ แล้วเรียกให้กลับมาเถิด อยู่มิได้เลยร้อนรนตามเรามาแล
    - อุปเท่ห์ พระคาถาและยันต์อิติปิโส 8 ทิศมีมากมายนักสุดที่จะกล่าวได้ อยู่ที่การนำไปใช้ให้ถูกวิธี และหมั่นปฏิบัติให้เข้าถึงหัวใจและแก่นพระคาถา



ขอบคุณข้อมูลจาก www.ปาฏิหาริย์26ปี.com/index.php?Content=contact
ขอบคุณภาพจาก http://www.amulet.in.th/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2015, 12:54:30 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ให้ใช้ คำบริกรรม พุทธคุณ เกราะเพชร โดยใช้ บทใดบทหนึ่ง ห้ามใช้ทั้งหมด ให้เลือก บทเดียว ขณะลง อุณาโลม ทุก อุณาโลม ให้ใช้บทเดียวเท่านั้น

        1. อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา   บทนี้ชื่อ อรหันต์นิทรา ( อายุวัฒนะ )
        2. ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง    บทนี้ชื่อว่า อรหันต์บิณฑบาต ( เมตตามหานิยม )
        3. ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท  บทนี้ชื่อ อรหันต์ปราบมาร ( คงกระพัน )
        4. โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ  บทนี้ชื่อ อรหันต์เข้าสมาธิ ( แคล้วคลาด )
        5. ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ  บทนี้ชื่อ อรหันต์โปรดสัตว์ ( โชคลาภ วาสนา )
        6. คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ บทนี้ชื่อ อรหันต์เข้านิโรธสมาบัติ ( ป้องกัน )
        7. วา โธ โน อะ มะ มะ วา บทนี้ชื่อ  อรหันต์แสดงธรรม  ( สะกดศัตรู )
        8. อา วิช สุ นุต สา นุส ติ  บทนี้ชื่อ อรหันต์แปลงรูป  ( เพิ่มอิทธิฤทธิ์ )
       
     ที่จริงมนต์บทนี้ เป็นมนต์บทเรียกว่า อรหันต์ 8 ทิศ ปัจจุบันถูกเปลี่ยนแปลง ไปเป็นมนต์ ฝ่ายพราหมณ์และเปลี่ยนชื่อ มนต์ วันนี้รักษาชื่อตามแบบแผนเดิมนะ มันมีที่มา และ ที่ไป มีเวลาจะมาเล่า ความหมายแต่ละ อักขระ เกี่ยวพัน กับ พุทธคุณ 108 มีการผสมธาตุ ในอักขระ ได้ 108 ความหมายแห่งพุทธคุณ อันนี้เป็นบทยันต์ที่เรียนไว้จากครูอาจารย์ อีกบทหนึ่ง ชื่อว่าเป็นทางการว่า ยันต์เกราะเพชร
     แต่ในที่นี้ เอามาเป็นบทเขียน อุณาโลม ในยันต์ ปราสาทเท่านั้น


20 กว่าขั้นตอนในการบริกรรม เพื่อ จัดสร้าง ยันต์ ปราสาท (ยันต์จักรพรรดิ์ตราธิราช)
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=15437.msg51031#msg51031
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


6. คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ
    บทนี้ชื่อ อรหันต์เข้านิโรธสมาบัติ ( ป้องกัน )


 บทเต็ม อะหัง นะ คะมะติ จะ นะ ปะลายติ จะ พุทโธ พุทธะคุณัง อุปปันนานัง สมาธิง จิตตัง อะหัง อาคะมะติ ทูระโต จะ ทมะติ จะ วะสา คะมะโต โลกมะนุสสานัง ติ

   บทนี้ ว่าธรรมดา ของคนทั่วไป ก็จะได้รับการช่วยเหลือจาก รุกขเทวดา
   อาตมาเคยผ่านเหตุุการณ์ ช้างป่า 4 ตัว ไล่ล่ามาแล้ว เสกคาถานี้ ใต้ต้นไม้ใหญ่ 9 คาบ สะกดใจ ถวายชีิวิตเพื่อความเป็นพุทธะ ไม่หนี

   บทนี้ จะสร้าง ยันต์เป็น รูประฆัง และ เขียน พื้นรอบตัว ด้วยอักขระ นี้ทั้งหมด การใช้เข้า สุขสัญญา และ ลหุสัญญา ที่ ฌาณ 5 อธิษฐาน นิรมิต กายทิพย์ เพื่อเดินทาง ไปสถานที่อันเป็นทิพย์

   สถานที่ อันเป็น ทิพย์ อันผู้ญาณสมาบัติ เป็น พระโสดาปัตติผล ขึ้นไป ควรไป

   1. รัตนจงกรมเจดีย์ อยู่ใน ท่ามกลาง โลกมนุษย์ และ โลกสวรรค์ เป็นสถานที่พระพุทธเจ้า ทรงแสดงฤทธานุภาพ ของพระพุทธเจ้า ไว้ให้เป็นที่ประจักษ์ และเป็นที่ประทับเดินจงกรม

   2. สวรรค์ ชั้น ดาวดึงส์ สถานที่สถิต พระเจดีย์ จุฬามณี ที่ บรรจุ พระเขี้ยวแก้ว อันท้าวสักกะเทวราช ได้หยิบมาจากมวยผม ของโทณพราหมณ์ สถานนี้ ยังมีร่าง อันเป็น กายทิพย์ ของพระราหุล อีีก 2 กาย อยู่ บน แท่น บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ เนื่องด้วย พระราหุลพุทธชิโนรส นิพพาน ที่นี่ เพื่อเฝ้าบังคม กับ พระพุทธบิดา ท่านอธิษฐาน กายทิพย์ ออกเป็น สามร่าง ด้วย อากาศธาตุอันเป็นทิพย์ กายทิพย์ ที่หนึ่ง เพื่อโปรดและรักษา พระกรรมฐาน มัชฌฺิมา แบบลำดับ  กายทิพย์ ที่ 2 มีไว้คงอยู่ บนแทนนั้น เพื่อรอวสาน ของพระพุทธศาสนา เนื่องด้วย เมื่อพระพุทธศาสนา จักสิ้นไปจากโลกนี้ ในกาลอันสมควร พระพุทธเจ้า จะทรงรวม พุทธธาตุ ทั่วโลก มาเป็นร่างอันเป็นธาตุ และโปรดแสดงธรรม ที่ รัตนจงกรมเจดีย์ ด้วยฤทธิ์ การแสดงธรรม ครานี้เป็นครั้งสุดท้าย ของ พระพุทธศาสนา ในปัจจุบัน เสียงธรรม รูปธรรม อันเป็นทิพย์ อันบุคคลสมควรแก่การบรรลุธรรม จะได้บรรลุจะได้ยินกันด้วย ความตั้งมั่นแห่งบารมีธรรม พระพุทธเจ้า จักเปิดโลก เป็นครั้งที่สอง คือ เปิดโลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และ โลกนิริยะ ให้เห็นกันได้ เหมือน คราที่พระองค์ เสด็จลงจากสวรรค์ ชั้น ดาวดึงส์ คราโปรดพุทธมารดา ที่ประตูสังกัสสะนคร หลังจากนั้น ร่างทิพย์ ของ พระอริยะราหุลพุทธชิโนรส ก็จักอันตรธาน หายไป พร้อม กับ พระเจดีย์ จุฬามณี เช่นกัน

    ส่วนร่างที่ สาม ( อันนี้เป็นความลับ ) ยังบอกไม่ได้ ร่างนี้ยัง นั่งอยู่ท่านั่ง เข้าสมาบัติ เหมือนตอนเข้านิพพาน

  เล่าไว้เป็นที่ระลึก บางส่วน
 
   3. รอยพระพุทธบาท นัมมทานที อันอยู่ในเมืองนาค และ เป็นสถานที่เก็บ ถาดทองคำอธิษฐาน ของพระพุทธเจ้า ทั้ง 4 พระองค์ ที่นี่กล่าวว่า มีความวิจิตร อลังการ ไม่แพ้ ดาวดึงส์

    ทั้ง สามที่ ไม่ใช่เป็นสถานที่ อันบุคคลธรรมดา ที่จะไปได้ จะไปได้ และกลับได้ ต้องมีคุณสมบัติ ทางด้าน เจโตวิมุตติ สถานที่ทั้งสามแห่งนี้ เพียงแค่ สมาบัติ 8 เข้าไปก็จะไม่เห็น เพราะเป็นสถานที่อัน มนุษย์ ที่จะไปแล้วด้วยฤทธิ์ เห็นได้ ต้องเป็นพระอริยะบุคคล ตั้งแต่ พระโสดาบัน ขึ้นไป จึงจักเห็น สถานที่ ทิพย์ นี้ ได้

   เจริญธรรม / เจริญพร

   เล่าไว้พอประดับความรู้ นะจ๊ะ

 
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2015, 01:48:11 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


     ทำไมรื้อกระทู้นี้ขึ้นมา.?
     ตอบว่า มีเหตุ ๒ ประการคือ เรื่องคาถา"ตวาดมาร" กับ คาถา"โสมานะกะริถาโท"

      คาถาตวาดมารที่ผมใช้อยู่ ท่องว่า "ปัญจะมาเร  ชิเนนาโถ  ปัตโตสัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ"

      ผมพยายามค้นคำว่า "ตวาดมาร" แต่หาไม่เจอ เจอแต่คำว่า ตวาดป่าหิมพานต์ เว็บไซต์วัดตรีวิสุทธิธรรม ได้อ้างคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำไว้ดังนี้

     ......เวลาจะปักกลดนี่ ท่านให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน เขาให้ว่า คาถาบารมี ๓๐ ทัศ ไปเรื่อย ๆ กี่จบก็ได้ จนกว่าจะปักเสร็จ พระคาถาว่าดังนี้...
     อิติ ปาระมิตตา ติงสา อิติ สัพพัญญู มาคะตา
     อิติ โพธิมะนุปปัตโต อิติปิ โส จะ เต นะโม
ถ้าปักเสร็จแล้ว เวลาจะตอกหลักขึงสายอัพโภกาส ( สายเชือกที่ขึงกลด ) ท่านให้ว่าคาถาบทนี้
     "ภะสัมสัม วิสะเทภะ"
      ว่าไปเรื่อย ตอกไปเรื่อยจนกว่าจะแน่น เวลาผูกก็เหมือนกัน ให้ว่าคาถาบทนี้จนกว่าจะผูกเสร็จ คาถาบทนี้เขาเรียก "คาถาตวาดป่าหิมพานต์" เขาตวาดช้างหนีนะ เป็นคาถามหาอำนาจไล่ช้างหนีได้ สัตว์ไม่กล้าเข้า สัตว์จะมาวนได้แค่หลักนะ เข้ามาในหลักไม่ได้


     แต่พอค้นหาคำว่า "ตวาดป่าหิมพานต์" ปรากฏว่า คำนี้อยู่ในคาถาอิติปิโส ๘ ทิศ และคาถาที่ภาวนาว่า "ภะสัมสัม วิสะเทภะ" ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวถึงนั้น กลับไม่ใช่"คาถาตวาดป่าหิมพานต์" แต่เรียกว่า "นารายณ์ขว้างจักรไตรตรึงภพ"
     ในคาถาอิติปิโส ๘ ทิศ "คาถาตวาดป่าหิมพานต์"นั้น ใช้คำภาวนาว่า "วาโธโนอะมะมะวา"
     เข้าใจว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านคงจำผิด เพราะผมค้นข้อมูลจากแหล่งอื่นๆเปรียบเทียบแล้ว


      ask1 ans1 ask1 ans1

     อีกเหตุหนึ่งคือ คำว่า "โสมานะกะริถาโท" เป็นคาถาประจำทิศหรดี ของคาถาอิติปิโส ๘ ทิศ ผมใช้ท่องกำกับ "ตะกรุดโทน" ที่ผมมีอยู่ บทนี้ทางพราหมณ์เรียกว่า "นารายณ์ถอดจักร" แต่พระอาจารย์ผมบอกว่า ทางพุทธใช้คำว่า "อรหันต์เข้าสมาธิ"

     ถึงแม้ผมจะไม่ทราบต้นกำเนิดของคาถาอิติปิโส ๘ ทิศ ว่าเป็นมาอย่างไร แต่เชื่อโดยสุจริตใจว่า ลัทธิพราหมณ์คงแอบเอาคาถาอิติปิโสของพุทธ ไปดัดแปลงเป็นของตัวเองอย่างแน่นอน


     ขอคุยเท่านี้ครับ

      :25: :25: :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2015, 01:40:31 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ตามนี้ นะ

4. โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ  บทนี้ชื่อ อรหันต์เข้าสมาธิ ( แคล้วคลาด )

 เจริญธรรม / เจริญพร

    ;)
 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 
ขอบคุณภาพจากเว็บพลังจิต

 ask1 ans1 ask1 ans1

ขอต่อเรื่อง "คาถาตวาดมาร"
"ปัญจะมาเร  ชิเนนาโถ  ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ"

เท่าที่ค้นได้ มีคาถาที่คล้ายๆกัน คือ

คาถากันไฟและขโมย
"ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง อรหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา"
(ใช้สวดภาวนากับทราย ๗ จบด้วยกัน แล้วนำไปโปรยรอบบ้าน จะปลอดจากอัคคีภัยและขโมยโจร)

คาถาชนะมาร
"นะโม พุทธายะ โมคคัลลานัญ จะมหาเถโร อิทธิมันโต อานุภาเวนะ เชยยะสิทธิเม"
(ใช้สวดภาวนาเพื่อให้เอาชนะจากคนไม่ดีได้)


ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.visudhidham.com/joomla/th/webboard-wat-triwisuthitham/ชมรมสวดมนต์พิทักษ์-พิทักษโลก/515-ความรู้เรื่องคาถา-บทสวดสายหลวงพ่อปาน-หลวงพ่อฤาษี.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 25, 2015, 01:53:20 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุติ สาธุติ

    gd1 st12 st11
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0



        1. อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา   บทนี้ชื่อ อรหันต์นิทรา ( อายุวัฒนะ ) พระมหากัสสปะ
      ตะวันออกเฉียงใต้
       2. ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง    บทนี้ชื่อว่า อรหันต์บิณฑบาต ( เมตตามหานิยม ) พระคะวัมปะติ
      ตะวันตกเฉียงเหนือ
       3. ปิ สัม ระ โล ปุ สัต พุท  บทนี้ชื่อ อรหันต์ปราบมาร ( คงกระพัน ) พระโมคคัลลานะ
      เหนือ
       4. โส มา ณะ กะ ริ ถา โธ  บทนี้ชื่อ อรหันต์เข้าสมาธิ ( แคล้วคลาด ) พระราหุล
      ตะวันออกเฉียงเหนือ
        5. ภะ สัม สัม วิ สะ เท ภะ  บทนี้ชื่อ อรหันต์โปรดสัตว์ ( โชคลาภ วาสนา ) พระอัญญาโกณฑัญญะ
      ตะวันออก
        6. คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ บทนี้ชื่อ อรหันต์เข้านิโรธสมาบัติ ( ป้องกัน ) พระสารีบุตร
      ใต้
        7. วา โธ โน อะ มะ มะ วา บทนี้ชื่อ  อรหันต์แสดงธรรม  ( สะกดศัตรู ) พระอุบาลี/ พระมหากัจจายานะ
      ตะวันตกเฉียงใต้ 
        8. อา วิช สุ นุต สา นุส ติ  บทนี้ชื่อ อรหันต์แปลงรูป  ( เพิ่มอิทธิฤทธิ์ ) พระอานนท์
      ตะวันตก
      การจัดพระอรหันต์ สาวก ในลำดับ 8 ทิศ   นั้นตามที่ครูสอนไว้ ไม่มี พระอุบาลี เป็น พระมหากัจจยานะ



     พระมหากัสสปะ เลิศ ในทางธุดงค์ และ อายุวัฒนะ ท่านเป็น พระที่มีอายุมาก เป็นประธานรองหลังจาก พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิิพพาน ส่วนที่เรียกว่า พระอรหันต์นิทรา นับเหตุที่ พระพุทธเจ้าหลังจาก เสด็จดับขันธปรินิพพาน แล้ว ไม่สามารถมีใคร เผาพระศพพระองค์ได้ เนื่องด้วย พระมหากัสสปะ ยังมาไม่ถึง เมื่อพระมหากัสสปะ มาถึง พระบาททั้งสองข้าง ก็ยื่นออกรอรับ การกราบสักการะจาก พระมหากัสสะปะ เป็นที่น่าอัศจรรย์ จากนั้น เพลิงพระศพ ก็เกิดขึ้นเองไปตามลำดับ ผ้าที่หุ้มอยู่ พร้อมชุด จิตรลดามหาปสาธน์ ไม่ปรากฏการไหม้ไฟ เมือถอดผ้าออกมาหมดก็เป็น พระธาตุตวง ได้ 7 ทะนาน

    พระคะวัมปะติ อีกชื่อหนึ่ง ก็คือ พระสีวลี ท่านเป็นพระที่ เลิศ ทางด้านบารมีทาน ไปไหน กับท่านไม่มีอด ดังนั้นท่านจึงเป็นพระภิกษุ ที่ติดตามพระพุทธเจ้า ไปตลอดเนื่องด้วย พระที่ติดตามพระพุทธเจ้า ขณะเสด้จที่ต่าง ๆ นั้นมีจำนวนเกิน 500 รูป ดังนั้นการที่พระสีวลี ไปด้วย จึงเป็นเรื่องที่ทำให้ พระภิกษุ มี สักการะด้วยปัจจัย 4 ไม่ขาด แต่ครั้นเมื่อ พระสีวลี ท่านไม่ได้ร่วมไปด้วยบางครั้ง ก็เกิดความอดอยากแก่ พระภิกษุ ที่ติดตามพระพุทธเจ้าเช่นกัน ที่มีคราวหนึ่ง พระพุทธเจ้า ต้องให้ พระอานนท์ทำข้าวบดตากแห้งแช่น้ำให้เสวย

    พระโมคคัลานะ เป้นผู้เลิศทางฤทธิ์ มากที่สุด ได้รับการใช้ให้ไปปราบ หรือ ทรมาน โอปปติกะ บ่อยครั้ง ดังนั้น ความเป็นเลิศ ในด้านการปราบมาร กำหราบมาร นั้น จึงมีมาก ท่านเรียน กรรมฐาน กับ พระพุทธเจ้า คือ วิชาธาตุกรรมฐาน ปฏิบัติอยู่ 7 วัน จึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์

    พระราหุล นั้น เป็นผู้เลิศในด้านการศึกษา เป็นพุทธบุตร สืบสาย พุทธวงศ์ ให้กับพระพุทธศาสนา อันพระพุทธศาสนา จักมั่นคง ๆ อยู่สิ้นกาลแห่งพระพุทธศาสนา ก็ด้วย กรรมฐาน สายนี้ เป็นผู้สืบทอดไว้ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน จะเห็นว่า กรรมฐานในสาย วัชชี หรือ กรรมฐาน โบราณ อันเป็น คำสอน เถรวาท นี้ ยังคงดำรงค์อยู่เป็นที่ให้ความเคารพศรัทธา แก่มหาชน ต่อไปจนสิ้น กาลแห่งพุทธศาสนา เสื่อมไป

   พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็น ผู้เลิศรัตตัญญู คือ บรรลุธรรมก่อนใคร การได้บรรลุธรรมก่อนใคร ๆ นั้น นับว่าเป็นโชคลาภ  และ มีวาสนา อันพระอรหันต์ ทั้งปวงส่งกล่าวสรรเสริญ เพราะทำให้ รัตนตรัย มีความสมบูรณ์ การมีโชคลาภ วาสนา ก็คือ มีความสมบูรณ์ ไม่พร่อง ไม่ขาด นั่นเอง

   พระสารีบุตร เป็นผู้เลิศ ทางด้านปัญญา แต่ทางฤทธิ์ ท่านก็ไม่ย่อยกว่า พระโมคคัลลานะ โดยเฉพาะการเข้า สัญญาเวทยิตนิโรธ ของท่านนั้นกล่าวได้ว่าเป็นตำนานทีเดียว เพราะยักษ์ ที่ฟาดกระบอง ใส่หัวท่าน ถูกแผ่นดินสูบทันที นี้นับว่าเป็นต้น ของ อนันตริยกรรม คือ การฆ่าพระอรหันต์ ก็ลงอเวจี ดังนั้นคุณสมบัตินี้จึงถูกยกให้ท่านอีกด้านหนึ่ง

   พระอุบาลี เป็นผู้เลิศ ทางด้านทรงปาฏิโมกข์ คือ ทรงจำ วินัย การบัญญัติ พระวินัย เป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งที่ท่านพระอุบาลี ชำนาญ เนื่องด้วยพระวินัย มีความสำคัญต่อ พระภิกษุ การที่จะเปลี่ยนเพศจาก คนธรรมดา สามัญ มาสู่ความเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ต้องถูกยก ด้วยพระวินัย ซึ่งการได้รูปที่บริสุทธิ์ คือ ความเป็นพระนับว่าเลิศที่สุด นั้นจัดได้ว่า ต้องสมบูรณ์พร้อมด้วย ธรรม และ วินัย เพราะ ธรรม และ วินัย เสมอกัน

   พระมหากัจจายนะ เป็นผู้เลิศ ทางด้านการแสดงธรรมอันย่อ และ พิศดาร ด้วยวิจิตร ดังนั้นคุณสมบัติ พระอรหันต์ผู้แสดงธรรม ก็เหมาะสมกับท่าน แต่ในทางด้านคาถา พระอรหันต์แปดทิศใหม่นั้น ไม่มีพระมหากัจจายนะ แต่เป็นพระอุบาลี แทน ดังนั้นแสดงไว้ให้เห็นพอเป็นที่สังเกต ด้วย ธรรมปฏิสัมภิทา อันเป็นคุณสมบัติของท่าน กล่าวว่า ฤทธิ์ ของท่านก็มีไม่น้อย มีบางคนปรามาสท่าน เพราะรูป ได้รับกรรมเป็นเวลายาวนาน จากนั้นท่านจึงอธิษฐานรูปให้ครองอยู่ด้วยความไม่งาม แต่พอดูได้ ด้วยร่างกายอ้วนฉุ ไม่เป็นที่ต้องตา ต้องใจ ของชายหญิง อย่างเมื่อก่อน แต่พอให้ทัศนาถึงความแจ่มใสในภายในของท่าน ด้วยความร่าเริง นั่นเอง ( คุณสมบัติ นี้เป็นคุณสมบัติที่ข้าพเจ้า ได้อธิษฐานมาหลายชาติ ที่อยากได้เป็นเอตทัคคะแบบท่าน ดังนั้นเวลาไปไหนมาไหนเห็นรูป พระมหากัจจายนะ หรือ พระสังกัจจายนะ ก็จะรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยมาก )

  พระอานนท์ เป็นผู้เลิศในด้านความทรงจำพระสูตรเป็นจำนวนมาก อันกล่าวว่า พระสูตร ที่ท่านจำไว้ เท่าที่จำได้นั้น มีคำกล่าวว่า ยังแสดงออกมาไม่หมด แต่ที่จำได้แม่น ก็มี ถึง 21000 พระธรรมขันธ์แล้ว บวก กับ พระอภิธรรม ส่วนหนึ่ง อีก 42000 พระธรรมขันธ์ พระอุบาลี ทรงจำพระวินัย ไว้ 21000 พระธรรมขันธ์ ดังนั้น พระไตรปิฏก จึงมี 84000 พระธรรมขันธ์ สำหรับการที่ถือท่านทางด้านการแปลงรูป อันที่จริง มาจากการที่ท่านบรรลุธรรม ทันในวันทำสังคายนา นั่นเอง การแปลงรูป หมายถึงการได้เป็นพระอรหันต์ ทันต่อเวลา โดยการที่ท่านบรรลุนั้น ไม่อยู่ ในอิริยาบถใหญ่ ทั้ง 4 แต่เป็น อิริยาบถย่อย ของ ท่านั่ง กับ ท่านอน ผสมกัน ดังนั้น วันนี้เป็นวันที่ ท่านได้รับ ลัญจกร คือ สัญญลักษณ์ การแปลงรูป อันยิ่งใหญ่ ของท่าน เพราะถ้าหากขาดท่านเข้าร่วมทำสังคายนา ในวันนั้น เราก็คงไม่มีพระสูตรที่สำคัญ 21000 พระธรรมขันธ์ ให้ได้ไว้เป็นแนวทางการปฏิบัติ อย่างแน่แท้ ดังนั้นต้องกล่าวได้ว่า การแปลงรูปของท่านในวันนั้น ถือว่ามีความสำคัญ ต่อพระพุทธศาสนา ในปัจจุบันเป็นอย่างมากนั่นเอง

   เล่าไว้ พอให้เป็นที่ รื่นเริง ใน บทพระอรหันต์ แปดทิศ อันอาศัย บทพระพุทธคุณ 9

   ส่วนพระคาถา ประจำบทนั้น แม้เป็นบทย่อ มาจาก บทพระพุทธคุณ แต่บทสวดเต็ม ประจำบทนั้น ก็มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 8 บรรทัด นะ ตอนที่ฉันเรียน ยันต์เกราะเพชร จึงได้ ตัวคาถามาใช้งาน หลายบรรทัดอยู่ เรียกว่า ถ้าได้ถอดออกมาให้ฟังกันแล้ว จะทึ่ง นะ แต่เอาไว้สอนลูกศิษย์เท่านั้น ตัวคาถาเป็นคำย่อ จากบทเต็ม อันกล่าวถึงคุณของพระอรหันต์ในทิศนั้น ๆ และการกล่าวสรรเสริญ คุณแห่งพระอรหันต์ เป็น สังฆานุสสติ ด้วยเช่นกัน


   เจริญธรรม / เจริญพร


 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ความลับ อีกเรื่อง หนึ่ง ก่อนเรียน พระคาถาอรหันต์ แปดทิศ ครูท่านให้นั่งสวด

  บท ความเป็นเลิศ ถึงคุณอันเป็นเลิศ

  บทนี้ คือ บท อัคคะโต เว นั่นเอง

 
 สำหรับการจะให้พระคาถา สัมฤทธิผล แบบ พุทธคุณ ต้องเจริญสวด บท อัคคะโต เว 108 จบก่อน ถึงจะเข้าสวดเรียน พระคาถา อรหันต์ 8 ทิัศ ด้วยสวดปากเปล่า ต่อหน้า ครู 108 จบ สวดช้า ๆ ไม่ใช่ ท่อง

  เจริญธรรม / เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

sinsae

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 277
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
แสดงให้เห็นว่า พระอาจารย์ รอบรู้เรื่องนี้ มาก

 :25: thk56
บันทึกการเข้า

saisamorn

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 15
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
เรืองนี้ ไม่ใช่เรือ่งธรรมดา เลยนะคะ พอได้อ่าน แล้วเห็นว่า ครูอาจารย์ ปล่อยวิชา ออกมาด้วย

น่าสนใจมาก คะ คนต้ั้งหัวข้อเขาเก่ง นะคะ

  :88: :58: :49: thk56
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่ง น่าสนใจมากเลยค่ะ อ่านแล้วรู้อะไรขึ้นเยอะเลย  st11 st12
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

Be Boy Be

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 53
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ
บันทึกการเข้า