หัวข้อ: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ เริ่มหัวข้อโดย: sunee ที่ ตุลาคม 17, 2012, 11:45:56 am ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ
มีตำรา หรือ วิธีการ สังเกต คนที่มีฌานกันหรือไม่คะ :c017: หัวข้อ: Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ เริ่มหัวข้อโดย: tewada ที่ ตุลาคม 18, 2012, 12:32:31 am ลักษณะ ของคนที่มี ฌาน สังเกตดู จะมีความสงบเยือกเย็น และ ชอบการนั่งกรรมฐาน หรือ นิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดครับ
:49: :s_hi: :coffee2: หัวข้อ: Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ เริ่มหัวข้อโดย: เสกสรรค์ ที่ ตุลาคม 18, 2012, 08:14:53 am ทรงสอนว่าฌานวิสัยเป็นอจินไตย
ถ้าเป็นลักษณะของรูปฌานสี่นะครับ ดูลักษณะเอาคงไม่ได้หรอกครับ ดูอาการก็ได้แค่คิดไป ต้องทำเอาเอง อย่างน้อยถึงอุปจารสมาธิ จึงจะมีโอกาสเดาทางได้ถูกสัก 10% เพราะอาการของฌานนั้น ถ้าจะบอกว่าทำงานอะไรก็มักได้ผลดี คนที่ฉลาดมากๆหรือประสบการณ์เยอะจัด เขาก็อาจพลิกแพลงทำอะไรให้เรียบง่ายแต่ได้ผลดีคล้ายๆคนได้ฌานได้เช่นกัน ถ้าเพิ่งออกจากฌานใหม่ๆอาจมีอาการตาลอยให้เห็น รอสักพักหนึ่งจึงจะปรับจิตลงมาคลุกเคล้ากับสิ่งเร้าภายนอกได้ ก็ตัดสินไม่ได้ เพราะเจอนิมิตแค่ระดับอุปจารสมาธิ ก็พาให้ตาลอยตาเยิ้มได้เช่นกัน ดูเหมือนคนที่สติสมาธิมากกว่าและสติสมาธิน้อยกว่าชาวบ้าน มักจะถูกโลกตัดสินว่าบ้าทั้งคู่ครับ เรื่องเมตตา กรุณาและอ่อนโยนนั้น บางครั้งก็เหมือนขัดกัน คือมีเมตตาสูงมากก็จริง แต่ก็อุเบกขาสูงไปด้วย จะแตะต้องอะไรๆก็ให้น้อยที่สุด ไม่ทำอะไรเกินจำเป็น ถ้าไม่เดือดร้อนมากก็แทบจะปล่อยให้ไปตามบุญตามกรรม คือถ้าไปช่วยด้านหนึ่ง มันก็กระทบอีกด้านหนึ่ง..จึ่งอาจไม่ช่วยเลย หรือแค่ช่วยไปตามเรื่องเฉพาะหน้า เวลาจิตกระเพื่อมก็อาจจะไม่ค่อยพอใจเท่าไร ช่วงไหนจิตทรงสมาธิดีจึงยิ่งต้องระวังตัวมากๆ ด้วยอำนาจจิตสูง ถ้าเผลอโกรธมันจะส่งผลแรงและเร็ว ถ้าไม่ระวังจิต เผลอคิดสื่อสารอะไรก็เป็นโทรจิตออกไปเลย แม้คนที่เราสื่อสารออกไปหาจะไม่ได้ฌาน ขอเพียงในขณะนั้นเขาตั้งจิตแน่วแน่ประมาณว่ากำลังอธิษฐานจิตอะไรสักอย่าง ก็รับการสื่อสารได้ครับ ซึ่งเรื่องประจวบเหมาะแบบนี้เกิดขึ้นในวัดได้ จึงต้องระวังมาก ต้องพยายามรักษาสติให้สมดุลกับสมาธิใว้เสมอครับ เรื่องนี้ทำให้มีแนวโน้มจะปลีกตัวเสียอีก เว้นแต่คนทำได้เป็นวสี อันนี้ไม่ทราบครับ วิธีที่ดีที่สุดคือ ฝึกสติฝึกรู้สึกตัวให้เยอะๆ ขยันเรื่องฝึกสติให้มากๆ ฝึกมันทุกวินาทีที่นึกได้ นั่งสมาธิเสริมบ้าง รักษาถือศีล 5 ให้แน่นๆ ไม่ใช่นั่งตามอยากหรือนั่งเป็นหลักนะครับ ให้นั่งสมาธิแค่เสริม แต่ฝึกสติเป็นหลัก ถ้านั่งสมาธิแล้วก้าวหน้าค่อยเอียงไปทางสมาธิเยอะๆ ถ้าไม่ก้าวหน้าก็เอียงกลับมาทางฝึกสติ ช่วงไหนสมควรทำให้จิตสงบก็นั่งสมาธิไป ช่วงไหนทำการงานต้องฝึกสติก็ฝึกไป รู้อาการตัวเอง ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ถ้าได้ถึงอุปจารสมาธิก็พอจะเทียบเคียงอาการเอาได้บางส่วน แต่ถึงตอนนั้น ฌานห่างไปนิดเดียวเองครับ จะเห็นว่าอะไรที่คนทำฌานทำได้มันก็ไม่พ้นไปจากโลก ยังอิงแอบอยู่กับโลก จึงแยกให้ออกได้ยาก ต่อให้ใช้กายเนื้อเหาะขึ้นไปเห็นได้คาตา คนก็ไม่เชื่ออยุ่ดี เพราะเครื่องบินก็ทำได้ไม่แปลกอะไร จับอะไรมาเทียบกันก็แยกแยะให้แตกต่างได้ยาก เพราะโดยการแสดงออกมันก็เหมือนๆกัน สรุปว่าควรลองปฏิบัติครับ :) แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 14:18:53 จากคุณ : BlueDelphi หัวข้อ: Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ ตุลาคม 18, 2012, 03:39:41 pm ผมเป็นผู้ไม่ได้มีศีลมากมาย ไม่มีธรรมใดๆ ไม่ได้มีฌาณใดๆ แต่จะขอกล่าวสั้นดังนี้นะครับ
- เราถึงส่วนใด จะรู้ได้แค่ส่วนนั้น - สภาพจิตเรามีสภาพความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่งปรมัตถธรรมกุศลจิตใดๆเกิด เราก็รู้ได้แค่สิ่งที่เกิดกับเรานั้น - สภาพจิตที่เรามีอยู่เราจะรับรู้ได้ถึงสภาพจิตของบุคคลที่มีระดับเท่าเทียมกันหรือต่ำกว่าเท่านั้น หากผู้สูงกว่าเว้นแต่เขาจะส่งกระแสจิตตามธรรมใดๆที่แสดงไว้ให้เรารับรู้เท่านั้นจึงจะรู้ได้ - ความแตกต่างใดๆไม่สามารถอนุมานเอาได้ รู้ได้ด้วยจิต และ ปัญญาญาณ - รู้ตน รู้จิตตน เห็นจิตในจิตตน มีค่ากว่าไปเพ่งเล็งผู้อื่น เพราะเมื่อดูรู้ที่เรา เราจะเห็นธรรมในธรรม ดูผู้อื่นอนุมานผู้อื่นไม่ใช่การเป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ในอริยะสัจ๔นี้ - ดังนั้นอย่าใส่ใจในคนอื่นและอย่าหลงในตนพิจารณาในตนจนรู้แจ้งในอริยะสัจ๔นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------------- - หากคุณจะสังเกตุดูตนเองว่ามีฌาณไหม ฌาณ คือ สมาธิ คือความมีใจจดจ่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน ควรแก่งาน จิตสงบ จิตนิ่งเงียบ จิตผ่องใส จิตเบาบาง จิตอิ่มเอม เต็มสุขจากความไม่ปรุงแต่งจิตใดๆตัดจากอกุศลจิต(แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีความปรุงแต่งจิตนะครับ เพราะสภาพปรมัตถธรรมทั้งหมดก็เป็นความปรุงแต่งจากสังขารขันธ์) - ฌาณจิตใดๆมีไว้เพื่อให้สามารถมองเห็นในสภาพธรรมใดๆได้ทัน รู้เห็นตามจริง จนแยกเห็นเป็นกองทั้งหลาย แยกเห็นเป็นธาตุ(หากมาจับเอาว่ากายนีคือ เนื้อหนังมังสา คือ ธาตุดิน เลือด คือ ธาตุน้ำอยู่ โดยความจดจำไว้ หรือ การอนุมานเอา ไม่ได้รับรู้ในสภาพจริงเห็นจริงในปรมัตถธรรม-ไม่มีตัวตนบุคคลใด-สักเป็นแต่เพียงรูปนามก็ยังเป็นสมถะอยู่) - ตามข้อกล่าวในข้างต้นคุณจะเห็นว่า ฌาณ มีไว้ทำไมสำคัญยังไง การพิจารณารู้ตน กับคนอื่นสิ่งไหนมีค่ากว่ากัน หัวข้อ: Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ ตุลาคม 18, 2012, 09:34:48 pm ท่านแอทแมก สรุปไว้ท่อนบนได้ดี ขอสาธุด้วยคน...
ภาษาครูอาจารย์ที่สอนมา ท่านบอกว่า อย่าเอากิเลสของเราไปวัดกับของสิ่งอื่น วิตก วิจาร ดินไฟ...ยังไม่ดับ สุขทุกข์ก็ยังไม่ดับ อยาก ไม่อยาก-ชอบไม่ชอบ ก็ยังไม่ไป พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในพระสูตร ว่าวิตก วิจารคือบาปอกุศล ถ้าจะทิ้งตรงนี้ได้ ก็ต้องถึง อสักวิตักวิจาร ก็คือถึงสมาธิที่ปราศจาก หรือไม่มีวิตกวิจารแล้ว มีอุบายเอาไว้ลองวัดเล่นๆ... ถ้าเรายังเห็นว่าคนนั้นไม่ดี ก็คือเรายังไม่ดี หมายถึง โทสะของเรายังฆ่าไม่หมด หรือทุกข์ยังไม่หมด ถ้าเรายังเห็นว่าคนนั้นดี ก็คือเรายังไม่ดี หมายถึง ราคะ ของเรายังฆ่าไม่หมด หรือยังไม่ทิ้งสุข ถ้าเป็นเชิงถอดจิตรเดินจิต ก็เป็นสูงไปตําไป ต้องหาตรงกลาง เพราะสูงกับตําอาจจะไม่ใช่ความจริง ต้องเข้าไปหาเอาเองตอนถอดจิตเดินจิตในวิปัสสนาโพชฌงค์ หาอะไร....ธรรมสภาวะหรือ ยถาภูตญาณทัศนะ ความจริง สามนัยยะ อนุวิปัสสนาสาม ..อนิจจานุปัสสนา ..ทุกขานุปัสสนา อนัตตานุปัสสนา จริงสมมุติ ปรมัตถ์ ความเป็นจริง ก็ว่ากันไปไม่มีผิดไม่มีถูก อนัตตาไม่มีผิดถูกของคู่ไม่มี เพราะเป็นได้หลายนัยอย่างที่ว่า จึงไม่มียืนยันว่าอย่างไหนถูกที่สุด เพราะเป็นได้ทุกอย่าง ตามความเบาบางของวิตกวิจาร หัวข้อ: Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ เริ่มหัวข้อโดย: pakorn ที่ ตุลาคม 19, 2012, 12:59:31 am ผมว่าดูยาก นะครับ ถ้าไปดูคนอื่น ว่าเป็นฌาน หรือ มีฌาน ดูลำบาก นะครับ เอาเป็นว่า ถ้านั่งกรรมฐานได้เกิน 1 วัน ก็ ปฐมฌาน ก็แล้วกันนะครับ
:hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: |