พิมพ์

[raponsan]

พ่อเมืองกรุงเก่านำ ปชช.-นักท่องเที่ยวล่องเรือแห่เทียนพรรษาทางน้ำถวายวัดตามลำน้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก

พระนครศรีอยุธยา - ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุะยา นำประชาชนและนักท่องเที่ยวกว่า 1,000 คน ล่องเรือแห่เทียนพรรษาทางน้ำนำไปถวายวัดตามลำน้ำเจ้าพระยา-ป่าสักกว่า 30 วัดในช่วงเข้าพรรษา
       
       เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (9 ก.ค.59) ที่บริเวณท่าน้ำ วัดพนัญเชิงวรวิหาร นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดกิจกรรมแห่เทียนพรรษาทางน้ำ ภายใต้กิจกรรม “Unseen เข้าพรรษา ล่องนาวาถวายเทียน” โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมล่องเรือไปกับคณะกว่า 1,000 คน
       
       นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า วันนี้ เป็นวันแรกของการทำบุญใหญ่ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภายใต้กิจกรรม “Unseen เข้าพรรษา ล่องนาวาถวายเทียน” ถวายวัดตามลำน้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก โดยใช้เรือของชมรมท่องเที่ยวอยุธยาจำนวน 10 ลำใหญ่ ล่องเรือไปถวายวัดที่อยู่ริมสายน้ำทั้งหมดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ป่าสัก รวม 10 วัด
       

       ประกอบด้วย วัดพิชัยสงคาม วัดพนัญเชิงวรวิหาร วัดบางกระจะ วัดนางกุย วัดขุนพรหม วัดพุทไธศวรรย์ วัดสนามไชย วัดกษัตราธิราชฯ วัดธรรามาราม และวัดท่าการ้อง จากนั้นจะทยอยถวายให้ครบรวมกว่า 30 วัด และโอกาสเดียวกันนี้ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ยังได้พระราชทานเทียนจำนำพรรษา เนื่องในวันเข้าพรรษา ประจำปี 2559 ให้กับวัดพุทไธศวรรย์อีกด้วย
       
       ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างจังหวัดฯ กับ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว ททท.และชมรมเรืออยุธยา โดยขบวนเรือแห่เทียนพรรษาจะเป็นเรือท่องเที่ยวที่ให้บริการประชาชนทางน้ำ ตกแต่งสวยงาม พร้อมมีเรือมโหฬี แตรวง และกลองยาว เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ท่าน้ำวัดพนัญเชิงวรวิหาร มุ่งหน้าไปตามแม่น้ำป่าสัก ผ่านสะพานปรีดีธำรงค์ ล่องไปจนถึงเกาะลอย วิทยาลัยการต่อเรือ จากนั้นวนกลับมาเส้นทางเดิม เพื่อมุ่งหน้าต่อไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ย้อนขึ้นไปจนถึงวัดต่างๆ ที่อยู่ริมสายน้ำ เพื่อถวายเทียนพรรษา
       

       อย่างไรก็ตาม การแห่เทียนพรรษาทางน้ำถือเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีมายาวนาน และมีการสืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นประเพณีที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมกิจกรรม และเก็บภาพสวยงาม เผยแพร่ไปในโลกโซเชียลเพื่อเชิญนักท่องเที่ยวมาชื่นชมความสวยงาม เมืองมรดกโลก อีกด้วย


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000068501