[size=10pt][size=10pt]ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น ยืนยันว่า นรกสวรรค์นั้นมีแน่ แต่จะอยู่ที่ใดนั้น ข้อนี้เป็นเรื่องที่นักปราชญ์ทั้งหลายอธิบายกันในหลายแง่หลายมุม
แต่ในที่นี้จะชี้ให้เห็นตามที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเรา เชื่อถือกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน คือนรกสวรรค์มีอยู่ ๓ ประเภท คือ
๑. สวรรค์ในอกนรกในใจ
๒. สวรรค์และนรกในโลกมนุษย์
๓. สวรรค์และนรกในโลกอื่น
ตอบ ถูกทุกข้อครับพระพุทธเจ้าเรียกที่ๆทำให้เกิดสวรรค์และนรกทั้ง 31 ภูมิว่า ภวังค์จิต คือ จิตที่เป็นองค์แห่งภพ
ขออธิบายเพิ่มเพื่อให้เกิดความเข้าใจโลกของจิตใต้สำนึกของเรา ก็คือโลกแห่งภวังค์จิต ในภวังค์จิตมันมีภพภูมิต่างๆอยู่ เรียกว่า "ปรโลก" แม้แต่จักรวาลและดวงดาวต่างๆก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในภวังค์จิตหรือในจิตใต้สำนึกทั้งนั้น
พูดง่ายๆ.... จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก แม้แต่พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ สามารถแสดงออกให้ปรากฎได้ 2 ทาง คือ
1. จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ แสดงออกได้
ทางจิต หรือ ภายในจิตใต้จิตใต้สำนึกหรือในภวังค์จิตของทุกคน ผู้ที่จะรู้และเข้าถึงจักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งเข้าถึงนรกสวรรค์พรหมโลก ต้องทำสมาธิหรือสมถะกรรมฐานให้ถึงฌาน 4-8 เท่านั้น
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นโพธิ แล้วพระองค์ท่านไปเห็นจักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก แม้แต่พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ จากไหนล่ะ ก็จากในจิตใต้สำนึก หรือในภวังค์จิต ของท่านน่ะซิ
2. จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ แสดงออกได้
ทางกายภาพ หรือทางอายตนะต่างๆ โดยเฉพาะทางตาและทางวัตถุ มนุษย์เรายังไม่สามารถพัฒนาวัตถุหรือยานอวกาศเข้าไปสำรวจจักรวาลทางกายภาพได้ พัฒนาได้แค่วัตถุที่เข้าไปสำรวจจักรวาลได้ทางตาเท่านั้น
แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ เช่น พระโมคคัลลานะ พวกท่านเอากายเนื้อของพวกท่าน ลุยเข้าไปในจักรวาลเลย
แล้วทำไมในภวังค์จิต ซึ่งเป็นองค์แห่งภพ มันมีแดนนิพพานอยู่ล่ะ?ก็พระพุทธเจ้าตรัสในเอกนิบาตอังคุตตรนิกาย อรรถกถา ภาค ๑ หน้า ๔๕ ข้อ ๕๐ ว่า:
"ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺติ" ความว่า "ภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ประภัสสร ก็จิตนั้นแล หลุดพ้นแล้วจากอุปกิเลสทั้งหลายที่จรมา "จิตที่หลุดพ้นจากกิเลส พระพุทธเจ้าเรียกว่าอะไรครับ?.....นิพพานใช่ไหมครับ
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, องค์พระศาสนาแห่งศาสนาพุทธ,
เป็นผู้ตรัสเองว่า "จิตประภัสสร คือ จิตหลุดพ้นจากกิเลส หรือ นิพพาน" จิตประภัสสรนี้ พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า ได้แก่ "ภวังคจิต" ดังนั้น ภวังค์จิต ซึ่งเป็น จิตที่เป็นองค์แห่งภพ จึงไม่ได้หมายถึงแค่ภพ 3 เท่านั้น แต่กินความรวมถึงแดนพระนิพพานด้วย
...
อ้างอิง:พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)ภวังคจิต จิตที่เป็นองค์แห่งภพ,
ตามหลักอภิธรรมว่า จิตที่เป็นพื้นอยู่ระหว่างปฏิสนธิและจุติ คือ ตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ในเวลาที่มิได้เสวยอารมณ์ทางทวารทั้ง ๖ มีจักขุทวารเป็นต้น
แต่เมื่อใดมีการรับรู้อารมณ์ เช่น เกิดการเห็น การได้ยิน เป็นต้น ก็เกิดเป็นวิถีจิตแทนภวังคจิต เมื่อวิถีจิตดับหมดไป ก็เกิดเป็นภวังคจิตขึ้นอย่างเดิม
ภวังคจิต นี้ คือมโน ที่เป็นอายตนะที่ ๖ หรือมโนทวาร อันเป็นวิบาก เป็นอัพยากฤต ซึ่งเป็นจิตตามสภาพ หรือตามปกติของมัน ยังไม่ขึ้นสู่วิถีรับรู้อารมณ์ (เป็นเพียงมโน ยังไม่เป็นมโนวิญญาณ)
พุทธพจน์ว่า “จิตนี้ประภัสสร (ผุดผ่อง ผ่องใส บริสุทธิ์) แต่เศร้าหมองเพราะอุปกิเลสที่จรมา” มีความหมายว่า จิตนี้โดยธรรมชาติของมันเอง มิใช่เป็นสภาวะที่แปดเปื้อนสกปรก หรือมีสิ่งเศร้าหมองเจือปนอยู่ แต่สภาพเศร้าหมองนั้นเป็นของแปลกปลอมเข้ามา ฉะนั้น การชำระจิตให้สะอาดหมดจดจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้;
จิตที่ประภัสสรนี้ พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า ได้แก่ภวังคจิต