ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สวรรค์นรกนั้นอยู่ที่ไหน?  (อ่าน 4641 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

tuenum

  • บุคคลทั่วไป
สวรรค์นรกนั้นอยู่ที่ไหน?
« เมื่อ: ตุลาคม 12, 2010, 11:35:15 pm »
0
[size=10pt][size=10pt]ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น ยืนยันว่า นรกสวรรค์นั้นมีแน่ แต่จะอยู่ที่ใดนั้น ข้อนี้เป็นเรื่องที่นักปราชญ์ทั้งหลายอธิบายกันในหลายแง่หลายมุม
แต่ในที่นี้จะชี้ให้เห็นตามที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยเรา เชื่อถือกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน คือนรกสวรรค์มีอยู่ ๓ ประเภท คือ                 
              ๑. สวรรค์ในอกนรกในใจ
                  ๒. สวรรค์และนรกในโลกมนุษย์
                  ๓. สวรรค์และนรกในโลกอื่น


         

ตอบ  ถูกทุกข้อครับ

พระพุทธเจ้าเรียกที่ๆทำให้เกิดสวรรค์และนรกทั้ง 31 ภูมิว่า ภวังค์จิต  คือ จิตที่เป็นองค์แห่งภพ

ขออธิบายเพิ่มเพื่อให้เกิดความเข้าใจ

โลกของจิตใต้สำนึกของเรา ก็คือโลกแห่งภวังค์จิต  ในภวังค์จิตมันมีภพภูมิต่างๆอยู่ เรียกว่า "ปรโลก" แม้แต่จักรวาลและดวงดาวต่างๆก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในภวังค์จิตหรือในจิตใต้สำนึกทั้งนั้น

พูดง่ายๆ.... จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก แม้แต่พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ  สามารถแสดงออกให้ปรากฎได้ 2 ทาง คือ

1. จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ  แสดงออกได้ทางจิต หรือ ภายในจิตใต้จิตใต้สำนึกหรือในภวังค์จิตของทุกคน ผู้ที่จะรู้และเข้าถึงจักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งเข้าถึงนรกสวรรค์พรหมโลก ต้องทำสมาธิหรือสมถะกรรมฐานให้ถึงฌาน 4-8 เท่านั้น

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นโพธิ  แล้วพระองค์ท่านไปเห็นจักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก แม้แต่พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ  จากไหนล่ะ  ก็จากในจิตใต้สำนึก หรือในภวังค์จิต ของท่านน่ะซิ

2. จักรวาลและดวงตาวต่างๆ รวมทั้งนรกสวรรค์พรหมโลก พุทธเกษตร แดนนิพพานต่างๆ  แสดงออกได้ทางกายภาพ หรือทางอายตนะต่างๆ โดยเฉพาะทางตาและทางวัตถุ มนุษย์เรายังไม่สามารถพัฒนาวัตถุหรือยานอวกาศเข้าไปสำรวจจักรวาลทางกายภาพได้ พัฒนาได้แค่วัตถุที่เข้าไปสำรวจจักรวาลได้ทางตาเท่านั้น

แต่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ เช่น พระโมคคัลลานะ  พวกท่านเอากายเนื้อของพวกท่าน ลุยเข้าไปในจักรวาลเลย

แล้วทำไมในภวังค์จิต ซึ่งเป็นองค์แห่งภพ มันมีแดนนิพพานอยู่ล่ะ?

ก็พระพุทธเจ้าตรัสในเอกนิบาตอังคุตตรนิกาย อรรถกถา ภาค ๑ หน้า ๔๕ ข้อ ๕๐ ว่า: "ปภสฺสรมิทํ ภิกฺขเว จิตฺตํ ตญฺจ โข อาคนฺตุเกหิ อุปกฺกิเลเสหิ วิปฺปมุตฺติ" ความว่า "ภิกษุทั้งหลาย จิตนี้ประภัสสร ก็จิตนั้นแล หลุดพ้นแล้วจากอุปกิเลสทั้งหลายที่จรมา "

จิตที่หลุดพ้นจากกิเลส พระพุทธเจ้าเรียกว่าอะไรครับ?.....นิพพานใช่ไหมครับ

เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, องค์พระศาสนาแห่งศาสนาพุทธ, เป็นผู้ตรัสเองว่า "จิตประภัสสร คือ จิตหลุดพ้นจากกิเลส หรือ นิพพาน"   จิตประภัสสรนี้ พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า ได้แก่ "ภวังคจิต"   ดังนั้น ภวังค์จิต  ซึ่งเป็น จิตที่เป็นองค์แห่งภพ  จึงไม่ได้หมายถึงแค่ภพ 3 เท่านั้น  แต่กินความรวมถึงแดนพระนิพพานด้วย 

...

อ้างอิง:พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)



ภวังคจิต จิตที่เป็นองค์แห่งภพ,
       ตามหลักอภิธรรมว่า จิตที่เป็นพื้นอยู่ระหว่างปฏิสนธิและจุติ คือ ตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ในเวลาที่มิได้เสวยอารมณ์ทางทวารทั้ง ๖ มีจักขุทวารเป็นต้น
       แต่เมื่อใดมีการรับรู้อารมณ์ เช่น เกิดการเห็น การได้ยิน เป็นต้น ก็เกิดเป็นวิถีจิตแทนภวังคจิต เมื่อวิถีจิตดับหมดไป ก็เกิดเป็นภวังคจิตขึ้นอย่างเดิม
       ภวังคจิต นี้ คือมโน ที่เป็นอายตนะที่ ๖ หรือมโนทวาร อันเป็นวิบาก เป็นอัพยากฤต ซึ่งเป็นจิตตามสภาพ หรือตามปกติของมัน ยังไม่ขึ้นสู่วิถีรับรู้อารมณ์ (เป็นเพียงมโน ยังไม่เป็นมโนวิญญาณ)
       พุทธพจน์ว่า “จิตนี้ประภัสสร (ผุดผ่อง ผ่องใส บริสุทธิ์) แต่เศร้าหมองเพราะอุปกิเลสที่จรมา” มีความหมายว่า จิตนี้โดยธรรมชาติของมันเอง มิใช่เป็นสภาวะที่แปดเปื้อนสกปรก หรือมีสิ่งเศร้าหมองเจือปนอยู่ แต่สภาพเศร้าหมองนั้นเป็นของแปลกปลอมเข้ามา ฉะนั้น การชำระจิตให้สะอาดหมดจดจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้;
       จิตที่ประภัสสรนี้ พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า ได้แก่ภวังคจิต
บันทึกการเข้า

sumboon

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 108
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวรรค์นรกนั้นอยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 12:32:25 am »
0
หมอบอกอย่านอนดึกง้ย รีบๆนอน

กินยาตามเวลา อย่าลืมไปพบแพทย์ตามนัด อาการชักกำเริบ
บันทึกการเข้า
ศิษย์ วัดหนองบัวหิ่ง ปากท่อ ราชบุรี

กิจกรรมของวัด http://nbh2550.com/forum/

tuenum

  • บุคคลทั่วไป
Re: สวรรค์นรกนั้นอยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 01:12:51 am »
0
ท่านผู้อ่านทั้งหลายครับ

ผู้ใดอยากรู้ธรรม  อยากเห็นธรรมะของจริงของพระพุทธเจ้า  ก็ต้องแหวกขี้ไป  แต่ถ้าติดอยู่ในกองขี้ .... ก็ย่อมไม่เห็นธรรม

โปรดหลีกเลี่ยงการกล่าววาจากระทบกระเทียบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 13, 2010, 01:22:12 am โดย patra »
บันทึกการเข้า

sumboon

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 108
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวรรค์นรกนั้นอยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 08:11:09 am »
0
ท่านผู้อ่านทั้งหลายครับ

ผู้ใดอยากรู้ธรรม  อยากเห็นธรรมะของจริงของพระพุทธเจ้า  ก็ต้องแหวกขี้ไป  แต่ถ้าติดอยู่ในกองขี้ .... ก็ย่อมไม่เห็นธรรม

โปรดหลีกเลี่ยงการกล่าววาจากระทบกระเทียบ
เพิ่งรู้ว่าที่สำรากมาหลายกระทู้ หลายวันเนี่ย รู้จากไปแหวกขี้มา





บันทึกการเข้า
ศิษย์ วัดหนองบัวหิ่ง ปากท่อ ราชบุรี

กิจกรรมของวัด http://nbh2550.com/forum/

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: สวรรค์นรกนั้นอยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 10:03:25 pm »
0
สวรรค์นรกไปเกี่ยวอะไรกับขี้อะ  ต้องใช้ขี้ด้วย
แล้วต้องทำไง ถึงจะได้ไป  ว่าแล้ว  แล้วเราจะไปทำไม๊
ไม่เข้าใจ
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

tuenum

  • บุคคลทั่วไป
Re: สวรรค์นรกนั้นอยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2010, 10:37:07 pm »
0
ถ้าท่านใดอ่านกระทู้มาถึงตรงนี้  ถ้าท่านรู้สึกเร่าร้อน อยากจะเข้าร่วมวงด่าว่าอีกฝ่ายหนึ่ง = ท่านนำนรกเข้ามา

ถ้าท่านไม่รู้สึกเร่าร้อน ไม่อยากจะเข้าร่วมวงด่าว่าอีกฝ่ายหนึ่ง  แต่มีความเมตตาสงสารฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง = ท่านกำลังนำสวรรค์เข้ามา
บันทึกการเข้า

tuenum

  • บุคคลทั่วไป
Re: สวรรค์นรกนั้นอยู่ที่ไหน?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2010, 12:09:43 am »
0
คุณไม่รู้หรอกหรือว่าเขาไม่ได้รู้สึกเร่าร้อน อะไรกันเลย  จนกระทั่งคุณเข้ามา  แบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร
แล้วมีรู้จริงๆหร๋อว่าคนในเว็ปนี้เขาต้องการอะไรกัน
อ่านสิ่งที่เห็นในเว็ปนี้ไม่ออกจริงๆหร๋อๆ

เขานึกว่าเขาแน่ เป็นผู้รู้  พอผมเข้ามา  เขาจึงรู้ว่า เขาไม่รู้ สิ่งที่เขารู้มาตลอดชีวิต เป็นของปลอม เป้นคำสอนของมารทั้งนั้น  ใบรับรองกิติคุณอะไรบ้าๆบอๆของเขามันใช้อวดเบ่งอะไรกับผมไม่ได้เลย

มารในใจของเขาจึงแผลงฤทธิ์เดชออกมาให้เห็นความอยากอวดเก่ง ความอิจฉา ริษยา นิสัยใส่ร้ายป้ายสี ความชั่วสาระพัดรูปแบบล้วนหลั่งไหลมา

ผมขำจริงๆ  มารพวกนี้ไม่มีลูกเล่นอะไรใหม่ๆเลย
บันทึกการเข้า