ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดประตู'มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย'  (อ่าน 2304 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

หมวยจ้า

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +40/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1336
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เปิดประตู'มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย'
« เมื่อ: เมษายน 11, 2011, 05:43:13 am »
0
สถาบันแม่ชีผลิตสตรีวิถีพุทธสู่สังคม
“อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารโทรม” ใครที่เคยให้คำจำกัดความของ “แม่ชี” ผู้หญิงในพุทธศาสนาที่โกนผม โกนคิ้ว นุ่งขาวห่มขาว รักษาศีล 8 และ “อุบาสิกา” ผู้หญิงที่รักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัด แต่ยังไม่โกนผม โกนคิ้ว คงต้องคิดกันใหม่ หากได้มาเห็นแม่ชี และ อุบาสิกา ที่เป็นนักศึกษาของ “มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย ในพระสังฆราชูปถัมภ์” (มปถ.) หรือ “วิทยาลัยแม่ชี” หนึ่งในส่วนงานของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) เพราะภาพเหล่านักศึกษาสตรีผู้ทรงศีลของที่นี่แต่ละคนดูสดใส เรียบร้อย น่ารักสมวัย มีความเลื่อมใส ศรัทธาในธรรมะ และมุ่งมั่นที่จะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือพระสงฆ์เผยแผ่พระพุทธ ศาสนา     

นับเป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว ที่มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัยฯ ซึ่งถือเป็นวิทยาลัยบัณฑิตสตรีวิถีพุทธแห่งแรกในประเทศไทย ได้จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของมูลนิธิสถาบันแม่ชีไทยฯ สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ และ มมร. ปัจจุบันมีวิทยาลัยถาวรตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 77 ไร่ เพียบพร้อมไปด้วยอาคารเรียนและหอพัก ที่อยู่ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของป่าเขา ลำเนาไพร ณ ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา จัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี เปิดรับเฉพาะแม่ชี และ สตรีทั่วไป ที่จบการศึกษา ป.ธ.5, จบชั้น ม.6 หรือ เทียบเท่า เข้าศึกษาแบบอยู่ประจำและไม่จำกัดอายุ โดยรับนักศึกษารุ่นแรกในปีการศึกษา 2542 มีการบริหารงานโดยคณะแม่ชี และมีพระเมธีธรรมสาร เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัย ซึ่งขณะนี้มีนักศึกษาทั้งสิ้น 80 คน เป็นแม่ชี 38  คน อุบาสิกา 42 คน เรียนใน 2 คณะ คือ คณะศาสนาและปรัชญา สาขาวิชาเอกพุทธศาสตร์ และ คณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกการสอนภาษาอังกฤษ

แต่ในปีการศึกษา 2554 นี้ จะเปิดรับนักศึกษาใหม่ ในคณะศึกษาศาสตร์ วิชาเอกการสอนพระพุทธศาสนา และหากมีจำนวนนักศึกษามาสมัครเข้าเรียนมากพอก็จะเปิดสอนคณะสังคมศาสตร์ วิชาเอกสังคมสงเคราะห์ด้วย โดยการเปิดสอนในคณะดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา มมร.               

จากปรัชญาเริ่มต้นที่เชื่อว่า “สังคมดีขึ้นได้ด้วยผู้มีธรรม” นอกจากจะมีการจัดการเรียนการสอนที่เป็นไปตามมาตรฐานหลักสูตรของสำนักงานคณะ กรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และเน้นการให้ความรู้ด้านพระพุทธศาสนาตามหลักการของ มมร.ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแม่แล้ว ตลอดระยะเวลาการศึกษา เหล่านักศึกษาจะต้องดำเนินชีวิตตามแนววิถีพุทธ ที่เน้นการเรียนรู้ และพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การมีจิตสาธารณะ และการมีทักษะชีวิต ที่สามารถจัดการกับชีวิตของตนเองได้ทั้งทางกายและทางใจ โดยในทุก ๆ วันจะตื่นนอนตั้งแต่เวลา 04.30 น. เพื่อเตรียมตัวรับวันใหม่ด้วยชั่วโมงแห่งสติในการเดินจงกรม ทำวัตรทั้งช่วงเช้า และช่วงเย็น เพื่อพร้อมเรียนรู้วิชาการ ทั้งนี้ในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน นักศึกษาจะมีการแบ่งกลุ่มรับผิดชอบงานออกเป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่มบิณฑบาต กลุ่มดูแลรักษาน้ำ  กลุ่มอาหาร  กลุ่มสันทนาการ  และกลุ่มจัดการขยะ

นักศึกษาของที่นี่มาจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และบางรายเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งจะว่าไปแล้ววิทยาลัยแม่ชี ในสังกัด มมร. แห่งนี้เปรียบเทียบได้กับโรงเรียนคาทอลิกหญิงในคริสต์ศาสนา แต่ผู้ปกครองอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจ และไม่รู้จักวิทยาลัยแม่ชีว่าเป็นสถานที่ขัดเกลาสตรีให้มีความดีงาม ทั้งภายนอกและภายในโดยไม่จำเป็นต้องเป็นแม่ชีไปตลอดชีวิต จึงยังไม่นิยมส่งบุตรหลานผู้หญิงมาเข้าเรียน บรรดานักศึกษาส่วนใหญ่จึงต้องรบเร้าผู้ปกครองเพื่อขอเข้ามาเรียนเอง เช่น แม่ชียุพารักษ์ ชนะบวรวัฒน์ อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะศาสนาและปรัชญา วิชาเอกพุทธศาสตร์ เล่าว่า แม่ชีจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนสหศึกษาที่ชลบุรี เห็นว่ามีวิทยาลัยแม่ชีที่สอนถึงระดับปริญญาตรี จึงขอพ่อ แม่ เข้ามาเรียน ซึ่งครั้งแรกที่ขอผู้ปกครองก็เป็นห่วงและกังวลว่าเพื่อนบ้านจะมองลูกสาวแปลก ๆ ที่มาเรียนในโรงเรียนแม่ชี โดยเข้ามาเป็นอุบาสิกาก่อน และเมื่อเรียนได้ 3 เดือน เห็นแม่ชีที่ปฏิบัติดีจึงเกิดศรัทธาและคิดว่าเส้นผมยังไม่สำคัญในช่วงเวลา นี้ จึงตัดสินใจบวชเป็นแม่ชี เพื่อสร้างบุญบารมีให้ตนเอง และพ่อ แม่ เมื่อบวชนานขึ้นผู้ปกครอง และเพื่อน ๆ ก็ยินดีกับแม่ชีด้วย เพราะเห็นการปฏิบัติดีของเรา เนื่องจากอาจารย์ที่นี่สอนในทุกเรื่องรวมถึงการทำให้เราเป็น “เบญจกัลยาณี” โดยตั้งใจว่าเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะเรียนต่อระดับปริญญาโท ด้านภาษาบาลีและพระอภิธรรมต่อเนื่อง พร้อมทั้งเรียนกฎหมายควบคู่กันไปตามความต้องการของพ่อที่เป็นตำรวจ และอยากทำงานด้านสังคมสงเคราะห์

เช่นเดียวกับ แม่ชีสุเพีย รวม แม่ชีชาวเขมร อายุ 26 ปี นักศึกษาชั้นปี 4 อดีตตำรวจยศพันเอกหญิง สังกัดอุดรเมียนชัย ประเทศกัมพูชา ได้บอกถึงความมุ่งมั่นในการเรียนว่า อยากทำงานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนาระหว่างประเทศ

ขณะที่คนซึ่งเคยเกเรอย่าง “น้องไหม” หรือ น.ส.บุญวิไล รินทระ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เล่าว่า จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง  (ปวส.) จากโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนแห่งหนึ่ง โดยแม่เป็นคนพามาเรียนที่นี่ ตอนเข้ามาใหม่ ๆ ก็ต่อต้านเพราะไม่อยากอยู่ในกฎเกณฑ์ของแม่ชี จึงไม่ยอมช่วยงานเพื่อน ๆ แต่เมื่อความเกเรอิ่มตัว อยู่หอพักนานขึ้นเห็นเพื่อนทำงาน และต้องมารอคอยเมื่อตนเองเข้าเรียนสายก็รู้สึกว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว รู้สึกเป็นบาป จึงค่อย ๆ ปรับตัวจนเข้ากับคนอื่นได้ และรู้สึกดีขึ้น ซึ่งก็ทำให้ผู้ปกครองรู้สึกดีไปด้วย           

แม่ชีศรีวรรณ เพ็งสมุทร อายุ 34 ปี อดีตช่างเสริมสวย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 ประธานนักศึกษาฯ ได้ฝากเชิญชวนผู้ปกครอง แม่ชี และสตรีที่กำลังหาที่เรียนในระดับอุดมศึกษา ให้พิจารณาวิทยาลัยแม่ชีเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะที่นี่จะได้ “เรียนความรู้ ทำการงาน และทำความดี” โดยเรียนความรู้ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ควบคู่กับวิชาการ ทำการงานที่พัฒนาตนเอง ตลอดจนสังคมรอบข้าง และทำความดี คือ การเสียสละต่อสังคม ทั้งการสอนเด็ก เยาวชน และเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณเวลาที่ผู้คนมีความทุกข์ ก็สามารถใช้หลักธรรมทางศาสนาให้คำแนะนำได้

ในการเรียนผู้เรียนจะต้องชำระค่าธรรมเนียมการเรียน เทอมละประมาณ  3,000-5,000 บาท พักในหอพักฟรีแต่ต้องชำระค่าไฟฟ้าเอง ซึ่งถ้าเป็นอุบาสิกา ต้องจ่ายค่าอาหารอีกเดือนละ 500 บาท แต่ถ้าใครอยากเรียนฟรีก็มีช่องทางได้รับทุนการศึกษาแบบไม่จำกัดจำนวนทุน เพียงมีเงื่อนไขว่าผู้ขอรับทุนต้องทำวัตรเช้าและเย็นได้ถึง 80% หรือ 44 ครั้งต่อเดือน และเรียนได้เกรดเฉลี่ยน 2.50 ขึ้นไป รวมทั้งเพื่อน ๆ และอาจารย์ยอมรับว่าเป็นผู้ที่มีความประพฤติดี นอกจากนี้ที่นี่ยังมีการจัดอบรมระยะสั้น 10-15 วันให้แก่สตรีทั่วไปที่สนใจในวิชาพระพุทธศาสนาด้วย

ดูแล้ววิทยาลัยแม่ชีแห่งนี้ช่างเหมาะกับการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจให้มี ความมั่นคงทางอารมณ์ ในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อธรรมะในวิทยาลัยแม่ชีเปิดประตูออกมาสวัสดีแล้ว สตรีคนใดที่สนใจเล่าเรียนระดับอุดมศึกษาตามแนววิถีพุทธก็สามารถสมัครเข้า เรียนในปีการศึกษา 2554 ได้ที่มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัยฯ ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2554 หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่โทรศัพท์ 0-4424-9398-9.

ณัชชารีย์ วิเชียรรัตน์

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=42&contentID=131540
บันทึกการเข้า
ถึงเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก แต่ก็ยังสู้ได้อยู่ด้วยตัวคนเดียว
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ที่ระลึกถึง