ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สวัสดี กําลังหายไปจากสังคมไทย  (อ่าน 2188 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สวัสดี กําลังหายไปจากสังคมไทย
« เมื่อ: กันยายน 13, 2011, 09:06:08 am »
0

สวัสดี เป็นคำทักทายของคนไทย มักจะใช้เมื่อมีการพบปะเจอหน้า
หรือเมื่อต้องการบอกลา ก็กล่าวคำว่า สวัสดี ได้เช่นกัน

ความหมายของคำว่าสวัสดี

สวัสดิ์ หมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย
สวัสดีจึงหมายถึง ขอความดีงามจงมี (แก่ท่าน)

สังคมไทยทุกวันนี้เป็นสังคมที่รีบเร่ง แม้แต่การกล่าวคำว่า สวัสดี ก็รีบเร่ง
คำว่าสวัสดี จึงเริ่มที่จะหายไปจากสังคมไทย เหลือเพียงแต่คำว่า..


หวัดดีครับ
หวัดดีค่ะ

หากแปลตามความหมายแล้ว บอกได้เลยว่าคงไม่ดีอย่างแน่นอน

เพราะ "หวัด" ไม่ดีหรอกครับ เพราะเป็นแล้วจะไม่สบาย

สวัสดีครับ

บันทึกการเข้า

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สวัสดี กําลังหายไปจากสังคมไทย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กันยายน 13, 2011, 09:08:32 am »
0
พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้เล่าถึงต้นเหตุเดิมไว้ว่า 
เจ้า หน้าที่วิทยุกระจายเสียงได้ใช้คำ "ราตรีสวัสดิ์" ลงท้ายคำพูดเมื่อจบการกระจายเสียงตอนกลางคืน โดยอนุโลมตามคำว่า "กู๊ดไนต์" (Goodnight) ของอังกฤษ แต่มีผู้ไม่เห็นด้วย ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงจึงขอให้กรรมการชำระปทานุกรมของกระทรวงธรรมการใน สมัยนั้น ช่วยคิดหาคำให้ ในท้ายที่สุดก็ตกลงได้คำว่า "สวัสดี" ไปใช้ 

พ.ศ.๒๔๗๖ ท่านพระยาอุปกิตศิลปสาร ซึ่งในขณะนั้น ท่านเป็นอาจารย์สอนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้นำไปเผยแพร่ให้นิสิตในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใช้เป็นคำทักทายเมื่อพบกัน เป็นการทดลองก่อน 
 
คำว่า "สวัสดี" นี้ ท่านพระยาอุปกิตศิลปสาร ได้พิจารณามาจากศัพท์ "โสตถิ" ในภาษาบาลี หรือ "สวัสดิ" (สะ-หวัด-ดิ) ในภาษาสันสกฤต ซึ่งเป็นคำที่ใช้ในวรรณคดีไทย
 
ในความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ๒๕๔๒ 
 
สวัสดิ-, สวัสดิ์ ๑, สวัสดี ๑ [สะหวัดดิ-, สะหวัด, สะหวัดดี] 
น. ความดี, ความงาม, ความเจริญรุ่งเรือง; ความปลอดภัย เช่น ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ขอให้มีความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล ขอให้มีความสุขสวัสดี ขอให้สวัสดีมีชัย. (ส. สฺสวฺติ; ป.โสตถิ).
 
-สวัสดิ์ ๒, สวัสดี ๒ [-สะหวัด, สะหวัดดี]
คำทักทายหรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกัน เช่น อรุณสวัสดิ์ ราตรีสวัสดิ์ สวัสดีปีใหม่ สวัสดีครับคุณครู. 
 
โสตถิ [โสดถิ] น. ความสวัสดี, ความเจริญรุ่งเรือง เช่น เป็นประโยชน์โสตถิผล. (ป.; ส.สฺวสฺติ). 
 
 
คำว่า "สวัสดี" จึงหมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และเป็นการอวยชัยให้พร

ครั้นต่อมาในยุคบำรุงวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของชาติ รัฐบาลในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ก็เห็นชอบกับการใช้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำทักทายในโอกาสแรกที่ได้พบกัน จึงได้มอบให้ กรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน) ออกข่าวประกาศเมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ.๒๔๘๖ ดังต่อไปนี้ (ตัวสะกดและการันต์ในสมัยนั้น)
 
& quot;ด้วยพนะท่านนายกรัถมนตรีได้พิจารนาเห็นว่าเพื่อเปนการส่งเสริมเกียรติแก่ตนและแ
ก่ช าติ ให้สมกับที่เราได้รับความยกย่องว่าคนไทยเปนอารยะชน คำพูดจึงเปนสิ่งหนึ่งที่สแดงภูมิของจิตใจว่าสูงต่ำเพียงใด ฉะนั้นจึงมี คำสั่งให้กำชับบันดาข้าราชการทุกคนกล่าวคำ "สวัสดี"ต่อกันไนโอกาสที่พบกันครั้งแรกของวันเพื่อเป็นการผูกไมตรีต่อกัน และฝึกนิสัยไห้กล่าวแต่คำที่เปนมงคล ว่าอะไรว่าตามกัน กับขอไห้ข้าราชการช่วยแนะนำแก่ผู้ที่อยู่ไนครอบ ครัวของตนไห้รู้จักกล่าวคำ "สวัสดี" เช่นเดียวกันด้วย "
 
นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ทางราชการในสมัยนั้นได้กำหนดให้ใช้คำว่าสวัสดี ไว้แล้วตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๖ 
 
คำทักทายที่คนไทยสมัยนี้นิยมใช้กัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นสากล (Inter) เช่น 


คำว่า "ฮัลโหล" ในภาษาอังกฤษ มีความหมาย เป็นเพียงแค่ทักทายกันเมื่อพบกัน 
คำว่า "หนีฮ่าว" ในภาษาจีน มีความหมายว่า คุณสบายดีไหม 
 
จะเห็นว่ามีความแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน 
 
คำว่า "สวัสดี" ของไทยไม่ได้เป็นเพียงแค่คำทักทายเท่านั้น 
 
ความ หมายของคำ "สวัสดี" ได้สะท้อนไปถึงความปรารถนาดี เปี่ยมไปด้วยไมตรีจิต เป็นการอวยพรให้กับผู้ที่เราสนทนา ให้ประสบพบแต่สิ่งที่ดี ซึ่งเหล่านี้เป็นลักษณะพิเศษในคำทักทายของคนไทย 
 
และ เมื่อเรากล่าวคำสวัสดี คนไทยเรายังยกมือขึ้นประนมไหว้ตรงระหว่างอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม เหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อความหมาย ถึงสิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล เพราะชาวไทยใช้ดอกบัวในการสักการะผู้ใหญ่ บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ส่วนการวางมือไว้ตรงระดับหัวใจนั้น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นว่า การทักทายนั้น มาจากใจของผู้ไหว้ 

ดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่า สวัสดี พร้อมกับการยกมือขึ้นประนม จึงแฝงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่งดงามของคนไทย ที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำที่งดงามดังกล่าวนี้ ถือเป็นมงคลทั้งต่อตัวผู้พูด และผู้ฟัง เป็นความเจริญทางวัฒนธรรมด้านภาษาและจิตใจอย่างที่สุด
 
ในปัจจุบัน นี้มีชาวต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยจำนวนมาก ได้พยายามยกมือไหว้และกล่าวคำว่า "สวัสดี-Sawasdee " เพราะเข้าใจวัฒนธรรมของไทยดีขึ้น นับเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยได้ประการหนึ่ง 
 
คำว่า "สวัสดี" ได้แพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นคำของ "ชาตินิยม" เป็นวัฒนธรรมอันหยั่งรากฝังลึกลงในจิตใจของชาวไทยทั้งประเทศ 
 
อากัป กิริยาของการ "สวัสดี" ผนวกกับ ความมีน้ำใจไมตรีของคนไทย และรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ ทำให้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำที่มีความหมายมากมายนัก 
 
คน ไทยควรจะมาร่วมกันดำรง สำนึกความเป็น"ไทย" ด้วยคำทักทายอันเป็นมงคลและรอยยิ้มที่แจ่มใส .. อย่าให้สิ่งดีๆ เลือนหายไปจากสามัญสำนึก 
 
"สวัสดีค่ะ"   สวัสดีครับ" 

http://talk.mthai.com/topic/112733
บันทึกการเข้า