ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: รายงานพิเศษ : น้ำท่วมใหญ่ในพม่า “พุทธสถานสำคัญ”จมใต้บาดาล  (อ่าน 1407 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28454
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


รายงานพิเศษ : น้ำท่วมใหญ่ในพม่า “พุทธสถานสำคัญ”จมใต้บาดาล

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2015 ซึ่งเป็นช่วงฤดูมรสุม ประกอบกับอิทธิพลของพายุไซโคลนโกเมน ทำให้มีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในรอบ 24 ปี ก่อให้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่สุดในรอบ 40 ปี ใน 13 เขตและรัฐ โดยเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 47 คน ผู้ประสบภัยประมาณ 210,000 คน
       
       ประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ของพม่า ได้ประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉินน้ำท่วมใหญ่ใน 4 เขต ได้แก่ รัฐชิน เมืองพะโค เขตสะกาย และรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักสุด จากเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ หลังจากเกิดฝนตกหนักนานนับเดือน ซึ่งไม่เพียงสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แต่รวมถึงมรดกทางพุทธศาสนาด้วย
       
       โดยรัฐยะไข่รายงานว่า มีวัดเกือบ 100 แห่ง บ้านเรือน 10,000 หลัง โรงเรียน 200 หลัง และนาข้าวกว่า 425,000 ไร่ จมอยู่ใต้บาดาล
       
       กองโบราณคดี พิพิธภัณฑ์และห้องสมุดแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เผยว่า เจดีย์ 3 องค์ และหอพระไตรปิฎก พระราชวังในเมืองมรัคอู รัฐยะไข่ ถูกน้ำท่วม เนื่องจากพื้นที่โดยรอบของเมืองมรัคอู คล้ายเนินเขา แต่เต็มไปด้วยหนองบึง ต้นโกงกาง และทะเลสาบ
       
       ทั้งนี้ เมืองมรัคอูมีความสำคัญทางด้านโบราณคดี และเป็นที่ตั้งของอาณาจักรอารกันระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15-18


        :96: :96: :96: :96:

       
       อู ซัน วิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตกองโบราณคดี เมืองมรัคอู กล่าวว่า วัดและอาคารหลายแห่งซึ่งตั้งอยู่ในที่ต่ำ ได้รับความเสียหายมากที่สุด “เจดีย์หินบางองค์มีรอยร้าวที่ฐาน เราจำเป็นต้องบูรณะ เพราะฐานหินจะมีความแข็งแรงน้อยกว่าปกติ เราต้องสร้างวงล้อมขึ้นมา เพื่อป้องกันองค์เจดีย์เหล่านี้”
       
       เขาให้ข้อสังเกตว่า ขณะที่บรรดาพระราชวังในอาณาจักรโบราณธัญญาวดีและเวศาลี ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย แต่เจดีย์ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่ปลอดภัย เนื่องจากสร้างบนฐานที่ยกสูง ทำให้รอดจากน้ำท่วมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เจดีย์บาซอยูมีรอยแตกร้าว และด้านในขององค์เจดีย์มินวูเซ และเจดีย์ชเวมอว์ดอว์ จมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด

       
มหาเจดีย์ชเวมอว์ดอว์

      สำหรับมหาเจดีย์ชเวมอว์ดอว์ (Shwe Maw Daw) เป็นเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญของเมืองหงสาวดีหรือพะโค มีความหมายว่า “มหาเจดีย์พระเจ้าทองคำ” หรือที่รู้จักในนาม “พระธาตุมุเตา” แปลว่า “เจดีย์จมูกร้อน” เพราะเจดีย์มีขนาดสูงถึง 114 เมตร ซึ่งสูงที่สุดในพม่า ทำให้ผู้ที่ไปสักการะต้องแหงนหน้าจนคอตั้งบ่า จึงจะมองเห็นยอดเจดีย์ เป็นเหตุให้แสงแดดที่แรงกล้าแผดเผาจมูกจนแสบร้อน
       
       พระธาตุมุเตาเป็นมหาสถูปบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าที่สำคัญที่สุดของชาวมอญ ในสมัยพระเจ้าราชาธิราชกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของมอญ ได้มีการประกอบพิธีกรรมสำคัญของราชอาณาจักรที่พระธาตุมุเตาแห่งนี้ และเริ่มพระราชประเพณีถวายทองหนักเท่าพระองค์เพื่อหุ้มองค์พระธาตุด้วย
       
       สมัยพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่าองค์ต่อมา ก็ทรงมีพระราชศรัทธาในองค์พระธาตุอย่างท่วมท้น ทรงถอดอัญมณีเม็ดใหญ่ที่ประดับยอดพระมงกุฎถวายเป็นพุทธบูชา พร้อมทั้งทรงให้ก่อกำแพงเมืองขยายไปโอบล้อมพระมหาเจดีย์ และได้มีการสร้างฉัตรถวายเพิ่มเติมอีกหลายชั้น จนพระมหาเจดีย์สูงขึ้นอีกหลายเท่า
       
       แต่เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2473 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในพม่า ทำให้พระมหาเจดีย์ได้พังทลายลงมา หลังจากนั้นก็ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ แต่ซากพระมหาเจดีย์องค์เดิมได้นำมาจัดแสดงไว้ในบริเวณนั้นด้วย


        ans1 ans1 ans1 ans1
       
       ส่วนมรัคอู หรือเมียวอู เป็นเมืองสำคัญทางด้านโบราณคดี ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของรัฐยะไข่ (เดิมชื่อรัฐอารกัน) ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรมรัคอู ซึ่งเป็นอาณาจักรที่สำคัญและเรืองอำนาจสูงสุดในบรรดาอาณาจักรอารกัน (ค.ศ. 1430-1785) ทั้งหมด
       
       ในยุคที่อาณาจักรมรัคอูเจริญรุ่งเรือง ชาวบ้านและขุนนางที่เป็นชาวพุทธ ได้สร้างเจดีย์และวัดจำนวนมาก ที่ได้กลายเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศาสนา ตราบจนทุกวันนี้ ซึ่งจำนวนวัดและเจดีย์ในเมืองมรัคอูมีมากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากเมืองพุกาม
       
       พุทธสถานที่มีชื่อเสียงของเมืองมรัคอู ได้แก่


วัดซิตตวง

ภายในวัดซิตตวง

      วัดซิตตวง (Shite-thaung Temple) มีความหมายว่า “วัดพระแปดหมื่น” หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า วัดแห่งชัยชนะ สร้างในราว ค.ศ. 1535-1536 บนเนินเขาโปกวง (Pokhaung Hill) โดยพระเจ้ามินบิน เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะเหนือแคว้นเบงกอล ภายในวัดมีเจดีย์ใหญ่ทรงระฆังตั้งอยู่ตรงกลาง เจดีย์เล็กทั้ง 4 มุม และเจดีย์ขนาดย่อมรายรอบ
       
       ลักษณะเด่นของวัดคือ มีระเบียงยาวด้านละเกือบ 100 เมตร คล้ายอุโมงค์ ล้อมรอบอุโบสถ 3 ชั้น ผนังทั้งสองด้านประดับด้วยภาพจิตรกรรมนูนสูงพุทธชาดก และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็ก 84,000 องค์ จึงเป็นที่มาของชื่อวัด

       
วัดโคตวง

ภายในวัดโคตวง

       วัดโคตวง (Koe-thaung Temple) มีความหมายว่า “วัดพระเก้าหมื่น” เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองมรัคอู สร้างระหว่างค.ศ. 1554-1556 โดยพระเจ้ามินไตกา ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้ามินบิน โดยต้องการให้เป็นวัดที่ยิ่งใหญ่กว่าวัดซิตตวง ที่พระบิดาเป็นผู้สร้าง เพราะเชื่อว่าจะทำให้พระองค์ยิ่งใหญ่และช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้ ภายในมีพระพุทธรูปแกะสลัก 90,000 องค์
       
วัดทุกขันเทียน

ภายในวัดทุกขันเทียน

       วัดทุกขันเทียน (Htukkanthein Temple) ตั้งอยู่บนเนินหินสูง 30 ฟุต ห่างจากวัดซิตตวงราว 100 เมตร สร้างใน ค.ศ. 1571 โดยพระเจ้ามินฟาลวง ตัววัดก่อด้วยก้อนอิฐและหิน แบ่งเป็น 3 ห้อง ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดเล็ก 180 องค์ และรูปปั้นแกะสลักของผู้หญิงที่กำลังบูชาพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในช่องตามผนัง กล่าวกันว่า สตรีเหล่านี้คือภรรยาของบรรดาขุนนางที่มีทรงผมแตกต่างกันไปถึง 64 แบบ
       
วัดอันดอว์เทียน

ภายในวัดอันดอว์เทียน

       วัดอันดอว์เทียน (Andaw Thein Temple) หรือวัดพระทันตธาตุ อยู่ติดกับวัดซิตตวง สร้างปี ค.ศ. 1521 เพื่อประดิษฐานพระทันตธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระเจ้ามินบินนำมาจากศรีลังกา ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ถึง 175 องค์ ปัจจุบัน พระทันตธาตุได้ถูกย้ายไปประดิษฐานที่วัดปัญธุละ
       
       มรัคอูจัดเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้มาเยือนมากที่สุด เนื่องจากมีวัดหินโบราณราว 380 แห่ง นับเป็นศูนย์กลางอารยธรรมอารกันที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน
       
       รัฐบาลพม่าได้เตรียมเสนอชื่อเมืองมรัคอูต่อองค์การยูเนสโก เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก และได้เริ่มต้นมาตรการต่างๆ เพื่ออนุรักษ์วัดและพุทธสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่แล้ว

       
จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 177 กันยายน 2558 โดย บุญสิตา
http://manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9580000099088
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

nonestop

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 87
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
น้ำท่วม 13 รัฐ เป็นข่าวไป เมื่อ สองเดือน แล้วคะ ตอนนี้แห้งแล้ว คะ

  :s_hi:
บันทึกการเข้า
nonestop  หยุดทำ้ร้าย หยุดเบียดเบียน หยุดการกลับมาเกิด กันเถิดครับ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 :smiley_confused1:
           ก็คงไม่พ้นเรื่องกรรม  พม่าเคยรุกประเทศมอญเป็นของตน  เคยรุกรานบ้านใกล้เรือนเคียง เข่นคร่าฆ่าชีวิตล้มตาย

                       ผมเห็นเป็นเรื่องกรรม   เมื่อกรรมสนองมันแก้ยากครับ  สรุปว่าต้องรับความจริงอย่างที่เห็น
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา