ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มนุษย์ตายแล้ว เกิดใหม่กลายเป็นไก่ ได้จริงหรือ?  (อ่าน 1894 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28527
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
มนุษย์ตายแล้วเกิดใหม่กลายเป็นไก่ได้จริงหรือ

           พระพุทธศาสนาเชื่อในหลักการเวียนว่ายตายเกิด ตราบใดที่จิตยังไม่ดับสูญหรือไม่นิพพาน ก็ต้องกลับมาเกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เวียนว่ายตายเกิดเสวยชาติในกำเนิดต่างๆกัน มากมายเช่นช้าง ม้า วัว ลิง นก ฯลฯ ใช้เวลานานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์จึงดับขันธ์ปรินิพพานในที่สุด
 
           มีข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์(09/03/53) นำเสนอข่าวว่า “หนุ่มตายเกิดเป็นไก่เฝ้าแฟนสาวไม่ห่าง”ตาม รายงานข่าวสรุปได้ว่านางสาวภัทสนันท์ ขันธสารี เคยมาช่วยงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของป้า ที่อยุธยา และได้รู้จักกับนายใหญ่ ซึ่งเป็นเพื่อนกับลูกพี่ลูกน้องของตน จากนั้นก็คบหาดูใจเป็นแฟนกันระยะหนึ่ง

           โดยช่วงที่คบหากันแฟนหนุ่มจะมานั่งหยอกล้อพูดคุยกันที่เปลญวนตัวนี้เป็น ประจำ กระทั่งวันหนึ่งในกลางปี 52 แฟนหนุ่มขี่รถจักรยานยนตร์มาหาที่ร้าน นั่งพูดคุยกันที่เปลญวนได้สักพัก ก็ขอตัวกลับโดยขี่รถจักรยายยนตร์คู่ใจออกไปได้แค่ 10 นาที ตนก็ได้รับข่าวร้ายว่าแฟนหนุ่มประสบอุบัติเหตุรถชนเสียชีวิต 
 

            น่าเสียใจแทนที่แฟนมาตายก่อนอายุอันควร แต่ชีวิตกำหนดแน่ไม่ค่อยได้ หนุ่มหรือแก่ก็อาจตายได้ทุกเวลา อย่าประมาทในการใช้ชีวิต

           ต่อมาไม่นานเธอกลับมา ช่วยป้าขายก๋วยเตี๋ยวอีก พอมาถึงก็เจอไก่ชนตัวนี้เข้ามาคลอเคลีย เดินตามต้อย ๆ ไปนั่งเล่นที่เปลญวนก็ตามไปเฝ้าไม่ยอมห่าง แถมยังกระโดดขึ้นมายืนบนขาไม่ยอมไปไหน โยนเศษอาหารหรือข้าวเปลือกให้ก็ไม่ยอมกิน ไม่ยอมไปไหน เฝ้าอยู่ใกล้ ๆ อย่างเดียว

           พอเค้าเห็นพฤติกรรมของ ไก่ที่ทำกับเธอก็เริ่มสงสัยว่าอาจเป็นวิญญาณของพี่ใหญ่แฟนเก่ากลับมาเกิด เป็นไก่ตัวนี้ ตอนแรกยังไม่ค่อยเชื่อ จนลองเรียกชื่อว่า “พี่ใหญ่ ๆ” แค่นั้นมันก็ทำปากมุบมิบ ๆ เหมือนพูดตอบ เธอกับพี่เลยเชื่อว่าน่าจะเป็นวิญญาณของพี่ใหญ่มาเกิดเป็นไก่คอยเฝ้าดู เพราะยังรักและเป็นห่วง ตั้งแต่นั้นหนูก็จะคอยช่วยป้าที่ร้าน และนั่งเล่นพูดคุยกับไก่ชนตัวนี้เป็นประจำ”
 
             พอเป็นข่าวแล้วไม่แน่ใจว่าไก่ตัวนั้นจะตื่นคน จนไม่กล้าเข้าใกล้เธอหรือไม่ต้องคอยดูกันต่อไป

           คนตายแล้วเกิดเป็นไก่ได้ หรือไม่ยังหาหลักฐานยืนยันไม่ได้ แต่ในพระพุทธศาสนาเคยมีเรื่องเกี่ยวกับคนตายแล้วเกิดเป็นสุนัขดังที่ปรากฎใน อรรถกถาโกสัมพิยสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม 1ภาค 3หน้าที่ 41 มีเรื่องโดยย่อว่า "สองผัวเมียอนาถาคู่หนึ่งเดินทางไกลเพราะเกิดข้าวยากหมากแพง จึงตัดสินใจพาลูกน้อยเดินทางเพื่อหางานทำ พ่อแม่ผลัดเปลี่ยนกันอุ้มลูกน้อย แต่เพราะการเดินไกลพร้อมทั้งความหิวข้าวหิวน้ำอย่างหนักฝ่ายสามีจึงแอบวาง ลูกน้อยไว้ข้างพุ่มไม้ในที่สุดก็สิ้นใจ
 

           ไม่ นานนักก็เดินทางมาถึงบ้านคนเลี้ยงโคผู้มีอันจะกินนับได้ว่าอยู่ในขั้นเศรษฐี แห่งหนึ่ง ขอข้าวและน้ำกิน เศรษฐีใจดีมีเมตตาจึงให้คนนำข้าวปลายอาหารอย่างดีมาให้สองผัวเมีย ในขณะเดียวกันก็นำอาหารมาเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งเป็นอาหารที่มองดูน่ากิน สามีกินข้าวไปนั่งมองแม่สุนัขไปด้วยความอิจฉา เกิดเป็นสุนัขเศรษฐีช่างอยู่ดีกินดีมากกว่าเราคนจนเสียอีก ด้วยความหิวผัวรีบกินอาหารเป็นพิษไม่ย่อย นอนตายทั้งๆที่ใจยังคิดอิจฉาสุนัขท้องแก่ตัวนั้น

           วิญญาณที่ออกจากร่างได้ เข้าไปถืออุบัติในครรภ์ของสุนัขเศรษฐี อีกไม่นานก็ถือกำเนิดเกิดเป็นสุนัข แต่จำอดีตของตนได้ จึงได้ตั้งความหวังไว้ว่าจะมุ่งทำดีเพื่อที่จะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก สุนัขทำหน้าที่เห่าพระรูปหนึ่งที่มาบิณฑบาตบ้านเศรษฐีเป็นประจำ นั่นคือการความดีของสุนัขตามสมควรแก่สภาวะ ในที่สุดก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง

            เพราะผลกรรมที่ฆ่าลูกตายในชาติก่อน พอเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้งจึงถูกเขาพยายามฆ่าให้ตายตั้งเจ็ดครั้ง แต่เพราะกุศลที่ทำไว้กับพระปัจเจกพุทธเจ้าในชาติที่เกิดเป็นสุนัขทำให้รอด พ้นจากความตายและกลายเป็นเศรษฐีนามว่าโฆสิตเศรษฐี

            กรรมหรือการกระทำนั้นมีผลโดยตรงกับตัวคนทำ กรรมดีและกรรมชั่วแยกกันอยู่ เมื่อใดได้โอกาสกรรมนั้นก็จะแสดงผลออกมา หากทำดีบ่อยๆโอกาสที่กรรมชั่วจะแสดงผลก็น้อยลง ในที่สุดก็กลายเป็นกรรมที่ไม่แสดงผล เรานิยมเรียกกรรมชนิดนี้ว่า "อโหสิกรรม"
 
       
           ครั้งหนึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรหมรํสี) เดินผ่านสุนัขตัวหนึ่งที่นอนขวางทางท่านจะไม่เดินข้ามไปแต่จะพูดขอทางก่อน ว่า “โยมจ๋า ขอฉันไปทีเถอะจ๊ะ” แล้วก็ก้มกายเดินหลีกทางสุนัขตัวนั้นไป มีผู้ถามว่า ทำไมท่านจึงทำเช่นนั้น ท่านก็จะตอบอย่างน่าคิดว่า “ฉันไม่รู้ว่าสุนัขตัวนี้จะเคยเป็นพระโพธิสัตว์หรือมิใช่ หรือสุนัขตัวนี้อาจเคยเป็นบิดามารดาเรามาก่อน”

         การเวียนว่ายตายเกิดจึงเป็นความเชื่อขั้นพื้นฐานอย่างหนึ่งของพระ พุทธศาสนา เพราะพระพุทธศาสนาเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรม หากมีความผูกพันก็สามารถกลับมาเกิดอีกได้ เป็นอะไรก็ได้ อาจเป็นไก่ เป็นสุนัข หรือเป็นสัตว์อย่างอื่นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับสภาวะจิตก่อนตาย

พระมหาบุญไทย  ปุญญมโน 10/03/53
ที่มา http://www.cybervanaram.net/index.php?option=com_content&view=article&id=62:2010-03-09-16-12-56&catid=5:2009-12-17-14-44-06&Itemid=21
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ