ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?  (อ่าน 11843 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ส้ม

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 184
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 11:32:48 am »
0
มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?ไม่ทราบ ว่าพิมพ์ถูกหรือ ไม่ ขอท่านผู้รู้ ศิษย์ พี่ทุกท่านช่วยแนะนำด้วยคะ

  :58: :c017: :25:
บันทึกการเข้า
เส้นทางแสนเปรี้ยว จะมีสุขจริงบ้างหรือไม่ ?

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 12:26:39 pm »
0
สมังคี  ผู้พรั่งพร้อม,  ผู้พร้อม (ด้วย... ),  ผู้ประกอบ (ด้วย... );  มักใช้เป็นบทท้ายในคำสมาส  เช่น  กุศลสมังคี (ผู้ประกอบด้วยกุศล)  โทสสมังคี (ผู้ประกอบด้วยโทสะ)  มรรคสมังคี (ผุ้ประกอบด้วยมรรค  คือ  ตั้งอยู่ในมรรค  เช่น  ในโสดาปัตติมรรค)  ผลสมังคี (ผู้ประกอบด้วยผล  คือ  ได้บรรลุผล  เช่น  ถึงโสดาปัตติผล  เป็นโสดาบัน  เป็นต้น)

ที่มา : พจนานุกรมพุทธศาสน์  ฉบับประมวลศัพท์ (ชำระ-เพิ่มเติม ช่วงที่ ๑) พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) 
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 01:21:46 pm »
0
 มรรคสมังคี (ผุ้ประกอบด้วยมรรค  คือ  ตั้งอยู่ในมรรค  เช่น  ในโสดาปัตติมรรค)

  มีคำอธิบาย อยู่เท่านี้เอง นะคะ ท่าน ธรรมะปุจฉา

  ดังนั้นขอตั้งคำถาม เพิ่มเติมนะคะ ว่า

     การรวมมรรค กับ มรรคสมังคี เหมือนกันหรือไม่คะ

    :25: :c017:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2012, 02:01:15 pm »
0
น่าจะเป็นอย่างนี้นะจ๊ะ (วิจารส่วนตัว) การเป็นเช่นนั้น จึงได้ชื่อนั้น ๆ  คือ เช่น เป็นผู้อยู่ในมรรค นั้นแล้ว จึงเรียก มรรคสมังคี  แต่การที่อยู่ระหว่าง ทำให้สำเร็จ กำลังทำการรวบรวมอยู่ คิดว่า น่าจะยังเรียก ว่า มรรคสมังคีไม่ได้ เพราะยังทำการประกอบอยู่  องค์ประกอบ ยังไม่ครบ ยังไม่สมบูรณ์ยังไม่สำเร็จ 

ตามความเข้าใจส่วนตัวแล้ว ก็คือ การกระทำต่าง ๆ นะแหละ ที่บุคคลทำ นำมาเป็นชื่อของบุคคลนั้น ๆ คล้าย ๆ อย่างนั้น เช่นอย่างในภาษอังกฤษ คำว่า fishery แปลว่า การจับปลา ซึ้งเป็นการกระทำ เป็นกิริยา  แต่พอเป็น fisherman ก็กลายเป็นคนตกปลา     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 17, 2012, 05:44:27 pm โดย ธรรมะ ปุจฉา »
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 06:21:39 am »
0


เผยแพร่เมื่อ 10 ก.ย. 2012 โดย JchaiJane
มัคคสมังคี หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


มรรคสมังคี
แสดง ณ วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม จังหวัดหนองคาย
วันที่ ๑๓  กันยายน  พ.ศ. ๒๕๒๔

    วันนี้จะเทศน์เรื่องสิ่งทั้งปวงมารวมอันเดียวจึงจะสำเร็จ ถ้าหากไม่รวมในที่เดียวแล้วไม่สำเร็จ ในการที่จะสำเร็จนั้น จะเป็นไปในรูปใดก็แล้วแต่ ไม่ว่าโลกว่าธรรม ต้องให้รวมเสียก่อน ดูใกล้ๆ ตัวเรานี่แหละ ธาตุ ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม กระจัดกระจายกันอยู่ ไม่เป็นตนเป็นตัวหรอก เมื่อธาตุผสมกันเข้าพร้อมบริบูรณ์เมื่อไหร่ จึงค่อยเป็นตนเป็นตัวขึ้นมาค่อยเจริญเติบโตขึ้นมาโดยลำดับ

     ทุกสิ่งทุกอย่างไม่หนีไปจากธาตุทั้งนั้น ถ้าหากกระจัดกระจายกันอยู่ เป็นแต่น้ำมันก็สำเร็จเป็นแค่น้ำเท่านั้น เพราะไม่มีไฟ ไม่มีลม เป็นดิน มันก็สำเร็จเป็นแค่ดินสิ่งอันเดียวมันไม่ครบพร้อมบริบูรณ์ บ้านหนึ่ง เมืองหนึ่ง ครอบครัวหนึ่งก็เหมือนกัน พ่อแม่ลูกเต้าหลายๆ คนมารวมกันเข้าค่อยเป็นบ้าน บ้านหลายๆบ้านมารวมกันเข้าจึงค่อยเป็นตำบล ก็หลายตำบลมารวมกันเข้าเป็นอำเภอ เป็นจังหวัด เป็นอะไรต่างๆเป็นขั้นเป็นตอนไป

     ในทางธรรมก็ฉันเดียวกัน กิเลสต่างๆ มันไม่รวมกันเมื่อใด กระจัดกระจายกันอยู่ไม่พร้อมบริบูรณ์เมื่อใด มันก็ไม่สำเร็จมรรคผลนิพพานได้
     ที่ท่านเรียกว่า “มรรคสมังคี” คือ จิตที่ค้นคว้าแสวงหาเรื่องมรรคต่างๆ
     เรียกว่าค้นคว้า ปฏิบัติหาเหตุหาผล เรื่องราวต่างๆ จิตแน่วแน่รวมลงไป ในที่เดียว
     จึงค่อยประหัตประหารกิเลสทั้งหลายได้ แต่ละมรรคก็รวมลงได้อย่างนั้นเหมือนกัน


     คนเรานั้นยากที่จะรวมกิเลสได้ คือเป็นไปตามแต่เรื่อง ของกิเลส ไม่รู้จักมูลฐานของกิเลส ไม่รู้จักที่ตั้งของกิเลส มันก็ละไม่ได้ ความเศร้าหมองเรียกว่ากิเลส มันทำให้จิตใจของเราไม่ผ่องใส


       
        ความเศร้าหมองไม่มีใครอยากได้ อยากได้แต่ความผ่องใส อันความเศร้าหมองจะชำระด้วยประการใดแล้วแต่อุบายของตน อย่างเช่นความโกรธเกิดขึ้นมาจิตใจเศร้า หมองไม่ผ่องใส ไม่เบิกบาน ใครโกรธ ความโกรธมันก็วิ่งเข้ามาหา ใครโลภ ความโลภมันก็วิ่งเข้ามาหา ใครหลง ความหลงมันก็วิ่งเข้ามาหา มันวิ่งเข้ามาหาตัวใจนั่นแหละ จึงว่ามันรวมที่ใจ

        ถ้าไม่เห็นใจแล้วก็ไม่เห็นตัวกิเลส เราพิจารณาชำระใจของเราให้ผ่องใส จึงจะเห็นใจอันบริสุทธิ์ ใจที่บริสุทธิ์แล้วนั้นเอาปกติธรรมดานี่แหละ ระลึกถึงเรื่อง ปกติธรรมดานี่แหละ ในเมื่อผ่องใสอยู่ปกติธรรมดามันไม่ โกรธ ได้ความสุขความสบายใจชอบใจในที่นั้น ความโกรธ มันก็มืดมิดทุกสิ่งทุกอย่าง หาทางออกไม่ได้ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งผูกมัดเข้าทุกที...

        คนเราในเมื่อไม่มีโกรธ ไม่มีโลภ ไม่มีหลง มันก็สบายอยู่ ถ้ามันโลภ มันโกรธ มันหลง มันติดแน่นหมด ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าอย่างนั้นความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง จะไม่ดีหรือ

        ความโกรธมันเกิดจากความไม่พอใจ เห็นสิ่งใดๆ ผิด หูผิดตาไปหมด อันนี้ก็พูดถึงใจเหมือนกัน ผิดหู ผิดตา ไม่ถูกหู ไม่ถูกตา มันก็ไม่ถูกใจนั่นแหละ ถ้าไม่มีใจแล้ว หู ตา มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย หูก็ไม่ได้ยิน ตาก็ไม่ได้ เห็น ก็ตัวใจตัวเดียวนั่นแหละที่ไม่พอใจ เมื่อไม่พอใจแล้ว มันก็ขุ่น ขุ่นแล้วก็ไม่เห็นอะไร มันก็มืด มันก็เศร้าหมอง ความโกรธเกิดขึ้นแล้วย่อมประหารจิตใจของคนให้เป็นจุณมหาจุณ จึงให้หาหลัก คือใจเสียก่อนเป็นของสำคัญ

        คนทั้งหมดในโลกนี้เกิดจากใจ สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้เกิดจากใจ ที่เป็นตนเป็นตัววิ่งเต้นอยู่ตามโลก คือพลิก ไหวเคลื่อนไปมาอยู่ในโลกอันนี้ล้วนแต่มีใจทั้งนั้น ใจตัวนั้นแหละมันเป็นเหตุ ใครๆ ก็พูดเรื่องใจ แต่หากไม่เห็น ใจสักที ไม่ถูกใจ ไม่พอใจ น้อยใจ เสียใจ ดีใจ อะไรพูด ถึงใจทั้งนั้น



       พุทธศาสนาของเราจึงว่าสอนถึงใจ ไม่ได้สอน ที่อื่น ทำบุญสุนทานด้วยประการต่างๆ ก็ใจนั่นแหละ ใจเกิดศรัทธาเลื่อมใส จึงค่อย ‘จาคะ’ บริจาคทำบุญ ใจบุญ ใจกุศล จึงค่อยทำทาน มีเจตนางดเว้นจากข้อนั้นๆ จึงเรียกว่า รักษาศีล ทำสมาธิภาวนา ก็รักษาสำรวมใจ ปัญญาก็ตัวใจนั่นแหละ ศาสนาพูดถึงใจอย่างนี้ โดยสรุปรวมแล้ว หากพูดถึงศีล สมาธิ ปัญญา มันจะมีอะไร มันก็พูดถึง ใจนั่นแหละ อย่างที่อธิบายมาแล้ว ถ้าหากเราถึงใจเมื่อใด ก็ถึงศาสนาเมื่อนั้น

        พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ก็ตรัสรู้ที่หัวใจของพระองค์ คนที่ไปตกนรกหมกไหม้ก็เพราะใจนั่นเองเศร้าหมอง จะขึ้น สวรรค์ชั้นฟ้าก็เพราะใจนั่นเองผ่องใสสะอาด จึงว่าสิ่งทั้งปวงหมดในโลกนี้ ถ้าไม่รวมใจแล้ว ไม่สำเร็จประโยชน์

        ปฏิบัติธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน ปฏิบัติมากมายสักเท่าไร พิจารณารอบคอบรอบด้านแล้วมารวมที่ใจเป็นสมาธิภาวนานั่นแหละ เกิดสมาธิที่ตรงนั้น เป็นสมาธิภาวนาแน่วแน่ลงไป สมาธิภาวนานั่นแหละ ตัวทาน บ่อทาน ตัวอิ่มใจ มันจะอิ่มของมันเองหรอก มันเกิดปัญญาอุบายก็เกิดของมันเองหรอก เหมือนกับของภายนอกของภายในอันเดียวกัน โลกธรรมอันเดียวกัน เป็นแต่พิจารณาถึงเรื่องโลกมันไม่รวม

        แต่มันรวมอยู่ในตัวแล้ว แต่เราไม่รวม อันนั้นเรียกว่า ‘โลก’ ส่วน‘ธรรม’ นี้พิจารณารวมลงในที่เดียว รวมที่หัวใจแห่งเดียว มันจะเกิดอุบายปัญญาก็ตามหรือไม่เกิดก็ช่าง เรียกว่าเป็นธรรม แท้ทีเดียว ถ้าหากมันเกิดรู้แจ้งชัดเจนขึ้นมาในใจนั้นเป็นธรรมแท้ทีเดียว



ที่มา http://www.manager.co.th/Dhamma/viewnews.aspx?NewsID=9490000030615
ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammada.net/,http://pirun.ku.ac.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2012, 06:39:58 am »
0

มรรคสมังคี ละสังโยชน์ ละอวิชชา
   
     มรรคสมังคี คือ มรรคแปดรวมเป็นหนึ่ง คือ ศีล สมาธิ ปัญญา รวมเป็นหนึ่ง
     เพื่อละสังโยชน์ จะเกิดไม่เกิน 4 ครั้ง
     มรรคสมังคี หรือ จิตยิ้ม นี่ตัวเดียวกันเกิดไม่เกิน 4 ครั้ง
     แล้วแต่บางองค์ท่านกำลังมาก อาจเป็นครั้งเดียว ละอวิชชาได้เลย ก็เกิดครั้งเดียว


     เหมือนอย่างหลวงปู่บุญยัง วัดป่าบ้านบาก ที่ศรีสะเกษ(หลวงพ่อบุญยัง ผลญาโณ)
     ตอนท่านพรรษา 10 ท่านไปที่วัดป่าบ้านตาด ตอนนั้นหลวงปู่มหาบัวให้แม่ชีแก้วแสดงธรรม
     ท่านฟังธรรมจากชีแก้ว (คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ) จิตรวมลงเดินปัญญาต่อ
     ครั้งเดียวได้อรหัตผล จบที่ขณะฟังธรรมตอนพรรษา 10
     เพราะมรรค ศีล สมาธิ ปัญญา รวมเป็นหนึ่ง
     มรรคสมังคี ละสังโยชน์ได้ ละอวิชชาได้เลย นี่เป็นครั้งเดียวได้อรหัตผลเลย



อ้างอิง : จากหนังสือ "จิตบริสุทธิ์ ไม่ขัดกัน" โดยพระอาจารย์สุจินต์ สุจิณฺโณ
          อาจาริยบูชา เนื่องในโอกาสฉลองอายุวัฒนมงคล ๖๖ ปี พระอาจารย์สุจินต์ สุจิณฺโณ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
ที่มา : board.palungjit.com/f63/มรรคสมังคี-ละสังโยชน์-ละอวิชชา-183012.html โพสต์โดย คุณลีลาวดี
ขอบคุณภาพจาก http://images.thaiza.com/,http://www.fungdham.com/



พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒

มรรค, มรรค-, มรรคา  [มัก, มักคะ-, มันคา] น.
    ทาง; เหตุ, ใช้คู่กับ ผล ว่า เป็นมรรคเป็นผล;
    ในพระพุทธศาสนา เป็นชื่อแห่งโลกุตรธรรม คู่กับ ผล
    มี ๔ ชั้น คือ โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค อรหัตมรรค,
    ทางที่จะนำไปสู่ความพ้นทุกข์

    เป็น ๑ ในอริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค เรียกเต็มว่า มรรคมีองค์ ๘ ประกอบด้วย
    สัมมาทิฐิ - ความเห็นชอบ ๑ สัมมาสังกัปปะ - ความดำริชอบ ๑
    สัมมาวาจา - การเจรจาชอบ ๑  สัมมากัมมันตะ - การงานชอบ ๑
    สัมมาอาชีวะ - การเลี้ยงชีวิตชอบ ๑ สัมมาวายามะ - ความพยายามชอบ ๑
    สัมมาสติ - ความระลึกชอบ ๑ สัมมาสมาธิ - ความตั้งใจชอบ ๑


    หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มัชฌิมาปฏิปทา คือ ทางสายกลาง. (ส. มารฺค; ป. มคฺค).


สมังคี
    [สะมัง-] ว. ประกอบด้วย, พร้อมเพรียงด้วย. (ป.).
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 18, 2012, 06:43:25 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 10:13:59 am »
0

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓ ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค

       [๑๔๗] อริยมรรคสมังคีบุคคล ย่อมเผากิเลสที่ยังไม่เกิด ด้วยโลกุตตรฌานที่เกิดแล้ว
       เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าว โลกุตตรฌานว่าเป็นฌาน
       บุคคลนั้นย่อมไม่หวั่นไหวเพราะทิฐิต่างๆ เพราะความเป็นผู้ฉลาดในฌานและวิโมกข์
       ถ้าพระโยคาวจรตั้งใจมั่นดีแล้ว ย่อมเห็นแจ้งฉันใด ถ้าเมื่อเห็นแจ้งก็พึงตั้งใจไว้ให้มั่นคงดีฉันนั้น
       สมถะและวิปัสสนาได้มีแล้วในขณะนั้น ย่อมเป็นคู่ที่มีส่วนเสมอกันเป็นไปอยู่


       ความเห็นว่า สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์ นิโรธเป็นสุข
       ชื่อว่าปัญญาที่ออกจากธรรมทั้งสอง ย่อมถูกต้องอมตบท
       พระโยคาวจรผู้ฉลาดในความเป็นต่างกัน และความเป็นอันเดียวกันแห่งวิโมกข์เหล่านั้น
       ย่อมรู้วิโมกขจริยา ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะทิฐิต่างๆเพราะความเป็นผู้ฉลาดในญาณทั้งสอง ฉะนี้แล ฯ

       ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้นๆ
       ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด
       เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในการออกไปและหลีกไปจากกิเลส ขันธ์และสังขารนิมิตภายนอกทั้งสองเป็นมรรคญาณ ฯ


อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๑๖๘๓ - ๑๖๙๗. หน้าที่ ๖๙.
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=31&A=1683&Z=1697&pagebreak=0           
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=31&i=143
ขอบคุณภาพจาก http://www.96rangjai.com/




อรรถกถา ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค มหาวรรค ๑. ญาณกถา
มรรคญาณนิทเทส
             
      อรรถกถามรรคญาณนิทเทส 
      [๑๔๗] บัดนี้ พระสารีบุตรเมื่อจะพรรณนาถึงมรรคญาณ จึงกล่าวบทมีอาทิว่า อชาตํ ฌาเปติ ดังนี้.
      ในบทนั้น หลายบทว่า อชาตํ ฌาเปติ ชาเตน, ฌานํ เตน ปวุจฺจติ - ย่อมเผากิเลสที่ยังไม่เกิด ด้วยโลกุตรฌานที่เกิดแล้ว เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่าเป็นฌาน.
      ความว่า สมังคีบุคคลย่อมเผา คือ ทำลาย ตัดกิเลสนั้นๆ ที่ยังไม่เกิดด้วยโลกุตรฌานนั้นๆ อันปรากฏในสันดานของตน, ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวโลกุตระนั้นว่าเป็นฌาน.


      บทว่า ฌานวิโมกเข กุสลตา - เพราะความเป็นผู้ฉลาดในฌานและวิโมกข์.
      ความว่า สมังคีบุคคลย่อมไม่หวั่นไหวในทิฏฐิต่างๆ ที่ละได้แล้วด้วยปฐมมรรค เพราะความเป็นผู้ฉลาดในฌานมีวิตกเป็นต้น อันสัมปยุตด้วยอริยมรรคนั้น และในอริยมรรคอันได้แก่วิโมกข์ด้วยความไม่ลุ่มหลง.

      ชื่อว่าฌานมี ๒ อย่าง คือ อารัมมณูปนิชฌาน ๑ ลักขณูปนิชฌาน ๑.
      ฌานมีโลกิยปฐมฌาน เป็นต้น ชื่อว่าฌาน เพราะอรรถว่าเข้าไปเพ่งอารมณ์มีกสิณ เป็นต้น.
      วิปัสสนาสังขารชื่อว่าฌาน เพราะอรรถว่าเข้าไปเพ่งลักษณะอันเป็นสภาวสามัญ,
      โลกุตระชื่อว่าฌาน เพราะอรรถว่าเข้าไปเพ่งลักษณะที่จริงแท้ในนิพพาน.
      แต่ในที่นี้ท่านกล่าวถึงฌานทั่วไป แม้ด้วยโคตรภูว่าฌาน เพราะอรรถว่าไม่แตะต้องสภาพอันเป็นลักขณูปนิชฌาน แล้วเผากิเลสโดยไม่ทั่วไป.


      อนึ่ง ในที่นี้ สภาพแห่งวิโมกข์เป็นสภาพน้อมไปด้วยดีในอารมณ์ คือ นิพพาน และสภาพอันพ้นด้วยดีจากกิเลสทั้งหลาย.
      ......ฯลฯ.......ฯลฯ......


อ้างอิง
www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=31&i=143&p=1#ข้อ_๑๔๗
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 10:41:13 am »
0


อรรถกถา มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ วิภังควรรค
ทักขิณาวิภังคสูตร

๑๒. อรรถกถาทักขิณาวิภังคสูตร (ยกมาแสดงบางส่วน)

    ในบทนี้ว่า ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
    แม้อุบาสกผู้ถึงไตรสรณะโดยที่สุดเบื้องต่ำ ชื่อว่าปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.
    แม้ทานที่ให้ในอุบาสก ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลนั้น นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้.
    ส่วนทานที่ให้แก่ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในศีลห้ามีผลมากกว่านั้น.
    ทานที่ให้แก่ บุคคลผู้ตั้งอยู่ในศิลสิบมีผลมากกว่านั้นอีก.
    ทานที่ถวายแก่ สามเณรที่บวชในวันนั้นมีผลมากกว่านั้น
    ทานที่ถวายแก่ ภิกษุผู้อุปสมบทมีผลมากกว่านั้น
    ทานที่ถวายแก่ ภิกษุผู้อุปสมบทนั้น แลผู้ถึงพร้อมด้วยวัตรมีผลมากกว่านั้น
    ทานให้แก่ ผู้ปรารภวิปัสสนามีผลมากกว่านั้น.
    ก็สำหรับผู้มรรคสมังคีโดยที่สุดชั้นสูง ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ชื่อว่าปฏิบัติแล้ว.
    ทานที่ให้แก่บุคคลนั้นมีผลมากกว่านั้นอีก.


    ถามว่า ก็อาจเพื่อให้ทานแก่ ภิกษุผู้มรรคสมังคี หรือ.
    ตอบว่า เออ อาจเพื่อให้.
    ก็ภิกษุผู้ปรารภวิปัสสนา ถือบาตรและจีวร เข้าบ้านเพื่อบิณฑบาต.
    เมื่อภิกษุผู้มรรคสมังคีนั้น ยืนที่ประตูบ้าน ชนทั้งหลายรับบาตรจากมือก็ใส่ขาทนียะและโภชนียะ.
    การออกจากมรรคของภิกษุย่อมมีในขณะนั้น.
    ทานนี้ชื่อว่าเป็นอันให้แล้วแก่ ภิกษุผู้มรรคสมังคี.


    ก็อีกประการหนึ่ง ภิกษุนั้นนั่ง ณ โรงฉัน.
    มนุษย์ทั้งหลายไปแล้ววางขาทนียะโภชนียะในบาตร.
    การออกจากมรรคของภิกษุนั้น ย่อมมีในขณะนั้น.
    ทานแม้นี้ ชื่อว่าให้แล้วแก่ภิกษุผู้มรรคสมังคี.


    อีกอย่างหนึ่ง เมื่อภิกษุนั้นนั่ง ณ วิหารหรือโรงฉัน
    อุบาสกทั้งหลายถือบาตรไปสู่เรือนของตนแล้ว ใส่ขาทนียะและโภชนียะ.
    การออกจากมรรคของภิกษุนั้นย่อมมีในขณะนั้น.
    ทานแม้นี้ ชื่อว่าให้แล้วแก่ภิกษุผู้มรรคสมังคี.


    พึงทราบความที่ทานอันบุคคลให้แล้วแก่ผู้ปฏิบัติเพื่อทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผลนั้น เหมือนน้ำในลำรางไม่อาจนับได้ฉะนั้น. พึงทราบความที่ทานอันบุคคลให้แล้วในบุคคลทั้งหลาย มีพระโสดาบันเป็นต้น ดุจน้ำในมหาสมุทรแล ในบรรดามหานทีนั้นๆ เป็นอันนับไม่ได้. พึงแสดงเนื้อความนี้แม้โดยความที่ทำฝุ่นในสถานสักว่าลานข้าวแห่งแผ่นดินเป็นต้น จนถึงฝุ่นทั้งแผ่นดินอันประมาณไม่ได้.
    .......ฯลฯ.......ฯลฯ........



ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=706&p=1
อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=14&A=9161&Z=9310
ขอบคุณภาพจาก http://www.96rangjai.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2012, 10:56:08 am »
0
มรรคสมังคี คือ อะไร คะ ?ไม่ทราบ ว่าพิมพ์ถูกหรือ ไม่ ขอท่านผู้รู้ ศิษย์ พี่ทุกท่านช่วยแนะนำด้วยคะ

  :58: :c017: :25:


   
    คำว่า "มรรคสมังคี" นี้ จำได้ว่า ครั้งแรกที่ได้ยินรู้สึกว่า "คำนี้ไพเราะมาก"
    ตอนนั้นคิดว่า สมังคีน่าจะหมายถึง สามัคคี อย่างแน่นอน
    ที่จริงแล้วผมได้ยินมาผิด ที่ถูกต้องและเต็มๆในขณะนั้น คือ "ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ"
    เป็นหนังสือของหลวงปู่มั่น ผมมีอยู่เล่มหนึ่ง ขอเค้ามานะครับ


   
    ใครสนใจ หนังสือ ขันธะวิมุติสะมังคีธรรม ดาวน์โหลดได้ที่
    www.kanlayanatam.com/Mybookneanam/book98.htm

    ผมหาคำอธิบายมาให้แล้ว หวังว่าจะถูกใจ..นะครับ
:25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 19, 2012, 10:57:52 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ