ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - raponsan
หน้า: 1 ... 295 296 [297] 298 299 ... 708
11841  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เครือข่ายชาวพุทธ ยัน พร้อมต้านธรรมกาย เดินธุดงค์ เมื่อ: มกราคม 07, 2016, 08:37:14 am


เครือข่ายชาวพุทธ ยัน พร้อมต้านธรรมกาย เดินธุดงค์

แกนนำ เครือข่ายพุทธศาสนิกชนคนปทุมธานี ยัน พร้อมต้านกิจกรรมธรรมกายเดินธุดงค์-ตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่

วันที่ 6 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าในกรณีของวัดพระธรรมกาย ที่ปรับเปลี่ยนแผนการเดินธุดงค์นอกสถานที่ เป็นการเดินภายในวัดนั้น วันเดียวกัน นายคิว อรุโณรส ผู้ประสานงานพุทธศาสนิกชนคนปทุมธานี เปิดเผยกับทีมข่าวไทยรัฐ ว่า ทางเครือข่ายยังคงจับตาดูกิจกรรมบุญของทางวัดพระธรรมกาย อยู่ตลอดเวลา หากเดินธุดงค์ออกวัดเมื่อไหร่ เราก็จะเริ่มทำตามแผนที่วางไว้ทันที ส่วนเรื่องการตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า จะมีการนำวาระนี้ เข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม ในวันที่ 11 ม.ค. นั้น ทางเครือข่ายก็จับตาดูความเคลื่อนไหวเช่นกัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็ถือเป็นการผิดขั้นตอน ซึ่งทางเครือข่ายชาวพุทธ ได้มีการประชุมกันเพื่อเตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีกระแสข่าวการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ออกมา "ทีมข่าวไทยรัฐ" ได้เข้าสำรวจบรรยากาศภายในวัดพระธรรมกาย พบว่าเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีเพียงญาติโยมและพระสงฆ์ส่วนหนึ่ง ขึ้นรถบัส 4-5 คัน เดินทางไปสมทบกับญาติโยมที่ จ.สุพรรณบุรี เนื่องจากในวันนี้จะมีการจัดกิจกรรมบุญธุดงค์ ที่บริเวณอนุสรณ์สถานมหาวิหารพระมงคลเทพมุนี อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งจะมีการทำบุญและลอยพระประทีปในงานบุญครั้งนี้อีกด้วย.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/558971
11842  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พศ.ชี้ ประชุม มส.11 ม.ค.นี้ ไม่มีวาระสังฆราช เมื่อ: มกราคม 07, 2016, 08:35:20 am

พศ.ชี้ ประชุมมส.11 ม.ค.นี้ ไม่มีวาระสังฆราช

วันนี้(6 ม.ค.)นายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)กล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่าในการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) ในวันที่ 11 ม.ค. 2558ที่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม จะมีกลุ่มเครือปกป้องพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช และเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา มายื่นหนังสือคัดการการเสนอชื่อตั้งสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 นั้นทางพศ.พร้อมที่จะรับเรื่องดังกล่าว แต่เท่าที่ทราบ ในประชุมมส.ในวันและเวลาดังกล่าวไม่มีวาระเกี่ยวกับเรื่องสมเด็จพระสังฆราชแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม2535 หมวดสมเด็จพระสังฆราชในมาตรา 7 กำหนดไว้ว่า พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่งในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้น ทูลเกล้า เพื่อทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ตามลำดับและสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/371472
11843  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จี้ 'บิ๊กตู่' ชะลอตั้ง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ นั่ง 'สังฆราช' องค์ใหม่ เมื่อ: มกราคม 07, 2016, 08:33:09 am


'ไพบูลย์' จี้ 'บิ๊กตู่' ชะลอตั้ง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ นั่ง 'สังฆราช' องค์ใหม่

"ไพบูลย์" ยื่นหนังสือร้อง นายกฯให้ชะลอประชุมมหาเถรสมาคม ตั้งเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ดำรงตำแหน่ง "สังฆราช" องค์ใหม่ เหตุเพราะป้อง "ธัมมชโย" ให้ไม่ต้องปาราชิก พร้อมหนุนเลื่อนชั้นสมณศักดิ์ให้ภายหลังด้วย

เมื่อวันที่ 6 ม.ค.58 ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการแนวทางและมาตรการปกป้องกิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พร้อมด้วยเครือข่ายปกป้องพระเกียรติพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช และเครือข่ายสตรีปกป้องพระศาสนา ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีผ่าน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เพื่อคัดค้านและขอให้ชะลอ การประชุมของมหาเถรสมาคม เพื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ใหม่ คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ในวันที่ 11 ม.ค.นี้ เนื่องจากเห็นว่า การแต่งตั้งไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพราะตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 7 การทูลเกล้าฯ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณาแล้วค่อยส่งเรื่องให้มหาเถรสมาคมพิจารณา มิใช่หน้าที่ริเริ่มของมหาเถรสมาคมประชุมเพื่อเสนอรายชื่อให้นายกฯ


 :25: :25: :25: :25:

นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ยังมีข้อครหาอยู่หลายประการ โดยเฉพาะการปกป้องและคุ้มครองพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ให้ไม่ต้องปาราชิก และสนับสนุนให้เลื่อนชั้นสมณศักดิ์ในภายหลังด้วย จึงเห็นว่าควรชะลอการดำเนินการพิจารณาแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชจนกว่า คดีความของพระธัมมชโยจะยุติ และยืนยันว่าการขอให้ยุติการประชุมในวันที่ 11 ม.ค. นี้ ไม่เกี่ยวเนื่องกับการแยกนิกาย แต่คำนึงถึงประโยชน์โดยส่วนรวมของพุทธศาสนิกชนชาวไทย

ทางด้าน นายสุรชัย ระบุว่า จะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา และจะมอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป


ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/558913
11844  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วอนกระทรวงศึกษาธิการ ส่งเสริมศีลธรรมในโรงเรียน เมื่อ: มกราคม 06, 2016, 08:24:16 am


วอนกระทรวงศึกษาธิการ ส่งเสริมศีลธรรมในโรงเรียน

"พระพรหมมุนี" ชี้การเป็นครูที่ดีต้องสอนตัวเองให้ได้ก่อน วอนศธ.เห็นความสำคัญ-ส่งเสริมศีลธรรมในสถานศึกษามากขึ้น

วันนี้ (5 ม.ค.) ที่วัดนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พระพรหมมุนี (สุชิน อคฺคชิโน) กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) รองแม่กองธรรมสนามหลวง กล่าวในการประชุมสัมมนาครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ในเขตปกครองคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ประจำปีงบประมาณ 2559 ว่า การเป็นครูสอนนั้นเป็นได้ยาก บางรูปมีความรู้มากจบเปรียญธรรม มีหลายปริญญา สอนไม่เป็นก็มี ซึ่งการเป็นครูต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และต้องอาศัยการถ่ายทอดความรู้ออกมาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ ทั้งนี้ การจะเป็นครูสอนที่ดีได้นั้นต้องสอนตัวเองให้ได้ก่อน ตราบใดที่สอนตนเองไม่ได้ ก็จะเป็นผู้สอนที่ดีไม่ได้


 :96: :96: :96: :96:

อย่างไรก็ตามขอฝากพระทั่วประเทศให้กระทำตนให้เกิดประโยชน์ ประพฤติตนให้เหมาะสม อย่าทำให้ผู้อื่นมองว่า พระเป็นเพียงแค่กาฝาก เข้ามาเบียดเบียนสังคม พระพรหมมุนี กล่าวต่อไปว่า สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง และกองพุทธศาสนศึกษา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พยายามรณรงค์เรียกร้องศีลธรรมให้กลับคืนมาสู่สังคม ประเทศชาติ โดยเฉพาะสมเด็จพระวันรัต แม่กองธรรมสนามหลวง มีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างมาก โดยได้ลงนามความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้มีการจัดการเรียนการสอนธรรมศึกษาขึ้นในสถานศึกษา ซึ่งคณะสงฆ์ตั้งเป้าหมายใหญ่ต่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้น ฐาน(สพฐ.) ที่มีโรงเรียนอยู่ในความดูแลมากกว่า 20,000 โรง

ในขณะเดียวกัน ยังพบปัญหาว่า คณะสงฆ์ยังเดินหน้าทำงานได้ไม่ถึงเป้าหมายเท่าที่ควร เนื่องจากผู้บริหารสถานศึกษาบางแห่งยังไม่เห็นความสำคัญของการส่งเสริมศีลธรรม เพราะการที่จะทำให้การสอนศีลธรรมเข้าสู่สถานศึกษาได้ ก็ขึ้นอยู่กับผู้บริหารเป็นสำคัญ


     ans1 ans1 ans1 ans1

     “อาตมากำลังตั้งคณะทำงานเก็บสถิติ ในการส่งเสริมศีลธรรม โดยเฉพาะธรรมศึกษา ในสถานศึกษาระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2558-2560 หากคณะสงฆ์ทำตามเป้าหมายและผู้บริหารสถานศึกษาให้ความร่วมมือ เชื่อว่าจะมีผู้เรียนธรรมศึกษา โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนมากถึง 5 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 2 ล้านคน ก็ถือว่ายังไม่เป็นที่พอใจ ขณะที่สำนักงานแม่กองธรรมสนามหลวง ได้ทำหนังสือหลักสูตรธรรมศึกษาตรี โท และเอก เป็นหนังสือยืมเรียนเพื่อมอบให้แก่สถานศึกษา จำนวน 200,000 เล่ม ใช้งบฯ 50 ล้านบาท
     โดยขออุปถัมภ์งบประมาณจากศธ.ไปก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผล ยังไม่ได้รับการสนับสนุน ซึ่งอีกเล่มหนึ่ง คือ คู่มือการสอนธรรมศึกษาตรี โท และเอก ที่ให้ครูได้ใช้เป็นแนวการสอน เพื่อใช้สอนธรรมศึกษาแก่นักเรียน โดยศธ.ได้รับหน้าที่จัดพิมพ์ ขณะนี้ก็ยังดำเนินการไม่เสร็จ จึงอยากให้ทุกฝ่ายเห็นความสำคัญการส่งเสริมศีลธรรมมากกว่านี้"
รองแม่กองธรรม สนามหลวง กล่าว.


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/371170
11845  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ศูนย์พิทักษ์ฯ-องค์กรพุทธขู่ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อ: มกราคม 06, 2016, 08:18:26 am


ศูนย์พิทักษ์ฯ-องค์กรพุทธขู่ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนา เรียกร้องบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ เตรียมยื่นถึงมือ'บิ๊กตู่'ขู่รัฐไม่เห็นความสำคัญ เครือข่ายชาวพุทธไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ

วันนี้( 4 ม.ค.) พระเทพวิสุทธิกวี (เกษม สญฺญโต) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส ในฐานะประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยกล่าวว่า จากการหารือกับสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) มีความเห็นร่วมกันว่า การรณรงค์ให้มีการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญนั้น นอกจากจำเป็นจะต้องให้ความรู้ต่อพุทธศาสนิกชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงเหตุผล และความจำเป็นอย่างต่อเนื่องแล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดอีกประการ คือ จะต้องหาทางนำเรื่องดังกล่าวส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีได้รับรู้ข้อเท็จจริงจากองค์กรชาวพุทธโดยตรง เพราะก่อนหน้านี้องค์กรชาวพุทธได้เข้ายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้มีการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติต่อ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และศ.ดร.ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ(สปท.)ไปแล้ว ประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ กล่าวต่อไปว่า

อย่างไรก็ตามหากพบว่า สุดท้ายแล้วในรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังจะมีการทำประชามตินี้ ไม่มีการบัญญัติให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติ และเครือข่ายองค์กรชาวพุทธต่างๆจะร่วมกันรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเรื่องศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และที่สำคัญคือไม่มีผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง.


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/371018
11846  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คลอด โปรแกรมสอน "ธรรมศึกษา" เมื่อ: มกราคม 06, 2016, 08:12:24 am


คลอดโปรแกรมสอนธรรมศึกษา

ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ คลอดโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนธรรมศึกษา ให้พระสงฆ์ ครู ใช้เป็นเครื่องมือช่วยเผยแผ่ศาสนา ผู้เรียนสามารถเรียนผ่านโปรแกรมได้เอง

วันนี้ ( 4ม.ค.) พระราชรัตนมุนี เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง เปิดเผยว่า สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม) เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีดำริให้ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดโครงการส่งเสริมนักเผยแผ่ธรรมะในพระพุทธศาสนา เพื่อพัฒนาศักยภาพพระสงฆ์ไทย เพื่อถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขึ้น

ขณะนี้ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ธรรมศึกษาที่จะใช้เป็นสื่อการสอนเกี่ยวกับธรรมะด้วยระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่และได้นำไปถวายให้แก่พระสงฆ์ ครูสอนศีลธรรม 700 รูป/คน เรียบร้อยแล้ว

 :25: :25: :25: :25:

ด้านรศ.เวทย์ บรรณกรกุล กล่าวว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอนธรรมศึกษา ได้พัฒนาเนื้อหาครบทั้ง 3 ระดับการศึกษา คือ ธรรมศึกษาตรี โท และเอก จำนวน 12 รายวิชา จัดทำเป็นระบบที่สามารถติดตั้งบนระบบปฏิบัติการ Windows ซึ่งสมบูรณ์ด้วยภาพ เสียงคำอธิบายประกอบ วีดิทัศน์สรุปเนื้อหาบทเรียน

และหลังจากเรียนจะมีข้อสอบวัดผลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยครูผู้สอนสามารถใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนและสอบความรู้ธรรมศึกษาและพระพุทธศาสนาให้แก่นักเรียน และที่สำคัญนักเรียนยังสามารถที่จะศึกษาเรียนรู้จากโปรแกรมดังกล่าวได้ด้วยตนเอง.


ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/370921
11847  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สระบุรี พระชราภาพ วัย 90 พลัดตกหน้าต่างกุฏิวัด หัวกระแทกพื้นดับ เมื่อ: มกราคม 06, 2016, 08:06:36 am


พระชราภาพ วัย 90 พลัดตกหน้าต่างกุฏิวัด หัวกระแทกพื้นดับ

สุดสลด! พระชราภาพ อายุ 90 ปี วัดหนองปลาหมอ จ.สระบุรี ตกหน้าต่างหัวกระแทกพื้นดับ เจ้าหน้าที่สันนิษฐาน ระหว่างเปิดหน้าต่าง เกิดอาการหน้ามืดพลัดตก ศีรษะทิ่มลงพื้น มรณภาพ...

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 5 ม.ค. พ.ต.ท. สมจิตต์ ศิริแสวง พนักงานสอบสวน สภ.หนองแค จ.สระบุรี รับแจ้งจากพลเมืองดีมีพระตกจากกุฏิลงมาหัวกระแทกพื้นดับ จึงรุดมาที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ. ยุทธนา จอนขุน ผกก.และเจ้าหน้าที่มูลนิธิ

ที่เกิดเหตุเป็นวัดหนองปลาหมอ หมู่ที่ 5 ต.หนองแค เจ้าหน้าที่พบร่างพระ อนันต์ หาญตระกูล อายุ 90 ปี นอนมรณภาพอยู่กับพื้นดิน ส่วนหัวกระแทกกับฝาปูนห้องน้ำเลือดไหลกระจาย จึงบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน พระโชคชัย อายุ 20 ปี  เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุหลังบินฑบาตเสร็จได้กลับขึ้นบนกุฏิชั้นสอง สูงจากพื้นดินประมาณ 10 เมตร จนกระทั่งตนเดินมาพบว่า พระอนันต์ตกลงมาจากหน้าต่างหัวกระแทกพื้นปูนดับ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ ส่วนในเบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานพระอนันต์อาจมาเปิดหน้าต่าง เกิดหน้ามืดหัวทิ่มลงมาเสียชีวิต เจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนสาเหตุอีกครั้ง


ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/558315
11848  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขยายสวดมนต์ข้ามปี ไปยังวัดต่างประเทศ ทั่วโลก เมื่อ: มกราคม 06, 2016, 08:03:49 am


ขยายสวดมนต์ข้ามปี ไปยังวัดต่างประเทศ ทั่วโลก

“วีระ” ตรวจเยี่ยม ศน. ชมโครงการสวดมนต์ข้ามปี แนะปี 2559 ขยายไปยังวัดต่างประเทศกว่า 500 แห่งทั่วโลก กำชับให้รณรงค์ชวนเข้าวัดในวันสำคัญๆ พุทธศาสนา
       
       วันนี้ (5 ม.ค.) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของกรมการศาสนา(ศน.)พร้อมประชุมหารือและให้นโยบายการทำงานในมิติศาสนาปี 2559 ร่วมกับนายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหาร และข้าราชการว่า ศน.รายงานว่าได้ทำการประเมินการทำงานในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2559 (เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2558) ว่ามีการเบิกจ่ายงบฯตามเป้าหมายที่กำหนด พร้อมดำเนินงานตามแนวนโยบายของรัฐบาล และมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2257 กว่า 1.2ล้านคน ที่สำคัญมีเด็กและเยาวชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
       
       นายวีระ กล่าวว่า ในปี 2559 ตนมอบแนวนโยบายว่า ให้ขยายผลการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีไปยังวัดไทยที่มีอยู่ทั่วโลกกว่า 500 แห่ง เพื่อให้ชาวพุทธทั่วโลกได้เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี โดยจะขอความร่วมมือจากพระธรรมทูต เรื่องนี้ในการประชุมพระธรรมทูตประจำปีนี้ นอกจากนี้ ให้ศน.เตรียมรณรงค์เชิญชวนให้เข้าวัดปฏิบัติธรรมในวันมาฆบูชา วิสาขบูชา รวมถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนาด้วย


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9590000001359
11849  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / สักการะ “พระธาตุพนม” เสริมบุญปีลิง เอิบอิ่มกาย-ใจ เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 09:09:18 pm



“พระธาตุพนม” เก่าแก่มากที่สุดแว่นแคว้นอีสาน

สักการะ “พระธาตุพนม” เสริมบุญปีลิง เอิบอิ่มกาย-ใจ

        เทศกาลปีใหม่ ช่วงเวลาแห่งความสุข ในช่วงนี้วัดวาอารามต่างๆ คงจะคึกคักไม่แพ้ช่วงไหนๆ โดยเฉพาะที่ “วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร” อันเป็นที่ตั้งของ “พระธาตุพนม” อันศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศการท่องเที่ยวก็คงจะคึกคักมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะในปี 2559 นี้ ได้ตรงกับปีนักษัตร “วอก” (ปีลิง) ซึ่งพระธาตุพนมแห่งนี้เป็นพระธาตุประจำปีวอก นักษัตรที่มีสัญลักษณ์เป็นลิง ที่มีอุปนิสัยฉลาด ร่าเริง คล่องแคล่ว

บรรยากาศภายใน “วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร”

        พระธาตุพนม ตั้งอยู่ภายใน วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม โดยเป็นพระธาตุที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระธาตุที่เก่าแก่มากที่สุดในแว่นแคว้นอีสาน ซึ่งได้ถูกจารึกไว้ในภาพจิตรฝาหนังภายในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร


ลวดลายงดงามของ “พระธาตุพนม”

        สำหรับประวัติการก่อสร้างพระธาตุพนมนั้น ได้ถูกกล่าวไว้ว่า พระธาตุพนมเป็นที่ประดิษฐาน พระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ที่พระมหากัสสปะเถระได้นำมาประดิษฐานไว้ โดยองค์พระธาตุถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ประมาณปี พ.ศ. 8 โดยกษัตริย์ห้าองค์คือ พระยาจุฬณีพรหมทัต พระยานันทเสน พระยาอินทปัต พระยาคำแดง และพระยาสุวรรณภิงคาร พร้อมไพร่พล ในส่วนลวดลายที่เรือนธาตุนั้นตำนานเล่าว่าตกแต่งโดยพระอินทร์และเหล่าเทวดา มีแผ่นอิฐที่จำหลักลวดลายเป็นภาพกษัตริย์โบราณ ฝีมือช่างพื้นบ้าน ศิลปะสมัยทวารวดี หรือพุทธศตวรรษที่ 13-15 นับว่าเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่ของภาคอีสาน

“พระธาตุพนม” งดงามเกินคำบรรยาย

        หลังจากนั้นพระธาตุพนมได้รับการบูรณะและอุปถัมภ์เรื่อยมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2485 วัดพระธาตุพนมฯ ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร และต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม ปีพ.ศ. 2518 เกิดฝนตกหนักบวกกับความเก่าแก่ขององค์พระธาตุพระธาตุพนมจึงได้ทรุดพังทลายลง นำความเศร้าเสียใจมาสู่พุทธศาสนิกชน แต่ด้วยความศรัทธา องค์พระธาตุพนมจึงได้รับการบูรณะใหม่ซึ่งได้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 โดยในปัจจุบันนั้น องค์พระธาตุมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6 เมตร มียอดเป็นฉัตรทองคำ และมีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น

ภาพจิตรฝาหนังพระธาตุพนม ภายในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรฯ

        พระธาตุพนมนอกจากจะเป็นพระธาตุประจำปีวอกแล้ว ก็ยังเป็นพระธาตุประจำวันเกิด ของผู้เกิดวันอาทิตย์ อีกทั้งยังเป็นที่เคารพของพุทธศาสนิกชนมากมายทั่วทั้งสารทิศ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะชาวไทยแต่เพียงเท่านั้น พระธาตุพนมก็ยังได้รับการเคารพจากพุทธศาสนิกชนชาวลาวอีกด้วย โดยจะมีการจัดงานประเพณีนมัสการพระธาตุพนม ในช่วงวันขึ้น 12 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ในงาประเพณีนี้จะมีการรำบวงสรวงองค์พระธาตุพนม โดยกลุ่มชาวพื้นเมืองของจังหวัดนครพนม ที่จะมาแสดงลีลาการร่ายรำอันงดงามอ่อนช้อยให้ได้ชม

ผอบสำริดเก่าที่เคยบรรจุพระอุรังคธาตุ

        ปัจจุบันนอกจากจะเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของภาคอีสานแล้ว พระธาตุพนมก็ยังถือเป็นสถานที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วทั้งสารทิศ จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลต์ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อได้มาเยี่ยมเยือนจังหวัดนครพนม ในการเดินทางมาชมความงดงามขององค์พระธาตุและสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และภายในวัดพระธาตุพนมฯ ก็ยังมี “พิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุพนม” ที่ได้จัดโบราณวัตถุอันเก่าแก่ที่เคยบรรจุอยู่ในพระธาตุพนมองค์เดิม รวมถึงผอบสำริดเก่าที่เคยบรรจุพระอุรังคธาตุไว้ให้ได้ชม ไปพร้อมกับกับการศึกษาประวัติศาสตร์ของพระธาตุพนมอีกด้วย

บรรยากาศภายใน “พิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุพนม”

        ในวารดิถีขึ้นปีใหม่นี้ การได้มาสักการระองค์พระธาตุพนม คงจะเป็นบุญไม่น้อย เพราะมีความเชื่อว่าหากได้นมัสการแล้วจะได้รับอานิสงส์ให้มีบุญบารมีและมีคนให้ความเคารพนับถือ ตามตำนานโหราศาสตร์ ที่กล่าวไว้ว่า พระอาทิตย์นั้นเป็นเทพที่ไว้ยศไว้ศักดิ์และเป็นที่เคารพนับถือ และผู้ที่เกิดปีวอกหากได้มาสักการะสักครั้งหนึ่งในชีวิตแล้วก็จะช่วยเสริมบุญบารมี และด้วยความเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่ไม่เคยเสื่อมคลายมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน พระธาตุพนมก็คงจะตั้งสูงเด่นเป็นสง่าให้เหล่าชาวพุทธได้สักการะไปอีกนานเท่านาน
             
       พระธาตุพนม ตั้งอยู่ภายใน วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม โทร. 0-4251-3490-1


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000143120
11850  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อิณาทานัง ทุกขัง โลเก : การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:57:50 pm


ปลดหนี้ปีใหม่ : ธรรมะยู-เทิร์น
โดย อิทธิโชโต

อิณาทานํ ทุกฺขํ โลเก  แปลว่า การกู้หนี้ เป็นทุกข์ในโลก...../พุทธพจน์
   
คงไม่มีใครบอกหรอกนะว่า การเป็นหนี้เป็นสุขในโลก ไม่เช่นนั้น พระพุทธเจ้าคงไม่ตรัสเช่นนี้ แต่คนในยุคดิจิทัลอาจจะคิดว่า การเป็นหนี้เป็นเรื่องปกติ ใครๆ ก็เป็นกันได้ ซื้อของใช้อะไรก็ผ่อนส่งออนไลน์กันแล้ว แต่ความจริงไม่เป็นอย่างที่คิดหรอก เพราะสถาบันการเงินที่ให้กู้ เขาฉลาดในเรื่องการตอบสนองความพึงพอใจในเบื้องต้น แต่ความเสี่ยง เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด และเมื่อทบทวนดู ถามว่า หนี้ จากวันแรกที่มีเพียงไม่กี่พันบาท เดี๋ยวนี้ ปลดหนี้ได้หรือยัง มีเงินออม หรือว่า มีหนี้เพิ่มขึ้นแทน ถ้าเป็นอย่างหลังแสดงว่า อยู่กับความประมาทเข้าเต็มเปา

การที่คนเราเกิดมา อยากจะให้คิดกันดูว่า เป็นการใช้หนี้ สร้างหนี้ หรือปลดหนี้


 :96: :96: :96: :96: :96:

หากเชื่อเรื่องภพชาติ หนี้จากการเกิด ยังไม่เท่ากับหนี้ที่สร้างขึ้นใหม่ในปัจจุบันชาติ บางคนยอมจำนนกับชีวิตเก่า เพราะคิดว่า เราเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ได้ ก็เลยเชื่อแต่พรหมลิขิต แต่ความจริงแล้ว พรหมลิขิต หรือจะสู้ ความคิดลิขิต หรือ ตัวเราลิขิต ที่สามารถบันดาลไปทางดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้

เมื่อคนเราใช้ชีวิตตามใจ ตามความคิด ตามใจกิเลส ก็แน่นอนว่า จะต้องถูกกองกิเลสมันชักนำให้ไปเป็นหนี้ คนที่ไม่มีวินัย ทำงานเงินเดือนหมื่น ใช้สองหมื่น จะได้อย่างไร ก็แน่นอนว่า ต้องมีหนี้สิน แล้วก็ตกอยู่ในวัฏจักรเหล่านี้ คือความกลัวไม่มีเงินใช้หนี้ ความกังวลว่าเจ้าหนี้จะทวงเมื่อไรไม่รู้ สารพัดความทุกข์รุมๆ ที่ทำให้ใจไม่เป็นสุข ถ้าวันหนึ่ง ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า การเป็นหนี้เป็นทุกข์ในโลกจริงๆ และอยากจะออกจากความทุกข์นี้แล้วจะทำอย่างไรดี


 ans1 ans1 ans1 ans1

การปฏิบัติธรรมช่วยได้ เพราะการปฏิบัติธรรม ทำให้เรามีสติ รอบคอบในการกระทำ และความคิด ความรอบคอบในการคิด ทำให้รอบคอบในการทำงานได้ดีขึ้น เมื่อสำรวจตนเองอย่างไม่เข้าข้างกิเลสจะพบว่า การทำงานแล้วมีหนี้สิน เป็นเพราะบกพร่องในการวางแผน บกพร่องในการใช้เงิน ที่สำคัญคือ บกพร่อง “ความคิด”

การปฏิบัติธรรมก็เพื่อให้มีสติเข้มแข็ง ควบคุมความคิด คนส่วนใหญ่ควบคุมความคิดไม่ได้ เมื่ออยากมีอยากได้ก็ห้ามความอยากไม่ได้ จึงเกิดการใช้จ่ายจนเกิดหนี้เกิดสิน การมีสติ ก็คือการดับความอยากตั้งแต่ความคิด โดยคนทั่วไป คือ เมื่อเกิดความอยาก ก็ต้องซื้อ แล้วความอยากจึงจะดับ แต่การปฏิบัติธรรม ไม่ต้องไปหามัน แต่เห็นความอยาก เดี๋ยวความอยากก็ดับลง เหมือนราคะตัณหา ถ้าไม่ไปสนใจมันเดี๋ยวมันก็ดับไปเอง


 st12 st12 st12 st12

การซื้อของใช้ เช่น รถ บ้าน หรือการมีสามี ได้ภรรยามาก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่า ไม่ให้มี แต่มีให้พอประมาณ แต่มีอย่างไม่ลำบาก บางคนมีรถคันเก่าผ่อนไม่หมดก็ไปซื้อคันใหม่แล้ว นั่นคือ ความอยาก

ถ้าไม่อยากให้เสียคน อย่าไปวิ่งตามมัน เหมือนเด็ก เวลาไม่ได้อะไรก็ร้องไห้ ถ้าให้ก็เคยตัว แต่ถ้าไม่ให้ ร้องไปสองสามครั้ง เมื่อไม่ได้ ก็ไม่อยากแล้ว แต่ถ้าตามใจเด็ก โตขึ้น เด็กก็จะเสียคน ผู้ใหญ่ก็เช่นกัน ตามใจกิเลสมากๆ ก็เสียคน


ขอบคุณบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20160102/219748.html
11851  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ยึด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เสนอ “สังฆราช” องค์ที่ 20 เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:27:20 pm




ยึด พ.ร.บ.คณะสงฆ์ เสนอ “สังฆราช” องค์ที่ 20

พศ. ย้ำยึด พ.ร.บ. คณะสงฆ์ ฉบับปัจจุบัน เสนอสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
       
นายพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงความคืบหน้าขั้นตอนการเสนอสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางผู้แทนคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต โดยพระพรหมมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการกรรมการบริหารคณะธรรมยุต หารือกับผู้แทนคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย โดยพระพรหมโมลี ประธานคณะเลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เกี่ยวกับข้อกฎหมายตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 รวมถึงวันเวลาที่เหมาะสมที่จะหารือเกี่ยวกับการเสนอรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดตามกฎหมายต่อที่ประชุม มส. ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ พศ. นั้น จะยึดแนวทางปฏิบัติตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 ดังนั้น อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจคณะสงฆ์ และ พศ. ที่ต้องยึดแนวทางปฏิบัติตามการปกครองคณะสงฆ์ และกฎหมาย


ที่มา http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9590000000882
11852  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระเมืองสุพรรณทำ ริสแบนด์ ไอเลิฟศีล 5 แจก เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:22:56 pm


พระเมืองสุพรรณทำ ริสแบนด์ ไอเลิฟศีล 5 แจก

พระเมืองสุพรรณทำริสแบนด์สีชมพูไอเลิฟศีล5แจกจนถึงเทศกาลวันวาเลนไทน์ กระตุ้นให้เกิดความรักความสามัคคี

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 มกราคม 2559 พระครูพิสุทธิ์รัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเถรพลาย ต.วังน้ำซับ อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า ทางวัดได้จัดพิธีพุทธาภิเษกหลวงพ่อวัดไร่ขิงจำลอง เพื่อประดิษฐานภายในอุโบสถของวัดเถรพลาย เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวพุทธได้กราบไหว้ขอพรและปิดทองในช่วงเทศกาลปีใหม่และเทศกาลต่างๆ โดยได้ประกอบพิธีในการปลุกเสกสายรัดข้อมือริสแบนด์สีชมพู ซึ่งสลักคำว่าหลวงพ่อสีชมพู และ ไอเลิฟศีล 5 แจกให้กับญาติโยมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรัก



เจ้าอาวาสวัดเถรพลาย กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการกระตุ้นและสนับสนุนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ในการที่อยากให้คนไทยทั้งประเทศได้เกิดความรัก ความสมัคร สมาน สามัคคี และปรองดองกัน ทางวัดจึงได้ประกอบพิธีดังกล่าวขึ้น เพื่อแจกจ่ายให้กับญาติโยมที่เดินทางมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดเถรพลาย ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปหลวงพ่อโต ซึ่งเป็นประธานประจำอุโบสถที่ศักดิ์สิทธิ์ สมัยกรุงศรีอยุธยา อายุกว่า 300 ปี


รวมทั้งยังมีพระพุทธรูปหลวงพ่อพุทธโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม และหลวงพ่อวัดไร่ขิง เพื่อให้ชาวพุทธได้ขอพร รวมทั้งมีดตัดหวายลูกนิมิตที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งญาติโยมมีความเชื่อว่า ในการที่มาปิดทองและลอดมีดตัดหวายลูกนิมิตแล้ว จะเกิดความเป็นศิริมงคลแก่ตนเอง โดยเฉพาะพระพุทธรูปหลวงพ่อสีชมพู ซึ่งเป็นประพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดอีกองค์หนึ่ง ที่ปัจจุบันเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาพุทธศาสนิกชนได้เดินทางมากราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก โดยเชื่อว่า ท่ากางร่มสีชมพูถวายหลวงพ่อสีชมพูแล้ว ชีวิตของตนเองจะได้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข


นอกจากนี้ ยังได้แจกปฎิทินรูปหลวงพ่อสีชมพู เพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจว่าการดำเนินชีวิตของคนเราทุกคนที่เกิดมา จะต้องดำเนินชีวิตด้วยความมีสติและไม่ประมาท โดยการใช้ศิลห้าเป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพื่อให้เกิดความผาสุกเกิดความร่มเย็นแก่ตนเองและครอบครัว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20160104/219893.html
11853  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระมอบผ้าห่มกันหนาวผู้สูงวัยบังกลาเทศ เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:18:53 pm


พระมอบผ้าห่มกันหนาวผู้สูงวัยบังกลาเทศ

พระมอบผ้าห่มกันหนาวผู้สูงวัยบังกลาเทศไม่เลือกเชื้อชาติและศาสนา เป็นการมอบความร้ก และความสุขเนื่องเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๙

เนื่องจากฤดูหนาวในแต่ละปีส่งผลให้ประชาชนในประเทศบังกลาเทศเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก พระอาจารย์วิบูลย์ บีปุลานันทภิกขุ จึงได้จัดโครงการมอบผ้าห่มกันหนาวแก่ผู้สูงอายุที่ยากจนโดยไม่จำกัดเชื้อชาติและศาสนา ถือว่าเป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายเหมือนกัน เป็นการมอบความร้ก และความสุขเนื่องในเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๙

ผ้าห่มกันหนาวที่ได้นำนำไปมอบให้แก่ผู้สูงอายุที่ยากจนครั้งนี้มีทั้งชาวพุทธ ชาวฮินดูและชาวมุสลิมถึงประตูบ้านดังนี้



วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ มอบผ้าห่ม ๘๐ ผืน แก่ผู้สูงอายุ ๘๐ คน ที่วัด Kotherpar Buddha Triratanakur Vihar ของหมู่บ้าน Kotherpar, อำเภอฟาติกจรี เมืองจิตตะกอง ประเทศบังกลาเทศ

วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๙ มอบผ้าห่มจำนวน ๑๓๕ ผืน แก่ผู้สูงอายุ ๑๓๕ ครอบครัว ที่วัด ฮารุอัลชรี พุทธเชตวันวิหาร (Harualchari Buddha Jetaban Vihar) หมู่บ้านฮารูอัลจารี อำเภอฟาติกจรี เมืองจิตตะกอง ประเทศบังกลาเทศ

วันที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๙ มอบผ้าห่ม จำนวน ๙๐ ผืน แก่ผู้สูงอายุ ๙๐ ครอบครัว จาก ๖ หมู่บ้าน ที่วัด Harina Amritadam Vihar อำเภอ Bujpur เมืองจิตตะกอง บังคลาเทศ

วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๙ เป็นวันปิดโครงการ มอบผ้าห่ม จำนวน ๖๐ ผืน แก่ผู้สูงอายุ ๖๐ ครอบครัว ที่วัด Gahira Ankurgona Jhatoban Ram Vihar เชตวันวิหาร อำเภอ ราวแซน (Raozan) เมือง จิตตะกอง บังคลาเทศ



โครงการนี้จึงถือเป็นการสงเคราะห์เกื้อกูลผู้ยากไร้ ซึ่งบางคนเพิ่งจะมีโอกาสได้รับผ้าห่มอุ่นๆ หนา ๆ เป็นครั้งแรกในชีวิต ถือเป็นความสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ ในการนี้ได้แจกผ้าห่มกันหนาวแก่ผู้สูงอายุที่ยากไร้ โดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ใน ๙ หมู่บ้าน ของ ๓ อำเภอ ที่ขึ้นกับจังหวัดจิตตกอง ประเทศบังคลาเทศ เป็นจำนวน ๓๖๕ ผืน พระอาจารย์วิบูลย์ขออนุโมทนาบุญกับสาธุชนทั้งหลายที่ร่วมบริจาคเงินซื้อผ้าห่มในครั้งนี้


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20160104/219900.html
11854  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / 7 วิธีคืนความจำให้มือถือ Android ที่คุณมองข้ามไป เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:44:53 am




7 วิธีคืนความจำให้มือถือ Android ที่คุณมองข้ามไป

หลังจาก Tips เรื่องการเคลียร์พื้นที่ของ iPhone ได้รับความนิยม และเป็นประโยชน์อย่างมาก ไหน ๆ แล้วมาดูกันในฝั่งของ Android ว่าจะมีวิธีใดบ้างที่สามารถคืนความจำในเครื่องที่คุณก็ทำได้ มาดูกัน



ตรวจสอบข้อมูลของ Apps
การตรวจสอบข้อมูลการลง Apps ถือว่าเป็นอีกวิธีที่สามารถรู้ได้ว่ามีความจำเหลือเท่าไหร่ และสามารถจัดการอะไรได้บ้างเพื่อให้พื้นที่เครื่องมีความจำเหลือก็เริ่มจากตรงนี้




คุณสามารถเข้าไปได้ใน Setting (ตั้งค่า) > Application, Apps (แอปพลิเคชั่น) สำหรับ Samsung ให้กดเพิ่มเข้าไปที่ Application Manager หรือ การจัดการ แอปส์ นั่นเอง



ลบ Catch Memory ที่ไม่จำเป็น
เนื่องจาก Android เป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถจัดการข้อมูลได้ลึก ฉะนั้นแล้วเมื่ออยู่ในหน้า Application คุณสามารถเข้าไปยังหน้าจอภายในแล้วสามารถกดปุ่ม Clear Catch หรือ ล้างแคช ออกเพิ่มความจำให้กลับคืนมาได้

แต่ถ้าไม่พอและต้องการทำให้เหมือนใหม่ แนะนำให้กดปุ่ม Clear Data หรือ ล้างข้อมูล ซึ่งความเสี่ยงคือ Apps ที่ต้อง Login นั้นอาจจะหลุดออกไปนั่นเอง

อีกคำแนะนำถ้าต้องเขา Setting บ่อย ๆ ก็อาจจะไม่ดี ลองหาโปรแกรมทำความสะอาดเครื่องที่ไว้ใจได้สักตัวหนึ่งมาติดตั้งรับรองก็ช่วยได้อีกวิธีหนึ่งครับ


ลบ Apps ที่ไม่ได้ใช้งาน
สำหรับ Apps ที่ไม่ได้ใช้งาน แนะนำให้คุณลบออก ซึ่งวิธีการนั้นให้กดปุ่ม Uninstall หรือ ถอดการติดตั้ง เท่านี้ Apps ก็จะหายไป

แต่บางเครื่องสามารถลบ Apps จากหน้าจอหลักได้เลย ก็ลองปรับใช้ดูนะครับ




ย้ายรูปไปเก็บใน USB OTG, SD Card หรือ Cloud Service
การเก็บรูปบนเครื่องยิ่งมีปริมาณที่เยอะ ก็จะส่งผลให้เครื่องนั้นช้าลง, ความจำเต็ม และทำให้เราลำบากในการค้นหาเช่นกัน ดังนั้นการที่ได้แหล่งเก็บข้อมูล

แน่นอนว่า Android สามารถเชื่อมต่อกับ USB OTG (เป็น Flash Drive ที่มีช่องเสียบแบบ Micro SD ) หรือจะเป็น Micro SD Card แต่ที่อยากแนะนำว่ามันใช้ได้ผลจริง ๆ คือระบบ Cloud Service อย่าง Google Photos ซึ่งหลายคนกังวลว่ารูปของเราจะขึ้นในสถานะหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ขึ้นครับ มันก็อยู่ในเฉพาะ Account ของเราก่อนจนกว่าจะได้รับการยินยอมจากเราเองว่าต้องการเผยแพร่ถึงจะขึ้นไปนะครับ




ลบรูปที่เกินออกจากเครื่อง
ส่วนมากรูปที่เกินความจำเป็นเช่นการถ่ายด้วย Instagram ที่สามารถเก็บรูปเพิ่มเข้าในในเรื่อง หรือจะเป็นรูปจาก Messenger และ Social Network ต่าง ๆ ถ้าไม่จำเป็นและไม่ได้ใช้งาน ควรจะลบรูปออกเพื่อขยายพื้นที่ให้มากขึ้นได้


ลบไฟล์ Download ที่ไม่ได้ใช้
การโหลด File เอกสารหรืออื่น ๆบน Android นั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ การที่โหลดมาเยอะเสืยพื้นที่โดยไม่จำเป็น วิธีจัดการที่ง่ายที่สุดคือ การลบ File ออก ก็จะทำให้พื้นที่ ๆ เสียไปกลับคืนมานั่นเอง




ฟังเพลงบน Music Streaming แทนการเก็บในเครื่อง
การฟังเพลงบนออนไลน์เป็นอีกวิธีที่ทำให้คุณสามารถประหยัดพื้นที่ของเครื่องและสามารถเลือกเพลงได้มากกว่าใน File คอมพิวเตอร์ของคุณซะอีก เลยเป็นอีกทางเลือกที่ยอม แต่ถ้าคิดว่ามันเปลืองเน็ตแล้วล่ะก็ ลองใช้งานผ่าน WiFi มันก็ดีกว่าแน่นอนครับ

แม้ว่าวิธีเหล่านี้อาจจะยังไม่สามารถได้พื้นที่ทั้งหมด นอกจากการ Reset เครื่อง แต่แน่นอนว่าถ้าปฏิบัติตามบางข้อก็ดี พื้นที่ของคุณก็จะกลับขึ้นมาให้ทำอะไรได้เยอะกว่านี้อย่างแน่นอนครับ


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://hitech.sanook.com/1402129/
11855  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ต้องอ่าน.! ลืมกินยา ทำอย่างไร ก่อน-หลังอาหาร กี่นาที.? เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:35:28 am



ต้องอ่าน.! ลืมกินยา ทำอย่างไร ก่อน-หลังอาหาร กี่นาที.?

เชื่อว่าหลายคนอาจจะมีอย่างน้อยครั้งหนึ่งที่เมื่อต้องทานยาก่อน หรือหลังอาหาร และลืมทาน หรือลืมพกยามาด้วย ทางคนเลือกที่จะทานเลยเดี๋ยวนั้น บางคนก็เลือกที่ข้ามมื้อนั้นไปเลย จริงๆ แล้วเราควรทำอย่างไร หรือยาก่อนและหลังอาหารเราควรทานเมื่อไรถึงจะดีที่สุด Sanook! Health มีคำตอบค่ะ

 
 :49: :49: :49: :49:

ยาก่อนอาหาร
ยาก่อนอาหารเราควรทานก่อนอย่างน้อย 30 นาทีค่ะ และต้องทานขณะที่ท้องยังว่าง คือไม่ได้ทานอะไรในระหว่างนั้น ทั้งนี้เพื่อให้ยาไม่โดยน้ำกรดในกระเพาะอาหารทำลายจนหมด นอกจากนี้หากทานยาก่อนอาหารพร้อม หรือหลังอาหารอาจทำให้ยาดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้น้อยลง เพราะเจอกับส่วนประกอบของอาหาร และยาบางชนิดต้องการเวลาประมาณ 30 นาทีก่อนที่จะออกฤทธิ์อีกด้วย


หากลืมทานยาก่อนอาหาร ควรทำอย่างไร.?
ไม่ควรทานพร้อม หรือหลังอาหาร ควรข้ามมื้อนั้น แล้วไปทานก่อนอาหารมื้อถัดไปแทน หรืออาจจะทานอีกทีหลังมื้ออาหาร 2 ชั่วโมงก็ได้ ซึ่งเมื่อถึงมื้อถัดไปก็ไม่ต้องทานยาก่อนอาหารแล้ว (คือทานแทนยาก่อนอาหารมื้อถัดไปไปเลย)


ยาหลังอาหาร
ควรทานยาหลังอาหารทันที หรือไม่ควรเกิน 15 นาที นอกจากนี้ยังสามารถทานพร้อมอาหาร หรือก่อนอาหาร ก่อนตักข้าวเข้าปากคำแรกก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรจุดประสงค์ของยาหลังอาหารคือ ให้ยาเข้าไปอยู่ในกระเพาะอาหารพร้อมๆ กับอาหารนั่นเอง เพราะยาหลังอาหารอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร และยาบางชนิดอาจต้องการกรดในกระเพาะอาหารเพื่อช่วยดูดซึมตัวยาเข้าร่างกายได้ดีขึ้น


 :96: :96: :96: :96: :96:

หากลืมทานยาหลังอาหาร ควรทำอย่างไร.?
หากยังอยู่ในระยะเวลาไม่เกิน 15 นาที ยังพอกินตามทัน แต่หากเลย 15 นาทีไปแล้ว ควรทานมื้อถัดไปเลยดีกว่า หรือหากเป็นยาที่สำคัญมากๆ ควรทานอาหารมื้อย่อย แล้วทานยาหลังอาหารมื้อย่อยนั้นแทน


ยาก่อนนอน
ควรทานก่อนนอน 15-30 นาที เพราะหากทานก่อนหน้านั้นนานเกินไป อาจทำให้ง่วงนอนจากฤทธิ์ของยา ประสิทธิภาพในการทำงานต่างๆ ก็จะลดลงไปด้วย ควรทานตอนที่พร้อมจะเข้านอนแล้วจริงๆ เท่านั้น

 
หากลืมทานยาก่อนนอน ควรทำอย่างไร.?
ลืมแล้วลืมเลย ทานอีกทีตอนก่อนนอนของคืนถัดไปได้เลย ไม่ควรทานในตอนเช้าของวันถัดไป


 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

นอกจากนี้ สำหรับยาที่ทานเฉพาะเมื่อมีอาการ เช่น พาราเซตามอลที่ช่วยลดไข้ ปวดหัว สามารถทานได้เลยเมื่อมีอาการ และยาหมดฤทธิ์และยังมีอาการอยู่ สามารถทานต่อได้ (ในระยะเวลาที่กำหนด) และหยุดยาได้ทันทีเมื่อไม่มีอาการแล้ว แต่ยาบางชนิดมีวิธีทานที่แตกต่างไปจากยาทั่วไป ควรสอบถามแพทย์ และเภสัชกรเป็นกรณีๆ ไปค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจาก pharmacy.mahidol.ac.th
ภาพประกอบจาก istockphoto
เนื้อหาโดย : Sanook!
http://health.sanook.com/2307/
11856  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / มงคลปีใหม่ : ปูชา จ ปูชนี ยานัง..การได้บูชา ผู้ที่ควรบูชา เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:14:37 am

ขอบคุณภาพจากเว็บสังฆราชา

มงคลปีใหม่
โดย กิเลน ประลองเชิง

พระคุณธรรมที่ปรากฏ ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เท่าที่ศิษย์เรียบเรียงไว้ในหนังสือบวรธรรมบพิตร...มี 7 ข้อ เรียบง่าย ใฝ่รู้ กตัญญู เมตตา ถ่อมตน อดทน และคารวธรรม

ในหัวข้อถ่อมตน มีภาพประทับใจ เจ้าพระคุณสมเด็จ โน้มพระองค์ลงรับการกราบจากท่านอาจารย์พุทธทาส สวนโมกข์ แต่ท่วงท่าไปทางยั้ง...การกราบของท่านพุทธทาสเสียมากกว่า

ศิษย์อาจารย์เดียวกัน มีเรื่องเล่า สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารี) วัดปทุมคงคา ตอนที่ท่านเป็นพระธรรมวโรดม...ว่าโดยสมณศักดิ์สูงกว่า พระวิสุทธิสมโพธ์ิ (เจีย) วัดโพธิ์

ไปวัดโพธิ์เมื่อใด ท่านต้องไปกราบท่านเจ้าคุณเจีย พระอาจารย์ของท่าน


 :96: :96: :96: :96: :96:

เรื่องที่เล่าบ่อยๆ พระเถระผู้ใหญ่ท่านไม่ยอมให้พระหลวงตามา กราบท่านง่ายๆ ต้องถามกันก่อน ถ้าหลวงตาพรรษาแก่กว่า ท่านก็ต้องให้หลวงตานั่งให้ท่านกราบ

ท่านอนิล เล่าเบื้องหลังภาพนี้ทางทีวี อาจารย์พุทธทาสพรรษาสูงกว่า ตอนนั้นท่านนั่งรถเข็น ท่านอาจารย์แสดงความจงใจคารวะองค์พระประมุขสงฆ์...เอ่ยปากทันที “วันนี้ขอถือโอกาสไหว้ผู้บังคับบัญชา”

เจ้าพระคุณสมเด็จไม่ยอม ออกปากห้าม รีบกราบตอบ

ทั้งสองพระเถระผู้ยิ่งใหญ่ไม่ยอมกัน อาจารย์พุทธทาสขอกราบ เจ้าพระคุณสมเด็จฯท่านก็กราบตอบ กราบกันไปๆมาๆ กว่าจะจบกันได้ ก็กราบกันหลายที

ผมมาดูภาพนี้อีกครั้ง ดูแล้วเกิดความสุข นึกถึงตอนบวช...ผมคงเกเรไม่น้อยในสายตาพระอาจารย์

 :25: :25: :25: :25:

ราว 15 ปีต่อมา ที่เชิงสะพานพุทธฯ ก่อนลงเรือหางยาวไปทำสารคดีตลาดน้ำเสาธงหิน คลองบางกอกน้อย เจ้าภาพนิมนต์พระธรรมวโรดม

ผมเห็นท่านก็ก้มกราบ หน้าผากจดพื้นครั้งที่สาม ผมได้ยินท่านพูด น้ำเสียงมีเมตตา

“นักข่าวคนนี้ตอนบวชอยู่กับฉัน เขาร้าย...”

ผมสุขใจได้กราบอาจารย์ แต่ก็ติดใจคำว่า “ร้าย” ทบทวนเป็นนาน ตอนท่านเป็นสมภารวัดบ้านแหลม ผมเป็นเณรบิณฑบาตได้ข้าวไม่พอฉัน หลายมื้อฉันข้าวกับน้ำปลา เขียนโคลงลงหนังสือตัดพ้อ

“หิวฤๅอิ่มฤๅหวา ใครเวทนา เวย ธ เอ่ยสามเณรไร้ ยากล้วน ฤๅเห็น”

คำ “ร้าย”...ที่ท่านอาจารย์ว่า คงมาจากท่านติดใจเรื่องนี้


 st12 st12 st12 st12 st12

เมื่อผมอ่านบวรธรรมบพิตร ตอนเจ้าพระคุณสมเด็จฯ บิณฑบาตเจอเณร ท่านก็เอาของในบาตรใส่บาตรเณร ท่านว่า สงสาร เณรลำบาก เณรไม่มีกิจนิมนต์...ผมถึงกับน้ำตาไหล

นี่คือคุณธรรม หัวข้อ “เมตตา” เจ้าพระคุณสมเด็จฯ บำเพ็ญ ไม่ขาดสาย ไม่เลือกไพร่ผู้ดีพระหรือสามเณร

เย็นวันที่ 29 รถเมล์สายที่ผมไม่ตั้งใจนั่ง ไปจอดสุดสายข้างวัดบวรนิเวศฯ ผมถือโอกาสเข้าโบสถ์ไปกราบพระพุทธชินสีห์ วันนั้นวัดมีพิธีอัญเชิญพระอัฐิเจ้าพระคุณสมเด็จฯส่วนหนึ่งไปประดิษฐานที่วัดญาณสังวร บางละมุง

ผมได้ข่าวทีหลัง สิ่งที่ทำได้ก็คือยกมืออนุโมทนา

ปีใหม่ปีนี้ ผมมีความสุขด้วยการกราบพระ...แวะซื้อกล้วยปิ้งเจ้าประจำหน้าช่อง 7 สี...ระหว่างรอ แน็ต นิโลบล แม่ค้าสาละวนกับลูกค้า เธออุตส่าห์เจียดเวลาเปิดโทรศัพท์ให้ดูภาพสำคัญ

 st11 st11 st11 st11

ในงานศิษย์เก่านิสิตจุฬาฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราช กุมารี เสด็จบูธกล้วยปิ้งของเธอ ระหว่างจัดกล้วยใส่จานถวาย ทรงซักถามเป็นนาน เสด็จเข้างานครู่หนึ่ง ก็มีคนเอาภาชนะคลุมผ้ามาบอกว่า “สมเด็จฯท่านขออีกสองผล”

กล้วยปิ้งสองผลหั่นใส่จานดูจะน้อยไป แน็ตต่อรองขอเพิ่มให้ท่านเป็นสาม งานนี้ทำเอาแน็ตและพ่อแม่น้ำตาไหล เก็บเอาจานที่ใส่กล้วยปิ้งถวาย ไปใส่พานตั้งไว้กราบที่บ้าน

ปูชา จ ปูชนี ยานัง...การได้บูชา ผู้ที่ควรบูชา เป็นหนึ่งในมงคล 38 ประการ ปัญหาน่าจะอยู่ที่การเลือกหาคนที่ควรบูชา...ให้เจอ

เจอแล้ว กราบท่านให้ได้ แล้วจะรู้กับใจ นี่คือความสุขปีใหม่ ที่ยิ่งใหญ่ลึกล้ำกว่าปีก่อนๆแยะเลย.


ขอบคุณบทความจาก
https://www.thairath.co.th/content/557433
11857  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ส่อง..วงการ "ศาสนา-วัฒนธรรม" ปี 2559 จะ "รุ่ง" หรือ "ร่วง".? เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:10:56 am



ส่อง..วงการ "ศาสนา-วัฒนธรรม" ปี 2559 จะ "รุ่ง" หรือ "ร่วง".?
โดย รชยา นัทธี (นสพ.มติชน)

ตลอดทั้งปี 2558 ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในแวดวงศาสนาและวัฒนธรรม มีทั้งข่าวแนวดราม่า แนวหวานอมขมกลืน และแนวชื่นมื่น ปะปนกันไป โดยเฉพาะข่าวในแวดวงการสงฆ์ ที่มีเซอร์ไพรส์แบบไม่ทันตั้งตัว เมื่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ที่มี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน เพื่อศึกษาปัญหาและแนวทางในการปฏิรูปวงการพระพุทธศาสนา

ที่ฮือฮาและทำให้คณะกรรมการชุดนี้เป็นที่รู้จักคือกรณีนายไพบูลย์ออกมาให้สัมภาษณ์รื้อฟื้นเกี่ยวกับพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่มีพระราชวินิจฉัยกรณีพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แต่ที่ทำให้พระสงฆ์ส่วนหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านคณะกรรมการชุดนี้อย่างหนัก ถึงขั้นปลุกมวลชนพระทั่วประเทศให้ออกมาชุมนุมกันคือประเด็นที่คณะกรรมการเสนอให้ปฏิรูปวงการสงฆ์ โดยให้วัดและพระต้องถูกตรวจสอบทรัพย์สิน การเวียนเจ้าอาวาสทุก 5 ปี นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่เสนอให้รื้อฟื้นการบวชภิกษุณีในประเทศไทย ล่าสุด พระสงฆ์บางกลุ่มได้ออกมาเคลื่อนไหวให้บัญญัติ "พุทธศาสนา" เป็นศาสนาประจำชาติ ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย

ปิดท้ายข่าวในแวดวงพระพุทธศาสนาที่สร้างความเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้งให้กับพุทธศาสนิกชนทั่วโลกคืองานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพุทธศาสนิกชนทั่วโลกได้ร่วมส่งเสด็จสมเด็จพระสังฆราช


 :96: :96: :96: :96: :96:

ส่วนข่าวคราวในแวดวงวัฒนธรรม แม้ดูเหมือนเงียบๆ แต่ก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นเป็นระยะๆ แต่ที่ทำเอา "งานเข้า" คือกรณีที่ชาวชุมชนวัดกัลยาณ์ ร้องเรียนไปยังกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ให้ดำเนินการกับวัดกัลยาณมิตร กรณีที่ทางวัดรื้อทำลายโบราณสถานอายุกว่า 100 ปี ภายในวัดหลายรายการ ทำให้ นายบวรเวท รุ่งรุจี อธิบดีกรมศิลปากรในช่วงนั้น ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างใหม่ 2 หลัง ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่าง นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากรคนปัจจุบันดำเนินการ

อีกเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีที่ ศธ.คลอดหนังสือ "ประวัติศาสตร์ชาติไทย" ที่เขียนโดยสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร วธ. ภายใต้การมอบหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้จัดพิมพ์หนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงทำคุณประโยชน์ไว้ในแผ่นดิน รวมถึงความเป็นมาของประเทศไทย วัฒนธรรมประเพณีของไทย ซึ่งถูกวิพากษ์จากนักวิชาการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าเนื้อหาส่งผลให้เกิดการปรองดองได้ยาก โดยเฉพาะที่เขียนโจมตีพรรคการเมืองบางพรรค โจมตีนายกรัฐมนตรี และชื่นชมผู้นำประเทศบางคน ทำให้หนังสือมีความลำเอียง



อย่างไรก็ตาม ลองมาฟังเสียงสะท้อนจากนักวิชาการด้านศาสนาและวัฒนธรรม ที่จะมาสะท้อนถึงปัญหาที่ผ่านมา และทิศทางที่จะเป็นไปในปี 2559 อย่าง นายบรรจบ บรรณรุจิ นักวิชาการด้านศาสนา กล่าวถึงภาพรวมวงการศาสนาตลอดปี 2558 ว่า ถือเป็นครั้งแรกที่วงการพุทธศาสนาได้รับผลกระทบจากมุมมองของสังคมโดยตรง อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมไทย กรณีที่คณะกรรมการปฏิรูปพุทธศาสนาได้เสนอทรรศนะ ซึ่งถือเป็นข้อเสนอจากสังคมที่ตรงและแรง อาทิ ประเด็นที่พูดพาดพิงถึงพระสงฆ์ว่าทุกวันนี้ใช้ชีวิตเอาเปรียบสังคม หรือประเด็นเรื่องการใช้เงินใช้ทองของพระสงฆ์ในสังคม เป็นต้น

มองว่าประเด็นสำคัญคือ เรื่องการมองถึงการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่ประจาน หรือร้องแรกแหกกระเชอ รวมทั้งคณะกรรมการปฏิรูปพุทธศาสนาควรต้องมอง 2 ด้าน นอกจากด้านผลกระทบต่อสังคม ต้องมองถึงด้านคุณูปการของพระสงฆ์ต่อสังคมด้วย เพราะพระที่ทำประโยชน์ให้สังคมก็มีมากเช่นกัน ส่วนการเรียกร้องบรรจุศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติจะทำได้หรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งถือเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่ไม่ได้รุกรานศาสนาอื่น และหากพิจารณาอย่างเป็นธรรมแล้ว บางประเทศเขาประกาศเป็นรัฐศาสนา เช่น มาเลเซีย เป็นต้น หากบัญญัติจริง อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยอย่างมาก ขณะเดียวกันถ้าพุทธศาสนาอยู่ได้ ทุกสถาบันก็อยู่รอด ฉะนั้น จึงต้องเตรียมการเรื่องนี้


 :25: :25: :25: :25: :25:

"ส่วนการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ตามธรรมเนียมปฏิบัติ มหาเถรสมาคม (มส.) ต้องเสนอรายนามสมเด็จพระราชาคณะที่มีสมณศักดิ์และอาวุโสสูงสุด เพื่อให้พระมหากษัตริย์ทรงพระวินิจฉัย ซึ่งพระองค์ไม่ได้ทรงก้าวก่าย เมื่อคณะสงฆ์เสนอชื่อมาก็ทรงลงพระปรมาภิไธยตามนั้น" นายบรรจบกล่าว

การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี จะส่งผลดีกับพระพุทธศาสนาหรือไม่ เมื่อมีการไหลบ่าเข้ามาของศาสนาต่างๆ โดยที่ชาวพุทธยังไม่ได้ตั้งหลัก เพราะไทยไม่จำกัดเรื่องของศาสนาที่เข้ามาเผยแผ่

ท้ายนี้ ในวงการศาสนาควรปรับปรุงหลายด้าน อาทิ เรื่องของวิถีชีวิตพระ ซึ่งขณะนี้ห่างไกลพระธรรมวินัย แต่กลับอยู่ใกล้เทคโนโลยี การพิจารณาความคดีของพระสงฆ์ จะยึดตามกฎหมายทางโลกมากกว่า พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ผมคิดว่าควรนำพระธรรมวินัยมาพิจารณาเบื้องต้น แล้วใช้กฎหมายทางโลกพิจารณาอีกที



พระราชญาณกวี (สุวิทย์ ปิยวิชฺโช) หรือปิยโสภณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กล่าวว่า ภาพรวมข่าววงการศาสนาที่ผ่านมา ทำให้เกิดศรัทธาและเสื่อมศรัทธา คนไทยมักคิดว่าพระพุทธศาสนา หมายถึง พระ-วัด แต่แท้จริงแล้วพระพุทธศาสนาคือ บ้าน วัด โรงเรียน คือสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเราทั้งสิ้น น่าสนใจว่าสังคมไทยขณะนี้บกพร่องเรื่องศีลธรรม และสิ่งที่สะท้อนให้เห็นได้ดีคือสื่อต่างๆ ที่เสนอให้เห็นกันทุกวัน ตลอดปี 2558 กิจกรรมของสงฆ์ที่รณรงค์ให้ประชาชนรักษาศีล 5 เป็นภาพรวมข่าวที่ดี เพราะเป็นการยืนยันว่าถ้าคนเราประพฤติปฏิบัติตามศีล 5 จะเกิดประโยชน์มากมายกับตนเอง สังคม และประเทศชาติ เพราะเป็นหลักประกันที่สร้างคนให้มีคุณภาพ โดยที่ผู้บริหารไม่ต้องลงทุนอะไร

ส่วนที่พระสงฆ์ออกมาเรียกร้องให้บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติอาตมามองว่าสังคมจะเดินได้ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ส่วนหน้าที่ตรงนี้ถือเป็นเรื่องของ กรธ.ซึ่งคิดว่าในทางปฏิบัติ ประธาน กรธ.ควรมาหาคณะสงฆ์ เพื่อมารับฟังความคิดเห็นว่าต้องแก้ไขเพิ่มเติมอย่างไรในการพิจารณาร่วมกัน ดีกว่าที่จะปล่อยให้ประชาชนขัดแย้ง หรือเดินขบวนประท้วง อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วง บ้านเมืองทุกวันนี้มีลิขสิทธิ์หมดแล้วทุกเรื่อง ศาสนาก็เช่นกัน ควรมีลิขสิทธิ์ให้ชัดเจน ที่ผ่านมาชัดเจนทางพฤตินัย ไม่ใช่นิตินัย มาถึงจุดนี้ต้องมียี่ห้อ จดลิขสิทธิ์ตามยุคสมัย แต่ไม่ได้ไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพของความเป็นชาติ ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก

"แนวโน้มสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เป็นเรื่องของพระราชอัธยาศัย พระราชศรัทธาของพระมหากษัตริย์ ที่จะทรงเลือกตามความเหมาะสม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะไม่แต่งตั้งเลยก็ได้ สิ่งที่ควร ปรับ ลด เพิ่ม ในวงการสงฆ์ มองว่าควรมีกฎหมายรองรับภิกษุณี รวมทั้งกฎหมายรองรับองค์กรพุทธบริษัท อุบาสก อุบาสิกา องค์กรพุทธสมาคม และองค์กรพุทธบริษัทที่ชัดเจน คิดว่าหากมีน่าจะเป็นประโยชน์" พระราชญาณกวีกล่าว


 st12 st12 st12 st12

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปฯ กล่าวว่า ภาพรวมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวงการศาสนาตลอดปี 2558 เริ่มจากต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับปัญหาของการเดินธุดงค์ธรรมชัยของวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาด้านการจราจรอย่างหนัก มีการสร้างภาพความอลังการกลางเมืองใหญ่ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ถึงการนำศาสนามาบิดเบือนเป็นพุทธพาณิชย์ จากนั้นเดือนกุมภาพันธ์ สปช.ได้ตั้งคณะกรรมการปฏิรูปศาสนา ให้ศึกษาปัญหาเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของวัดและพระสงฆ์ รวมถึงพระสงฆ์ที่ไม่ปฏิบัติตามพระวินัย ซึ่งโยงไปถึงกรณีของพระธัมมชโย ที่ฝืนพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชที่ให้พระธัมมชโยปาราชิกตั้งแต่ปี 2542 โดยมี มส.คุ้มครอง ขณะที่หลายภาคส่วนเรียกร้องให้ปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา กลุ่มสงฆ์ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้คณะกรรมการปฏิรูปศาสนายุติข้อเสนอ 4 ด้านในการปฏิรูป และยุติบทบาทของคณะกรรมการทั้งหมด ซึ่งสงฆ์กลุ่มนี้ออกมาปกป้องพระธัมมชโยและ มส.

"ใน พ.ร.บ.คณะสงฆ์ มีบางข้อบิดเบือนกฎพระธรรมวินัย โดยให้คณะสงฆ์อยู่ภายใต้การปกครองที่ไม่มีสิทธิเสรีภาพ ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดูแลภายใต้ พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงนำมาสู่ประเด็นของการศึกษาของคณะกรรมการปฏิรูปศาสนา ว่าวงการศาสนาปัจจุบันนี้ได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงแล้วหรือยัง จากการพิจารณามีการเบี่ยงเบนไปแล้วทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นเพียงการนำพระพุทธศาสนามาหาประโยชน์ เพื่อให้ตนเองได้มาซึ่งทรัพย์สินและลาภยศ คนที่บวชเป็นพระสงฆ์ภายใต้ พ.ร.บ.ดังกล่าว เอื้อต่อการแสวงหาลาภสักการะทั้งสิ้น นี่คือวิกฤตของความศรัทธาที่จะเกิดขึ้น หากปล่อยไว้จะแก้ไขปัญหาไม่ได้ และประชาชนจะเกิดความเสื่อมศรัทธาในที่สุด" นายไพบูลย์กล่าว

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

ขณะที่ศึกษาเกี่ยวกับประเด็นศาสนา มีผู้มาร้องเรียนเกี่ยวกับพระสงฆ์หลายเรื่อง อันดับ 1 คือพระสงฆ์สะสมทรัพย์ แสวงหาความร่ำรวยจากพุทธพาณิชย์ อันดับ 2 การปกครองคณะสงฆ์ที่ไม่เป็นธรรม เอื้อประโยชน์ให้เฉพาะพวกของตน เช่น การโยกย้ายตำแหน่งเพื่อผลประโยชน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กิจของสงฆ์ กระบวนการเครือข่ายของพระสงฆ์ที่ประพฤติตนแบบนี้ไม่ต่างจากนักการเมืองที่ไม่ดี ส่วนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไม่ควรไปอยู่ภายใต้การควบคุมของ มส.เพราะถ้า 2 องค์กรนี้มาผนวกกัน จะกลายเป็นภาพที่น่ากลัวมาก ยกตัวอย่าง คนก่อนบวชและหลังบวช ก่อนบวชเป็นประชาชนมีสิทธิเสรีภาพโดยสมบูรณ์ ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมาย แต่เมื่อบวชเข้าไปเป็นพระสงฆ์ จะหมดสิ้นเสรีภาพทันที ต้องอยู่ภายใต้การปกครองที่มีลำดับชั้นการปกครองที่ไม่เหมาะสม ซึ่งต่างจากหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ประกาศให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ แต่คณะสงฆ์ไทยกลับไปทำลายหลักการสำคัญของพระพุทธองค์



ส่วนเรื่อง "ภิกษุณี" มีการผลักดันให้เกิดกฎหมายคุ้มครองสิทธิสตรีที่ต้องการบวช มส.กลับออกมติเพื่อขัดขวาง ทั้งที่ในพุทธประวัติบัญญัติให้สตรีบวชเป็นภิกษุณีได้ ซึ่งขัดกับหลักสิทธิมนุษยชนโดยสิ้นเชิง

"อย่างไรก็ตาม แง่มุมดีๆ ของศาสนายังพอมีอยู่บ้าง เช่น การนำซีรีส์พระพุทธเจ้า มหาศาสดาโลก มาเผยแพร่ในสื่อ ทำให้พุทธศาสนิกชนหลายคนเห็นข้อวัตรปฏิบัติของพระพุทธเจ้า และเห็นถึงพระธรรมวินัยในสมัยพุทธกาลที่แตกต่างจากสมัยนี้ ผมเชื่อว่ามีหลายองค์กรที่ห่วงใยว่าศาสนาจะเสื่อม และต้องออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้พระสงฆ์หันมาศึกษาพระธรรมวินัยมากขึ้น เชื่อว่าในปี 2559 นี้ ฝ่ายต่างๆ จะพิจารณาถึงแก่นแท้ของพระธรรมวินัย และนำมาปฏิบัติ เพื่อจะเปรียบเทียบกับกระบวนการเดิมของสงฆ์ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีแน่นอน" นายไพบูลย์กล่าวทิ้งท้าย

ขณะที่ นายรุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวถึงภาพรวมของการขับเคลื่อนวัฒนธรรมว่า โดยหลักๆ วธ.เข้าใจวัฒนธรรมมากน้อยแค่ไหน มีความหมายแท้จริงอย่างไร วธ.มองแต่สิ่งดีงาม แสดงออกแต่สิ่งดีงาม ในนามของหน่วยงานรัฐ เป็นกระทรวงอีเวนต์แห่งชาติ แต่ไม่มีสาระอะไร หรือมีแก่นแท้อะไรหรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่เคยทำความเข้าใจ ไม่เคยทำให้สังคมไทยรับรู้ว่าสังคมไทยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่กลับพยายามลบวัฒนธรรมอื่นให้หายไป ส่วนเรื่องที่ควรปรับปรุงคือการสื่อสาร ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัดเจน กรณีการรื้อถอนโบราณสถานภายในวัดกัลยาณมิตร หรือกรณีของการจัดงานวันลอยกระทง ไม่มีข้อมูลที่แน่นพอ คือไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในการสื่อสารกับสังคม


 ans1 ans1 ans1 ans1

"เรื่องการก้าวเข้าสู่เออีซีนั้น วธ.เคยทำความเข้าใจเรื่องอื่นๆ หรือไม่ นอกเหนือจากที่เผยแพร่ นำเสนอแค่บางเรื่องในโรงเรียน เช่น การกล่าวคำทักทายต่างๆ ซึ่งมีแค่นั้น ไม่ได้นำเสนออย่างอื่น โดยเฉพาะเรื่องของการนำเสนอวัฒนธรรมร่วมของอาเซียนคืออะไร หรือเรื่องผลกระทบของการเปิดประเทศ ยังไม่เคยขยายความรู้ให้ประชาชน ที่สำคัญควรเลิกพูดเรื่องของประวัติศาสตร์บาดหมาง แต่ควรหันมาเสนอ ทำความเข้าใจ และสื่อสารกับสังคม ในทิศทางของประวัติศาสตร์ร่วมมากกว่า" นายรุ่งโรจน์กล่าว

ก็ต้องติดตามกันว่า ปี 2559 ทิศทางการขับเคลื่อนงานด้านศาสนาและงานวัฒนธรรม จะเป็นไปในทิศทางใด!!


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451710577
11858  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วัดไทย 16 ประเทศผ่านฉลุยชุมชนศีล 5 เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:02:05 am


วัดไทย 16 ประเทศผ่านฉลุยชุมชนศีล 5

สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีว่าปัจจุบันโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ได้ขยายผลไปยังวัดไทยในต่างประเทศเกือบจะครบทั่วโลกแล้ว โดยขณะนี้โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 เข้าสู่การดำเนินงานในระยะที่ 3 ซึ่งตามกำหนดโครงการนี้จะสิ้นสุดโครงการในปี 2560 แต่ก็ขอให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะการที่ส่งเสริมให้คนรักษาศีล 5 เป็นเรื่องที่ดี จะเป็นส่วนสำคัญให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ และเกิดสันติสุขขึ้นในประเทศชาติ

พระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เจ้าคณะภาค 7 ในฐานะประธาน ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา หมู่บ้านรักษาศีล 5 กล่าวว่า ขณะนี้มีชุมชนรักษาศีล 5 ของวัดไทยในต่างประเทศที่ผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการ ร้อยละ 50 และได้รับป้ายชุมชนรักษาศีล 5 จากสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ไปแล้ว 16 ประเทศ ประกอบด้วยวัดไทยในประเทศเนเธอร์แลนด์ อินเดีย สหรัฐอเมริกา เนปาล นิวซีแลนด์ สาธารณรัฐประชาชนจีน เบลเยียม สวีเดน สหราชอาณาจักร อาร์เจนตินา อิตาลี เยอรมนี ไอซ์แลนด์ แคนาดา สเปน และไอร์แลนด์เหนือ.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/557685
11859  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เปิดห้องเรียกไปฉัน ผงะ! 'พระลูกวัดนาจอมเทียน' มรณภาพคากุฏิ เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 08:00:16 am


เปิดห้องเรียกไปฉัน ผงะ! 'พระลูกวัดนาจอมเทียน' มรณภาพคากุฏิ

พระลูกวัด อายุ  63 ปี นอนเสียชีวิตภายในกุฏิ วัดนาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ตรวจสอบตามร่างกาย ไม่พบร่องรอยถูกทำร้าย เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากโรคประจำตัว

เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 3 ม.ค.59 ร.ต.ท.อุดม ศรีมาตร พงส.สภ.นาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้ง พบพระสงฆ์มรณภาพอยู่ในกุฏิ วัดนาจอมเทียน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน

ที่เกิดเหตุด้านในกุฏิของพระสงฆ์ พบศพ พระธนัท แตงแตกมล ฉายาชวโน อายุ 63 ปี พระลูกวัด นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นข้างเตียงนอน เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง สวมเพียงสบงแค่ผืนเดียวตรวจสอบตามร่างกายไม่มีร่องรอยการถูกทำลายหรือรื้อค้นสิ่งของแต่อย่างใด

พระลูกวัด ที่อยู่กุฏิติดกัน ได้กล่าวว่า พระธนัทได้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ต้องเดินทางไปพบแพทย์อยู่เป็นประจำ ก่อนรุ่งเช้าได้มาเรียกฉันอาหาร แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงได้เปิดห้องเข้าไปก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุการเสียชีวิตมาจากโรคประจำตัว จึงนำศพส่งชันสูตรยังโรงพยาบาลสัตหีบ กม.10 เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง


ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/557505
11860  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปีใหม่ไหว้สา “8 พระธาตุ” สิริมงคลคู่ 8 จังหวัดล้านนา เมื่อ: มกราคม 02, 2016, 08:48:16 pm



ปีใหม่ไหว้สา “8 พระธาตุ” สิริมงคลคู่ 8 จังหวัดล้านนา

  วันเวลาเดินทางผ่านไปเร็วไม่น้อย ในที่สุดก็ถึงเวลาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ส่งอดีตและความผิดพลาดที่ผ่านมาทิ้งไป เตรียมรอรับสิ่งดีๆ เรื่องดีๆ ในปีหน้าให้เข้ามาในชีวิต
       
       เพื่อเป็นการเริ่มต้นปีอย่างเป็นสิริมงคล พุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่เลือกที่จะไปไหว้พระทำบุญกันในช่วงเวลานี้ ดังนั้นในวันนี้เราจึงนำเอา “8 พระธาตุใน 8 จังหวัดล้านนา” อันได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน น่าน แพร่ พะเยา มาฝากกัน เผื่อว่าในช่วงต้นปีนี้ใครจะเดินทางไปเที่ยวในจังหวัดเหล่านี้จะได้เดินทางไปกราบไหว้เป็นสิริมงคลกัน



พระธาตุดอยสุเทพ

        พระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
       
       “พระธาตุดอยสุเทพ” ประดิษฐานอยู่ภายในวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตามคติความเชื่อล้านนาถือเป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรปีมะแม (แพะ) องค์พระธาตุสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาสุมนเถระนำมาจากเมืองศรีสัชนาลัย โดยเชื่อว่าหากมาสักการะและอธิษฐานขอพรพระธาตุดอยสุเทพ จะมีแต่ความสำเร็จสมปรารถนา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวงไปได้



พระบรมธาตุดอยตุง

        พระบรมธาตุดอยตุง จ.เชียงราย
       
       “พระบรมธาตุดอยตุง” เป็นปูชนียสถานสำคัญของเชียงราย ประดิษฐานอยู่บนยอดดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ตำนานเล่าว่าในสมัยพระเจ้าอุชุตะราช รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์สิงหนวัต ผู้ครองนครโยนกนาคนคร เมื่อพ.ศ.1452 พระมหากัสสป ได้นำพระบรมสารีริกธาตุในส่วนของพระรากขวัญเบื้องซ้าย (ไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้ามาถวาย พระองค์จึงทรงสร้างพระสถูปขึ้น และต่อมาสมัยพระเจ้าเม็งรายมหาราช พระมหาวชิระโพธิเถระได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาถวายพระองค์จึงทรงสร้างพระสถูปขึ้นอีกองค์หนึ่งให้เหมือนกับพระสถูปองค์เดิมทุกประการ ปัจจุบันจึงมีพระธาตุสององค์ตั้งคู่กันดังปรากฏอยู่ทุกวันนี้



พระธาตุหริภุญไชย

      พระธาตุหริภุญไชย จ.ลำพูน
       
       “พระธาตุหริภุญชัย” ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุหริภุญชัย วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.ลำพูน ตามคติความเชื่อล้านนาถือเป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรปีระกา (ไก่) ถือเป็นปูชนียสถานสำคัญในภาคเหนือที่อยู่คู่เมืองหริภุญไชยลำพูนมาอย่างยาวนาน สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช เป็นเจดีย์ทรงล้านนา หุ้มแผ่นทองจังโกทั้งองค์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุคือธาตุกระหม่อม ธาตุกระดูกอก ธาตุกระดูกนิ้วมือ และธาตุย่อยอีกเต็มบาตร ก่อนจะเข้าสู่วัด หน้าวัดจะต้องผ่านซุ้มประตูโขงก่ออิฐถือปูน ประดับลายปูนปั้นที่อ่อนช้อยสวยงาม เป็นศิลปะทวารวดี เบื้องหน้าซุ้มประตูมีสิงห์ใหญ่สูง 3 เมตร คู่หนึ่งยืนสง่าบนแท่นสูง สวยงามเป็นอย่างมาก



พระธาตุลำปางหลวง

        พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง
       
       “พระธาตุลำปางหลวง” ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง ตามคติความเชื่อล้านนาถือเป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรปีฉลู (วัว) วัดแห่งนี้เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปางมาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 20 องค์พระธาตุเป็นเจดีย์กลมทรงระฆังคว่ำ ภายนอกบุด้วยทองจังโก ที่บริเวณยอดฉัตรทำด้วยทองคำ ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาและพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย



พระธาตุดอยกองมู

        พระธาตุดอยกองมู จ.แม่ฮ่องสอน
       
       “พระธาตุดอยกองมู” ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุดอยกองมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน อยู่บนยอดเขากลางเมืองแม่ฮ่องสอน และเป็นดังศูนย์รวมศรัทธาของคนเมืองแม่ฮ่องสอน องค์พระธาตุมี 2 องค์ด้วยกัน พระธาตุองค์ใหญ่ (องค์แรก) สร้างในปี 2403 โดยจองต่องสู่ ใช้เป็นที่บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระที่นำมาจากพม่า ส่วนพระธาตุองค์เล็ก (องค์หลัง) สร้างใน พ.ศ.2417 โดยพระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอนคนแรก ตรงมุมทั้งสี่ของฐานพระธาตุประดับด้วยสิงห์ปูนปั้น ส่วนที่ฐานประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิด



พระธาตุแช่แห้ง

        พระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน
       
       “พระธาตุแช่แห้ง” พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองน่าน ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง อ.ภูเพียง จ.น่าน ตามคติความเชื่อล้านนาถือเป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรปีเถาะ (กระต่าย) องค์พระธาตุเป็นแบบล้านนาสีทองสุกปลั่ง พญาการเมืองโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1891 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากกรุงสุโขทัย และบริเวณด้านข้างองค์พระธาตุยังเป็นที่ตั้งของวิหารหลวงที่ภายในประดิษฐาน “พระเจ้าล้านทอง” พระประธานที่มีพุทธลักษณะงดงามให้ได้สักการะเป็นสิริมงคลกัน



พระธาตุช่อแฮ

        พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่
       
       “พระธาตุช่อแฮ” ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุช่อแฮ อ.เมือง จ.แพร่ ตามคติความเชื่อล้านนาถือเป็นพระธาตุประจำปีนักษัตรปีขาล(เสือ) ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองบุด้วยทองดอกบวบ สูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยม ศิลปะแบบเชียงแสน ภายในเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายและพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และประดับบูชาด้วยผ้าแพรอย่างดี โดยการมาสักการะบูชาองค์พระธาตุนั้นมักนิยมนำผ้าแพรเนื้อดีไปถวาย เชื่อว่าจะทำให้มีชีวิตผาสุก มีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน และมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูได้



พระธาตุจอมทอง

        พระธาตุจอมทอง จ.พะเยา
       
       “พระธาตุจอมทอง” ประดิษฐานอยู่ในวัดพระธาตุจอมทอง อ.เมือง จ.พะเยา เป็นปูชนียสถานโบราณคู่เมืองพะเยา องค์พระธาตุไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าสร้างขึ้นในสมัยใด องค์พระธาตุมีลักษณะเป็นศิลปะแบบล้านนา ลักษณะคล้ายพระธาตุหริภุญชัยของลำพูน ฐานย่อมี 8 เหลี่ยม ด้านบนเป็นมาลัยเถา 3 ชั้น ต่อชั้นขึ้นไปเป็นหอระฆังและมีปล้องไฉนจนถึงฉัตรทองคำ ได้รับการบูรณะหลายครั้งจนอยู่ในสภาพดี และในวัดยังมีพระพุทธรูปศิลา ซึ่งเป็นพระเจ้าทันใจ พระอุโบสถและพระวิหาร ซึ่งมีความเก่าแก่เช่นเดียวกัน


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000141605
11861  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ซ้ำร้าย “อ่านน้อย” จับประเด็นไม่ได้ วิกฤตใหญ่ที่ไทยต้องแก้ เมื่อ: มกราคม 02, 2016, 08:41:05 pm


อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ซ้ำร้าย “อ่านน้อย” จับประเด็นไม่ได้ วิกฤตใหญ่ที่ไทยต้องแก้

กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประกาศให้ปี 2558 เป็นปีแห่งการปลอดนักเรียนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ช่วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา อาจเรียกได้ว่าการแก้ปัญหานี้อาจยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก เพราะเมื่อดูจากผลสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เมื่อช่วง ส.ค. 2558 แม้จำนวนเด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้จะลดลง แต่ก็ยังทำไม่ได้ 100%
       
       โดยผลสำรวจนักเรียนชั้น ป.1 ครั้งที่ 1 เดือน มิ.ย. 2558 พบว่า มีนักเรียนอ่านไม่ออกร้อยละ 11.5 เขียนไม่ได้ร้อยละ 8.7 การสำรวจครั้งที่ 2 เดือน ก.ค. 2558 นักเรียนอ่านไม่ออกลดลงเหลือร้อยละ 5.6 และ เขียนไม่ได้เหลือร้อยละ 5.0 นักเรียน ชั้น ป.2 การประเมินครั้งที่ 1 อ่านไม่ออก ร้อยละ 8.2 เขียนไม่ได้ร้อยละ 11.2 ประเมินครั้งที่ 2 เหลืออ่านไม่ออกร้อยละ 5.0 เขียนไม่ได้ร้อยละ 7.0 ชั้น ป.3 ครั้งที่ 1 อ่านไม่ออกร้อยละ 5.0 เขียนไม่ได้ร้อยละ 7.6 ครั้งที่ 2 เหลืออ่านไม่ออกร้อยละ 2.8 เขียนไม่ได้ร้อยละ 5.3

        :96: :96: :96: :96:

       ชั้น ป.4 ครั้งที่ 1 อ่านไม่คล่องร้อยละ 4.4 เขียนไม่คล่องร้อยละ 11.3 ครั้งที่ 2 เหลืออ่านไม่คล่องร้อยละ 2.5 เขียนไม่คล่องร้อยละ 8.1 ชั้น ป.5 ครั้งที่ 1 อ่านไม่คล่องร้อยละ 3.5 เขียนไม่คล่องร้อยละ 9.7 ครั้งที่ 2 เหลืออ่านไม่คล่องร้อยละ 1.9 เขียนไม่คล่องร้อยละ 6.6 และ ชั้น ป.6 ครั้งที่ 1 อ่านไม่คล่องร้อยละ 2.6 เขียนไม่คล่องร้อยละ 7.0 ครั้งที่ 2 อ่านไม่คล่องร้อยละ 1.4 และเขียนไม่คล่องร้อยละ 4.7
       
       แม้แนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ สพฐ.ได้พัฒนาให้แก่โรงเรียน การจัดสอนเสริมให้แก่นักเรียนที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาเป็นรายบุคคล การเรียนการสอนแบบแจกลูกสะกดคำ และอาศัยโรงเรียนต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ จะประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง แต่ถือว่ายังไม่ทั้งหมด
       
       เพราะเด็กที่ยังมีปัญหาอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเด็กกลุ่มชาติพันธุ์ เด็กชายขอบที่อยู่ตามโรงเรียนห่างไกล และไม่ได้ใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวัน ขณะที่ครูตามพื้นที่ห่างไกลก็ยังคงขาดแคลนด้วยเช่นกัน ครู 1 คนอาจต้องสอนหลายวิชา และไม่ได้มีความชำนาญในวิชาที่สอน

   

        น.ส.ธนิกานต์ ทาอ้าย ครูประจำโรงเรียนวัดงิ้วเฒ่า อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ แนะนำถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาตรงนี้ว่า อาจจะต้องเริ่มตั้งแต่การสร้างจิตวิญญาณของครูขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าครูตามพื้นที่ห่างไกล มีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอต่อนักเรียน และอาจไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาภาษาไทยที่จะสอนเด็ก แต่หากครูมีจิตวิญญาณของความเป็นครู ก็จะรู้จักขวนขวายหาวิธี หาเทคนิคในการสอนนักเรียนให้เข้าใจได้ อย่างวิชาภาษาไทย เด็กอาจไม่เข้าใจเรื่องการเปลี่ยนรูปแปลงร่างของสระ หากหาวิธีเทคนิคในการสอนมาทำให้เด็กเข้าใจได้ก็จะช่วยให้เด็กอ่านออกเขียนได้มากขึ้น
       
       “การที่เด็กอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้นั้น ไม่ใช่ความผิดของเด็ก แต่ครูควรกลับมาประเมินตัวเองใหม่ว่าเราทำหน้าที่ดีแล้วหรือยัง หากครูต้องการให้เด็กพัฒนาจริง ครูก็ต้องพัฒนาตัวเองก่อน ทำการบ้านเพิ่มที่จะมาสอนเด็กแล้วมาดูกันว่าการเรียนการสอนจะสัมฤทธิ์ผลมากขึ้นหรือไม่”
       
       ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ ศธ. เพราะแม้หลักสูตร ระบบการเรียนการสอนต่างๆ จะดี มีการบรรจุครูในพื้นที่ห่างไกลเพิ่ม แต่หากสร้างจิตวิญญาณครูขึ้นมาไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ต่อการพัฒนาวงการศึกษาของเด็กไทย

        :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

       นอกจากนี้ ปัญหาการ “อ่านน้อย” ของคนไทย ถือว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานอีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ รศ.พญ.นิชรา เรืองดารกานนท์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี อธิบายว่า มีผลวิจัยมานานแล้วว่า หากพ่อแม่อ่านหนังสือให้เด็กฟังตั้งแต่แรกเกิด จะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้อ่านหนังสือให้ฟัง และยิ่งพ่อแม่ใช้เวลาอ่านหนังสือให้ลูกฟังมาก จนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเด็ก ก็จะทำให้เด็กโตมาพร้อมกับการรักการอ่านหนังสือไปด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจดัชนีวัฒนธรรมการอ่านของคนไทย ภายใต้โครงการการสร้างตัวชี้วัดวัฒนธรรมการอ่านระยะที่ 2 ที่จัดทำโดยเครือข่ายเสียงประชาชน (We Voice) เสนอต่อแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการวางแผนส่งเสริมการอ่านนั้น พบว่า



        กลุ่มประชาชนทั่วไปจำนวน 1,753 ตัวอย่าง ใช้เวลาอ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์ โดยใช้เวลาอ่านผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ 166 นาทีต่อสัปดาห์ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 222.5 นาทีต่อสัปดาห์ ร้อยละ 44.6 ไม่ซื้อหนังสือเลย สาเหตุที่ทำให้ไม่อยากอ่านหนังสือหรือสื่ออ่านต่าง ๆ เพราะชอบฟังวิทยุ ดูทีวีมากกว่าคิดเป็นร้อยละ 30.7 ไม่มีเวลาอ่าน ร้อยละ 29 และสายตาไม่ดี ร้อยละ 19.4 นอกจากนี้ ร้อยละ 4.3 อ่านหนังสือไม่ออก เมื่อพิจารณาจากกำลังซื้อพบว่า ร้อยละ 18.2 มองว่าหนังสือมีราคาแพงเกินไป ร้อยละ 8.3 ไม่มีเงินซื้อ และร้อยละ 10.4 ไม่มีแหล่งให้ยืมหนังสือ ทั้งนี้ เมื่อนำผลทั้งหมดมาคำนวณดัชนีวัฒนธรรมการอ่านของประชาชนทั่วไปมีค่าเท่ากับ 40.4 หมายความว่าประเทศไทยยังมีวัฒนธรรมการอ่านที่น้อย หรืออาจเทียบเคียงได้ว่าคนไทยอ่านหนังสือเพียง 40.4 หน้าโดยเฉลี่ยแทนที่จะเป็น 100 หน้า

        :41: :41: :41: :41:

       ขณะที่กลุ่มเด็กปฐมวัย สำรวจข้อมูล 398 ตัวอย่าง จากพ่อแม่ผู้ปกครองพบว่า ระยะเวลาที่ใช้ในการอ่านหนังสือให้เด็กฟังเท่ากับ 709.5 นาทีต่อสัปดาห์ แบ่งเป็นการอ่านสื่อสิ่งพิมพ์ให้เด็กฟังเฉลี่ย 615.8 นาทีต่อสัปดาห์ และอ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 70.9 นาทีต่อสัปดาห์ โดยร้อยละ 74.6 มีการซื้อหนังสือให้เด็กอ่าน เมื่อสำรวจกิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัวที่ช่วยส่งเสริมการรักการอ่าน หรือการสร้างวัฒนธรรมการอ่านให้กับเด็กในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ร้อยละ 62.6 มีการทำกิจกรรมร่วมกัน โดยร้อยละ 83.2 อ่านหนังสือให้เด็กฟัง รองลงมาเป็นการให้คำชมเวลาเด็กอ่านหนังสือ ร้อยละ 81.3 และใช้เวลาอ่านหนังสือด้วยกันร้อยละ 78.6 เมื่อคำนวณค่าดัชนีวัฒนธรรมการอ่านเด็กปฐมวัยเท่ากับ 49.6 คือ มีพ่อแม่การอ่านหนังสือให้เด็กฟังในระดับปานกลาง

        :91: :91: :91: :91:

       การแก้ปัญหาการอ่านน้อย รศ.พญ.นิชรา กล่าวว่า ต้องเริ่มตั้งแต่ช่วงแรกเกิดเลย โดยเด็กปฐมวัยอายุแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ พ่อแม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือให้ลูกฟัง แต่ไม่อยากให้พ่อแม่มองว่าอ่านเพื่อให้เด็กเรียนรู้หรือรักการอ่าน แต่อยากให้มองว่าหนังสือเป็นของเล่นชิ้นหนึ่งสำหรับเด็ก ใช้เป็นสื่อในการส่งเสริมพัฒนาการ เพราะเด็กเล็กยังไม่รู้หรอกว่าอันนี้คือของเล่น อันนี้คือหนังสือ อะไรคือบันเทิง อะไรคือความรู้ เขารู้เพียงว่าพ่อแม่นั้นสำคัญสำหรับเขา และมีอะไรที่อยู่รอบตัวเขา หากพ่อแม่อ่านหนังสือให้เขาฟังด้วยความสนุกสนาน รอบตัวเขามีแต่หนังสือ เขาก็จะรู้สึกสนุกและคลุกคลีอยู่กับหนังสือ



        “การอ่านหนังสือให้ลูกฟังช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกในหลายด้าน อย่างกล้ามเนื้อมัดใหญ่ แม้จะดูว่าส่งเสริมได้น้อย แต่หากพ่อแม่อ่านหนังสือสำหรับเด็กแล้วเล่นไปกับเขาด้วย ทำให้เขาสนุกสนาน เช่น เนื้อหาในหนังสือสำหรับเด็กพูดถึงลูกบอล ก็ให้ลูกลองไปหยิบลูกบอล เป็นต้น และยังเป็นการเสริมสร้างสติปัญญาให้เด็กด้วย ให้เด็กได้เห็นว่าในรูปเป็นอย่างไร แล้วของจริงนั้นเป็นอย่างไร ส่วนกล้ามเน้อมัดเล็กอย่างการใช้มือหยิบจับ หนังสือสำหรับเด็กก็จะมีบางส่วนที่ทำลักษณะแบบป๊อปอัปให้เด็กได้พลิกเปิด ตรงนี้ก็ถือเป็นการช่วยเสริมพัฒนาการเช่นกัน และยิ่งอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่แรกเกิด เด็กก็จะมีโอกาสพัฒนาการมากกว่า”
       
       รศ.พญ.นิชรา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ไม่ค่อยนิยมซื้อหนังสือสำหรับเพราะมีราคาแพง และหนังสือสำหรับเด็กที่ไทยทำเองนั้นหายากมาก ส่วนใหญ่เป็นหนังสือสำหรับเด็กแบบแปลภาษา หากจะทำให้พ่อแม่อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่เล็ก มองว่ากรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ควรฟื้นโครงการหนังสือเล่มแรกสำหรับเด็กแรกเกิดให้กลับมาอีกครั้งก็จะสามารถช่วยแก้ปัญหาการอ่านน้อย และช่วยวางรากฐานการเรียนรู้ให้แก่เด็กได้ นอกจากนี้ อยากสนับสนุนให้คนไทยซื้อหนังสือให้แก่กัน เพื่อสนับสนุนการอ่าน อย่างปีใหม่หากซื้อหนังสือเป็นของขวัญให้กันได้ก็ถือเป็นเรื่องดี



        ขณะที่ นางศกุนตลา สุขสมัย รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา (สวก.) สพฐ. ให้ความเห็นว่า ปัจจัยที่คนไม่อ่านหนังสือค่อนข้างซับซ้อน อย่างที่ระบุว่าหนังสือราคาแพง คนไม่มีเงินซื้อหนังสือจึงทำให้คนไม่ซื้อหนังสืออ่านนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าหากหนังสือราคาถูกลง คนมีเงินจะซื้อหนังสือ ก็จะซื้อหนังสือมาอ่าน ประเด็นสำคัญคือจะต้องทำให้คนเห็นความสำคัญของการอ่านก่อน ซื้อหนังสือให้เป็นของขวัญ ชวนให้คนอยากอ่าน ส่วนในกลุ่มเด็กนักเรียนที่ผ่านมาจะมองว่าการอ่านหนังสือคืออ่านหนังสือสอบ เข้าห้องสมุดเพื่อหาความรู้ และห้องสมุดก็ไม่มีหนังสือที่เขาสนใจจะอ่าน สพฐ.ได้พยายามปรับห้องสมุดของโรงเรียนในสังกัดใหม่ โดยทำให้โรงเรียนเห็นความสำคัญในการทำให้นักเรียนเข้าห้องสมุด จัดทำห้องสมุดให้เด็กสนใจเข้าไปอ่าน มีหนังสือที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังต้องเดินหน้าการส่งเสริมการอ่านควบคู่ไปด้วย รวมถึงอาจหาต้นแบบของบุคคลที่เป็นแรงบันดาลมาช่วยส่งเสริมให้เด็กอยากอ่าน ก็จะสามารถช่วยให้เด็กนักเรียนอ่านหนังสือมากขึ้นได้
       
       ปัญหาการอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ และอ่านน้อย ถือเป็นวิกฤตใหญ่ที่ประเทศไทยต้องเร่งแก้ไข ก่อนที่ศักยภาพของคนไทยจะด้อยลง ที่สำคัญการเพิ่มปริมาณการอ่านหรือคนอ่านให้มากขึ้นไม่ใช่เพียงปัจจัยเดียวที่ต้องคำนึงถึง แต่การอ่านอย่างมีคุณภาพก็ต้องพัฒนาควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะการอ่านไม่ละเอียด และจับใจความสำคัญไม่ได้ จนกลายเป็นประเด็นดรามากันอยู่เนืองๆ บนโลกโซเชียล


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9590000000019
11862  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ธรรมนำทางปีใหม่ สุขๆทุกข์ๆอยู่ที่เรา เมื่อ: มกราคม 02, 2016, 08:35:03 pm


ธรรมนำทางปีใหม่ สุขๆทุกข์ๆอยู่ที่เรา

ปีใหม่ 2559 ใกล้มาถึงแล้วอย่างเป็น ทางการ เป็นความใหม่...ความสดใสที่ทุกคนต่างได้รับกันอย่างถ้วนหน้า เป็นปีที่ลงท้ายด้วยเลขเก้าซึ่งหลายคนมีความเชื่อ...มั่นใจว่าจะก้าวย่าง ก้าวเดิน สร้างความมั่นคง ความเจริญก้าวหน้าให้กับชีวิต สร้างสิ่งที่ดีงามให้เกิดขึ้นกับผู้คนในสังคม ชาติบ้านเมือง

“ปีใหม่” จึงเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ใหม่ เป็นปีแห่งความหวังว่าจะได้พบแต่สิ่งที่ดีเพราะอะไรก็ใหม่ด้วยกันทั้งนั้น แต่ความหวังนั้นจะเป็นจริงมากน้อยเพียงใด ก็อยู่ที่การคิด การพูด และการกระทำของเราเป็นที่ตั้ง ทุกสิ่ง...ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ ล้วนมีเหตุและผลสอดคล้องกันไป



เหตุดีผลก็จะดีติดตามมา “เหตุ”...ไม่ดี “ผล”...ก็จะไม่ดีติดตามมา ล้วนส่งผลกระทบกันเป็นลูกโซ่ทั้ง “ด้านดี” และ “ด้านไม่ดี” ให้คิดง่ายๆแบบสบายๆใจก็คือตัวเราได้พบกับปีใหม่ 2559 กันแล้ว

พระมหาสมัย จินฺตโฆสโก เลขานุการมูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางไส้ไก่ เขตธนบุรี กทม. บอกว่า ชีวิตของคนเราต่างมีขึ้นมีลง เจริญรุ่งเรือง ตกต่ำลงมาสุดที่ชีวิตจะรับได้ ดีใจ เสียใจ ได้พบความสุข ได้สัมผัสกับความทุกข์ ได้รับการสรรเสริญเยินยอจากผู้คนในสังคม ได้รับการติฉินนินทาสาปแช่งจากผู้คนในสังคม

เหล่านี้...ย่อมเกิดกับทุกคน ทุกชีวิต แตกต่างกันเพียงว่าใครได้รับส่วนใดมากน้อยที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้น ได้รับสิ่งที่พึงปรารถนาก็มีความสุข ได้รับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาก็มีความทุกข์

ใจของเราเท่านั้นที่จะบังคับมิให้ลุ่มหลงไปกับ “โลกธรรม” คือ “ธรรมะที่อยู่คู่กับโลก”

ถ้าตกต่ำก็สามารถกำหนดได้ด้วยใจมิให้ท้อแท้ เบื่อหน่าย หมด อาลัยตายอยาก...ตรงกันข้ามถ้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก็สามารถใช้ใจให้กำหนดรู้แล้วไม่ลุ่มหลง ไม่ลืมตัว ไม่ลืมความเป็นจริงของตนเอง ดังนั้น...คนที่มีธรรมะครองใจอย่างเสมอต้นเสมอปลาย รู้จักใช้ธรรมะส่องนำชีวิตย่อมใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข



“ทุกชีวิตที่เกิดมาล้วนต้องการความสุข...เกลียดความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อเราเกิดขึ้นมาแล้วเช่นนี้ก็อย่าได้มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรง ทำลายล้างผลาญผู้อื่น ขอให้มีความเมตตาปรานี รู้จักช่วยเหลือเอื้อเฟื้อคนอื่น

...เราไม่ได้ให้วัตถุสิ่งของก็ขอให้ด้วยใจ ให้ความเมตตา ให้ความ ปรารถนาดี ให้ความหวังดี ให้อภัยแก่คนที่เคยกระทำผิด ให้อภัยแก่ผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญา สิ่งที่ดีงามอันเกิดจากตัวเราที่มีอยู่ก็ขอให้หยิบยื่นให้กับผู้อื่นให้มากที่สุด”

คนที่ยิ่งให้ก็ยิ่งได้ คนที่ให้ความเมตตาก็จะยิ่งมีเมตตาสูง คนที่ให้โอกาสคนอื่นก็ย่อมจะมีโอกาสได้ทำความดีมากขึ้นและคนที่ให้อภัยคนอื่นก็ย่อมเป็นคนมองโลกในแง่งาม เป็นคนที่สร้างสังคมให้เกิดความเมตตา มองเห็นชีวิตของคนอื่นก็มีค่าเหมือนกับชีวิตของตนเอง...

การที่คนเราจะอยู่ร่วมกันในครอบครัว ในชุมชน ในหมู่บ้าน ในสังคมและในประเทศชาติได้อย่างมีความสุขได้ก็ล้วนแต่ทุกคนส่งความหวังใหม่ ความปรารถนาดีให้ซึ่งกันและกัน ไม่จองเวรซึ่งกันและกัน ไม่ข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่าหรือคนที่ด้อยโอกาสกว่า ไม่เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน แบ่งปันกันทำมาเลี้ยงชีพ

 :25: :25: :25: :25:

“อย่าเห็นแก่ตัว อย่ากอบโกยเอาผลประโยชน์เพื่อตนเองหรือพวกพ้องของตนเอง จงเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง แล้วตัวเรา...

ธุรกิจของเราจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้อื่น...ส่วนรวม สุดท้ายชีวิตของเราก็จะไม่ถูกตรวจสอบ ไม่ถูกเบียดเบียนเพียงเพราะเกิดจากการรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเรานี่เอง”

การเลี้ยงดูสมาชิกในครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้า “สถาบันครอบครัวอบอุ่น” มีความสุขแล้ว ความสุข...ความมั่นคงของสังคมก็ย่อมจะติดตามมา แต่ถ้าภายในครอบครัวมีแต่ปัญหาขาดความรักความอบอุ่น มีแต่ความขัดแย้งจนไม่มีที่สิ้นสุดเสียแล้ว ก็อย่าหวังเลยว่าความสงบสุขในครอบครัวจะเกิดขึ้น



รวมถึงจะกลายเป็นผลร้ายต่อสังคม ประเทศชาติในที่สุด ดังนั้นต้องเริ่มต้นที่...“ครอบครัว” ขอให้ผู้คนในครอบครัวให้ความเคารพให้เกียรติ ไว้วางใจซึ่งกันและกัน...รู้จักลดราวาศอก ฝ่ายหนึ่งแรงมาก็อย่าได้แรงตอบ

สักวันหนึ่งการรู้จักโอนอ่อนผ่อนตามจะกลายเป็นอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ “ความรุนแรง”...ไม่เคยก่อให้เกิดความสงบสุขขึ้นมาได้เลย แต่ความเมตตาปรานีนี่เองที่จะก่อให้เกิดความสงบสุขและความเยือกเย็นกับชีวิตดังโบราณที่ว่า “สงบกายสุขใจ สงบใจสุขทั้งชีวิต”

“ศาสนา” เกิดขึ้นจาก “ความกลัว” ของมนุษย์ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟไหม้ ฟ้าผ่า เกิดลมพายุพัดพังเสียหาย จึงต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น บางทีก็เป็นรูปธรรม บางทีก็เป็นนามธรรม ในที่สุดจึงเกิดศาสดาของลัทธิตามความเชื่อและความศรัทธาต่างๆขึ้นมากมาย จนเกิดการแนะนำพร่ำสอน เกิดคำสอน เกิดผู้ที่มีความเชื่อแล้วปฏิบัติตามกลายเป็นลูกโซ่กันไป ในที่สุดจึงกลายเป็น “ศาสนาต่างๆ” ที่มีอยู่บนโลกนี้

“ทุกศาสนาล้วนสอนศิษย์และผู้นับถือให้เป็นคนดีทั้งสิ้น ส่วนวิธีการปฏิบัติอาจจะแตกต่างกันออกไปบ้างก็เป็นธรรมดา มีทั้งชนิดเคร่งครัด ชนิดปานกลางและชนิดหย่อนยาน ซึ่งวิธีปฏิบัติเหล่านั้นเราจะไปตำหนิหรือเปรียบเปรยกันไม่ได้เด็ดขาด เพราะความเชื่อความศรัทธาเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน



เมื่อเราเกิดมาได้พบศาสนา...มีศาสนาในดวงใจแล้วเช่นนี้ก็ขอให้น้อมนำเอาหลักธรรมคำสอนของศาสดาที่ได้เผยแผ่ออกมานี้นำไปประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ในครอบครัวของเรา”

พระพุทธศาสนาสอนมนุษย์ที่มีความแตกต่างกันเปรียบเสมือนดอกบัวสี่เหล่า คนที่มีความสามารถปฏิบัติธรรมได้...รักษาธรรมได้ก็ย่อมไม่เหมือนกัน บางคนปฏิบัติได้ดี...ได้มาก บางคนปฏิบัติได้น้อยก็ถือว่าตามกำลังศรัทธาของแต่ละคนไป การปฏิบัติธรรมย่อมทำได้ทุกอิริยาบถของชีวิต นับตั้งแต่ยืน เดิน นั่ง นอน ธรรมะมิใช่อยู่ภายในวัดอย่างเดียว ธรรมะอยู่ทุกแห่งหน ธรรมะไม่เลือกว่าจะเป็นคนยากดี...มีจนก็สามารถปฏิบัติ รักษากันได้ทุกชีวิต

“การฝึกตนให้มีความอดทนก็เป็นสิ่งจำเป็น การรู้จักอดทนต่อความร้อนที่แผดเผา ต่อความหิวกระหายที่เกิดขึ้น ต่อความเหนื่อยยากของหน้าที่การงาน อดทนต่อสิ่งที่ไม่ได้ดั่งใจ”

เมื่อเราผ่านพ้นกับสิ่งเลวร้ายไปแล้ว คนที่อดทนได้ย่อมมีความมั่นคงและมีความสง่างาม พระมหาสมัย บอกอีกว่า การรู้จักดำเนินชีวิตอย่างมีความเพียรพยายามก็เป็นอีกประการหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นในชีวิตประจำวัน ความเพียรในวันนี้ยังไม่สำเร็จ...วันข้างหน้าก็จงมีความเพียรต่อไป

“คนที่มีธรรมะ” มิใช่คนที่เข้าวัดรักษาศีลแต่เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ประมาท ไม่หลงงมงาย ไม่ให้กาลเวลาผ่านพ้นไปโดยเปล่าประโยชน์ คนที่มีธรรมะในดวงใจจึงเป็นคนที่สงบ เยือกเย็น มีความสุข สง่างาม คนที่อยู่ใกล้ก็พลอยได้รับไออุ่นแห่งความสุขไปด้วย

 st12 st12 st12 st12

ปีใหม่ขอจงใช้ธรรมะนำทางด้วยการใช้ชีวิตที่ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท...

ไม่ประมาทในเพศ ไม่ประมาทในวัย ไม่ประมาทในสถานะทางสังคม ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน ไม่ประมาทในการเดินทาง ไม่ประมาทในการศึกษาเล่าเรียน ไม่ประมาทในการเสพสุข ไม่ประมาทในการอุปโภคบริโภค ไม่ประมาทในการใช้อิริยาบถทั้งสี่ประการ ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต เหล่านี้ย่อมจะเป็นผลดีต่อชีวิตของเรา...

ปีใหม่ 2559 นี้ขอให้ทุกชีวิตได้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ขอให้ทำหน้าที่ของตนเองตามสถานะและกำลังที่มีอยู่นี้ให้บริบูรณ์ ขอจงใช้ธรรมนำทาง ดำเนินชีวิตอย่างสุขสมหวังตลอดทั้งปี.


ขอบคุณภาพและบทความจาก
https://www.thairath.co.th/content/555274
11863  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฝึกจิตด้วยการฟังธรรม เมื่อ: มกราคม 02, 2016, 08:30:32 pm

ฝึกจิตด้วยการฟังธรรม

สวัสดีปีใหม่ 2559 ครับ ท่านผู้อ่าน ไทยรัฐ และแฟนคอลัมน์ “ลม เปลี่ยนทิศ” ที่เคารพทุกท่าน ปีลิงปีนี้ไม่ว่าจะเป็น ลิงหนุมาน หรือ ลิงหงอคง ก็คงช่วย พระราม และ พระถังซัมจั๋ง ไม่ได้มากนัก เพราะเศรษฐกิจโลกปีนี้ยังไร้วี่แววสดใส อนาคตประเทศไทย ก็ได้ก้าวสู่โลกใหม่ “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม และคนไทยเกือบ 70 ล้านคน ก็กลายเป็น “ประชากรอาเซียน” ยังไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร

วันเสาร์สบายๆเสาร์แรกของปีนี้ ผมขอชวนท่านผู้อ่านไปคุยเรื่องธรรมะ ต้อนรับปีใหม่กันดีกว่านะครับ เป็นธรรมจากหนังสือ การปฏิบัติอบรมจิต ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่แจกในงานพระราชทานเพลิงพระศพครับ


 :25: :25: :25: :25:

การตั้งใจฟังธรรม เป็นการอบรมจิตอย่างหนึ่ง ในศาสนประวัติ มีพระพุทธสาวกจำนวนไม่น้อยที่สำเร็จมรรคผล เมื่อได้ฟังธรรมคำสั่งสอน ของ พระพุทธเจ้า เช่น พระอัญญาโกณฑัญญะ ได้ฟังปฐมเทศนาก็ได้ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรม และเมื่อ พระพุทธเจ้า แสดงพระสูตรที่ 2 ที่เรียกว่า อนัตตลักขณสูตร (เรื่องเบญจขันธ์) ก็ทำให้ พระเบญจวัคคีย์ มีจิตพ้นจากอาสวะ (กิเลสในจิต) สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้ง 5 รูป

การตั้งใจฟังธรรม จึงเป็นการปฏิบัติธรรม เป็นการอบรมจิตอย่างหนึ่ง แม้จะไปไม่ถึงธรรมดังกล่าว แต่การตั้งใจฟังธรรมก็เป็นการปฏิบัติตาม มรรค 8 ที่ย่อลงมาเป็น ศีล สมาธิ และ ปัญญา นั่นเอง

 st12 st12 st12 st12

ศีล ในการตั้งใจฟังธรรม จะต้องมีการสำรวมกาย สำรวมวาจา และสำรวมใจ

สำรวมกาย คือ กายต้องอยู่ในอาการที่สงบ ไม่หลุกหลิกกระสับกระส่าย

สำรวมวาจา คือ ต้องตั้งวิตกวิจารไปเป็นธรรม คนเราจะต้องคิดก่อนจึงพูด บางทีรู้สึกคล้ายกับว่า พูดโดยไม่คิด คือ พูดโพล่งออกไป แต่อันที่จริงต้องมีคิดนำ คือ คิดจะพูดแล้วก็พูด แต่ยังไม่ทันคิดว่า ที่จะพูดนั้นเหมาะหรือไม่เหมะอย่างไร เพราะความคิดนี้รวดเร็วมาก เมื่อจะพูดจึงต้องคิดก่อนพูด คิดที่เป็นเหตุให้พูด นี่แหละเรียกว่า “วิตกวิจาร” จะต้องคิดไปในธรรมที่ฟังเรียกว่า พูดในใจกับธรรมที่ฟัง จึงชื่อว่าสำรวมวาจา

สำรวจใจ คือ สำรวมใจให้สงบ ไม่ตั้งเจตนาหรือความจงใจไปว่า จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ จะพูดอย่างนั้นอย่างนี้ จะคิดอ่านอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งเป็นการงานต่างๆ ถ้าส่งใจไปคิดการงานต่างๆเสีย ก็ไม่สำรวมใจ ต่อเมื่อทำใจให้สงบจากเจตนาที่คิดการงานต่างๆ จึงจะชื่อว่าสำรวมใจ
การสำรวมกายวาจาใจ นับเป็นศีลที่จะต้องมีในขณะฟังธรรม


 st11 st11 st11 st11

สมาธิ จะต้องมีสมาธิในการฟังธรรม คือ ทำจิตใจให้สงบจากนิวรณ์ (สิ่งที่ขัดขวางจิตไม่ให้ก้าวไปสู่ความดี) ทั้งหลาย และตั้งใจไว้ในธรรมที่ฟัง นำธรรมที่ฟังเข้ามาสู่ใจ เปิดใจออกรับธรรมที่ฟัง ให้ธรรมที่ฟังไหลเข้ามาสู่ใจตามลำดับเสียง อักษร ภาษาที่แสดงเมื่อมีสมาธิในการฟังดั่งนี้ ก็เป็นการปฏิบัติในสมาธิ

ปัญญา จะต้องมีความรู้ที่ฉวยได้จากธรรมที่ฟัง ความรู้ที่ฉวยได้จากธรรมที่ฟังนี้ เริ่มตั้งแต่ความรู้เรื่องที่แสดง เมื่อรู้เรื่องที่แสดง ก็รู้เหตุผลที่แสดง เมื่อรู้เหตุผลที่แสดงความรู้ก็เข้าถึงสัจจะ ตามเหตุและผลตามลำดับ เหมือนการส่องดูเงาหน้าตัวเองในกระจก เงาหน้าของตนที่ปรากฏในกระจกนั้น ก็เป็นเงาหน้าในกระจก หน้าของตนเองนั้น ตนเองมองไม่เห็น ปกติตาของตนเองนั้น ได้แต่มองออกไปข้างนอก เห็นแต่ข้างนอก ไม่เห็นย้อนกลับเข้ามา จะต้องมีเครื่องมือ คือ กระจก และมองไปที่กระจก กระจกก็จะส่องหน้าของตนเองให้เงาไปปรากฏที่กระจก

 :96: :96: :96: :96: :96:

เมื่อต้องการแต่งหน้า ถ้าไปแต่งที่เงาในกระจก ก็แต่งไม่ถูกหน้า ต้องแต่งที่หน้าของตนเอง จึงจะแต่งถูกหน้า ฉันใดก็ดี ธรรมคำสั่งสอนของพระบรมศาสดา ก็เป็นเหมือนกระจกที่ส่องให้เห็นหน้าตนเอง ฉะนั้น ที่เรียกว่าปฏิบัติธรรมนั้น จักต้องมาแต่งที่ตนเอง

เมื่อปริยัติธรรมส่องให้เห็นว่า นี้เป็นทุกข์ นี้เป็นสมุทัย เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ นี้เป็นทุกขนิโรธ การดับทุกข์ นี้เป็นมรรค ทางปฏิบัติในการดับทุกข์เป็นการปฏิบัติทางปัญญาทั้งสิ้น

ปีใหม่นี้ ลองฝึกอบรมจิตด้วยการฟังธรรม อย่าง มีศีล สมาธิ และ ปัญญา ดูครับ ผมเชื่อว่าจะช่วยให้ท่านฟันฝ่าอุปสรรคที่หนักหนาสาหัสปีนี้ไปได้อย่างแน่นอน.


คอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย โดย ลม เปลี่ยนทิศ
https://www.thairath.co.th/content/556841
11864  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ลดกระแสต้าน 'ธรรมกาย' ปรับแผนเดินธุดงค์ จัดในวัดแทน เมื่อ: มกราคม 02, 2016, 08:21:11 pm



ลดกระแสต้าน 'ธรรมกาย' ปรับแผนเดินธุดงค์ จัดในวัดแทน

วัดพระธรรมกาย จัดเดินธุดงค์ธรรมยาตรา ปีที่ 5 เป็นเวลา 30 วัน ภายในบริเวณวัด หลังมีกลุ่มและเครือข่ายไม่เห็นด้วย ที่มีการเดินธุดงค์บนท้องถนน ทั้งนี้ยังมีกิจกรรมพัฒนาชุมชนในละแวกวัด เพื่อทำนุบำรุงศาสนา...

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 59 ที่วัดพระธรรมกาย อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จัดโครงการ “ธรรมยาตรา กตัญญูบูชา มหาปูชนียาจารย์ พระผู้ปราบมาร อนุสรณ์สถาน 7 แห่ง” ปีที่ 5 โดยมี พระสงฆ์จำนวน 1,131 รูป เดินธุดงค์เป็นขบวนภายในบริเวณรอบมหาธรรมกายเจดีย์ พร้อมกับมีประชาชน นักเรียน นักศึกษา โปรยดอกดาวเรือง ตามเส้นทางที่พระสงฆ์เดิน และมีกิจกรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรม ตักบาตร

พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย กล่าวว่า โครงการนี้ก็คือโครงการธรรมยาตรา กตัญญูบูชา มหาปูชนียาจารย์ พระผู้ปราบมาร อนุสรณ์สถาน 7 แห่ง” ปีที่ 5 เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2559 รวมระยะเวลา 30 วัน ซึ่งทั้งจังหวัดสุพรรณบุรี นนทบุรี นครปฐม กิจกรรมในปีนี้ ปรับรูปแบบจะไม่เดินตามท้องถนน แต่จัดในพื้นที่อนุสรณ์สถานแห่งของหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี ก็จะมีพระเดินธรรมยาตรา ในพื้นที่ของแต่ละแห่ง สวดมนต์บทธัมมจักกัปปวัตตนสูตร และเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ 2559



นอกจากนี้ก็พัฒนาวัดในชุมชนในละแวกบ้านแถวนั้น เพราะที่ผ่านมา เราก็เดินในพื้นที่ต่างๆ แล้วก็ไปพักตามจุดต่างๆ ว่ายังไม่ค่อยมีเวลาพัฒนาวัด พัฒนาชุมชนให้ความสะอาด แล้วก็ให้ญาติโยมมาปฏิบัติธรรม โดยแต่ละจุดก็จะใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน เพื่อให้ได้มาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาวัดในชุมชน และจากนั้นก็จะเดินไปตามจุดต่างๆ ครบ 30 วัน หนึ่งเดือนในปี 2559 ทั้งเดือนมกราคม การเดินธรรมยาตราในพื้นที่อนุสรณ์สถานแห่งความว่างเปล่า สมควรที่ญาติโยมสามารถมาต้อนรับได้

ทางด้าน นายคิว อรุโณรส ผู้ประสานงานพุทธศาสนิกชนคนปทุมธานี ได้กล่าวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางกลุ่มพุทธศาสนิกชนคนปทุมธานี และเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา ยังคงมีการติดตามกิจกรรมของวัดพระธรรมกาย ที่เดิมจะมีการเดินธุดงค์ธรรมชัยตามท้องถนน มาปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นโครงการ “ธรรมยาตรา กตัญญูบูชา มหาปูชนียาจารย์ พระผู้ปราบมาร อนุสรณ์สถาน 7 แห่ง” ปีที่ 5 ก็ไม่เป็นอะไรและไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่ถ้ามีการเดินธุดงค์มาตามท้องถนน กลุ่มพวกเราก็จะออกมานั่งสวดมนต์เช่นกัน


ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/557169
11865  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เสริมดวงการเงินร่ำรวยกระเป๋าตุงต้อนรับปีใหม่ 2559 เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:55:29 pm


เสริมดวงการเงินร่ำรวยกระเป๋าตุงต้อนรับปีใหม่ 2559

ปีใหม่แบบนี้ใครที่อยากถือโอกาสดีๆ เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ Sanook! Horoscope ขอแนะนำการทำบุญเสริมดวงด้านการเงินให้ร่ำรวยกันถ้วนหน้า ด้วยวิธีง่ายๆ ตามนี้เลยจ้า…

 :96: :96: :96: :96: :96:

1. ถือศีล 5 การถือศีล 5 เป็น ประจำจะช่วยเสริมดวงชะตาและจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีงาม การทำดีและไม่เบียดเบียนใครถือเป็นการทำบุญกุศลที่ได้อานิสงส์ เป็นผลให้เกิดความโชคดี และแก้เคราะห์ลดกรรมได้

2. การถือศีล 8 จะช่วยเสริมดวงและแก้เคราะห์ได้เช่นเดียวกับการถือศีล 5 แต่การถือศีล 8 นั้นปฏิบัติได้ยากยิ่ง แต่เมื่อปฏิบัติได้สำเร็จจะได้กุศลแรงนักปฏิบัติแล้วยังช่วยเสริมดวงอำนาจ บารมีได้

3. กินเจ ก็เพื่อลดละชีวิตสัตว์ ซึ่งได้อานิสงส์ผลบุญสูงและควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถ้าอธิษฐานไว้ว่า 7 วัน ก็ทำให้ครบ 7 วัน อาจตั้งจิตว่าจะทำทุกวันพระและทุกเดือน หรือปฏิบัติทุกเดือน เดือนละ 3 วัน หรือ 7 วัน เป็นต้น

4. ไหว้พระและถวายดอกไม้ ธูปเทียน รวมทั้งการปิดทองคำเปลวและเครื่องหอม ผลบุญนี้จะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง มีความเจริญก้าวหน้า

5. ถวายน้ำมันตะเกียง เพื่อความรุ่งโรจน์โชติช่วงของชีวิต เช่นเดียวกับความสว่างของแสงตะเกียง ทำให้พ้นจากความมืดมิดทั้งการดำเนินชีวิต รวมทั้งปัญหาและความคิดที่สว่างไสวไม่อับจนหนทาง



6. ถวายสังฆทาน เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยถวายสิ่งของจำเป็นแด่พระสงฆ์ อานิสงส์ผลบุญจะส่งให้ชีวิตหมดเคราะห์หมดโศก จะทำสิ่งใดก็ราบรื่นไม่ติดขัด พบแต่ความสำเร็จสมปรารถนา รวมทั้งมีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ ไม่ขัดสน

7. ไหว้พระ ไหว้บูชาเทพต่างๆ จะ ทำให้พบกับความสุข ความเจริญเกิดความสุขใจว่ามีที่พึ่งพิง ยึดเหนี่ยว นำมาซึ่งกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไปและรู้สึกเสมอว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คอยคุ้มครองเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง

8. ทำบุญปล่อยสัตว์ เป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น แต่ถือว่าได้บุญแรง จะต้องทำด้วยความตั้งใจจริง เช่น การไปซื้อสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าไปปล่อย ไถ่ชีวิตวัวควายถวายวัดเพื่อมอบให้ชาวนานำไปใช้ประโยชน์ ซื้อปลาในตลาดที่จะถูกฆ่าไปปล่อยน้ำ ผลบุญนี้ยังผลให้หมดทุกข์ หมดภัย และพบความสุขความเจริญในชีวิต

9. ทำบุญ ให้ทาน เป็นการรู้จักเสียสละตนเองและแบ่งปันให้ผู้อื่น ซึ่งผลบุญจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมีจิตใจยินดีในการทำบุญให้ทานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงพุทธศาสนา หรือการให้ทานเกื้อกูลคนยากไร้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุญส่งเสริมให้ชีวิตมีโชค มีทรัพย์ และมากด้วยบารมี



10. ทำทานแก่คนยากไร้ เป็นการทำบุญที่มาจากจิตใจอันไม่ยึดติดมีความไม่โลภ ผลบุญจึงหนุนนำให้มีแต่ความราบรื่น ยามมีเรื่องติดขัดก็จะมีผู้มาช่วยเหลือค้ำจุน ยามมีเคราะห์ภัยก็จะแคล้วคลาด เพราะแรงอนุโมทนาจิตจากผู้ยากไร้ที่ได้รับสิ่งของจากเรานั่นเอง

11. ทำบุญโลงศพ ซื้อโลงศพบริจาคศพอนาถาไร้ญาติ จะได้อานิสงส์แรงยิ่งนัก การทำบุญเช่นนี้จะช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่ง สามารถต้านเคราะห์ภัยหนักต่างๆ และผ่อนหนักเป็นเบาได้

12. พิมพ์หนังสือธรรมะแจก จัดพิมพ์เองหรือร่วมบริจาคสมทบทุนการพิมพ์กับผู้อื่นก็ได้ เป็นการเสริมดวงให้มีวาสนาบารมี เพื่อให้ปัญญาสว่าง หมดทุกข์ หมดโศก ไม่มีเคราะห์ร้ายมากล้ำกราย

13. บริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ จะช่วยให้ชีวิตราบรื่น หมดทุกข์ หมดโศก ประสบแต่ความโชคดี

14. ซื้อข้าวสารถวายวัด เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าตามสถานสงเคราะห์เป็นการสั่งสมบุญกุศล เพื่อให้ชีวิตมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์และเพียบพร้อมด้วยบารมี

15. การตักบาตรร่วมขันกับผู้อื่นหรือทำบุญร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์หรือโดยทางอื่น จะส่งผลให้เนื้อคู่ดูดี ดวงชะตาแข็งแกร่ง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และจะได้แต่เพื่อนที่ดีในชาตินี้


ขอบคุณข้อมูลจาก : huay99.blogspot.com
ที่มา http://horoscope.sanook.com/81149/
11866  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนเกิด 4 ปีชง นับหมื่นแห่เข้าวัดห้วยใหญ่ เข้าพิธีสะเดาะเคราะห์บังสุกุลเป็น-ตาย เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:51:34 pm


คนเกิด 4 ปีชง นับหมื่นแห่เข้าวัดห้วยใหญ่
เข้าพิธีสะเดาะเคราะห์บังสุกุลเป็น-ตาย เสริมดวงชะตา

วันนี้ (1 ม.ค.59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันขึ้นปีใหม่ได้มีประชาชนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่เกิดในปีชงนับหมื่นคน หลั่งไหลเดินทางเข้ามากราบสักการะอาจารย์ก้าน เกจิชื่อดังแห่งภาคตะวันออก อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมนำเครื่องสังฆทาน ผ้าไตรจีวร และพระพุทธรูปมาถวายแด่พระสงฆ์ และเข้าร่วมพิธีสวดสะเดาะเคราะห์ เสริมดวงชะตาบังสุกุลเป็น-บังสุกุลตาย และรับน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อเสริมดวงชะตา และความเป็นสิริมงคล ในช่วงปีใหม่ที่หลุดพ้นจากปีมะแม ก้าวเข้าสู่ปีวอก

พระอธิการสราวุธ จิตปัญโญ เจ้าอาวาสวัดห้วยใหญ่ เปิดเผยว่า พิธีสวดสะเดาะเคราะห์ เสริมดวง ต่อดวงชะตา บังสุกุลเป็น-ตาย ทางวัดได้กระทำพิธีดังกล่าว สืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน ตั้งแต่สมัยหลวงพ่อก้าน หรือพระครูภัทรกิจวิบูล อดีตเจ้าอาวาส ที่ได้มรณภาพไปแล้ว แต่สังขารไม่เน่าไม่เปื่อยบรรจุอยู่ในโรงแก้วบนศาลาไม้หลังเก่าที่ท่านเคยจำวัด จึงได้สานเจตนารมณ์ของท่าน ประกอบพิธีสวดสะเดาะเคราะห์บังสุกุลเป็น-ตาย เสริมดวงชะตาตามความเชื่อ ให้กับญาติโยมที่มาร่วมทำบุญทุกวัน   



ซึ่งตั้งแต่ช่วงท้ายปี 2558 เป็นต้นมา จนก้าวขึ้นสู่ปีใหม่ มีญาติโยมนับหมื่นเดินทางเข้ามาร่วมพิธีสวดสะเดาะเคราะห์บังสกุลเป็น-ตาย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนเกิด 4 ปีชง ที่ต้องการเสริมดวงชะตา ผ่อนเคราะห์จากหนักให้เป็นเบา ตามความเชื่อโบราณ

สำหรับ ปีชง 2559 การเริ่มต้นเข้าสู่ ปีชงปีวอก นับตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน หรือ วันตรุษจีน 2559 (ตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2559) มันเริ่มที่จะส่งผลกระทบต่อดวงปี 2559 ของคนที่มีปีเกิดตรงกับ ปีชง 2559 และคนที่ถือว่ามีดวงเป็นคน "ปีชง" ได้แก่ คนที่เกิดใน ปีขาล ซึ่งถือว่า "ชง 100%" เรียกได้ว่า โดนหนักสุด ๆ ได้แก่คนที่เกิดปี พ.ศ. 2469, 2481, 2493, 2505, 2517, 2529, 2541, 2553 ส่วนคนที่เกิด ปีวอก, ปีมะเส็ง, ปีกุน ถือว่าเป็นปีร่วมชง ได้แก่ คนที่เกิด พ.ศ. 2460, 2463, 2466, 2472, 2475, 2478, 2484, 2487, 2490, 2496, 2499, 2502, 2508, 2511, 2514, 2520, 2523, 2526, 2532, 2535, 2538, 2544, 2547, 2550, 2556




ตามตำราจีนบอกถึงวิธีแก้ชงได้ ด้วยการทำบุญกุศล ด้วยการบริจาค เครื่องเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค บริจาคเงินสร้างโรงพยาบาล เพื่อให้เกิดมงคลทางด้านสุขภาพ และทำการสะเดาะเคราะห์ เมื่อไปทำบุญที่วัด ปล่อยปลาหมอ 9 ตัว เต่า 1 คู่ เพื่อเป็นการถ่ายเทพลังร้ายออกจากตัวเอง และครอบครัว หรือให้ถวายสังฆทานยา ก็จะสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้


 
ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.banmuang.co.th/news/region/36053
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000000170
11867  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นักท่องเที่ยวนับหมื่นแห่ชมพระธาตุผาซ่อนแก้วเขาค้อ ขอพรพระเจ้าห้าพระองค์รับปีใหม่ เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:44:59 pm


นักท่องเที่ยวนับหมื่นแห่ชมพระธาตุผาซ่อนแก้วเขาค้อ ขอพรพระเจ้าห้าพระองค์รับปีใหม่

เมื่อวันที่ 1 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศหลั่งไหล ไปชมพระธาตุผาซ่อนแก้วเขาค้อ ที่ตั้งอยู่ หมู่ 7 บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ท่ามกลางอากาศที่กำลังเย็นสบาย ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้หลายคนมากราบสักการะขอพรพระเจ้าห้าพระองค์เพื่อให้มีความโชคดีในปี 2559

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เขาค้อ ถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี โดยวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ เป็นพระเจดีย์มีรูปทรงวิจิตรงดงาม เป็นดอกบัวที่ซ้อนกัน 7 ชั้น ประดับด้วยกระเบื้องสีสันสดใส ถ้วยชามเบญจรงค์ มุก ลูกปัด แก้ว แหวน เงินทอง สิ่งมีค่าและเซรามิคหลากสีสัน  เป็นสถานที่อันสวยงามและศักดิ์สิทธิ์ควรค่าแก่การไปเยือน

 นอกจากนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธเจ้า 5 พระองค์” พระพุทธรูปสีขาวซ้อนกัน 5 องค์ มีความใหญ่โตโอ่อ่า ทำให้เกิดภาพอันงดงามแบบหาที่ไหนไม่ได้ ด้วยทัศนียภาพรอบด้านเต็มไปด้วยขุนเขาและเมฆหมอก




ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1451659663
11868  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / “เจ้าคุณวีรยุทธ” นำสวดมนต์ข้ามปี 2 แผ่นดิน ณ วัดไทยพุทธคยา เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:41:42 pm


“เจ้าคุณวีรยุทธ” นำสวดมนต์ข้ามปี 2 แผ่นดิน ณ วัดไทยพุทธคยา

พระเทพโพธิวิเทศ (วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูตไทย สายอินเดีย-เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา ประเทศอินเดีย ในฐานะประธานนำสวดมนต์ข้ามปี ณ อุโบสถวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย เปิดเผยว่า การสวดเจริญพระพุทธมนต์และสวดมนต์ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หรือสวดมนต์ข้ามปีสองแผ่นดิน จากพุทธภูมิสู่สุวรรณภูมิ มีพระธุดงค์ตามโครงการเดินตามรอยบาทพระศาสดา รุ่นที่ 3 จำนวน 120 รูป และพระสงฆ์จากวัดต่างๆ อีก 40 รูป ร่วมกันสวดมนต์ข้ามปี ตามเวลาท้องถิ่น 22.00-24.00 น. โดยเมื่อสิ้นเสียงสวดมนต์แล้ว หลวงพ่อไพโรจน์ ยานพลโพธิ ได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลใก้แก่พุทธศาสนิกชนที่ร่วมพิธี จากนั้นได้ร่วมกันจุดเทียนเพื่อเพิ่มแสงสว่างนำพาชีวิตและครอบครัวให้ได้รับความสุขความเจริญรุ่งเรืองตลอดปีใหม่

"เพื่อเป็นเครื่องช่วยเตือนสติแก่พุทธศาสนิกชนที่ได้เดินทางมาร่วมสวดมนต์ข้ามปีถึงดินแดนพุทธภูมิ จึงขอให้เป็นผู้มีชีวิตใหม่ เป็นคนใหม่ ให้ได้รับแต่สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในชีวิต" พระเทพโพธิวิเทศกล่าว




ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451641465
11869  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กระแสแรง!! ชาวไทยพุทธเด็ก-ผู้ใหญ่ หันสวดมนต์ข้ามปีพุ่งสูง 18 ล้านคน เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:37:56 pm


กระแสแรง!! ชาวไทยพุทธเด็ก-ผู้ใหญ่ หันสวดมนต์ข้ามปีพุ่งสูง 18 ล้านคน

พุทธศาสนิกชน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ร่วมสวดมนต์ข้ามปี 18 กว่าล้านคน เพิ่มจากปีก่อนหน้า 1.2 ล้านคน ทั่วประเทศพร้อมใจจัด ไม่เพียงแค่วัด ยังมีอุทยานแห่งชาติหลายแห่งเข้าร่วม นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต...

เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 59 พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยข้อมูลวัดและสถานที่จัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่าวิถีไทยต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ 2559 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2558 ที่ผ่านมา ว่า มีจำนวน 22,967 แห่ง มีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมทั้งสิ้น 18,277,524 คน ซึ่งเมื่อเทียบกับสถิติผู้เข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ปี 2557 มีจำนวน 17 ล้านคน เพิ่มมากขึ้น กว่า 1.2 ล้านคน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตในโอกาสขึ้นปีใหม่แบบวิถีชาวพุทธ


 :25: :25: :25: :25:

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากทุกหน่วยงานทุกกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนเห็นได้จากสถานที่จัดสวดมนต์ข้ามปี อาทิ วัด สถานปฏิบัติธรรม สำนักสงฆ์ สถานที่อันเป็นมงคล หน่วยงานต่างๆ ทั้งในกรุงเทพมหานครและส่วนภูมิภาค 76 จังหวัด รวมไปถึงอุทยานแห่งชาติที่มีนักท่องเที่ยวสนใจร่วมกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี อาทิ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์ และอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จ.กาญจนบุรี

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม “สวดมนต์อาเซียน” 14 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก เลย หนองคาย บึงกาฬ มุกดาหาร นครพนม อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สระแก้ว สุรินทร์ ระนอง และสงขลา รวมถึงมีพี่น้องชาวไทยที่นับถือศาสนาคริสต์ และซิกข์ จัดกิจกรรมอธิษฐานขอพรและสวดมนต์ตามศาสนาของตนเอง


ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/556976
11870  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สวัสดี ปีใหม่ พ.ศ. 2559 ( แก่เพิ่มแล้วอีกปี ) เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:33:04 am


st12 st12 st12
11871  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: นักท่องเที่ยวแห่ทำบุญ จ.หนองคาย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แน่นวัดโพธิ์ชัย เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:30:29 am
ประชาชนและนักท่องเที่ยวแห่ไปไหว้พระ ทำบุญในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แน่นทุกวัดในจังหวัดหนองคาย

หนองคาย-ประชาชนและนักท่องเที่ยวแห่ไปไหว้พระ ทำบุญในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แน่นทุกวัดในจังหวัดหนองคาย

วันที่ 31 ธันวาคม 2558 บรรยากาศการทำบุญตามวัดต่างๆในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ของ จ.หนองคาย ตลอดทั้งวันมีประชาชนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวจำนวนมาก เพื่อไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ใน จ.หนองคาย เพื่อความเป็นสิริมงคล ทำให้การจราจรถนนหน้าทางเข้าวัดติดขัดอย่างหนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องออกมาอำนวยความสะดวกการจราจรตลอดเวลา


 :25: :25: :25: :25:

เช่น ที่วัดโพธิ์ชัย (พระอารามหลวง) อ.เมืองหนองคาย มีประชาชน และนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ เดินทางเข้ามากราบไหว้หลวงพ่อพระใส พระคู่เมืองหนองคาย พร้อมร่วมไหว้พระ ทำบุญ จำนวนมาก อธิษฐานขอพรให้ประสบแต่สิ่งดีๆ ในปีใหม่

เช่นเดียวกับที่ วัดศรีชมภูองค์ตื้อ ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ ประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางเข้ามากราบไหว้ หลวงพ่อพระเจ้าองค์ตื้อ (หลวงพ่อวัดน้ำโมง) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์ใหญ่ กันจนแน่นขนัด

ทั้งนี้ ที่วัดอรัญบรรพต วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ ก็มีประชาชนจำนวนมาก แห่เดินทางไหว้พระทำบุญทิ้งท้ายปีเก่าคึกคักเช่นกัน













ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://nongkhainewsonline.blogspot.com/2015/12/blog-post_78.html
11872  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นักท่องเที่ยวแห่ทำบุญ จ.หนองคาย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แน่นวัดโพธิ์ชัย เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:20:59 am


นักท่องเที่ยวแห่ทำบุญ จ.หนองคาย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แน่นวัดโพธิ์ชัย

พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและลาว แห่ทำบุญกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อพระใส เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิตในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ก่อนร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปี ถวายเป็นพระราชกุศล และส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ อย่างยิ่งใหญ่

วันที่ 31 ธ.ค. 58 ที่วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง อ.เมือง จ.หนองคาย บรรดาพุทธศาสนิกชนชาวไทยและลาว แห่ทำบุญกราบไหว้ขอพรจากหลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวไทยและลาว แน่วัด ก่อนจะทำบุญถวายสังฆทานพรมน้ำมนต์และผูกข้อมือ เพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต ก่อนก้าวเข้าสู่ปีใหม่



ขณะที่ทางวัดโพธิ์ชัยพระอารามหลวง ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ภายในบริเวณวัด พลับพลาหลวงพ่อพระใส และในพระอุโบสถ ด้วยการจัดทำความสะอาดและติดตั้งจอขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดพิธีสวดมนต์ข้ามปี และการส่งท้ายปีเก่าวิถีไทย ต้อนรับปีใหม่วิถีพุทธ ซึ่งปีนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานไฟพระฤกษ์ให้แก่จังหวัดหนองคาย เป็นครั้งแรก เพื่อเชิญไปจุดเทียนชัยในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ สวดมนต์ข้ามปี ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ในพระอุโบสถ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ  ซึ่งจะจัดขึ้นตั้งแต่เวลา 21.30 น.วันที่ 31 ธันวาคม 58 - ถึงเวลา 00.01 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2559 โดยมีพระธรรมมงคลรังสี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายสุชาติ นพวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

 :25: :25: :25: :25:

ซึ่งจะเริ่มจากการแสดงศิลปะ วัฒนธรรมจากโรงเรียนต่าง ๆ การแสดงโปงลาง พิธีสวดพระพุทธมนต์ การนำเสนอธรรมคีตะ แสงสี เสียง การอธิษฐานจิตส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา รับวัตถุมงคล เจิม ผูกข้อมือ พรมน้ำพระพุทธมนต์ และกราบขอพรปีใหม่องค์หลวงพ่อพระใส พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเวลา 07.00 น.วันที่ 1 มกราคม 2559 เทศบาลเมืองหนองคาย จะจัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตรปีใหม่แด่พระสงฆ์ จำนวน 59 รูป ที่ลานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ลานน้ำพุพญานาค) เพื่อเป็นสิริมงคลเนื่องในวันขึ้นปีใหม่อีกด้วย.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.banmuang.co.th/news/region/36003
11873  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวไทย - เมียนมา ชื่นมื่น ร่วมทำบุญตักบาตร 2 แผ่นดิน เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:14:06 am


ชาวไทย - เมียนมา ชื่นมื่น ร่วมทำบุญตักบาตร 2 แผ่นดิน

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่  31 ธ.ค.58 ที่บริเวณจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมือง ประจวบคีรีขันธ์ นายทวี นริสศิริกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นาย อูโซวิน นายอำเภอมูด่อง จ.มะริด สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พร้อมกับหัวหน้าส่วนราชการ ประชาชนชาวไทยและชาวเมียนมากว่า 500 คน ร่วมประเพณีทำบุญตักบาตร 2 แผ่นดิน แด่พระภิกษุสามเณรไทย-เมียนมา รวมจำนวน 269 รูป เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ และเสริมสิริมงคลในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

โดยพระภิกษุสามเณรไทย-เมียนมา ได้บิณฑบาตตั้งแต่บริเวณซุ้มประตูทางเข้าด่านสิงขรเพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งแต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองร่วมกันทำบุญด้วยข้าวารอาหารแห้ง สร้างความประทับใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ร่วมกิจกรรมเป็นอย่างมาก


 :25: :25: :25: :25: :25:

จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ร่วมกับ นายอำเภอมูด่อง ทำพิธีเปิดประตูเมืองด่านสิงขร หลังการสถาปนาความสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้องระหว่างกัน และมีการจัดกิจกรรมสานสมพันธ์ทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งปัจจุบันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำลังเร่งพัฒนาปรับปรุงด่านสิงขรเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับทางฝั่งเมียนมาที่กำลังมีการปรับปรุงเส้นทาง 180 กม.จาก จ.มะริดมาถึงด่านสิงขร.


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.banmuang.co.th/news/region/36004
11874  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ปี 59 ปฏิรูปจุดอ่อนสงฆ์ ฟื้นศรัทธาชาวพุทธ เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 10:03:16 am



ปี 59 ปฏิรูปจุดอ่อนสงฆ์ ฟื้นศรัทธาชาวพุทธ

’สิ่งที่บุคคลปรารถนา ประสงค์จะได้ในโลกนี้ 3 ประการ คือ 1. อายุยืน 2. มีทรัพย์สมบัติมาก และ 3. มีปัญญาเฉียบแหลม ดังนั้น ขอท่านทั้งหลายจงตั้งใจรักษาศีล 5

’สิ่งที่บุคคลปรารถนา ประสงค์จะได้ในโลกนี้ 3 ประการ คือ 1. อายุยืน 2. มีทรัพย์สมบัติมาก และ 3. มีปัญญาเฉียบแหลม ดังนั้น ขอท่านทั้งหลายจงตั้งใจรักษาศีล 5 แล้วจะได้สิ่ง 3 ประการนี้ สมปรารถนาสมดังพระบาลีใน ขุททกนิกาย อปทาน ที่ว่า

   ปญจ สีลานิ โคเปตฺวา ตโย เหตู ลภามิหํ
   ทีฆายุโก มหาโภโต ติกฺชปญฺโญ ภวามิหํ


“ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ขออำนวยอวยพร โดยอ้างอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และกุศลผลบุญที่ได้กระทำไว้ และอำนาจแห่งศีล 5 นี้ จงมาคุ้มครองปกปักรักษาให้ท่านทั้งหลายประสบสิ่งที่พึงปรารถนา พร้อมด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ ตลอดปี 2559 นี้ และตลอดไปเทอญฯ”


สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จ พระสังฆราช


 st12 st12 st12 st12

ได้รับพรอันเป็นมงคลวันปีใหม่จากผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จ พระสังฆราชกันแล้ว มาดูงานพระศาสนาในรอบปี 2558 และก้าวต่อไปในปี 2559 ของคณะสงฆ์ไทย โดยมหาเถรสมาคม (มส.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นมา มส. และ พศ. ถูกถาโถมด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมาย ทั้งการเรียกร้องให้ปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาเสียใหม่ โดยเฉพาะเสียงเรียกร้องเกี่ยวกับการจัดการพระนอกรีตที่พุทธศาสนิกชนบางส่วนมองว่า การจัดการของคณะสงฆ์ยังไม่เด็ดขาด รวมถึงการทำงานของ พศ.เองก็ดูจะช้าไม่ทันท่วงที

การระดมความคิดเห็นคณะสงฆ์ และผู้เกี่ยวข้องในการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งในปี 2559 ที่จะถึงนี้ เราชาวพุทธคงจะได้เห็นข้อสรุปของปัญหารวมถึงมาตรการที่ต้องดำเนินการแก้ไขออกมา ไม่เพียงเท่านั้น กระแสศรัทธาในพระสงฆ์ยังดูลดลงอย่างต่อเนื่อง จากการที่พระสงฆ์บางรูปสะสมความร่ำรวย เน้นปลุกเสกเครื่องรางของขลัง อวดอุตริมนุสธรรม ส่งผลให้พุทธศาสนิกชนเกิดความเบื่อหน่าย ขณะที่พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ที่ยังมีอีกเป็นจำนวนมาก กลับถูกละเลย เนื่องจากคณะสงฆ์ขาดการประชาสัมพันธ์ให้สังคมได้รับรู้

 :25: :25: :25: :25:

ปัญหาอีกประการหนึ่งที่ต้องยอมรับความจริงว่า ชาวพุทธบางส่วนในบ้านเรา มองภิกษุสงฆ์ว่าต้องเป็น พระอรหันต์ ไม่มีความรัก โลภ โกรธ หลง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ภิกษุสงฆ์จำนวนมากยังเป็นแค่สมมุติสงฆ์ หมายถึงบุคคลที่เพียงแค่ผ่านการอุปสมบทซึ่งเป็นพิธีกรรม ที่ยอมรับในสังคม โดยไม่ได้คำนึงถึงสภาพที่แท้จริงว่ายังไม่ได้บรรลุมรรคผลใด ๆ จึงยังสามารถมีการกระทำผิดได้ เพราะยังมีรัก โลภ โกรธ หลงอยู่ จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกันใหม่

เรื่องความเข้าใจในพระธรรมวินัยจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อสังคมปัจจุบัน มักจะพิพากษากันผ่านโลกออนไลน์ โดยไม่ได้มองข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ดังนั้นหากชาวพุทธมีความรู้ในพระธรรมวินัยแล้ว เมื่อมาบวชก็จะสามารถประคองตนให้อยู่ในศีลได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันเมื่ออยู่ในเพศฆราวาส หรือเป็นพุทธบริษัท เมื่อเห็นภิกษุสงฆ์กระทำผิด ที่ไม่ใช่อาบัติหนัก คือ ปาราชิก 4 ก็จะไม่หวั่นไหวสั่นคลอนจนเกิดวิกฤติศรัทธาต่อภิกษุสงฆ์ สามเณร และพระพุทธศาสนาโดยภาพรวมได้


 :96: :96: :96: :96:

อีกประการหนึ่ง ที่กำลังเป็นผลกระทบต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา คือ ทุกวันนี้พุทธศาสนิกชนจำนวนมากมองวัดเป็นเพียงผู้รับ ไม่ใช่ผู้ให้เหมือนในอดีต อย่างกรณีคนตายที่ยากไร้อาจไม่สามารถจัดงานศพได้ กลายเป็นรูปแบบธุรกิจ ไม่ได้เป็นที่พึ่งให้แก่คนทุกข์ยากเหมือนในอดีต

นี่คือตัวอย่างของจุดอ่อนที่ทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาต่อวัดและภิกษุสงฆ์ ซึ่งชาวพุทธอย่างเรา ๆ หวังว่า ในปี 2559 ซึ่งจะเป็นปีแห่งการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของวัดและคณะสงฆ์ ในการเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณที่ถูกต้องตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา ที่สำคัญในปี 2559 นี้ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ยังมีดำริเดินหน้าส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนรักษาศีล 5 เข้มข้นขึ้น ซึ่งคณะสงฆ์และ พศ.ต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อคิดหาแนวทางว่า จะทำอย่างไรพุทธศาสนิกชนจึงจะนำหลักศีล 5 ไปสู่การปฏิบัติมากขึ้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำพูด ลอย ๆ เท่านั้น


 ans1 ans1 ans1 ans1

อย่างไรก็ตามงานพระพุทธศาสนาจะดีไม่ได้ หากขาดพุทธบริษัท ที่ดีคอยสนับสนุน ดังนั้นในวารดิถีขึ้นปีใหม่ 2559 นี้ ทีมข่าวศาสนาขอหยิบยกกฎ 3 ข้อในหนังสือธรรมนูญชีวิต โดยพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ที่ พศ.ได้จัดพิมพ์ขึ้นมาเป็นเครื่องเตือนใจชาวพุทธได้ใช้ดำเนินชีวิต และทำหน้าที่พุทธบริษัทที่ดี

    โดยกฎ 1 เว้นชั่ว 14 ประการ เว้นกรรมกิเลส 4 คือ ไม่ทำร้ายร่างกายชีวิต ไม่ลักทรัพย์ละเมิดกรรมสิทธิ์ ไม่ประพฤติผิดทางเพศ ไม่พูดเท็จโกหกหลอกลวง
    เว้นอคติ 4 คือ ไม่ลำเอียงเพราะชอบ ชัง ขลาด และเขลา
    เว้นอบายมุข 6 คือ ไม่เสพติดสุรายาเมา ไม่เอาแต่เที่ยวไม่รู้เวลา ไม่จ้องหาแต่รายการบันเทิง ไม่เหลิงไปหาการพนัน ไม่พัวพันมั่วสุมมิตรชั่ว และไม่มัวจมอยู่ในความเกียจคร้าน

    กฎ 2 เตรียมทุนชีวิต 2 ด้าน คือ เลือกสรรคนที่จะเสวนา หมายถึง
    1. รู้ทันมิตรเทียม หรือศัตรูผู้มาในร่างมิตร
    2. รู้ถึงมิตรแท้ หรือมิตรด้วยใจจริง

    กฎ 3 รักษาความสัมพันธ์ 6 ทิศ คือ
    1. พึงเคารพบิดามารดา
    2. เคารพนับถือครูอาจารย์
    3. สามีพึงให้เกียรติบำรุงภรรยา และภรรยาอนุเคราะห์สามี
    4. พึงปฏิบัติต่อมิตรสหาย
    5. พึงบำรุงคนรับใช้และคนงาน และ
    6. พุทธศาสนิกชนพึงแสดงความเคารพนับถือพระสงฆ์

เมื่อนำแนวทางดังกล่าวนี้มาปรับใช้ เชื่อว่า ทุกท่านจะประสบสิ่งที่เป็นมงคลตลอดปี 2559.


     ทีมข่าวศาสนา

ขอบคุณบทความจาก : http://www.dailynews.co.th/education/370327
11875  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วธ.-ขสมก. จัด "ไหว้พระ 9 วัด" สืบสิริสวัสดิ์ 9 รัชกาล พร้อมจัดรถปรับอากาศ 16 คัน เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 09:47:49 am

วธ.-ขสมก. จัด "ไหว้พระ 9 วัด" สืบสิริสวัสดิ์ 9 รัชกาล
พร้อมจัดรถปรับอากาศ 16 คัน รับส่งฟรี ไหว้พระปีใหม่ 31 ธ.ค. – 3 ม.ค.

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กล่าวเป็นประธานเปิดกิจกรรมไหว้พระ 9 วัด สืบสิริสวัสดิ์ 9 รัชกาล สืบสาน วิถีถิ่น วิถีไทย ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลไทย นำความเป็นไทยสู่ใจประชาชน พ.ศ. 2559 ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางแสวงบุญในมิติทางศาสนาว่า วธ. โดยกรมการศาสนา (ศน.) ได้ร่วมกับองค์กรเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเกิดความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อบุรพมหากษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์ที่ทรงเลื่อมใสและอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา เกิดความภาคภูมิใจในสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม–3 มกราคม 2559 ณ วัดประจำรัชกาล 9 วัด ได้แก่

รัชกาลที่ 1 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร รัชกาลที่ 2 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร รัชกาลที่ 3 วัดราชโอรสาราม รัชกาลที่ 4 วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม รัชกาลที่ 5 วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม รัชกาลที่ 6 วัดบวรนิเวศวิหาร รัชกาลที่ 7 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม รัชกาลที่ 8 วัดสุทัศนเทพวรารามวรมหาวิหาร และรัชกาลที่ 9 วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก

 

นายวีระกล่าวต่อว่า การไหว้พระ 9 วัด เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงธรรมะให้กับพุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ที่ถือว่าเป็นมงคลที่ต้องกระทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อสร้างบุญบารมี ให้ชีวิตและครอบครัว ให้ประสบความสุข ความเจริญรุ่งเรืองในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

ซึ่ง วธ. มีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความเลื่อมใสศรัทธานี้โดยให้ประชาชนได้เข้าวัดใกล้ชิดพระพุทธศาสนา ได้ไปสักการะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำบุญตักบาตร ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ ฟังพระธรรมเทศนา สืบสานวิถีพุทธ เรียนรู้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน กระตุ้นให้เกิดความรัก ความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาโดยให้รู้จักใช้หลักธรรมมาเป็นรากฐานสำคัญของชีวิต นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ชมทัศนียภาพสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมที่ช่างศิลป์บรรจงสร้างอย่างประณีต สวยงามมีคุณค่า เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา



"วธ. ได้ขอความร่วมมือกับ ขสมก. ให้บริการรถโดยสาร รับ- ส่งบริการพุทธศาสนิกชนที่ไปไหว้พระตามวัดเป้าหมาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งวิ่งรับ-ส่ง ผ่านหน้าวัดทุกๆ 30 นาที ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. จำนวน 16 คัน พร้อมกันนี้จะมีจิตอาสาทำหน้าที่ต้อนรับ ให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชนที่ไปไหว้พระในแต่ละวัดและแนะนำสถานที่สำคัญของวัด

สอบถามรายละเอียดได้ที่ศูนย์ประสานงานกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี 2559 ณ ห้องประชุมกรมการศาสนา ชั้น 16 โทร.0-2446-8182 และ 09-2446-8739, 09-2446-8038  ตลอด 24 ชั่วโมง" นายวีระกล่าว


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451546666
11876  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ตะลึง.! พบพุทธรูปสำริดอายุ 500 ปี ซ่อนอยู่ในพุทธรูปปูนเก่าแก่ เมืองสุโขทัย เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 09:14:32 am


ตะลึง.! พบพุทธรูปสำริดอายุ 500 ปี ซ่อนอยู่ในพุทธรูปปูนเก่าแก่ เมืองสุโขทัย

  เมื่อวันที่  31 ธ.ค.วัดตระพังทอง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัย มีการพบพระพุทธรูปสำริดเก่าแก่กว่า 500 ปี ซ่อนอยู่ในองค์พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 30 นิ้ว สูง 38 นิ้ว ลักษณะอ่อนช้อยงดงามตามแบบสุโขทัย สร้างความตื่นเต้นดีใจแก่ชาวบ้านที่ทราบข่าวอย่างมาก

   พระมหาดำรงค์  สนฺตจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดตระพังทอง เปิดเผยว่า พระพุทธรูปสำริดองค์ดังกล่าวทางคณะกรรมการวัดเจอโดยบังเอิญ ขณะกำลังช่วยกันเตรียมงานสวดมนต์ข้ามปี แล้วสังเกตเห็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ที่ประดิษฐานอยู่ในหอสวดมนต์ 700 ปี มีรอยแตกร้าวหลายแห่ง และที่ด้านหลังมีรอยแตกกะเทาะจนเห็นเนื้อในเป็นสำริด



  เมื่อแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานเกี่ยวข้องมาตรวจสอบ ก็พบว่าภายในองค์พระพุทธรูปปูนปั้นนี้ เป็นพระพุทธรูปสำริดโบราณช่วงพุทธศตวรรษที่ 19 อายุเก่าแก่กว่า 500 ปี จึงเตรียมที่จะบูรณะซ่อมแซม เพื่อนำไปประดิษฐานที่โบสถ์เก่า บริเวณเกาะกลางน้ำวัดตระพังทอง ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาต่อไป

 ทั้งนี้ วัดตระพังทองเป็นวัดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าลิไท เมื่อปี พ.ศ. 1903 และเป็นสถานที่เก็บรวบรวมพระพุทธรูป และศิลปวัตถุโบราณ มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ต่อมาพระราชประสิทธิคุณ (ทิม ยสทินฺโน) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัยได้บูรณะวัดตระพังทองเมื่อปี พ.ศ. 2470 เพื่อใช้เป็นสถานที่รวบรวมวัตถุโบราณ ก่อนจะส่งไปซ่อมแซม หรือเก็บรักษายังที่ปลอดภัยต่อไป


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1451570928
11877  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ประชาชนแห่กราบพระขอพร"พระพุทธชินราช" เป็นสิริมงคลวันส่งท้ายปีเก่า เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 09:10:37 am


ประชาชนแห่กราบพระขอพร"พระพุทธชินราช" เป็นสิริมงคลวันส่งท้ายปีเก่า

  เมื่อวันที่  31 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่เมืองพิษณุโลก มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ากราบขอพรพระพุทธชินราช พระพุทธรูปที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในประเทศไทย โดยตลอดทั้งวันประชาชนจะเดินทางนำดอกไม้ธูปเทียน และแผ่นทองคำเปลว มากราบไหว้พระพุทธชินราชองค์จำลองที่อยู่ด้านหน้าวิหาร ก่อนจะเข้าไปกราบนมัสการองค์จริงที่อยู่ภายในวิหาร โดยพระพุทธชินราช ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดพิษณุโลก เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันส่งท้ายปีเก่า รับปีใหม่


   นอกจากนี้ประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมทำบุญตักบาตรพระประจำวัน ถวายสังฆทานแด่พระภิกษุสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งวันนี้มีประชาชนเริ่มทยอยเดินทางมาเป็นจำนวนมาก และคาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกโดยเฉพาะในช่วงวันส่งท้ายปีเก่า และต้อนรับปีใหม่  โดยจะร่วมสวดพระพุทธมนต์ข้ามปี ตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จนข้ามไปสู่วันใหม่


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1451547835
11878  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / วัดอรุณฯ แจง ′ภาพเลเซอร์องค์พระปรางค์′ แค่การซ้อม หลังโดนวิจารณ์ยับไม่เหมาะสม เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 09:05:25 am


วัดอรุณฯ แจง ′ภาพเลเซอร์องค์พระปรางค์′ แค่การซ้อม หลังโดนวิจารณ์ยับไม่เหมาะสม

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พระศากยปุติยวงศ์(ต่อศักดิ์ สุนฺทรวาที) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การจัดงานเคาต์ดาวน์วัดอรุณฯ โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ยิงแสงไฟและแสงเลเซอร์ไปที่พระปรางค์วัดอรุณฯ โดยมีบางภาพดูแล้วไม่เหมาะสม อาทิ ภาพตัวเลขอาราบิก ภาพสีฉูดฉาด เป็นต้น ซึ่งไม่เหมาะกับโบราณสถานที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา ว่า

ภาพที่ปรากฏเป็นเพียงการทดสอบโฟกัสระบบแสงสีซึ่งยังไม่ผ่านการพิจารณาจากทางวัดอรุณฯ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดงาน อย่างไรก็ตามในการซ้อมยิงแสงไฟและแสงเลเซอร์ 3 ครั้งที่ผ่านมา ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดงานได้หารือกัน เพื่อตัดบางภาพที่ไม่เหมาะสมออกไปแล้ว รวมถึงภาพที่ได้รับการวิจารณ์ด้วย

อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์ เพราะเหมือนเป็นกระจก 6 ด้าน ที่นำมาแก้ไขในส่วนที่ไม่เหมาะไม่ควร แต่การจัดงานครั้งนี้ได้เน้นส่งเสริมวิถีไทยและวิถีพุทธ เพื่อนำไปสู่สังคมโลก แม้จะมีการกระทบกระทั่งทางด้านความคิดกันบ้าง  แต่เป็นเพียงส่วนน้อย อยากให้มองสิ่งที่ได้กลับมาสู่ประเทศไทยมากกว่า 


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451550204
11879  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ไหม้กุฏิวัดกัลยาณ์ ′ชาวบ้าน-ชายฉกรรจ์′หวิดวางมวย ฮือล้อมกุฏิเจ้าอาวาส เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 09:01:26 am


ไหม้กุฏิวัดกัลยาณ์ ′ชาวบ้าน-ชายฉกรรจ์′หวิดวางมวย ฮือล้อมกุฏิเจ้าอาวาส

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 31 ธันวาคม ร.ต.ท.วริทธิ์ธร อ่อนคล้าย พนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้กุฏิพระ ในวัดกัลยาวรมหาวิหาร แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี รุดไป พร้อม พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.น.8 พ.ต.อ.ณัฐพัฒน์ ผดุงจันทน์ ผกก.สน.บุปผาราม พ.ต.ท.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว สว.สส. ชุดประสานงานประจำพื้นที่ ป.พัน.19 พล.ร.9 และรถดับเพลิง 4 คัน

ที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้กุฏิปูนชั้นเดียวหลังคากระเบื้องอายุ 100 กว่าปี อยู่ในคณะ 2 ถูกปล่อยรกร้าง เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันระดมฉีดน้ำใช้เวลาประมาณ 20 นาที เพลิงจึงสงบ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงอยู่นั้นมีชาวบ้านชุมชนวัดกัลยาณ์กว่า 200 คน เข้ามาช่วยดับเพลิง แต่กลับถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ขัดขวางพร้อมกับชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่และทำร้ายชาวบ้าน จากนั้นชาวบ้านจึงพากันมาปิดล้อมกุฏิเจ้าอาวาส รวมทั้งมีการต่อว่าสาปแช่งกลุ่มชายฉกรรจ์



สอบสวน จ.ส.อ.สมเกียรติ ศุภกิจ อายุ 47 ปี นายสิบการข่าว สังกัดกองทัพบก กล่าวว่า อาศัยอยู่ในชุมชนวัดกัลยาณ์ ช่วงเช้าได้ยินเสียงรถดับเพลิงเปิดไซเรนเข้ามาในวัดหลายคันตนพร้อมกับชาวบ้านจึงพากันออกมาดู ระหว่างนั้นเห็นเพลิงกำลังลุกไหม้กุฏิดังกล่าว พวกตนจึงพยายามเข้าไปช่วยดับเพลิง เป็นช่วงที่ชุลมุนมาก จากนั้นชายศีรษะโล้นเป็นการ์ดของเจ้าอาวาสเดินเข้ามาหาตนและชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่และกระชากคอเสื้อ บอกว่าตนวิ่งไปชน ก่อนถูกชายอีกคนเป็นการ์ดของเจ้าอาวาสวิ่งมาชกใบหน้าอย่างจัง ก่อนที่ทั้ง 2 คน วิ่งหลบหนีเข้าไปในรั้วกุฏิเจ้าอาวาส ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์จึงเกิดความไม่พอใจเข้าล้อมกุฏิเจ้าอาวาส

“ผมจำหน้า 1 ใน 2 คนที่เป็นการ์ดของเจ้าอาวาสได้อย่างแม่นยำ ชายศีรษะโล้นที่เข้ามาทำร้ายเป็นตำรวจ แต่ผมไม่ทราบว่าอยู่สังกัดไหน” จ.ส.อ.สมเกียรติกล่าว



พ.ต.อ.ณัฐพัฒน์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้เชิญผู้เห็นเหตุการณ์และถูกทำร้ายร่างกายมาสอบปากคำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อหากับผู้ใด ต้องรอสอบปากคำอย่างละเอียด ส่วนสาเหตุต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบส่วนเรื่องผู้เสียหายกล่าวหาว่าการ์ดของเจ้าอาวาสเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นจะตรวจสอบอีกครั้ง

ข่าวแจ้งว่าจากการสอบถามชาวบ้านหลายคนสงสัยว่าสาเหตุเพลิงไหม้มาจากวางเพลิง


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451543341
11880  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นครพนม-อุดรฯ ปชช.พี่น้องไทย-ลาว แห่ร่วมสวดมนต์ข้ามปีกว่าแสนคน เมื่อ: มกราคม 01, 2016, 08:55:21 am


นครพนม-อุดรฯ ปชช.พี่น้องไทย-ลาว แห่ร่วมสวดมนต์ข้ามปีกว่าแสนคน

ไทย-ลาว แห่สวดมนต์ข้ามปี วัดพระธาตุพนม สร้างสิริมงคล ท่ามกลางลมหนาว ด้าน จ.อุดรธานี ปชช.ร่วมสวดมนต์ข้ามปี 283 วัด กว่า 1 แสนคนร่วมงาน จนรุ่งเช้าเข้าวันใหม่ 1 ม.ค. 2559


เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงาน ที่ จ.นครพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ที่ตั้งองค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ภายในบรรจุพระอุรังคะธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า ได้มีประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย ชาวลาว และชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปี โดยมีพระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เป็นประธานสงฆ์ นำประกอบพิธีสวดมนต์เจริญภาวนา เพื่อเป็นสิริมงคลในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ถือเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์สำคัญ ที่มีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางมาร่วมพิธีจำนวนมากกว่า 1,000 คน

อีกทั้งร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึงการสร้างจิตสำนึกให้พุทธศาสนิกชน ตั้งมั่นในการทำความดี รวมถึงน้อมนำเอาแนวคิดตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ที่จะส่งผลให้เกิดความสงบร่มเย็น ความเจริญก้าวหน้าของชีวิต และความร่มเย็นเป็นสุขทั้งต่อตนเอง ต่อสังคม และประเทศชาติ โดยจะมีการสวดมนต์เจริญภาวนาไปถึงรุ่งเช้า และร่วมกันทำบุญตักบาตร ต้อนรับปีพุทธศักราชใหม่ ซึ่งสภาพอากาศวันนี้ค่อนข้างหนาวเย็น แต่ยังมีประชาชน นักท่องเที่ยว มีจิตศรัทธา ตั้งใจมาร่วมพิธีจำนวนมาก


อุดรธานี

ขณะที่ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ที่ลานรอบพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง เขตเทศบาลนครอุดรธานี นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ประธานฝ่ายสงฆ์ พระราชวราลังการ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี (ธ) ประธานฝ่ายสงฆ์ มีข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ร่วมสวดมนต์ข้ามปี ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2559 โดยวัดได้แจกหนังสือ “สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดีตลอดไป” ที่ระลึกครบรอบอายุวัฒนะมงคล 104 ปี พระอุดมญาณโมลี หรือหลวงปู่จันศรี จันททีโป (ธ) เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์

คณะสงฆ์ร่วมจัดกิจกรรม สวดมนต์ข้ามปี 2559 เพื่อความเป็นสิริมงคลของเหล่าพุทธศาสนิกชน

บรรยากาศภายในวัด เป็นไปด้วยความสงบ ประชาชนชาวอุดรธานีทั้งเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ คนชรา ที่มาร่วมงานได้พร้อมใจสวมชุดสีขาวทยอยเดินทางมาจับจองที่นั่ง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. โดยรอบบรมธาตุธรรมเจดีย์ ที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุพระธรรมคำสอน พระธาตุอรหันตสาวก รูปเหมือนและอัฐิธาตุพระบูรพาจารย์สายหลวงปู่มั่นภูริทัตโต มีการประดับด้วยแสงไฟอย่างสวยงาม และได้โยงสายสิญจน์จากพระประธาน ในบรมธาจุธรรมเจดีย์ไปที่ประธานฝ่ายสงฆ์ ประธานฝ่ายฆารวาส และแผ่ขยายไปถึงประชาชนทุกคนที่มาร่วมงาน ซึ่งมีประมาณ 5,000 คน

ประชาชน จำนวนมาก นุ่งขาวห่มขาว สวดมนต์ข้ามปี ณ ลานรอบพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง เขตเทศบาลนครอุดรธานี

นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า เนื่องในวันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2559 จ.อุดรธานี ได้ประสานไปยังทุกอำเภอ ให้วัดที่มีความพร้อมในการจัดพิธีสวดมนต์ข้ามปี ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 - 1 มกราคม 2559 เพื่อเป็นสิริมงคล ปรากฏว่ามีวัดใน จ.อุดรธานี จัดงานสวดมนต์ข้ามปี 283 วัด จะมีประชาชนเข้าร่วมสวดมนต์ข้ามปี ประมาณ 1 แสนคน ทั้งนี้ วัดโพธิสมภรณ์ และวัดมัฌชิมาวาส เขตเทศบาลนครอุดรธานี จัดสวดมนต์ข้ามปี ตั้งแต่เวลา 08.00 น. วันที่ 31 ธันวาคม 2558 – เวลา 06.00 น. วันที่ 1 มกราคม 2559 เสร็จแล้ว ร่วมกันตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตและครอบครัว


ประชาชนคับคั่ง ร่วมสวดมนต์ข้ามปีเพื่อความเป็นสิริมงคล

ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/556737
หน้า: 1 ... 295 296 [297] 298 299 ... 708