แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
11881
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อินโดนีเซีย เฆี่ยนคู่รักนักศึกษา - เหตุใกล้ชิดกันมากเกินไป
|
เมื่อ: ธันวาคม 31, 2015, 09:19:50 am
|
อินโดนีเซีย เฆี่ยนคู่รักนักศึกษา - เหตุใกล้ชิดกันมากเกินไป วันที่ 30 ธ.ค. เดลี่เมล์รายงานกระแสวิพากษ์วิจารณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในอินโดนีเซีย หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองบันดาร์อาเจะห์ เขตปกครองตนเองอาเจะห์ ลงโทษน.ส.นูร์ เอลิตา นักศึกษาสาววัย 20 ปี และแฟนหนุ่มเพื่อนนักศึกษาร่วมสถาบัน วัย 23 ปี โดยใช้ไม้เรียวด้ามยาวฟาดอย่างแรงที่หลัง 5 ครั้งต่อหน้าสาธารณชนเพื่อให้อับอาย เพียงเพราะทั้งคู่แสดงความรัก ซึ่งถือเป็นความผิดตามกฎหมายชารีอะห์ จุดชนวนให้กลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนไม่พอใจ และประณามการกระทำของทางการท้องถิ่น
เหตุดังกล่าวเกิดดขึ้นเมื่อ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.นูร์ และแฟนหนุ่ม ถูกนำตัวไปยังลานหน้ามัสยิดไบตูร์ราฮิมเพื่อรับโทษ ระหว่างเจ้าหน้าที่ใช้ไม้เฆี่ยนน.ส.นูร์ ประชาชนซึ่งมุงดูอยู่ต่างส่งเสียงเชียร์ และถ่ายรูปอย่างสนุกสนานโดยไม่มีท่าทีเห็นใจหญิงสาวที่กำลังเจ็บปวด กระทั่งล้มฟุบลงกับพื้นหลังถุกฟาดครบ 5 ครั้ง ก่อนเจ้าหน้าที่หญิงในชุดเครื่องแบบจะนำตัวส่งโรงพยาบาลขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1451471372
|
|
|
11882
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฮือฮา ลูกหลานจัดงานศพ แจกหวยเกือบพันใบให้แขกร่วมงานลุ้นโชค เหตุพ่อชอบเล่น
|
เมื่อ: ธันวาคม 31, 2015, 09:17:40 am
|
ฮือฮา ลูกหลานจัดงานศพ แจกหวยเกือบพันใบให้แขกร่วมงานลุ้นโชค เหตุพ่อชอบเล่น ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่เมรุวัดสระวารี บ้านพลจลก หมู่ 8 ต.มะค่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 30 ธันวาคม นายบุญถิ่น ขอสินกลาง ลูกจ้างประจำ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ ฐานะลูกชายคนโต พร้อมพี่น้อง บุตรหลานและญาติๆ กำลังจัดเตรียมสิ่งของชำร่วยโดยเป็นสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 800 คู่ รวมทั้งพัดลมตั้งโต๊ะ หม้อหุงข้าว เครื่องนุ่งห่ม ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม และเครื่องใช้ในครัวเรือนกว่า 300 ชิ้น เพื่อแจกให้กับผู้มาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ (กรณีพิเศษ) นายสวัสดิ์ ขอสินกลาง อายุ 84 ปี อดีตกำนันตำบลมะค่า อ.โนนสูง ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเสียชีวิตด้วยอาการติดเชื้อที่ปอดเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา กำหนดเวลา 16.00 น. นายบุญถิ่น ฯ เปิดเผยเหตุผลที่แจกสลาก ฯ ให้กับบรรดาแขกที่มาร่วมงานศพ เนื่องจากนายสวัสดิ์ ฯ ผู้ล่วงลับ ชอบเสี่ยงโชคซื้อสลาก ฯ เป็นประจำทุกงวด ๆ ละหลายพันบาท หลังลาออกจากตำแหน่งกำนัน ฯ ได้มาทำหน้าที่เป็นกรรมการสถานศึกษาและกรรมการวัดในตำบล
หลังพ่อเสียชีวิต บรรดาลูกๆและญาติๆ ได้หารือเกี่ยวกับของชำร่วย เพื่อให้ผู้ที่มาร่วมงานศพได้รำลึกถึงคุณงามความดีของนายสวัสดิ์ ฯ จึงแจกสลาก ฯ โดยภายในถุงใส่ของชำร่วย ได้ทำสัญลักษณ์ให้กับผู้โชคดี ซึ่งจะได้รับสิ่งของอื่นๆ ซึ่งเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน พวกเราตั้งใจจะซื้อสลาก ฯ 1 พันคู่ ตามที่คาดจะมีแขกมาร่วมงานนับพันคน แต่ติดขัดกับการจัดงานศพ จึงไปตระเวนหาซื้อทั่วเมืองได้เพียง 800 คู่ แม้นจะถึงเวลาออกสลาก ฯ แต่จะไม่ใครทราบในถุงใส่ของชำร่วย ซึ่งมีสลาก ฯ อยู่ด้านใน เป็นเลขอะไรบ้าง การแจกสลาก ฯ ไม่ได้หวังให้โด่งดัง และให้งมงายกับการเสี่ยงโชคด้วยสลาก ฯ ซึ่งถือเป็นการแจกทานและอุทิศส่วนกุศลให้กับคุณพ่อ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451462943
|
|
|
11883
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เชิญพระอัฐิสังฆราช ประดิษฐาน วัดญาณฯ ชลบุรี
|
เมื่อ: ธันวาคม 31, 2015, 09:13:11 am
|
เชิญพระอัฐิสังฆราช ประดิษฐาน วัดญาณฯ ชลบุรี ในหลวง ทรงพระบรมราชานุญาตให้วัดบวรนิเวศวิหาร อัญเชิญพระอัฐิ สมเด็จพระสังฆราช ประดิษฐานยังวัดญาณสังวราราม จังหวัดชลบุรีแล้ว พร้อมเปิดให้ประชาชนได้สักการะตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
วันนี้( 30 ธ.ค.) เวลา 13.00น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้วัดบวรนิเวศวิหารอัญเชิญพระอัฐิสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปริณายกไปประดิษฐานยังวัดญาณสังวรารามจังหวัดชลบุรีซึ่งเป็นวัดที่พระองค์ทรงสร้างถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์แห่งพระบรมราชวงศ์จักรีโดยสมเด็จพระวันรัต(จุนท์ พรหมคุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารเป็นประธานในพิธี ทอดผ้าไตร10 ไตร พระสงฆ์10 รูปสดับปกรณ์
หลังจากนั้นเจ้าพนักงานอัญเชิญพระเจดีย์พระอัฐิสู่ราชยานเชิญพระเจดีย์พระอัฐิเข้าสู่รถยนต์พระประเทียบออกจากวัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อไปยังมณฑลพิธีหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดชลบุรี ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดข้าราชการคณะสงฆ์และชาวจังหวัดชลบุรีเฝ้ารับพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราช สำหรับพระเจดีย์พระอัฐิที่อัญเชิญไปประดิษฐานยังวัดญาณสังวรารามจังหวัดชลบุรี นั้นสร้างด้วยหินอ่อนจากต่างประเทศสีขาวซึ่งเมื่อประกอบพิธีประดิษฐานพระอัฐิแล้วทางวัดจะเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้าสักการะพระอัฐิของสมเด็จพระสังฆราชตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ด้วยขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/370185
|
|
|
11884
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แห่เข้าวัดพระธาตุดอยสะเก็ด ร่วมพิธีสืบชะตา เสริมบารมีปีใหม่
|
เมื่อ: ธันวาคม 31, 2015, 09:10:04 am
|
แห่เข้าวัดพระธาตุดอยสะเก็ด ร่วมพิธีสืบชะตา เสริมบารมีปีใหม่ วันที่ 30 ธันวาคม ที่วัดพระธาตุดอยสะเก็ด พระอารามหลวง ต.เชิงดอย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ มีประชาชนและนักท่องเที่ยว เข้าทำบุญและทำพิธีสืบชะตาหลวงตามแบบล้านนา พร้อมสะเดาะเคราะห์ เสริมบารมี เนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ โดยมีพระโพธิรังษี เจ้าคณะอำเภอดอยสะเก็ด และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสะเก็ด พร้อมพระสงฆ์ 9 รูปทำพิธี
พิธีดังกล่าว พระโพธิรังษี ได้จุดเทียนใส่ลงบาตรน้ำมนต์ พร้อมพรมน้ำมนต์ ผูกข้อมือ และให้พรแก่ผู้มาร่วมงาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนไปกราบไหว้พระเจดีย์ และรอยพระพุทธบาท อายุกว่า 1,300 ปี บนดอยรังษี ห่างจากวัด 500 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวบางราย ได้บูชาสังฆทานที่ทางวัดจัดไว้ เพื่อถวายพระสงฆ์ ชุดละ 49 บาท และบูชาวัตถุมงคลเป็นที่ระลึกพระโพธิรังษี กล่าวว่า ช่วงปีใหม่ทางวัดมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ข้ามปี 2558-2559 มีพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ สวดชยันโต พระคาถาชินบัญชร เจริญภาวนา พร้อมตักบาตรทำบุญในวันขึ้นปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมบารมี พร้อมอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้ว ช่วงกลางคืนมีโรงทานเลี้ยงซึ่งทางวัดจัดเตรียมสถานที่รองรับผู้มาร่วมงาน 2,000-3,000 คนแล้ว หากไม่สะดวกมาที่วัด ก็ไปทำบุญและสวดมนต์ที่วัดใกล้บ้านได้ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451457415
|
|
|
11887
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เชียงราย พุทธศาสนิกชน 2 แผ่นดิน เตรียมแห่ข้ามโขง ร่วมสวดมนต์ข้ามปี
|
เมื่อ: ธันวาคม 31, 2015, 08:33:42 am
|
ภาพจาก วัดพระธาตุผาเงา เชียงราย พุทธศาสนิกชน 2 แผ่นดิน เตรียมแห่ข้ามโขง ร่วมสวดมนต์ข้ามปี พุทธศาสนิกชน 2 แผ่นดิน เตรียมแห่ข้ามน้ำโขง ร่วมสวดมนต์ข้ามปี วัดพระธาตุผาเงา เชียงราย วันที่ 31 ธ.ค. 58-1 ม.ค. 59 เพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดทั้งปี
วันที่ 29 ธ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะอำเภอเชียงแสน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย เผยว่า ทางวัดพระธาตุผาเงา จัดสวดมนต์ข้ามปี ภายใต้แนวคิดที่ว่า สวดมนต์ข้ามปี ชีวีสดใส ผาเงาร่วมใจ เทิดไท้ราชันย์พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะอำเภอเชียงแสน และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน เชียงราย จัดสวดมนต์ข้ามปี ภายใต้แนวคิด"สวดมนต์ข้ามปี ชีวีสดใส ผาเงาร่วมใจ เทิดไท้ราชันย์" พระพุทธิญาณมุนี กล่าวว่า ในวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จนถึงวันที่ 1 มกราคม 2559 ทางวัดพระธาตุผาเงา จัดสวดมนต์ข้ามปี 2 ฝั่งโขง ซึ่งในวันที่ 31 ธันวาคม จะมีพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ชาวลาว และนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาร่วมสวดมนต์ข้ามปี รับปีใหม่กันอย่างคึกคัก โดยมีพี่น้องชาวลาวจะข้ามแม่น้ำโขงมา ตั้งแต่เย็น วันที่ 31 ธันวาคม 2558 เพื่อมาร่วมสวดนพเคราะห์ ไปจนถึงเจริญพระพุทธมนต์รับปีใหม่ รุ่งเช้าวันที่ 1 มกราคม 2559 จะทำพิธีสืบชะตาภายในพระอุโบสถให้กับพุทธศาสนิกชน และร่วมทำบุญตักบาตรพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งทางวัดได้จัดตั้งเต็นท์เตรียมไว้นอกพระอุโบสถไว้ให้ชาวพุทธ และนักท่องเที่ยว ที่จะมาร่วมทำบุญได้นั่งสวดมนต์ข้ามปี เพราะทางวัดได้รับการติดต่อมาว่า จะมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยว อำเภอเชียงแสน ในวันหยุดรับปีใหม่ จะมาทำบุญสวดมนต์ และเข้าพิธีสืบชะตาต่ออายุ เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตรับปีใหม่ ที่วัดพระธาตุผาเงา กันอย่างมากองค์พระสยามภูมิพิทักษ์เดชเทวาธิราช พระพุทธิญาณมุนี กล่าวอีกว่า การสวดมนต์ข้ามปี จะเริ่มในคืนที่ 31 ธันวาคม เพราะช่วงเวลาดี ก็คือ ช่วงเวลาของศักราชใหม่ จึงถือได้ว่า เป็นสิริมงคลต่อการเริ่มศักราชใหม่ และถือว่า เป็นสิริมงคลไปตลอดทั้งปีอีกด้วย การสวดมนต์ข้ามปี ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีงาม และเป็นสิ่งที่ควรปลูกฝังให้กับลูกหลานให้ปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ เพราะการสวดมนต์จะทำให้เจริญสติ ทำให้จิตเกิดสมาธิ จิตใจสงบเป็นสุข ด้วยเหตุนี้เอง การสวดมนต์ข้ามปีในวันขึ้นปีใหม่ ยังถือเป็นการทำความดีส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่อีกด้วย เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ผู้เข้าร่วมพิธี และแผ่กุศลแก่ชาติบ้านเมือง โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนเกิดความรักสามัคคีภายในชาติพุทธศาสนิกชน 1 ฝั่งลำโขง เตรียมมาร่วม สวดมนต์ข้ามปี เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ ภายในวัดพระธาตุผาเงา ยังมีแหล่งเรียนรู้ศึกษาพระธรรมวินัย เช่น หอพระไตรปิฎกนานาชาติ ตั้งอยู่กลางสระน้ำ เป็นที่เก็บรวบรวมพระไตรปิฎกของพระพุทธศาสนาถึง 9 ประเทศ เมื่อพุทธศาสนิกชนมาสวดมนต์ข้ามปี ทำบุญสืบชะตาต่ออายุให้กับตนเองแล้ว ยังขึ้นไปกราบขอพรจากองค์พระสยามภูมิพิทักษ์เดชเทวาธิราช ซึ่งประดิษฐานบนยอดเขา อยู่ด้านล่างของพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ และองค์พระสยามภูมิพิทักษ์ฯ เป็นองค์เดียวที่ตั้งอยู่เหนือสุดในแผ่นดินสยาม ที่จังหวัดเชียงราย และเป็นองค์พระสยามภูมิพิทักษ์ฯ ที่ส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน ได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้น เพื่อให้เกิดความสงบสุขกับประชาชนและแผ่นดินไทย ซึ่งมี พลโทสมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธาน ทำพิธีสมโภช และเปิดองค์พระสยามภูมิพิทักษ์ฯ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ตรงที่ประดิษฐานองค์พระสยามภูมิฯ บริเวณนี้จะมองเห็นแม่น้ำโขงที่สวยงาม และดินแดนของ 3 ประเทศ ทั้งไทย ลาว และเมียนมา.วัดพระธาตุผาเงา ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ขอบคุณภาพข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/556054
|
|
|
11893
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สาวงาม 7 เผ่า โชว์รำบูชาพระธาตุพนมหนุนท่องเที่ยว
|
เมื่อ: ธันวาคม 30, 2015, 08:32:04 am
|
สาวงาม 7 เผ่า โชว์รำบูชาพระธาตุพนมหนุนท่องเที่ยว ดร.รัฐศาสตร์ กองสินแก้ว รอง ผอ.สนง.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 1นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม นายอติชาต อุณหเลขกะ นอภ.ธาตุพนม นายขจรศักดิ์ นิตชิน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลธาตุพนม ร่วมกับ ข้าราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น และตัวแทนชุมชนหมู่บ้าน เปิดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตามโครงการ ท่องเที่ยววิถีไทย วิถีพุทธ บูชาองค์พระธาตุพนม โดยนำเอาพิธีศักดิ์สิทธิ์จัดรำบูชาพระธาตุพนมจากสาวงาม 7 ชนเผ่า ที่สืบทอดมาแต่โบราณนำมาเป็นจุดขายจัดโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชม ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และในโอกาสวันสำคัญที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวทำบุญในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ได้มีโอกาสชมพิธีรำบูชาองค์พระธาตุพนม ซึ่งปกติจะมีเฉพาะในช่วงวันออกพรรษาเท่านั้น เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาทำบุญต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว
เนื่องจาก อ.ธาตุพนม ถือเป็นอำเภอท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด สอดคล้องกับการพัฒนาตามยุทธศาสตร์เชิงรุกในการพัฒนาด้านการค้า เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว รองรับการพัฒนาเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษ ควบคู่กับการวางแผนด้านการค้า การลงทุนให้เป็นศูนย์กลางการค้าชายแดน ภายใต้ความร่วมมือกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง รวมทั้งการจัดทำโครงการท่องเที่ยววิถีไทย วิถีพุทธ บูชาองค์พระธาตุพนม เป็นการสืบสานอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณนายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม กล่าวว่า สำหรับพิธีรำบูชาพระธาตุพนม ถือเป็นประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของ จ.นครพนม ทาง จ.นครพนม รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องได้เล็งเห็น ความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว สอดคล้อง กับการพัฒนาเมืองเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จะต้องมีการพัฒนาเชิงรุก ในด้านการค้า การท่องเที่ยว ที่สร้างจุดขายจากประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่มากที่สุด มีเป้าหมายกำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาในช่วงวันสำคัญต่างๆ รวมถึงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้สัมผัสชื่นชม พร้อมจัดทำบุญตักบาตรเช้าด้วย
นอกจากนี้ได้เน้นการสร้างการมีส่วนร่วมให้ชุมชน หมู่บ้าน ลูกหลานเยาวชนได้มาร่วมรำบูชาพระธาตุพนม แบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ในอนาคตจะมีการพัฒนาต่อเนื่องให้ อ.ธาตุพนม เป็นอำเภอท่องเที่ยวเศรษฐกิจการค้าที่สำคัญของ จ.นครพนม
อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอธาตุพนม ได้ร่วมกับเทศบาลตำบลธาตุพนมและทุกภาคส่วนผลักดัน ในการจัดสรรงบประมาณ พัฒนาปรับปรุงพื้นที่บริเวณหน้าวัดพระ ธาตุพนม ให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์ให้มีความสวยงาม รวมถึงเป็นที่ศึกษาประวัติความเป็นมาของพระธาตุพนม และเป็นที่ท่องเที่ยวพักผ่อนสำหรับผู้มาเยือน.ขอบคุณภาพข่าวจาก https://www.thairath.co.th/content/555679
|
|
|
11896
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ผู้ว่าฯ ปทุมสั่งงด ธุดงค์ธรรมกาย
|
เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 08:07:53 pm
|
ผู้ว่าฯ ปทุมสั่งงดธุดงค์ธรรมกาย ชาวบ้านลั่นทนมานาน 4 ปี รับไม่ได้โปรยดอกดาวรวยวิถีธัมมชโย MGR Online - ผู้ว่าฯ ปทุมธานีพร้อมสั่งระงับงานธุดงด์ธรรมชัยของวัดพระธรรมกายเดือนหน้าออกไปไม่มีกำหนด หลังชาวปทุมธานียื่นหนังสือต่อต้านกิจกรรมบุญตามวิถี “ธัมมชโย” จวกไม่สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนา ผิดต่อหลักปฏิบัติธุดงควัตรที่เน้นความสมถะ สงบ หลีกเร้น เรียบง่าย วันนี้ (29 ธ.ค. 58) กลุ่มพุทธศาสนิกชนปทุมธานี โดยนายอรรถพล อรุโนรส ผู้ประสานงานพุทธศาสนิกชนคนปทุมธานี และเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา ผู้ประสานงานหลวงปู่พทธะอิสระ และตัวแทนชาวพุทธ 8 จังหวัดรวมจำนวนกว่า 250 คน เดินทางโดยขบวนรถยนต์ และเปิดไฮด์ปาร์ก เพื่อยื่นหนังสือต่อนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เพื่อยุติกิจกรรมธรรมยาตรา ธุดงค์ธรรมชัย เส้นทางพระผู้ปราบมาร พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) ปีที่ 5 พระธรรมกาย ระหว่าง 2-31 มกราคมที่จะถึงนี้ซึ่งมีกิจกรรม ของโปรยดอกดาวเรืองต้อนรับพระภิกษุสงฆ์ 1,131 รูป ไปตามเส้นทางออกจากวัดพระธรรมกาย ผ่าน 7 จังหวัด ปทุมธานีปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม นนทบุรี สมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร โดยต่อมานายสุรชัยได้ลุกออกจากห้องประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดที่มาร่วมประชุมกว่า 100 คน บนศาลากลางจังหวัด เพื่อออกมารับหนังสือ และรับปากกับมวลชนผ่านเครื่องขยายเสียงว่าจะให้มีการเลื่อนการจัดงานธุดงค์ธรรมชัยออกไป พร้อมรับหนังสือเพื่อเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา นายอรรถพลกล่าวว่า การเรียกร้องครั้งนี้จะขอให้ยุติกิจกรรมธุดงค์ธรรมชัยของวัดพระธรรมกายซึ่งไม่สอดคล้องกับหลักพุทธศาสนา ผิดต่อหลักปฏิบัติธุดงควัตร ที่เน้นความสมถะ สงบ หลีกเร้น เรียบง่าย แต่ธุดงค์ธรรมชัยกลับถือปฏิบัติตรงกันข้าม บิดเบือนจากคำสอนธรรมวินัย จัดกิจกรรมที่มีการลงทุนอย่างเอิกเกริก เพื่อสร้างแรงศรัทธาแก่ผู้พบเห็น คือธุดงค์ในวิถีของ “ธัมมชโย” หาใช่ธุดงควัตร มีการปูเสื่อโรยด้วยดอกดาวเรืองตลอดสาย ทุกครั้งที่ผ่านมาการเดินธุดงค์ธรรมชัย เดินใน จ.ปทุมธานี การจราจรติดขัดสร้างความเดือดร้อนให้ชาวปทุมธานี วิธีการเดินธรรมชัยแล้วโรยด้วยดอกดาวโรยที่เขาเรียกว่าดอกดาวรวย ที่มีการแปลงทั้งหมดให้คนมีความรู้สึกว่ายิ่งโปรยเยอะยิ่งรวย เป็นการใช้จิตวิทยามวลชน การระดมหาทุนหาเงินเข้าวัด ชาวพุทธปทุมธานีทนมานานถึง 4 ปี และขออนุญาตจัดกิจกรรมปกป้องพระธรรมวินัย พร้อมทำกิจกรรมสวดมนต์เทิดพระเกียรติระหว่างวันที่ 2-3 มกราคมที่จะถึงนี้ในเขต อ.เมืองปทุมธานี ด้านนายสุรชัยกล่าวว่า จะรับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการแจ้งให้ทางวัดพระธรรมกายเลื่อนการจัดงานออกไปโดยวันที่ 2 มกราคมที่จะถึงนี้ให้ยุติไว้ก่อน และจะหารือกับส่วนที่เกี่ยวข้อง และแนวทางปฏิบัติอีก 7 จังหวัดและองค์กรที่ดูแลเรื่องนี้โดยตรง เพื่อให้สะท้อนไปยังสำนักพุทธศาสนา และคณะสงฆ์ในจังหวัด รวมทั้งคณะสงฆ์ที่ดูแลพระสงฆ์ทั้งประเทศในภาพรวมที่มีผลกระทบในเส้นทางธุดงค์ธรรมชัย เพื่อประสานงานรับเรื่องไปดำเนินการต่อ เพราะลำพังผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีไม่มีอำนาจขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000142486
|
|
|
11897
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / อัญเชิญพระอัฐิ 'พระสังฆราช' ประดิษฐานวัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี
|
เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 08:03:32 pm
|
อัญเชิญพระอัฐิ 'พระสังฆราช' ประดิษฐานวัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี อัญเชิญพระโกศพระอัฐิพระสังฆราช ขบวนประดิษฐานวัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี วัดแห่งแรกที่ทรงบรรพชาแล้ว ผู้ว่าฯ นำข้าราชการ ประชาชนจำนวนมากร่วมรับเสด็จในพระราชพิธี
เมื่อเวลา 15.15 น. วันที่ 29 ธ.ค. 58 ขบวนอัญเชิญพระโกศพระอัฐิ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยมี สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร รวมทั้งคณะสงฆ์ของวัด และเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง จากวัดบวรนิเวศวิหาร ถึงยังบริเวณมณฑลพิธีหน้าศาลหลักเมืองกาญจนบุรี โดยมี นายศักดิ์ สมบุญโต ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยข้าราชการทุกหมู่เหล่า และชาวกาญจนบุรี ร่วมในพระราชพิธี โดยอัญเชิญพระโกศพระอัฐิสู่พระราชยานประกอบขบวนปี่กลองชนะ เครื่องสูง เคลื่อนขบวนไปตามถนนปากแพรกผ่าน "บ้านคชวัตร" ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติพระโกศพระอัฐิ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ วัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี ระหว่างเส้นทางผ่านทั้ง 2 ฝั่งถนนปากแพรก มีประชาชน นักเรียน เป็นจำนวนมากไปจนถึงวัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) พระอารามหลวง ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี โดยมี พระกิตติสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม และคณะสงฆ์ ร่วมพระราชพิธี จากนั้นประกอบพระราชพิธีอัญเชิญพระโกศพระอัฐิ ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ และคณะสงฆ์ ข้าราชการ ประชาชน ถวายสักการะพระอัฐิ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระอัฐิ ประดิษฐานภายในพระอุโบสถวัดเทวสังฆาราม ซึ่งเป็นวัดที่ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงบรรพชาเป็นสามเณรและอุปสมบทเป็นพระภิกษุเป็นแห่งแรก ทั้งนี้ ประชาชนชาวกาญจนบุรี ช่วยกันประดับตกแต่งพระอุโบสถด้วยดอกไม้อย่างสวยสดงดงาม.พระโกศพระอัฐิพระสังฆราช เดินทางมาถึงวัดเทวสังฆาราม กาญจนบุรี วัดแห่งแรกที่ทรงบรรพชา ขบวนอัญเชิญพระโกศพระอัฐิ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่มาภาพจากประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี https://www.thairath.co.th/content/555974
|
|
|
11899
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / อิ่มบุญ เพลินตา เจริญใจ ณ “วัดเบญจมบพิตรฯ”
|
เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 09:36:14 am
|
พระอุโบสถหินอ่อนอันงดงาม ณ วัดเบญจมบพิตรฯ อิ่มบุญ เพลินตา เจริญใจ ณ “วัดเบญจมบพิตรฯ” โดย : หนุ่มลูกทุ่ง “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร” หรือที่ใครหลายคนเรียกสั้นๆ ว่า “วัดเบญจมบพิตรฯ” เป็นหนึ่งในวัดที่ฉันคิดว่างดงามอย่างมีเอกลักษณ์ เนื่องจากมีพระอุโบสถหินอ่อน ที่ตั้งเด่นเป็นสง่างดงามงามอยู่ริมถนนศรีอยุธยา สามารถมองเห็นได้โดยง่าย ไม่เหมือนวัดไหนๆ อีกทั้งในปัจจุบันวัดแห่งนี้ยังได้รับการบูรณะใหม่จนงดงามอย่างเมื่อคครั้งอดีต สุดสัปดาห์นี้ฉันจึงตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวชมความงดงามภายในวัดเบญจมบพิตรฯพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ณ “ศาลาร้อยปี ปิยมหาราชอนุสรณ์” แต่ก่อนจะเที่ยวชมภายในวัดเบญจมบพิตรฯ กันนั้นฉันก็จะขอเล่าประวัติคร่าวๆ ให้ได้ฟังกันก่อน “วัดเบญจมบพิตรฯ เมื่อครั้งอดีตมีชื่อว่า "วัดแหลม" หรือ "วัดไทรทอง" ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างในสมัยใด จนเมื่อในปี พ.ศ.2369 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ผู้ครองนครเวียงจันทน์ได้ก่อการกบฎยกทัพมาตีไทย พระองค์จึงได้โปรดเกล้าฯให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาศิลา เป็นผู้บัญชาการกองทัพในส่วนการรักษาพระนคร โดยทรงตั้งกองบัญชาการอยู่ในบริเวณแห่งนี้“พระพุทธชินราช” ภายในพระอุโบสถ เมื่อเสร็จสิ้นการปราบกบฏ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พร้อมด้วยพระเชษฐภคินี พระขนิษฐภคินี และพระกนิษฐภาดา ร่วมเจ้าจอมมารดาอีก 4 พระองค์ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้น ครั้นถึงรัชสมัยรัชกาลที่ 4 จึงได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดเบญจบพิตร” ซึ่งมีความหมายว่าเป็นวัดของเจ้านาย 5 พระองค์ ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้น ต่อมาในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงสร้างพระราชวังสวนดุสิตขึ้น และโปรดเกล้าฯ ทำผาติกรรมสถปนาวัดขึ้นใหม่ และได้พระราชทานชื่อวัดใหม่ว่า วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามภาพจิตรกรรมฝาผนัง “พระธาตุพนม” อันงดงามภายในพระอุโบสถ เมื่อฉันเดินทางมาถึงวัดเบญจมบพิตรฯ สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดก็เห็นจะเป็น “พระอุโบสถหินอ่อน” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของวัดแห่งนี้มาอย่างยาวนาน พระอุโบสถแห่งนี้ เป็นพระอุโบสถเป็นแบบจตุรมุข ที่ถูกประดับประดาด้วยประดับด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลีทั้งหลัง และถูกออกแบบให้ไว้อย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยเมื่อฉันมองแล้วก็ช่างเป็นบุญจริงๆ ที่ประเทศไทยของเรานี้ มีโบราณสถานที่งดงามแบบนี้ ตั้งสง่าอวดนักท่อวงเที่ยวทั่วโลกให้ได้ชมบรรยากาศ ณ กำแพงแก้ว ประดิษฐานพระพุทะรูปปางต่างๆ สำหรับภายในพระอุโบสถนั้นประดิษฐาน “พระพุทธชินราช” ที่จำลองมาจากพระพุทธชินราชองค์จริงที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลกและภายในยังมีภาพจิตรกรรมอันงดงาม โดยเฉพาะที่บริเวณช่องคูหาทั้ง 8 จะเป็นภาพสถูปเจดีย์ที่สำคัญทุกภาค อาทิ พระมหาธาตุ จ.ลพบุรี , พระธาตุพนม จ.นครพนม, พระมหาธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้ถูกวาดไว้อย่างงดงามให้ได้ชม และที่บริเวณกำเเพงแก้วรอบพระอุโบสถก็ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ให้ได้เดินชมกันอีกด้วย“พระที่นั่งทรงผนวช” อันงดงาม นอกจากพระอุโบสถอันดงามแล้ว ฉันขอบอกว่าภายในวัดเบญจมบพิตรแห่งนี้ ก็ยังเป็นที่ตั้งของโบราณสถานสำคัญอื่นๆ ให้ได้ชมกันอีกด้วยนะ ที่แรกที่ฉันแนะนำก็คือ “พระที่นั่งทรงธรรม” พระที่นั่งแห่งนี้ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี ทรงสร้างอุทิศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร มีลักษณะเป็นตึกก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น และเมื่อ พ.ศ. 2445 ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ใช้เป็นที่ประทับแรมเวลาทรงธรรมรักษาอุโบสถศีล“พระที่นั่งทรงธรรม” และที่ฝั่งตรงข้ามนั้นเป็นที่ตั้งของ “พระที่นั่งทรงผนวช” รัชกาลที่5 มรงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อจากพุทธรัตนสถาน ที่สวนศิวาลัย ภายในพระบรมมหาราชวังมาไว้ที่นี่เพื่อเป็นกุฏิเจ้าอาวาส โดยยังรักษารูปแบบเดิมไว้ โดยภายในพระที่นั่งทรงผนวช มีพระแท่นบรรทม พระบรมรูปเมื่อทรงผนวช พระบรมรูปสลักหินอ่อน พระพุทธรูป พระเสลี่ยงน้อย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถวายเพื่อเป็นธรรมาสน์แสดงธรรมและแสดงพระปาติโมกข์ครั้งแรกในวัดเบญจมบพิตร และภายในยังมีภาพเขียนเกี่ยวกับพระราชประวัติของรัชกาลที่ 5 ไว้ด้วย สำหรับพระที่นั่งองค์นี้จะเปิดให้เข้าชมก็เฉพาะวันสำคัญเท่านั้น และที่บริเวณสนามหญ้าใกล้ๆ กัน ก็เป็นที่ตั้งของ “หอระฆังบวรวงศ์” อันงดงาม หอระฆังแห่งนี้ เป็นหอระฆังทรงไทยประกอบหินอ่อน สร้างขึ้นโดยพระบรมวงศานุวงศ์ ฝ่ายพระราชวังบวร (กรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือ วังหน้า)“หอระฆังบวรวงศ์” หลังจากชมความงามของหอระฆังแล้ว เดินถัดมาไกลมากก็จะพบกับ “พระวิหารสมเด็จ” พระวิหารแห่งนี้ สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ทรงบริจาคพระราชทรัพย์สร้างสำเร็จในปี พ.ศ.2445 ตามพระราชประสงค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จะให้เป็น "หอธรรม" หรือ "หอสมุด" ประจำวัด และที่วิหารแห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปสำคัญ คือ “พระฝาง” โดยเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องอย่างกษัตริย์อันงดงาม ที่ประดิษฐานในบุษบกมุขหน้าชั้นบน ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากภายนอก ได้ชมแล้วงดงามยิ่งนัก“พระวิหารสมเด็จ” และหากใครที่มาเที่ยววัดเบญจมบพิตรฯ แล้ว ก็อย่าลืมไปแวะสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 “ศาลาร้อยปี ปิยมหาราชอนุสรณ์” กันด้วยนะ และฉันอยากจะบอกไว้อีกว่า ในค่ำคืนของวันที่ 31 ธ.ค. 2558 ต่อเนื่องไปวันที่ 1 ม.ค. 2559 หรือที่เราเรียกว่าช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ทางวัดเบญจมบพิตรฯ ได้มีการจัดกิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี” ให้ได้มาร่วมสดมนต์เสริมบารมีรับพรปีใหม่กันด้วยนะ “พระฝาง” ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์อันงดงาม หลังจากอิ่มเอมกับการชมความงดงามภายในวัดแล้ว ฉันก็ขอบอกไว้เลยว่า วัดเบญจมบพิตรฯ เป็นอีกหนึ่งวัดที่ควรค่าแก่การมาเที่ยวชมจริงๆ เพราะนอกจากจะมีโบราณสถาน โบราณวัตถุอันงดงามหาที่เปรียบให้ได้ชมแล้ว บรรยากาศภายในวัดก็ยังร่มรื่นอีกด้วย ครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องมายลวัดเบญจมบพิตรฯ สักครั้งบรรยากาศร่มรื่นภายใน “วัดเบญจมบพิตรฯ” การเดินทาง มีรถประจำทางสาย 5, 16, 23, 50, 70, 72, 99, 201, 3, 505, 509 ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000141206
|
|
|
11900
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / รวมสถานที่จัดงาน “สวดมนต์ข้ามปี 2559” ในเขตกรุงเทพมหานคร
|
เมื่อ: ธันวาคม 29, 2015, 09:22:42 am
|
รวมสถานที่จัดงาน “สวดมนต์ข้ามปี 2559” ในเขตกรุงเทพมหานคร สำหรับชาวพุทธในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถเข้าร่วมพิธี "สวดมนต์ข้ามปี 2559" ได้ที่วัดใกล้บ้าน กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลในชีวิต เตรียมต้อนรับสิ่งใหม่ๆในปี พ.ศ.2559 ที่กำลังจะมาถึงนี้ Sanook! Travel ได้ทำการรวบรวมสถานที่จัดพิธีสวดมนต์ข้ามปี 2559 เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครฯ มาฝากกันค่ะ ซึ่งกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีนั้น จะจัดขึ้นพร้อมเพรียงกันในช่วงระหว่างคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2558 ไปจนถึงช่วงเริ่มต้นวันใหม่ของ 1 ม.ค. 2559 ร่วมกันสืบสานพุทธศาสนา เจริญสติ สร้างสมาธิ และทำให้จิตใจสงบ พร้อมกันทั่วประเทศ สถานที่จัดพิธี สวดมนต์ข้ามปี 2559 ในกรุงเทพมหานคร
สนามหลวง วัดอรุณราชวราราม วัดเทพลีลา เขตบางกะปิ วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เขตดุสิต วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เขตพระนคร วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ วัดยานนาวา เขตสาทร วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชนัดดาราม วัดชนะสงคราม วัดอินทรวิหาร วัดมหรรณพาราม วัดปรินายกวรวิหาร วัดราชบูรณะ วัดสุทัศนเทพวราราม วัดโสมนัสวิหาร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎ์ วัดสามพระยา วัดเทพธิดาราม วัดเทพศิรินทราวาส วัดปทุมคงคา วัดบพิตรภิมุข วัดชัยชนะสงคราม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม วัดราชาธิวาสวิหาร วัดทุ่งเศรษฐี วัดใหม่ช่องลม วัดพลับพลาชัย วัดพระราม๙ วัดหัวลำโพง วัดเสมียนนารี วัดหลักสี่ วัดดอนเมือง วัดพรหมรังสี วัดเวฬุวนาราม(ไผ่เขียว) วัดสีกัน วัดเทวราชกุญชรฯ วัดใหม่อมตรส วัดสิตาราม วัดดิสานุการราม วัดพระพิเรนท์ วัดคณิกาผล วัดกันตุยาราม วัดจักรวรรดิราชาวาส วัดปราสาทบุญญาวาส วัดสุคันธาราม วัดอัมพวัน วัดจันทรสโมสร วัดแก้วฟ้าจุฬามุนี วัดสวัสดิ์วารสีมาราม วัดน้อยนพคุณ วัดใหม่ทองเสน วัดธรรมาภิรตาราม วัดจอมสุดาราม วัดประชาระบือธรรม วัดโบสถ์สามเสน วัดเลียบราษฎร์บำรุง วัดเวตะวันธรรมาวาส วัดสร้อยทอง วัดมัชณันติการาม วัดจอมสุดาราม วัดไผ่ตัน วัดพรหมวงศาราม วัดทัศนารุณสุนทริการาม วัดปทุมวนาราม วัดมหาพฤฒาราม วัดแก้วแจ่มฟ้า วัดม่วงแค วัดยานนาวา วัดบรมสถล วัดสุทธิวราราม วัดลุ่มเจริญศรัทธา วัดคลองใหม่ วัดปริวาศ วัดด่าน วัดทองบน วัดวรจรรยาวาส วัดไผ่เงินโชตนาราม วัดเรืองยศสุทธาราม วัดบางโคล่นอก วัดราชสิงขร วัดเทพลีลา วัดบึงทองหลาง วัดศรีบุญเรือง วัดคลองเตยใน วัดภาษี วัดบุญรอดธรรมาราม วัดวชิรธรรมสาธิต วัดบางนานอก วัดบางนาใน วัดศรีเอี่ยม วัดทุ่งลานนา วัดตะกล่ำ วัดลาดบัวขาว วัดกระทุ่ม วัดยางพระอารามหลวง วัดปากบ่อ วัดมหาบุศย์ วัดเทพลีลา วัดทองใน วัดขจรศิริ วัดสายอำพันธ์เอมสาร วัดเทพนิมิตต์ วัดคลองบ้านใหม่ วัดไตรรัตนาราม วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต วัดพรพระร่วงประสิทธิ์ วัดเกาะสุวรรณาราม อยู่ดีบำรุงธรรม หนองใหญ่ วัดเจริญธรรมาราม วัดบุญศรีมุนีกรณ์ วัดคู้บอน วัดทองสัมฤทธิ์ วัดบำเพ็ญเหนือ วัดบางเพ็งใต้ วัดแสนสุข วัดหนองจอก วัดประยงค์กิตติวนาราม วัดสีชมพู วัดใหม่เจริญราษฎร์ วัดสามง่าม ทรัพย์สโมสรนิกรเกษม วัดกัลยาณมิตร วัดใหญ่ศรีสุพรรณ วัดเวฬุราชิน วัดอินทาราม วัดประยุรวงศาวาส วัดจันทาราม วัดราชคฤห์ วัดกระจับพินิจ วัดดาวคะนอง วัดบุคลโล วัดสันติธรรมาราม วัดสุทธาวาส วัดกันตทาราราม วัดวรามาตยภัณฑสาราราม วัดพิชยญาติการาม วัดทองนพคุณ วัดเศวตฉัตร วัดทองเพลง วัดสุทธาราม วัดบางปะกอก วัดหลวงพ่อโอภาสี วัดพุทธบูชา วัดบางบอน วัดนินสุขาราม วัดพรหมรังสี วัดสะแกงาม วัดศรีษะกระบือ วัดราชโอรสาราม วัดนางนอง วัดอรุณราชวราราม วัดราชสิทธาราม วัดใหม่พิเรนทร์ วัดดีดวด วัดท่าพระ วัดประดู่ฉิมพลี วัดเจ้ามูล วัดนาคกลาง วัดสังข์กระจาย วัดสุวรรณาราม วัดระฆังโฆสิตาราม วัดสุวรรณคีรี วัดฉิมทายาวาส วัดสีหไกรสร วัดเจ้าอาม วัดนายโรง วัดเชิงเลน วัดรวกสุทธาราม วัดบางเสาธง วัดเพลงวิปัสสนา วัดอมรทายิการาม วัดมะลิ วัดดาวดึงษาราม วัดอมรคีรี วัดภคินีนาถ วัดบวรมงคล วัดทอง วัดเทพนารี วัดรวกบางบำหรุ วัดชัยพฤกษมาลา วัดกาญจนสิงหาสน์ วัดรัชาธิษฐาน วัดประสาท วัดเกาะ วัดทอง วัดพิกุล วัดจำปา วัดพุทธจักรมงคลชยาราม วัดกระจัง วัดช่างเหล็ก วัดเพลง วัดประดิษฐาราม วัดปากน้ำ วัดนวลนรดิศ วัดอัปสรสวรรค์ วัดคูหาสวรรค์ วัดนิมมานรดี วัดนาคปรก วัดโคนอน วัดเพลง วัดรางบัว วัดตะล่อม วัดอ่างแก้ว วัดจันทร์ประดิษฐาราม วัดบุณยประดิษฐ์ วัดพรหมสุวรรณสามัคคี วัดม่วง วัดชัยฉิมพลี วัดนิมานรดี วัดปรุณาวาส วัดโกมุทพุทธรังสี วัดวิศิษฎ์บุญญาวาส วัดอุดมรังสี วัดวงษ์ลาภาราม วัดไผ่เลี้ยง วัดทองเนียมขอบคุณข้อมูล จาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย,กรมการศาสนา ภาพและข่าวจาก http://travel.sanook.com/1397265/
|
|
|
11907
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / รับโชครับชัย ปีใหม่ไหว้ 9 พระวังหน้า...พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน
|
เมื่อ: ธันวาคม 28, 2015, 10:01:11 am
|
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร รับโชครับชัย ปีใหม่ไหว้ 9 พระวังหน้า...พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน ในช่วงวันปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2558 - 24 มกราคม 2559 มีกิจกรรมดีๆ ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรได้จัดขึ้น คือกิจกรรมไหว้พระเนื่องในเทศกาลขึ้นปีใหม่ “ไหว้พระวังหน้า พระปฏิมาแห่งแผ่นดิน” เพื่อความเป็นสิริมงคลในปีพุทธศักราช 2559 ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2558 - 24 มกราคม 2559 ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ที่ได้นำเอาพระพุทธรูปโบราณที่มีประวัติความเป็นมา และสร้างขึ้นตามคติอันเป็นมงคล ซึ่งพุทธศาสนิกชนไม่ค่อยได้มีโอกาสสักการะบูชาโดยทั่วไป จำนวน 9 องค์ ออกให้กราบบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ประกอบด้วยพระพุทธสิหิงค์ 1. พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) กราบบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลและช่วยให้ประเทศชาติผ่านพ้นอวมงคลการต่างๆ แบบศิลปะ : สุโขทัย-ล้านนา ประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 20-21 ชนิด : สำริด กะไหล่ทอง ประวัติ : สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (วังหน้ารัชกาลที่ 1) ทรงอัญเชิญมาจากเมืองเชียงใหม่เมื่อประมาณ พ.ศ.2338 สถานที่เก็บรักษา : ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระพุทธสิหิงค์ ประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์แสดงปางสมาธิ มีพระรัศมีคล้ายเปลวเพลิง สร้างขึ้นตามตำนานที่ปรากฏในนิทานพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งแต่งเป็นภาษาบาลีโดยพระโพธิรังสี พระภิกษุชาวเชียงใหม่ ในระหว่าง พ.ศ. 1945-1985 พระพุทธสิหิงค์ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปตามหัวเมืองสำคัญต่างๆ หลายครั้ง แม้ตำนานจะกล่าวถึงพระพุทธสิหิงค์ว่ามีความเก่าแก่และได้รับเคารพนับถือสืบเนื่องมายาวนานตั้งแต่ พ.ศ. 700 แต่รูปแบบศิลปะที่ปรากฏน่าจะเป็นปั้น-หล่อขึ้นในช่วงปลายพุทธศววรรษที่ 20-21 (ประมาณ 500-600 ปีมาแล้ว) ในรูปแบบศิลปะสุโขทัย-ล้านนา การมีพระพุทธสิหิงค์ไว้เคารพบูชา ก็หมายถึงพระพุทธศาสนาได้เป็นที่เคารพบูชาในดินแดนแถบนั้น ดังความของพระโพธิรังสี กล่าวไว้ว่า "พระพุทธสิหิงค์เมื่อประทับอยู่ ณ ที่ใด ย่อมทรงทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรือง ดั่งดวงประทีปชัชวาล เหมือนหนึ่งว่าพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่"พระพุทธรูปทรงเครื่อง 2. พระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21 มีความหมายถึงธรรมอันเป็นแก่นสารยิ่งกว่าอำนาจแห่งทรัพย์สมบัติทั้งหลาย แบบศิลปะ : ล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21 ชนิด : สำริด ปิดทอง ประวัติ : ของหลวงพระราชทาน มาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2469 สถานที่เก็บรักษา : ห้องศิลปะล้านนา อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 21 (ประมาณ 500 ปีมาแล้ว) สร้างขึ้นตามคติเรื่องชมพูบดีสูตร หรือพระพุทธเจ้าทรงทรมานพระยาชมพูบดี โดยทรงบันดาลพระเวฬุวันวิหารประดุจเมืองสวรรค์ และเนรมิตพระองค์ทรงเครื่องพระจักรพรรดิราช แสดงบุญญานุภาพเหนือพระยามหากษัตริย์ทั้งปวง เพื่อคลายทิฐิมานะแห่งพระยามหาชมพูกษัตริย์ผู้ทรงอานุภาพ และทรงแสดงธรรมจนกระทั่งพระยามหาชมพูสิ้นมานะ ขอบวชเป็นพระสาวกในพระพุทธศาสนา พระพุทธรูปทรงเครื่องพระมหาจักรพรรดิจึงหมายถึงอำนาจ และธรรมอันเป็นแก่นสารยิ่งกว่าอำนาจแห่งทรัพย์สมบัติทั้งหลาย พระพุทธรูปทรงเครื่องยังอาจหมายถึงพระโพธิสัตว์ศรีอาริยเมตไตรย พระอนาคตพุทธเจ้า คือพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 5 ในภัททกัลป์ ที่จะมาบังเกิดเมื่อสิ้นสุดยุคของพระพุทธเจ้าโคตมพระชัยเมืองนครราชสีมา 3. พระชัยเมืองนครราชสีมา พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ศิลปะอยุธยา ความหมายถึงชัยชนะ ขจัดอุปสรรคต่างๆ และอำนวยพรให้สำเร็จผล แบบศิลปะ : ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 20 ชนิด : สำริด ประวัติ : ย้ายมาจากห้องกลางกระทรวงมหาดไทย สถานที่เก็บรักษา : ห้องศิลปะอยุธยา อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระพุทธรูปแสดงปางมารวิชัย ประทับนั่งขัดสมาธิราบ ลักษณะแบบศิลปะอู่ทอง 2 มีจารึกอักษรขอม ภาษาบาลี ที่องค์พระโดยรอบ อาทิ คาถากาสลัก หัวใจพระรัตนตรัย และคาถาพระเจ้า 5 พระองค์ เป็นต้น “พระชัย” หรือ “พระไชย” นี้ เป็นพระพุทธรูปสำคัญมาแต่บรรพกาล ปรากฏในพระราชพงศาวดารตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นต้นมา เพื่ออัญเชิญไปในกองทัพยามออกศึกสงครามเพื่อชัยชนะ ใช้เชิญไปในกระบวนเสด็จฯ เพื่อประทับแรมนอกพระนคร และอัญเชิญตั้งในการพระราชพิธีต่างๆ เรียกว่า พระชัยพิธี สำหรับขจัดอุปสรรคต่างๆ และอำนวยพรให้พิธีกรรมสำเร็จผลพระพุทธรูปปางประทานธรรม 4. พระพุทธรูปปางประทานธรรม ศิลปะอยุธยา หมายถึงการแสดงธรรม การหมุนวงล้อแห่งธรรม เพื่อเผยแผ่พระศาสนา อันเป็นพุทธกิจสำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แบบศิลปะ : ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ 21-22 ชนิด : สำริด ปิดทอง ประวัติ : พบที่วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ย้าย มาจากอยุธยาพิพิธภัณฑสถาน เมื่อ 4 พฤศจิกายน 2473 สถานที่เก็บรักษา : คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระพุทธรูปปางประทานธรรม พระพุทธรูปสำริดลงรักปิดทองทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ พระหัตถ์ซ้ายทรงกำด้ามตาลปัตรโลหะขนาดเล็กที่พระเพลา พระหัตถ์ขวาทรงงอนิ้วพระหัตถ์จับขอบพัดด้านบนระดับพระอุระ คติการถือตาลปัตรแสดงธรรมนั้นสันนิษฐานกันว่ารับจากการแผ่พุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ของลังกา ตั้งแต่ราวราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 - ต้น 20 หรือไม่ต่ำกว่า 600 ปีมาแล้ว พระพุทธรูปทรงตาลปัตรในศิลปะอยุธยาหลายองค์มีการประดับรูปจักรหรือธรรมจักรที่ฐาน ซึ่งตามปกติแล้วพระพุทธรูปทรงตาลปัตรย่อมหมายถึงพระพุทธรูปในอิริยาบถทรงแสดงธรรม แต่การประดับธรรมจักรที่ฐานจึงทำให้คิดไปได้ว่าผู้สร้างต้องการแสดงว่าคือพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา พระบรมศาสดาทรงแสดง ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร พระสูตรว่าด้วยการยังธรรมจักรให้เป็นไปหรือดำเนินไป คือการหมุนวงล้อแห่งธรรม เพื่อเผยแผ่พระศาสนา อันเป็นพุทธกิจสำคัญของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์พระพุทธรูปปางลองหนาว 5. พระพุทธรูปปางลองหนาว พระพุทธรูปสำริดประทับนั่ง ศิลปะล้านนา บูชาเพื่อระลึกถึงการประมาณตน การกำหนดความพอเพียง รู้จักความพอดี แบบศิลปะ : ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ 22-23 ชนิด : สำริด ประวัติ : พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทาน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2469 สถานที่เก็บรักษา : คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น พระพุทธรูปปางลองหนาว พระพุทธรูปสำริดประทับนั่งทรงจีวรคลุมพระวรกายทดลองหนาว เพื่อจะได้ทรงทราบประมาณและประทานพระบรมพุทธานุญาตจีวรบริขารสำหรับภิกษุสงฆ์แต่พอดี เหตุการณ์พระบรมศาสดาทรงจีวรคลุมพระวรกายเพื่อทดลองความหนาวนี้ในพระวินัยปิฎก มหาวรรค จีวรขันธกะ ได้ระบุว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จพระดำเนินจากนครราชคฤห์ไปนครเวสาลี ระหว่างทางได้ทอดพระเนตรเห็นภิกษุหลายรูปหอบผ้าพะรุงพะรัง จึงทรงพระดำริว่าจะตั้งกฎในเรื่องผ้าแก่ภิกษุทั้งหลาย โดยทรงทดลองห่มจีวรคลุมพระวรกายตลอดราตรีในฤดูหนาว ทรงจีวร 4 ผืนพอทนหนาวได้จนรุ่งสาง พระพุทธองค์ทรงพระดำริว่า “กุลบุตรในธรรมวินัยนี้ ที่เป็นคนขี้หนาว กลัวต่อความหนาว ก็อาจดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยผ้าสามผืน ไฉนหนอ เราจะพึงกั้นเขต ตั้งกฎในเรื่องผ้าแก่ภิกษุทั้งหลาย เราจะพึงอนุญาตไตรจีวร.” ซึ่งไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตแก่ภิกษุสงฆ์นั้น ได้แก่ ผ้าสังฆาฏิ 2 ชั้น ผ้าอุตราสงค์ชั้นเดียว ผ้าอันตรวาสกชั้นเดียวพระพุทธรูปปางฉันสมอ 6. พระพุทธรูปปางฉันสมอ ศิลปะรัตนโกสินทร์ บูชาเพื่อให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ แบบศิลปะ : ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 24 ชนิด : ทองเหลืองกะไหล่ทอง ลงยาสี ประวัติ : เป็นของอยู่ในพระที่นั่งพุไธสวรรย์มาแต่เดิม สถานที่เก็บรักษา : ห้องศิลปะรัตนโกสินทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระฉันสมอ พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิเพชร พระหัตถ์ขวาวางคว่ำบนพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายระหว่างพระบาททั้งสองข้าง แม้ว่าผลสมอที่เคยประดับในพระหัตถ์จะหายไปแล้ว แต่การทรงจีวรที่มีอิทธิพลจีนนี้สามารถเทียบเคียงได้กับ พระฉันสมอ พระพุทธรูปสำคัญที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานเจ้าจอมน้อย (สุหรานากง) ไปประดิษฐานที่วัดอัปสรสวรรค์ เหตุการณ์สัปดาห์ที่ 7 ภายหลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระพุทธองค์เสด็จมาประทับเสวยวิมุติสุขใต้ร่มไม้เกต (ราชายตนพฤกษ์) ท้าวสักกเทวราชทรงทราบว่าภายหลังจากที่สมเด็จพระบรมศาสดาประทับนั่งขัดสมาธิอย่างเดียวตลอด 7 วัน รุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันขึ้น 6 ค่ำ เดือนอาสาฬหะ (เดือน 8) จะทรงมีพุทธกิจรับข้าวสัตตุผง สัตตุก้อน พระกระยาหารจากสองพ่อค้า ตปุสสะ และ ภัลลิกะ พระอินทร์ “จึงทรงน้อมถวายผลสมอเป็นพระโอสถในเวลาอรุณขึ้น ณ วันที่ทรงออกจากสมาธิทีเดียว. พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยผลสมอพระโอสถนั้น พอเสวยเสร็จเท่านั้น ก็ได้มีกิจเนื่องด้วยพระสรีระ [ลงพระบังคนหนัก] ท้าวสักกะได้ถวายน้ำบ้วนพระโอษฐ์แล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบ้วนพระโอษฐ์แล้วประทับนั่งที่โคนต้นไม้นั้นนั่นแล...” จากเหตุการณ์นี้เอง พระพุทธรูปปางฉันสมอ จึงมีนัยสื่อถึงการรักษาโรคาพยาธิ เหตุด้วยผลสมอเป็นเภสัชที่ทรงมีพุทธานุญาตแก่ภิกษุสาวกที่อาพาธ พระฉันสมอจึงบูชาเพื่อความปราศจากโรคภัยไข้เจ็บพระพุทธรูปปางโปรดมหิศรเทพบุตร 7. พระพุทธรูปปางโปรดมหิศรเทพบุตร (พระศิวะ) เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติผู้ที่เคารพกราบไหว้ ไม่อยู่ในความประมาท ขจัดมิจฉาทิฐิ หรือความเห็นผิด แบบศิลปะ : ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 24 ชนิด : ทองเหลืองรมดำ ประวัติ : สมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สถานที่เก็บรักษา : ห้องศิลปะล้านนา อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระพุทธรูปปางโปรดมหิศรเทพบุตร (พระศิวะ) สร้างตามคติพระพุทธองค์ทรงทรมานมหิศรเทพบุตร ซึ่งปรากฏอยู่ในคัมภีร์สายโลกยศาสตร์ เช่น คัมภีร์โลกบัญญัติ คัมภีร์โลกสัณฐานโชตรตนคัณฐี และคัมภีร์ไตรโลกวินิจฉยกถา มีความกล่าวว่า มหิศรเทพบุตรมีความไม่พอใจที่เทวดาทั้งหลายไปนบนอบต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงไปท้าประลองฤทธานุภาพด้วยการซ่อนหา มหิศรเทพบุตรแสดงฤทธิ์ซ่อนกายในที่ต่างๆ แต่ไม่อาจหลบซ่อนจากพระญาณของพระพุทธองค์ได้ ครั้นพระบรมศาสดาทรงแสดงฤทธิ์อันตรธานหายไป มหิศรเทพบุตรหาไม่พบ จึงยอมจำนน พระบรมศาสดาได้ตรัสเทศนาจนมหิศรเทพบุตรบรรลุธรรม ภายหลังพุทธปรินิพพาน มหิศรเทพบุตรได้เนรมิตพระพุทธปฏิมาเทินไว้เหนือเศียร อัญเชิญไปประดิษฐานยังพระมหาวิหารบนเขามันทคีรี มหิศรเทพบุตรจึงเป็นผู้ทรงพระพุทธองค์ไว้เหนือเศียรเกล้า พระพุทธรูปโปรดมหิศรเทพบุตร ศิลปะรัตนโกสินทร์ องค์นี้มีความพิเศษตามปกติรูปพระมหิศรเทพบุตร (พระศิวะ) มักจะมีหลายกรและแสดงมหิทธานุภาพโดยถือเทพอาวุธต่างๆ แต่องค์นี้มีสองกร และโคนนทิพาหนะของพระมหิศรเทพบุตร ประดับไว้ที่ฐานซึ่งหล่อเป็นโขดเขา เพื่อแสดงความเป็นเทพที่สถิตอยู่เหนือภูเขา แต่สิ่งที่เหมือนกับพระพุทธรูปโปรดมหิศรเทพบุตร องค์อื่นๆ ในศิลปะรัตนโกสินทร์ คือ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่เหนือเศียร แสดงชัยชนะของพระพุทธองค์ต่อมหิศรเทพบุตร บูชาเพื่อขจัดมิจฉาทิฐิ หรือความเห็นผิดพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ 8. พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ ศิลปะรัตนโกสินทร์ บูชาเพื่อเตือนสติให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ มีขันติ ความอดกลั้น ปฏิบัติตามคำสอนและมีความเสงี่ยมเจียมตัว แบบศิลปะ : ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 25 ชนิด : ทองเหลืองปิดทอง ประวัติ : สถานีตำรวจภูธรพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการยึดอายัด สถานที่เก็บรักษา : คลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติง จังหวัดปทุมธานี พระพุทธองค์ประทับบนแท่นศิลา มีช้างถวายกระบอกน้ำและลิงถวายรวงผึ้ง แสดงถึงอุเบกขาบารมีของพระพุทธองค์ เรื่องราวมีกล่าวถึงตอนหนึ่งในพุทธประวัติว่าหลังพระพุทธเจ้าตรัสรู้ได้ 10 พรรษา ได้พำนักกับภิกษุที่โฆสิตาราม กรุงโกสัมพี แต่เหล่าสงฆ์เกิดความแตกแยกกัน แม้จะทรงห้ามปรามหลายครั้งก็ยังไม่สามารถลดความบาดหมางได้ จึงทรงวางอุเบกขาออกไปหาความสงบ ณ ป่ารักขิตวัน โดยมีช้างปาลิไลยกะ เป็นผู้อุปัฏฐากคอยดูแลปัดกวาดที่ประทับด้วยกิ่งไม้ใบไม้หาน้ำและผลไม้ป่าต่างๆ มาถวายพระพุทธองค์ทุกวัน ยามค่ำคืนก็ใช้งวงนั้นถือท่อนไม้คอยระแวดระวังภัยมิให้ผู้ใดมากล้ำกราย วันหนึ่งมีพญาวานรผ่านมาและสังเกตเห็นว่า ช้างปาลิไลยกะได้ดูแลพระพุทธองค์อย่างดี จึงเกิดความเลื่อมใส พญาวานรจึงนำรวงผึ้งไปถวายพระพุทธองค์บ้าง ครั้งแรกทรงเฉยไม่รับรวงผึ้งนั้น พญาวานรพิจารณาดูจึงเห็นว่ายังมีตัวอ่อนของผึ้ง เมื่อได้ปัดตัวอ่อนนั้นไปเสีย พระพุทธองค์จึงรับรวงผึ้งนั้นไว้ ทำให้พญาวานรดีใจลิงโลดโหนไปตามยอดไม้จนพลัดตกลงมาถูกตอไม้แทงตาย แล้วไปเกิดเป็นเทพบุตรบนสวรรค์ด้วยผลบุญที่ได้กระทำไว้พระพุทธรูปปางขอฝน 9. พระพุทธรูปปางขอฝน ศิลปะรัตนโกสินทร์ เป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญด้านศิลปกรรมและขนบประเพณี บูชาเพื่อความอุดมสมบูรณ์ แบบศิลปะ : ศิลปะรัตนโกสินทร์ พุทธศตวรรษที่ 25 ชนิด : สำริด รมดำ ประวัติ : เจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี ถวาย พร้อมทั้งตู้ สถานที่เก็บรักษา : ห้องศิลปะรัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พระพุทธปฏิมาปางขอฝน สำหรับใช้ในพระราชพิธีพิรุณศาสตร์ (พรุณศาสตร์) และงานพระราชพิธีพืชมงคล พระราชพิธีสำคัญของบ้านเมือง อันเอื้ออำนวยความอุดมสมบูรณ์แก่พระราชอาณาจักร และอาณาประชาราษฎร์ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีการสร้างพระพุทธรูปขอฝนหลายองค์เพื่อใช้ประกอบในพระราชพิธี พระพุทธรูปขอฝนในอิริยาบถยืนองค์นี้ แสดงถึงกระแสความนิยมทางศิลปกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากแบบอุดมคติ เป็นแบบสัจนิยม มีความเสมือนจริงตามธรรมชาติ อาทิ เกล้าพระเกศารวบขึ้นเป็นพระเมาลีและไม่มีพระรัศมี ทรงครองผ้าอาบน้ำฝนบางแนบพระองค์และแสดงริ้วผ้าตามธรรมชาติ นับเป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญด้านศิลปกรรม และขนบประเพณี ขอบคุณภาพและบทความจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000141495
|
|
|
11908
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มีเวลาเหลือไม่มากในแต่ละวัน ควรเลือกทำสมาธิ หรือสวดมนต์
|
เมื่อ: ธันวาคม 28, 2015, 09:50:45 am
|
ทำไมเราต้องปฏิบัติธรรม ปุจฉา-วิสัชนา โดยพระไพศาล วิสาโล ปุจฉา : กราบนมัสการพระคุณเจ้า กระผมมีคำถามที่สงสัยที่จะเรียนถามพระคุณเจ้า ทำไมเราต้องปฏิบัติธรรม การภาวนาเป็นอุบายที่เรานำไปใช้ช่วงจิตสุดท้าย กระผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ
วิสัชนา : การปฏิบัติธรรมนั้น ความหมายกว้างที่สุดคือ ทำดี ไม่ทำชั่ว และทำจิตให้ผ่องใส ทั้งหมดนี้ช่วยให้อยู่เย็นเป็นสุข ไม่มีเรื่องที่ทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ บางทีก็จำแนกเป็น การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา แต่ปัจจุบันการปฏิบัติธรรมมีความหมายแคบลง ผู้คนส่วนใหญ่มักนึกถึงการทำสมาธิภาวนา แต่ประโยชน์ก็ยังเหมือนเดิม นั่นคือ ช่วยให้อยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุข นอกจากสงบเย็นแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นด้วย กล่าวคือ ช่วยให้จิตใจมั่นคงไม่หวั่นไหวเมื่อมีอะไรมากระทบหรือประสบเหตุร้าย ขณะเดียวกันก็ช่วยลดความเห็นแก่ตัว เพิ่มพูนเมตตากรุณา ทำให้อยากช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น
ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยให้ “อยู่ดี” ขณะเดียวกันก็เป็นการเตรียมตัวเพื่อ “ตายดี” ด้วย คือเมื่อจะตาย ใจก็ไม่วิตกหวาดกลัว รู้จักปล่อยวางทั้งผู้คน สิ่งของ และอารมณ์อกุศลทั้งปวง และหากภาวนาถูกทาง ก็จะละวางแม้กระทั่งกายและใจ ช่วยให้ตายสงบที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20151218/218822.html
|
|
|
11909
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / มีเวลาเหลือไม่มากในแต่ละวัน ควรเลือกทำสมาธิ หรือสวดมนต์
|
เมื่อ: ธันวาคม 28, 2015, 09:47:16 am
|
มีเวลาเหลือไม่มากในแต่ละวัน ควรเลือกทำสมาธิ หรือสวดมนต์ ปุจฉา-วิสัชนา โดยพระไพศาล วิสาโล อาร์ต สปาย ปุจฉา : กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ผมมีข้อสงสัยเรียนถามพระอาจารย์ ผมมีเวลาไม่มากในการสวดมนต์และนั่งสมาธิแต่ละครั้ง ผมเคยจับเวลาดู สวดมนต์ประมาณ ๒๐ นาที เวลาที่เหลือก็จะนั่งสมาธิ ๑๐ นาทีบ้าง ๒๐ นาทีบ้าง แล้วแต่เวลาที่มีครับ
ผมจึงมีเรื่องเรียนถามพระอาจารย์ว่า ตามจริงแล้วผมควรจะให้เวลาการนั่งสมาธิหรือการสวดมนต์มากกว่ากัน ด้วยความรู้สึกของผมเองคือ สวดมนต์ผมก็ไม่รู้คำแปล ถ้าจะอ่านคำแปลด้วยเวลายิ่งนานไปอีก ใจผมอยากจะนั่งสมาธิให้นานมากกว่า เช่นผมมีเวลา ๓๐ นาที อยากสวดมนต์แค่ ๕ นาที นั่งสมาธิ ๒๕ นาที แทน บางทีเวลาเราน้อย ก็สวดเร็ว ทำให้ผมรู้สึกว่าจิตเราไม่นิ่ง เราไปพะวักพะวงกับเวลาที่มีจำกัดของเรา บางทีสวดไปเวลาหมด ก็ไม่ได้นั่งสมาธิอีก
ในความเห็นของพระอาจารย์ สำหรับฆราวาสยุคใหม่ที่มีเวลาในการทำกิจกรรมนี้ไม่มากนัก พระอาจารย์คิดว่า เราควรให้ความสำคัญกับการสวดมนต์หรือนั่งสมาธิมากกว่ากัน จึงจะได้ประโยชน์สูงสุดครับ
วิสัชนา : การนั่งสมาธิ หากทำถูกเป็นการฝึกจิตที่ดีกว่าการสวดมนต์ เพราะมุ่งขจัดกิเลสหรือความหลงโดยตรง เป็นทางตรงสู่การเสริมสร้างสติ สมาธิ และปัญญา หากคุณมีเวลาน้อยควรนั่งสมาธิหรือบำเพ็ญจิตตภาวนา แต่ก็อย่าทิ้งการสวดมนต์ไปเลย เพราะการสวดมนต์นั้นช่วยปลูกและเสริมสร้างศรัทธา
อย่างไรก็ตามควรตระหนักว่าจิตตภาวนานั้นทำได้หลายวิธี ไม่ใช่แค่นั่งสมาธิเท่านั้น แม้ทำงานหรืออยู่ท่ามกลางผู้คนก็บำเพ็ญจิตตภาวนาได้ โดยเฉพาะการเจริญสติ หมั่นรู้กายและรู้ใจอยู่เนือง ๆ ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20151218/218822.html
|
|
|
11912
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / นักเที่ยวแห่สัมผัสอากาศเย็นที่สะพานมอญ สังขละ เทศบาลแปะคำเตือน
|
เมื่อ: ธันวาคม 28, 2015, 08:44:35 am
|
นักเที่ยวแห่สัมผัสอากาศเย็นที่สะพานมอญ สังขละ เทศบาลแปะคำเตือน บรรยากาศที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ช่วงเช้าของวันนี้ 27 ธ.ค. 58 อากาศเย็นสบาย และมีหมอกปกคลุมหนาทึบ ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ดี
อากาศที่เย็นลงส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวที่สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือ สะพานมอญ เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ทางเทศบาลตำบลวังกะต้องนำป้ายประชาสัมพันธ์มาติดตั้งเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบถึงขีดจำกัดในการรับน้ำหนักของสะพาน
โดยขอให้เชื่อฟังคำแนะนำของเจ้าหน้าที่เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะนิยมเดินเที่ยวชมและสัมผัสบรรยากาศบนสะพานมอญในช่วงเวลาเดียวกันจำนวนมากๆจึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายได้ แต่หลายฝ่ายยังคงมั่นใจในความมั่นคงแข็งแรงของสะพานไม้แห่งนี้ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451208233
|
|
|
11913
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวบ้านหนองนกไข่ทำห่อข้าวต้มมัด 500 ก.ก.บวงสรวงสักการะดวงวิญญาณพระเจ้าตาก
|
เมื่อ: ธันวาคม 28, 2015, 08:41:22 am
|
ชาวบ้านหนองนกไข่ทำห่อข้าวต้มมัด 500 ก.ก.บวงสรวงสักการะดวงวิญญาณพระเจ้าตาก เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่วัดหนองนกไข่ ต.หนองนกไข่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ชาวบ้านตำบลหนองนกไข่ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 200 คน ช่วยกันกวนข้าวเหนียว และห่อข้าวต้มมัด เพื่อเอาไว้ใช้ในการประกอบพิธีบวงสรวงสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันที่พระเจ้าตากสินมาหาราช ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ หรือ “วันสมเด็จพระเจ้าตากสิน” ซึ่งที่วัดหนองนกไข่นี้ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีสืบต่อกันมากว่า 30 ปีแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชาวบ้านที่มาช่วยกันห่อข้าวต้มมัดนั้น ก็ได้แบ่งหน้าที่กันทำตามความถนัดทั้ง เจียนใบตอง ปลอกกล้วย ผัดข้าวเหนียว ห่อข้าวต้มมัด และบางคนก็สานตะกร้าเอาไว้ใส่ข้าวต้มมัดกับไข่ ส่วนวัตถุดิบที่นำมาใช้นั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการบริจาคของญาติโยมที่ตั้งใจจะร่วมทำบุญ และสักการะองค์พระเจ้าตากสินมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงธนบุรี ซึ่งในปีนี้ชาวบ้านได้ร่วมกันห่อข้ามต้มมัดโดยใช้ข้าวเหนียว 500 กิโลกรัมพระครูคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดหนองนกไข่ เจ้าคณะตำบลบางยาง กล่าวว่า การห่อข้าวต้มมัดนี้ จัดเตรียมไว้เพื่อใช้ในพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณขององค์พระเจ้าตากสินมหาราช ที่ตรงกับวันที่ 28 ธ.ค. โดยเมื่อถึงวันที่ 27 ธ.ค. ของทุกปี ชาวบ้านจะมาช่วยกันห่อข้าวต้มมัดและต้มไข่ ซึ่งที่วัดหนองนกไข่นี้ จัดขึ้นมานานกว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยพระอาจารย์คับ ปัญญาพโล หรือพระครูสาครปัญญาคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองนกไข่
อีกทั้งต่อมาเมื่อชาวบ้านที่ได้บนบานสานกล่าว ไว้สมดังหวังก็จะแก้บนด้วยการทำข้าวต้มมัด พร้อมทั้งไข่ต้มมาถวาย และชาวบ้านก็ได้มาช่วยกันห่อข้าวต้มมัดทำทุกปี จนกลายเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ชาวตำบลหนองนกไข่ยึดถือปฏิบัติ นอกจากนี้ การที่ชาวบ้านมาช่วยกันทำข้าวต้มมัดนั้น ยังเพื่อเป็นการสร้างความสามัคคีปรองดองกัน รู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตลอดจนยังเป็นการสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คนรุ่นหลังได้ยึดถือปฏิบัติตามด้วย เพราะแต่ละปีคนที่มาทำข้าวต้มมัดก็จะมีตังแต่เด็ก วัยรุ่นหนุ่มสาว ผู้ใหญ่ จนถึงผู้สูงอายุส่วนข้าวต้มมัดที่ห่อออกมานั้นก็จะมีหลายรูปแบบ ด้วยกันตามความถนัดของคนห่อ เช่น ห่อด้วยใบตอง หรือ ห่อด้วยใบตาลเป็นรูปสี่เหลี่ยม รูปหกเหลี่ยม หรือ บางคนก็ห่อเป็นรูปปลา กับ รูปนก แสดงออกถึงสัญลักษณ์ของตำบลหนองนกไข่ คือ ปลา เป็นตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ของหนองน้ำ
ส่วนนกก็เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ทางด้านการเกษตรของตำบลตามชื่อ หนองนกไข่นั่นเอง และพอหลังจากทำพิธีบวงสรวงเสร็จแล้ว ก็จะมีการแจกข้าวต้มมัดกับไข่ต้มให้ผู้ที่มาร่วมงานได้นำกลับไปรับประทานกัน ซึ่งบางคนก็เชื่อว่าเป็นยารักษาโรคขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1451210473
|
|
|
11914
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: แจ้งเลื่อนเวลา! อัญเชิญพระอัฐิ 'พระสังฆราช' มายังกาญจนบุรี
|
เมื่อ: ธันวาคม 28, 2015, 08:37:06 am
|
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรอัญเชิญพระอัฐิสังฆราชประดิษฐาน วัดเทวสังฆาราม เมืองกาญจน์-วัดญาณสังวรารามฯชลบุรี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วัดบวรนิเวศวิหาร ได้เตรียมอัญเชิญพระเจดีย์ที่บรรจุพระอัฐิธาตุ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก อีก 2 องค์ ไปประดิษฐาน ณ วัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง (วัดเหนือ) จ.กาญจนบุรี และวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบุรี
โดยพระเจดีย์องค์ที่ 2 (องค์สีน้ำตาล) ซึ่งเป็นพระเจดีย์ที่ทำด้วยศิลาจาก จ.กาญจนบุรี จะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง (วัดเหนือ) อ.เมือง จ.กาญจนบุรี อันเป็นสำนักเดิมของสมเด็จพระสังฆราช ในวันที่ 29 ธันวาคม
ส่วนพระเจดีย์องค์ที่ 3 (องค์สีขาว) ซึ่งเป็นพระเจดีย์ที่ทำด้วยศิลาจาก จ.ชลบุรี จะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ในวันที่ 30 ธันวาคม ที่วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นพระอารามที่สมเด็จพระสังฆราชทรงสร้างถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์พระเจดีย์บรรจุพระอัฐิธาตุ ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1451204589
|
|
|
11919
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ทึ่ง.! คนแห่เรียน 'มจร' สายสังคมศาสตร์
|
เมื่อ: ธันวาคม 27, 2015, 08:40:51 am
|
ทึ่ง.! คนแห่เรียน 'มจร' สายสังคมศาสตร์ 'สกอ.'ร่วม'มจร'วางกรอบคุณภาพนิสิต ขีด 2 ปีทั้งป.โท-เอกต้องเขียนพูดอังกฤษได้ แนะต้องสร้างนักบริหาร-ปกครองที่มีคุณธรรม เผยคนสนใจเรียนสายสังคมศาสตร์มาก
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2558 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) จัดสัมมนาระดมความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงหลักสูตร โดยมีพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ รศ. รองคณบดีฝ่ายวิชาการ เป็นประธานเปิด พร้อมกล่าวว่า การจัดอบรมนี้เป็นการฟังความเห็นจากนางสาวนุชนภา รื่นอบเชย ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและการประเมินผลอุดมศึกษา(สกอ.) โดยตรงเพื่อการพัฒนาคุณภาพหลักสูตรว่าจะมีเส้นตัดสินที่ชัดเจนอย่างไร มีแนวทางการประเมินอย่างไรที่ถูกต้องและชัดเจน ซึ่งจะทำให้คณะสังคมศาสตร์พัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพอย่างไรให้มีมาตรฐานต่อมาผศ.ดร.สุรพล สุยะพรหม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการทั่วไป มจร บรรยายเรื่อง "เส้นทางการสร้างคุณภาพของหลักสูตร คณะสังคมศาสตร์ มจร." กล่าวว่า ก่อนอื่นขอชื่นชมผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานและประเมินผลอุดมศึกษา เพราะเข้าใจวัฒนธรรมของ มจร เป็นกัลยาณมิตรเป็นอย่างมาก
"หลักสูตรของคณะสังคมศาสตร์มีคนมาเรียนมากที่สุดใน มจร จึงมีคำถามว่าทำไมสังคมศาสตร์จึงมีคนนิยมมาเรียนเป็นจำนวนมาก เพราะรัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาให้ มจร เรียน "พระไตรปิฎกและวิชาชั้นสูง" ซึ่งต้องเรียนวิชาพระพุทธศาสนาถึง 40 หน่วยกิต มีพระพระพุทธศาสนาเป็นฐานสำคัญ ส่วนคำว่า วิชาชั้นสูง คือ วิชาอุดมศึกษา เช่น นิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เป็นต้น
ฉะนั้น คณะสังคมศาสตร์ มีการบูรณาการทั้งพระพุทธศาสนาและศาสตร์สมัยใหม่ แต่ มจร เน้นเรียนพระไตรปิฏกเป็นพื้นฐานเป็นสำคัญ คณาจารย์สายสังคมศาสตร์มีความตื่นตัวมาก พระภิกษุสงฆ์มาเรียนเพื่อนำไปใช้ "เชิงการปกครองเชิงการบริหาร" แต่เรามีพระพุทธศาสนาเป็นฐานสำคัญ ฉะนั้นสังคมศาสตร์ มจร รักษามาตรฐานของการศึกษา ซึ่ง มจร โชคดีที่ได้ผู้อำนวยการ สกอ. มาให้ความรู้โดยตรงเกี่ยวกับเกณฑ์การประเมินในครั้งนี้นางสาวนุชนภา บรรยายเรื่อง "แนวทางการปรับปรุงหลักสูตรตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2558" ความว่า กล่าวว่า เกณฑ์ใหม่ของ สกอ.มีผลบังคับใช้ เดือนพฤศจิกายน 2558 นี้ ซึ่งยกเลิกเกณฑ์เก่า ซึ่งใช้มา 10 ปีเเล้ว เกณฑ์ใหม่มีผลบังคับใช้ 14 พฤศจิกายน 2558 โดยมีวัตถุประสงค์ในการปรับปรุง คือ ยกระดับมาตรฐานการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา และเป็นการยืดหยุ่นในการจัดหลักสูตร เกิดความร่วมมือกับองค์กรภายนอก
ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานของความสามารถภาษาอังกฤษของนิสิตไว้ โดยเน้นการทดสอบด้านการอ่าน การเขียน การพูด การใช้งานได้ เพราะภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการค้นคว้า ศึกษาหาองค์ความรู้ โดยให้มหาวิทยาลัยกำหนดเองภายใน 2 ปีนี้ ซึ่ง สกอ.ก็จะกำหนดเกณฑ์ออกมาแบบมาตรฐานในเรื่องภาษาอังกฤษออกมา ส่วนการทำวิทยานิพนธ์หากพบว่า มีการจ้างทำหรือคัดลอกสามารถถอดถอนได้ทันที
อย่างไรก็ตามนางนุชนภา กล่าวว่า สำหรับมจร นี้มีอัตลักษณ์จุดเด่นคือ ต้องเน้นสร้างนักรัฐศาสตร์ นักนิติศาสตร์ นักพัฒนาสังคม นักบริหาร นักปกครองที่มีคุณธรรม เพราะ มจร เรียนพระไตรปิฎกเป็นฐานสำคัญบูรณาการเข้ากับวิชาชั้นสูงตามปณิธานรัชกาลที่ 5ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.komchadluek.net/detail/20151226/219413.html
|
|
|
11920
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เตรียมจะบวชให้พ่อแม่ ปืนลั่นใส่ตายคาบ้านพัก
|
เมื่อ: ธันวาคม 27, 2015, 08:36:31 am
|
เตรียมจะบวชให้พ่อแม่ ปืนลั่นใส่ตายคาบ้านพัก สลดหนุ่มสุพรรณฯเตรียมจะบวชให้พ่อแม่ต้นปีหน้า เคราะห์ร้ายเอาปืนมาขัดเกิดลั่นใส่ตูมตายคาบ้านพัก
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. พ.ต.ท.นิยม แตงโสภา พงส.สภ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งคนถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิต ที่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 3 ต.องครักษ์ ภายหลังพบศพ นายวุฒิชัย บุญเกิด อายุ 20 ปี เสียชีวิตอยู่บนเตียงนอนจมกองเลือด สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่ปากทะลุศีรษะด้านหลัง ปลายเท้ามีอาวุธปืนลูกซอง 5 นัด ตกอยู่ที่ข้างศพมีกระสุนปืนลูกซอง ตกอยู่ 1 ปลอก และในรังเพลิงอีก 2 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบถามทราบว่าผู้ตายกำลังจะบวชมีกำหนดปลายเดือนมกราคม 2559 ที่จะถึงนี้ ช่วงเกิดเหตุไม่มีใครพบเห็นทราบเพียงว่า ผู้ตายอยู่ในห้องเพียงลำพัง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า ผู้ตายน่าจะนำปืนลูกซองมาเช็ดทำความสะอาด แต่ไม่ทันระวังหรือนำกระสุนปืนออกไม่หมด ทำให้ปืนลั่นใส่เสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้ส่งศพไปชันสูตรตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป.ขอบคุณภาพข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/regional/369509
|
|
|
|