ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: วัดสุทัศนเทพวราราม พระอารามประจำรัชกาลที่ 8 ศูนย์กลางของพระนครและจักรวาล  (อ่าน 2690 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28458
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

วัดสุทัศนเทพวราราม พระอารามประจำรัชกาลที่ 8 ศูนย์กลางของพระนครและจักรวาล

วัดสุทัศนเทพวราราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 146 แขวงราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ในปีพ.ศ. 2350 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้น บริเวณใกล้กับเสาชิงช้า และเทวสถาน ซึ่งถือว่าเป็นกึ่งกลางพระนคร และได้พระราชทานนามว่า “วัดมหาสุทธาวาส” หมายถึง วัดที่งามเลิศดุจเมืองเทวดาชั้นสวรรค์
       
       โดยโปรดเกล้าฯให้สร้างวิหารก่อน เพื่ออัญเชิญพระศรีศากยมุนี (พระโต) จากวิหารหลวง วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย มาประดิษฐานเป็นหลักแก่พระนคร โดยในคราวอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นประดิษฐานนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างสูงสุดของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เพราะในขณะนั้นทรงกำลังประชวร แต่ก็เสด็จพระราชดำเนินโดยมิได้ทรงฉลองพระบาท ในขบวนแห่ชักลากองค์พระจากแพจนถึงบริเวณที่จะก่อสร้างพระวิหาร


        :25: :25: :25: :25:

       แต่การก่อสร้างพระวิหารยังไม่แล้วเสร็จ รัชกาลที่ 1 ก็เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการต่อ และทรงร่วมแสดงฝีพระหัตถ์จำหลักภาพบนบานประตูกลางคู่หน้าพระวิหาร เป็นรูปภูเขาต้นไม้ ถ้ำคูหา และรูปสัตว์ต่างๆ สลับซับซ้อนเป็นชั้นๆ ถือเป็นบานประตูที่วิจิตรงดงาม และมีคุณค่ายิ่งทางประวัติศาสตร์ แต่น่าเสียดายที่ไฟไหม้บานประตูไปหนึ่งบาน อีกบานหนึ่งจึงได้นำไปเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
       
       ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระราชศรัทธาที่จะสถาปนาพระอารามแห่งนี้ให้สำเร็จ จึงโปรดให้พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาเป็นแม่กองดูทั่วไป และพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทักษเทเวศร สร้างพระอุโบสถใหญ่ และทำพระระเบียงล้อมพระวิหาร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ด้วย

        st12 st12 st12 st12

      การก่อสร้างทั้งพระอารามแล้วเสร็จบริบูรณ์ใน พ.ศ. 2390 และโปรดให้มีการสมโภช และพระราชทานนามใหม่ จากที่เรียกขานกันว่า “วัดพระโต” “วัดพระใหญ่” หรือ “วัดเสาชิงช้า” เป็น “วัดสุทัศนเทพวราราม”


        :25: :25: :25: :25: :25:

       สิ่งสำคัญในพระอารามหลวงแห่งนี้มีมากมาย ที่สำคัญได้แก่

       • พระอุโบสถ กว้าง 22.60 เมตร ยาว 72.25 เมตร เป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และสูงใหญ่มาก หลังคา 4 ชั้น มีเสาสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่รองรับหลังคาทั้งหมด 68 ต้น
       
       ภายในพระอุโบสถ ที่แท่นหินอ่อนด้านหน้าพระประธาน เป็นที่ประดิษฐานปูนปั้นพระอสีติมหาสาวก 80 องค์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โปรดให้ปั้นขึ้น
       
       ส่วนภาพจิตรกรรมฝาผนังในอุโบสถเป็นภาพชาดก และป่าหิมพานต์ แต่มีอยู่ภาพหนึ่งคือ ภาพเปรตตนหนึ่งนอนทอดกายอยู่ และมีพระสงฆ์ยืนพิจารณา ภาพนี้มีชื่อเสียงมากในอดีต เป็นที่เลื่องลือในหมู่ผู้ที่ไปที่วัดนี้ จนขึ้นชื่อว่า “เปรตวัดสุทัศน์”

       
ภายในพระอุโบสถ

       พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ เป็นพระประธานภายในพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้หล่อขึ้น หน้าตักกว้าง 10 ศอก 8 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถวายพระนามว่า “พระพุทธตรีโลกเชษฐ์”
       
       • พระวิหารหลวง กว้าง 23.84 เมตร ยาว 26.25 เมตร มีความวิจิตรงดงามไม่แพ้กัน โดยเฉพาะประตูที่ได้รับการแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจง และหนึ่งในนั้นเป็นฝีพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 2
       
       สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารหลวงซึ่งมีทั้งภาพที่ฝาผนังและที่เสาพระวิหาร เป็นภาพเกี่ยวกับไตรภูมิกถา และพระพุทธเจ้าในอดีต ซึ่งมีนัยเชิงสัญลักษณ์ให้พระวิหารหลวง เสมือนเป็น “ศูนย์กลางของจักรวาล คือเขาพระสุเมรุ” เพราะหน้าบันมุขหน้าสลักเป็นรูปพระอาทิตย์ประทับในบุษบกบนราชรถเทียมราชสีห์ มุขหลังเป็นรูปพระจันทร์ประทับในบุษบกบนราชรถเทียมม้า ซึ่งหมายถึง พระอาทิตย์และพระจันทร์เวียนรอบเขาพระสุเมรุ นั่นก็คือพระวิหารหลวงนั่นเอง

       
ภายในพระวิหาร

       พระศรีศากยมุนี เป็นพระประธานในพระวิหาร หน้าตักกว้าง 3 วา 4 นิ้ว สูง 4 วา รัชกาลที่ 1โปรดให้อัญเชิญมาจากวิหารหลวง วัดมหาธาตุ กลางเมืองสุโขทัย
       
       • พระพุทธเสฏฐมุนี เป็นพระประธานในศาลาการเปรียญ หน้าตักกว้าง 4 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว รัชกาลที่ 3 โปรดให้หล่อขึ้นจากกลักฝิ่นที่ทรงประกาศให้ราษฎรเลิกสูบ และนำฝิ่นที่จับได้มาเผาจนหมดทั้งเมือง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ถวายพระนามว่า “พระพุทธเสฏฐมุนี”

       
พระพุทธเสฏฐมุนี

       • สัตตมหาสถาน คือ สถานที่สำคัญ 7 แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุข แห่งละ 1 สัปดาห์ หลังจากได้ตรัสรู้แล้ว
       
       รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างจำลองขึ้นแทนพระธาตุเจดีย์ ก่อเป็นแท่นอิฐประดับด้วยศิลาแกะสลัก ปลูกต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นจิก ต้นเกต และรูปเรือนแก้ว เป็นรูปเก๋งจีน ทำด้วยศิลาล้วน และทรงสร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ ประทับในสัตตมหาสถาน

       
พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8

       • พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ประดิษฐานบริเวณลานประทักษิณ ชั้นล่างมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือพระวิหารหลวง
       
       วัดสุทัศนเทพวรารามถือเป็นพระอารามประจำรัชกาลที่ 8 ด้วยคราวที่พระองค์เสด็จนิวัติพระนครครั้งแรก ได้เสด็จมาที่วัดนี้ และทรงพระราชปรารภว่า สถานที่วัดสุทัศน์ฯ ร่มเย็นน่าอยู่ และเมื่อทรงประกอบพิธีแสดงพระองค์เป็นพุทธมามกะ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สกลมหาสังฆปรินายก (แพ ติสสเทโว) เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์ฯ ทรงเป็นพุทธมามกจารย์และถวายโอวาท
       
       เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลเสด็จสวรรคตแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจุพระบรมราชสรีรางคารพระบรมเชษฐาธิราชเจ้าไว้ ณ ผ้าทิพย์ ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนี เมื่อ พ.ศ. 2493


        ans1 ans1 ans1 ans1

       วัดสุทัศนเทพวรารามสง่างามโดดเด่นเป็นศูนย์กลางของพระนครและเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนมาช้านาน กระทั่ง พ.ศ. 2438 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้โปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมพระวิหารพระศรีศากยมุนีครั้งใหญ่ จากนั้นก็มีการบูรณปฏิสังขรณ์อาคารเสนาสนะต่างๆ เรื่อยมา
       
       จนกระทั่งปี 2557 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้จัดทำโครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดสุทัศนเทพวราราม โดยบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2559

       
จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 165 กันยายน 2557 โดย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ที่มา http://www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9570000099979
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2014, 10:43:56 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตํานานพระกริ่งวัดสุทัศน ตํานานการสร้างของ สมเด็จพระสังฆราชแพ  วัดสุทัศนเทพวราราม หนึ่งในต้นตํารับพระกริ่ง

       ในช่วงปีใหม่แทบทุกปี ทางวัดจะอาราธนานิมนต์ หลวงปู่อั้น วัดโรงโค อุทัยธานี และหลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว สระแก้วมาให้ศิษยานุศิษย์และประชาชนได้มีโอกาศกราบไหว้ ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังทําแบบนี้อยู่หรือเปล่านะ ไม่ขอยืนยัน
 ต้องลองถามทางวัดดู เอาเอง

            ตอนนี้มี กริ่งวัดช้าง บ้านนา นครนายก ที่ใช้ตําราการสร้างแบบนี้  แบบเดียวกัน
   หากเปิดหนังสือรูปสีที่เกี่ยวกับพระกริ่งวัดสุทัศน ก็อาจจะเจอ พระกริ่งวัดช้าง ด้วย
       :035: :035: :035: :welcome: :035: :035: :035:
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา