ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ‘ตาเขม่น’ ขวาก็ร้าย ซ้ายก็ไม่ดี  (อ่าน 864 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
‘ตาเขม่น’ ขวาก็ร้าย ซ้ายก็ไม่ดี
« เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2015, 11:22:43 pm »
0


‘ตาเขม่น’ ขวาก็ร้าย ซ้ายก็ไม่ดี
โดย...พริบพันดาว

คนไทยกับความเชื่อเรื่องโชคลางเป็นของที่อยู่คู่กัน สั่งสมตกทอดต่อเนื่องกันมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ไม่เชื่อแต่ก็อย่าลบหลู่ ฟังหูไว้หูเป็นเรื่องที่ดีที่สุด การเตือนของอวัยวะหรือกล้ามเนื้อในร่างกาย ที่คนไทยนำไปผูกกับความเชื่อทางโชคลางที่พบบ่อยและง่ายที่สุดก็คือ อาการตาเขม่น โดยนำไปผูกติดกับคำว่า ขวาและซ้าย จนมีความเชื่อพูดกันติดปากว่า “เขม่นตาขวาจะร้าย เขม่นตาซ้ายจะดี”

เมื่อมาดูกันในเรื่องสุขภาพกาย โดยอ้างอิงข้อมูลทางการแพทย์ อาการตาเขม่นเป็นโรคชนิดหนึ่ง มีศัพท์ทางการแพทย์บัญญัติว่า ตากระตุก (Benign Essential Blepharospasm)

 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:

จากข้อมูลที่เผยแพร่โดยคณะอนุกรรมการวิชาการ ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ชี้ชัดถึงสาเหตุของอาการตากระตุกว่า เป็นภาวการณ์เกร็งตัวของกล้ามเนื้อหนังตา (Orbicularis Oculi) โดยไม่ตั้งใจ (Involuntary) จากการศึกษาคาดว่าน่าจะเกิดจากการประสานงานผิดปกติ(Miscommunication) ของเซลล์สมอง (ส่วน Basal Ganglia) และอาจจะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย

เมื่ออ้างอิงจากศัพท์ทางการแพทย์ก็ดูเข้าใจยาก มาสังเกตอาการตาเขม่นหรือการกระตุกของตาโดยไม่ตั้งใจนั้น ก็คืออยู่ดีๆ กล้ามเนื้อหรือหนังตา (อาจจะซ้ายหรือขวา) มันก็กระตุกขึ้นมาเอง ทั้งด้านบนหรือล่างของหางตาก็ได้ แรกๆ ก็จะมีการกระตุกเกร็งหรือเขม่นของกล้ามเนื้อตาไม่มาก แล้วจะหายไปเอง แต่จะทำให้ผู้ที่มีอาการเขม่นตากะพริบตาถี่ขึ้นกว่าปกติไปโดยอัตโนมัติ



หากเกิดความเครียดหรืออ่อนเพลีย รวมถึงการอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างจ้า จะทำให้มีอาการรุนแรงมากขึ้น กล้ามเนื้อหนังตาเกร็งจนต้องกะพริบตาแรงๆ บางคนถึงกับลืมตาไม่ขึ้นและมีกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกเกร็งร่วมด้วย ซึ่งตอนนี้จะไม่เลือกซ้ายหรือขวาแล้ว อาจจะเป็นทั้งสองข้างเลยก็ได้

แน่นอน อาการตาเขม่นมักจะไม่เกิดขึ้นบ่อย นานๆ ทีจะมากระตุกให้รำคาญหรือคิดถึงเรื่องโชคลางกันสักที โดยส่วนมากมาแล้วก็จะหายไปเอง แต่ถ้ามีอาการบ่อยๆ หรือเป็นๆ หายๆ ก็จะนำไปสู่อาการตาเขม่นเรื้อรังได้

 :41: :41: :41: :41:

เมื่อรู้ตัวว่าตาเขม่นหรือกระตุก หลังจากดูว่าซ้ายหรือขวาร้ายหรือดีแล้ว ก็ควรจะบำบัดทันที การที่จะทำให้ภาวะตาเขม่นดีขึ้นหรือหายไปก็คือ การนอนหลับ การใช้สมาธิมุ่งมั่นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่นการพูด การร้องเพลง ซึ่งจะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายหรือพักผ่อนเต็มที่

โดยรวมอาการตาเขม่นก็จะไม่รุนแรงมากนัก โรคนี้ผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชายประมาณ 2 เท่า แต่หากกำเริบเสิบสานถึงขั้นรุนแรงก็ต้องไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยกันอย่างละเอียดโดยแพทย์เฉพาะทางคือ จักษุแพทย์ เพราะภาวะตากระตุกหรือเขม่นตามักพ่วงมากับโรคอื่นที่ทำให้เกิดอาการนี้ นั่นก็คือ เปลือกตาอักเสบ ตาแห้ง ขนตาผิดปกติ การติดเชื้อของตา กระจกตาอักเสบ ต้อหิน ต้อกระจก โรคจอประสาทตา



หากตรวจพบโรคเหล่านี้ร่วมด้วยก็รักษาง่ายขึ้น เพราะค้นพบสาเหตุที่แน่ชัดซึ่งเป็นที่มาของภาวะตาเขม่น แต่ถ้าไม่พบว่ามีโรคตาอื่นเป็นต้นเหตุ ก็สรุปได้ว่าเป็นตากระตุกชนิดที่ไม่ทราบสาเหตุ(Benign Essential Blepharospasm) จะทำการรักษาโดยใช้ยากิน ซึ่งมีให้เลือกใช้หลายกลุ่มแล้วแต่แพทย์จะเลือกใช้

ถ้าใช้ยากินไม่ได้ผลก็จะพิจารณาใช้ยาฉีด ที่นิยมในปัจจุบันคือ การฉีด Botulinum Toxin บริเวณที่มีอาการ เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ซึ่งได้ผลดีมาก ประมาณ 95% ของผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นโดยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-3 เดือน ก็จะต้องฉีดซ้ำ แต่บางคนอาจอยู่ได้ 6-9 เดือน ผลข้างเคียงพบได้บ้าง แต่เป็นอยู่ชั่วคราวจะหายไปเองได้ เช่น หนังตาตก ตาปิดไม่สนิท หนังตาม้วนเข้าในหรือม้วนออกนอก มองเห็นภาพซ้อน เป็นต้น

 :96: :96: :96: :96:

ผู้ป่วยตากระตุกบางคนใช้ยากินไม่ได้ผล พอมารักษาด้วยยาฉีดก็ไม่ได้ผล แพทย์ก็จะใช้วิธีการผ่าตัดเป็นการผ่าตัดเอากล้ามเนื้อหนังตาออก (Myectomy) ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้มากกว่าการผ่าตัดเส้นประสาท (Neurectomy) ที่พบภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่า

เพราะฉะนั้นการมีอาการตาเขม่นมีการกระตุกกล้ามเนื้อของบริเวณรอบตา ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในภาวะนี้บางรายอาจเกิดเป็นประจำจนอาจติดเป็นนิสัยได้ โดยมักจะมีอาการกระตุกมากเวลาเครียดหรือกังวลใจ อย่ามัวแต่สังเกตว่า ขวาร้ายซ้ายดี แต่ควรรีบพบจักษุแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงจะดีกว่า...


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.posttoday.com/life/health/376684
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ