สัมมาวาจา เป็นวาจา ที่ ควร สำหรับสงฆ์ ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควร
พระสงฆ์ คือ รัตนะหนึ่ง ในสามรัตนะ ที่พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า เป็นแก้ว ที่ควรแก่ พุทธบริษัท อ่านใน รตนสูตร ดูก็แล้วกัน
ดังนั้น ในหมู่พระสงฆ์ เวลาใช้คำพูด ในการแสดงความเคารพ ซึ่งกันและกัน นั้นใช้คำเรียกกัน สองอย่าง นี่แบบเคารพแบบทั่วไปนะ
คือ ภันเต ( ท่านผู้เจริญ ) เรียกผู้มีพรรษามากกว่า อาวุโส ( ท่านผู้มีอายุ ) เรียกผู้มีพรรษาน้อยกว่า
สูงขึนไป ก็เรียกว่า อุปัชฌาย์ อาจริยะ ( ท่านอุปัชฌาย์ , ท่านอาจารย์ ) อย่างนี้
แต่ปัจจุบันหลายท่าน จาบจ้วง ปรามาส เรียก พระผู้ใหญ่กว่า อย่างกับเพื่อน เช่น
เรียก สารีบุตร โมคคัลลานะ อานนท์ ( พระสงฆ์ ที่พระพุทธเจ้ายกย่อง เป็น เอตทัคคะ ด้วย ) เรียกนามตรง ๆ นั้น จัดเป็นการปรามาส ถึงแม้พระอริยะท่านไม่ได้ ต้องการความเคารพ จากใคร ๆ แต่คนที่เคารพในพระรัตนตรัย ก็ควรจะต้องระมัดระวัง ด้วย
ปล พระอรหันต์เอตทัคคะ 40 อนุพุทธ 80 ่ที่พระพุทธรับรองว่า เป็นพระขีณาสพแล้ว เป็นอรหันต์ แล้ว ท่านทั้งหลาย อย่าร่วมการกล่าววาจาตำหนิติเตียน ท่านเลยเป็นการปรามาสตรง เลยนะ นี่ฉันไม่ยกพระในปัจจุบัน เอาแค่ยุคพระพุทธเจ้าอยู่ ฉันฟังมามากแล้วตอนนี้ พระบางรูป กล่าวติเตียน พระสารีบุตร บ่อยครั้งมาก ว่าสอนผิดบ้าง ไม่ถูกบ้าง ( ตัวเองดีกว่า พระสารีบุตร หรือไม่ ใครรับรอง ) ดังนั้นเตือนท่านทั้งหลาย อีกครั้งที่เป็นศิษย์ อย่าได้ร่วมวงกับพวกติเตียนพระอริยะเจ้า
พระอรหันต์ ท่านบริสุทธิ์ ด้วยกาย วาจา และ ใจแล้ว แม้วินัยก็ไม่ปรับอาบัติ ยกฐานะแห่งอาบัติออก อย่าหาเรื่องปรามาสสังฆรัตนะ อันพระพุทธเจ้า ทรงแต่งตั้งแล้ว
กรรมอันติเตียนพระอริยะเจ้า ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่อย่างนี้ ยิ่งกว่าการปรามาส อาจนำไปนำสู่ สังฆเภท ( เป็นอนันตริยกรรม )