ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนไทยใช่กบเฒ่า? เถรวาท vs. ลัทธิอาจารย์ (7)  (อ่าน 1436 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28492
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


คนไทยใช่กบเฒ่า? เถรวาท vs. ลัทธิอาจารย์ (7)
พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต ป.ธ.๙)

ดูกันก่อนว่า เถรวาทที่พูดถึง เป็นแบบของใคร

ในเรื่องนี้ ประเด็นสำคัญมีอยู่ 2 จุด คือ

หนึ่ง ความหมายของคำว่า "เถรวาท"

สอง เรื่องกาลามสูตร

สำหรับข้อหนึ่ง คือความหมายของคำว่า "เถรวาท" นั้น ตอนนี้เราแยกเป็น

1) ความหมายของเถรวาท หรือเถรวาทในความหมายของคุณสุจิตต์ วงษ์เทศ

2) เถรวาทในความหมายของพระพุทธศาสนาเอง

ตามที่อ่านนี่ก็ชัดอยู่แล้วว่า ในความหมายของ คุณสุจิตต์ วงษ์เทศ


"เถรวาท" คือ การเล่าเรียนศึกษาแบบเอาแต่ท่องจำ เชื่อฟังครูอาจารย์ ท่านบอกว่าอย่างไร ก็เชื่อตามนั้น แล้วก็ว่าตามๆ กันไป

อันนี้ไม่ได้ว่าตามถ้อยคำตรงตัวอักษรของท่านผู้เขียนนะ แต่จับเอาความอย่างนี้ ผมจับความนี้ถูกไหม (เสียงตอบว่า "ถูก")


เมื่อจับความนี้ถูก เราก็มามองดูว่า เถรวาทในความหมายของพระพุทธศาสนาเอง เป็นอย่างไร

ในความหมายของพระพุทธศาสนา

เถรวาท คือระบบการสืบทอดพระพุทธศาสนา ที่มุ่งจะรักษาคำสอนเดิมของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะถ้าเป็นไปได้ ก็รักษาตัวพุทธพจน์เดิมไว้ ให้ซื่อตรง และครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้

นี่หมายความว่า จะให้ครบหมดจริงย่อมไม่ได้ ก็เท่าที่จะทำได้ นี้คือความหมายของเถรวาทในพระพุทธศาสนา

ในแง่ที่หนึ่งนี้ จะเห็นว่า เถรวาทมีความหมายไม่เหมือนกัน คือเราแยกได้เลยว่า :

ถ้าใครมาพูดถึงเถรวาทว่าคือลัทธิท่องจำ ว่าตามครูอาจารย์ เชื่อไปเถอะ เราก็บอกนี่คือเถรวาทในความหมายของคุณสุจิตต์ วงษ์เทศ หรือท่านจะบัญญัติอย่างไรก็แล้วแต่

ส่วนความหมายของเถรวาทที่เป็นพุทธศาสนา เราบอกได้ชัดเลยว่า คือระบบการสืบทอดพุทธศาสนาที่มุ่งรักษาคำสอนดั้งเดิม โดยเฉพาะพุทธพจน์ ให้คงอยู่อย่างซื่อตรง และครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้

เป็นอันต้องดูกันก่อนว่า เถรวาทที่เอามาพูดนั้น เป็นเถรวาทแบบของใคร

ถ้าไม่มีเถรวาท ก็ไม่มีกาลามสูตร

ทีนี้ก็มาถึงประเด็นที่ 2 คือที่ท่านผู้เขียน หมายถึงคุณสุจิตต์ วงษ์เทศ พูดถึงกาลามสูตร โดยโยงมาเข้ากับเรื่องเถรวาท คือ ไปยกเอากาลามสูตรมาตีเถรวาท

คุณสุจิตต์บอกว่า กาลามสูตรสอนไว้ ไม่ให้เชื่ออย่างนั้น ไม่ให้เชื่ออย่างนี้ ไม่ให้เชื่อครูอาจารย์ แล้วทีนี้ กาลามสูตรนั้นคืออะไร

กาลามสูตร ก็คือพระสูตรหนึ่งในพระไตรปิฎก เล่ม 20 อยู่ในติกนิบาต อังคุตตรนิกาย

ในประเด็นที่ 1 ได้บอกแล้วว่า ตามความหมายของพระพุทธศาสนา "เถรวาท คือระบบการสืบทอดพระพุทธศาสนา ที่มุ่งจะรักษาคำสอนเดิมของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะถ้าเป็นไปได้ ก็รักษาตัวพุทธพจน์เดิมไว้ ให้ซื่อตรง และครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้"

จากความหมายนี้แหละ เถรวาทก็ได้รักษาคำสอนเดิมของพระพุทธเจ้าไว้จนมาถึงเราในรูปที่เรียกว่า พระไตรปิฎกบาลี

กาลามสูตรเป็นพระสูตรหนึ่ง ซึ่งอยู่ในพระไตรปิฎกบาลีที่เถรวาทรักษาไว้ เพราะฉะนั้น กาลามสูตรจึงมาถึงเราได้ และเราจึงรู้จักกาลามสูตรได้ ก็เพราะเถรวาทนี่แหละรักษาไว้

ถ้าพูดอย่างง่ายๆ ก็บอกว่า ถ้าไม่มีเถรวาท ก็ไม่มีกาลามสูตรให้คุณสุจิตต์รู้จักด้วย

ทีนี้พอใครอ้างพระไตรปิฎก เขาก็หาว่าติดคัมภีร์ คราวนี้คุณสุจิตต์อ้างกาลามสูตร ก็คืออ้างพระไตรปิฎกตอนหนึ่งนั่นเอง ไปๆ มาๆ คุณสุจิตต์ก็เลยกลายเป็นผู้ติดคัมภีร์ด้วย

แต่ที่จริง คนที่อ้างพระไตรปิฎก อ้างคัมภีร์ ไม่จำเป็นต้องติดคัมภีร์ แต่เขาอ้างเพื่อให้เห็นหลักฐาน และตัวคนอ้างเองก็จะได้ระวังที่จะบอกข้อมูลให้ตรงกับของจริง แล้วก็จะได้รู้ที่ไปที่มา พอได้หลักฐานหรือตัวข้อมูลเดิมแล้ว ทีนี้ละ คนอื่นก็จะตรวจสอบคนที่อ้างนั้นได้ หรือจะค้นคว้าหาความรู้ให้ยิ่งขึ้นไปอีก ก็ทำเองได้โดยไม่ต้องมาอาศัยคนที่อ้างนั้นด้วย



ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNekEyTURFMU5RPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1pMHdNUzB3Tmc9PQ==
ขอบคุณภาพจาก http://www.watnyanaves.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ