แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - painting
|
หน้า: [1] 2
|
11
|
เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / Re: "มนุษย์กล้อง-นักถ่ายประจาน"... ระวังติดคุกไม่รู้ตัว
|
เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 11:15:39 pm
|
นักวิจารณ์ ต่างหาก ที่ควรรับโทษ การแสดงความเห็น ในโลก เสรี ประชาธิปไตย บางครั้งก็นำมาซึ่งความ เกลียดชัง ลุงคนหนึ่ง แกไม่ได้ทำงาน อยู่ที่บ้าน เพราะมีสมบัติพ่อแม่ เหลือกินเหลือใช้ อยู่มาวันหนึ่งมีคนไปสัมภาษณ์ ลุงคนนี้ ลุงคนนี้ชาวสังคม ติชม กันอย่างมากมาย แต่ คำติ มากกว่า คำชม นะ ถามว่าลุงสบายใจไหม เมื่อมีคนไปถามลุง ท่านนี้ ท่านตอบว่า เราไม่น่าเปิดโอกาสให้มาสัมภาษณ์ ชีวิตอยู่สุขสงบ สบาย ไม่มีคำอะไรมากวนใจ ร่วม 70ปี พอให้สัมภาษณ์ ออกไปผลปรากฏว่า มีคำที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ เป็นอย่างมาก บางคนขุดเรื่องตระกูล มาด่ามาว่า อีกมากมาย ทั้ง ๆที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเข้าใจ แต่การที่จะต้องไปตอบแก้คำกล่าวหา มันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ จริง ๆ
|
|
|
12
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: พ่อ"น้องไอนส์"เปิดใจ เชื่อลูกจำศีลยังไม่ตาย
|
เมื่อ: เมษายน 19, 2015, 11:10:32 pm
|
เป็นเรื่องดี ที่มีการบุกเบิก วิทยาการทางการแพทย์ สำหรับคนสมัยใหม่ ยุคใหม่ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ น่ากล่าวยกย่อง ถึงคุณพ่อคุณแม่ ที่มีความศรัทธา ต่อ วิทยาการทางการแพทย์ ว่าจะมีอนาคตที่ดี สำหรับ ทางวิถีชีวิต ก็จัดเป็นเรื่องสวนกระแส ของวัฏจักร อันนำไปสู่กระบวนการชีวิตอมตะ ทีมีคนที่มีเงิน ได้ทำการใช้ วิทยาทางการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อทำการตัดต่อพันธุกรรม ย้ายสมอง เปลี่ยนร่าง ต่าง ๆ สภาวะ เหล่านี้ เรียกว่า สภาวะ อัตตา ไม่เป็นธรรมชาติ ของ วัฏจักร แห่งการเกิด และ ดับ เพราะ อุปทาน เป็นเหตุ ให้เกิด ตัณหา นั่นเอง ( ลองฟังเสียงธรรม พระอาจารย์ ดูนะครับ)
|
|
|
21
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ อาจารย์ หลวงปู่รอด วัดนายโรง
|
เมื่อ: มกราคม 02, 2013, 08:56:25 pm
|
ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.watkositaram.comหลวงปู่แขก (มรณภาพประมาณปี พ.ศ. 2466 อายุประมาณ 80 ปีขึ้นไป) เป็นอดีตเจ้าอาวาส รุ่นที่ ๒ ต่อจากสมภารพราหมณ์ (หรือพรหม) วัดบางบำหรุ กรุงเทพมหานคร วัดบางบำหรุเป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ ตำบลบางบำหรุ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ด้านฝั่งธนบุรี (อยู่หลังเซ็นทรัลปิ่นเกล้า) วัดนี้มีมาตั้งแต่ สมัยอยุธยาตอนปลายเคยมีการขุดพบพระเครื่องจากเจดีย์ใกล้วิหารเก่าเป็นพระเครื่องเนื้อดินเผาศิลปะ สมัยอยุธยาตอนปลายทั้งสิ้น บริเวณวัดอยู่ต่อกับวัดสุวรรณคีรี (วัดขี้เหล็ก) และใกล้วัดนายโรง หลวงปู่แขก นั้นเป็นพระเกจิยุคเก่าที่แก่กล้าในพระเวทย์ วิทยาคม และโด่งดังมากในแถบ ย่านบางบำหรุและท่านเป็นพระอาจารย์ของสมภารฉาย (เจ้าอาวาสลำดับต่อจากหลวงปู่แขกและสมภารฉายเป็น พระอาจารย์ของหลวงพ่อรัตน์ สุมโน) หลวงปู่แขกเป็นพระร่วมสมัยเดียวกับพระปลัดทองซึ่งพระอาจารย์ของ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แต่เนื่องจากประวัติของหลวงปู่แขก นั้นมีการจดบันทึกไว้น้อยมากประกอบกับ ท่านสร้างวัตถุมงคลไว้ไม่มากและไม่ได้แพร่หลายไปยังพื้นที่ต่างๆ ประวัติของท่านจึงถูกลืมเลือนไปตามยุคสมัย ที่ผ่านไปทำให้ปัจจุบันมีผู้ทราบประวัติและรู้จักท่านน้อย
จากคำบอกเล่าของพระครูธรรมวิจารณ์ (ชุ่ม) อดีตเจ้าอาวาส วัดศรีสุดาราม (วัดชีปะขาว) เขตบางกอกน้อย ซึ่งเล่าไว้เมื่อปี พ.ศ. 2517 ขณะท่านอายุ 97 ปี พรรษา 71 ว่า หลวงปู่รอด วัดนายโรง (ปรมาจารย์ทางเบี้ยแก้อันโด่งดัง) ได้เล่าให้ท่านฟังว่า หลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ เป็นพระที่มาจากนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และหลวงปู่รอดได้ศึกษาวิชาเบี้ยแก้จากหลวงปู่แขก ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ ขณะที่หลวงปู่แขกมาอยู่ที่วัดบางบำหรุนั้น ท่านเป็นพระมาแล้วโดยได้ธุดงค์มาจากนครชัยศรี พื้นเพหลวงปู่แขก เป็นชาวอยุธยาเป็นสหายกับพระปลัดปาน วัดตุ๊กตา (พระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว) และพระปลัดทอง วัดกลางบางแก้ว (วัดคงคาราม) จังหวัดนครปฐม (พระกรรมวาจาจารย์และพระอาจารย์ ซึ่งสอนวิชาการต่างๆ และวิชาอาคมให้หลวงปู่บุญ) ส่วนหลวงปู่แขกจะมาธุดงค์มาจากวัดตุ๊กตา หรือ วัดกลางบางแก้วนั้นไม่เป็นที่แน่ชัด พระปลัดปาน พระปลัดทองและหลวงปู่แขกนั้นเป็นสหายกันหรืออาจเป็น ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน
ดังนั้น วิชาเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว และหลวงปู่รอด วัดนายโรงนั้นน่าจะมา จากแหล่งเดียวกัน คือวิชาเบี้ยแก้สายสมเด็จพระวันรัต วัดป่าแก้ว ซึ่งสืบทอดพุทธาคมจากสำนักวัดประดู่ในทรงธรรม ครั้งยุคกรุงศรีอยุธยา
|
|
|
35
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทำไมการทำสมาธิ จะเป็นการเพิ่มพลังจิต ได้จริงหรือครับ
|
เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 12:51:32 pm
|
คือพอจะทราบมาว่า การทำสมาธินั้น จะได้ผลคือ อัปปนาจิต ทำจิตให้สงบ แต่บางท่านกล่าวว่า ทำจิตเป็นสมาธิ จะทำให้จิตมีกำลัง หรือ พลังจิต อันนี้เกี่ยวข้องอย่างไรครับ เปรียบเทียบง่าย ๆ เหมือน น้ำที่สงบนิ่ง ไม่ไหวติง จะมีกำลังใด ๆ เกิดขึ้น คนที่สงบ ย่อมไม่ได้ออกกำลัง เช่นกัน จิตที่สงบ ก็คือจิตที่ไม่ได้ออกกำลัง ดังนั้นถ้าพิจารณาจากสมการ แล้ว จิตที่สงบ(เป็นสมาธิ) นั้นย่อมไม่มีกำลัง หรือพลังจิต ใช่หรือไม่ครับ
|
|
|
36
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ปาฏิหาริย์ พระบรมสารีริกธาตุเสด็จ กับ บุคคลสำคัญ
|
เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 12:46:57 pm
|
เหมือนคนที่กล่าวว่าเขารักผู้หญิงงามในชนบทคนหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครเมื่อถูกถาม ? ชืออะไร สูง ต่ำ ดำ ขาว อยู่แถวไหน ก็ไม่รู้ คำพูดเขาย่อมเป็นสิ่งที่เลื่อนลอย ?
โดยเปรียบเทียบอาศัยที่เขาเห็นว่า อัญมณีที่เกิดขึ้นอย่างบริสุทธิ์แปดเหลี่ยม เจียรไนอย่างดีคือหญิงงามนั้น แต่อัญมนีนั้นเมื่ออยู่คู่กับหิ่งห้อยในตอนกลางคืน หิ่งห้อยนั้นกลับส่องสว่างกว่า ตะเกียงในยามราตรี ก็สว่างกว่าหิ่งห้อย กองไฟใหญ่ก็สว่างกว่าตะเกียง ดาวศุกร์ก็สว่างกว่ากองไฟใหญ่ ดวงจันทร์เต็มดวงก็สว่างกว่าดาวศุกร์ ดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงก็สว่างกว่าดวงจันทร์ (เกี่ยวกับ เวขณสสูตร)
ความเห็นของชายผู้นี้จึงเป็นความเห็นที่ผิดเสียแล้ว เป็นทิฏฐิที่ผิด การได้ยินได้ฟังมาอย่างผิด ทิฏฐิที่เกิดขึ้นกับเรื่องที่ได้รับมานั้นย่อมผิด แม้แต่คิดจินตนาการสร้างเอาเองโดยไม่ได้ยินได้ฟังมา ก็ยังสามารถผิดได้
กระดูกจะเป็นแก้วใส ๆ หรือ เป็นเถ้าถ่านดำปิ้ดปี๋ ก็ยังมีธรรมและวินัยที่เป็นศาสดา ? ผู้ไม่ประมาทเมื่อยังไม่รู้ชัดตามจริง ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างทิฏฐิว่า นี่เป็นอย่างนั้น นี่เป็นอย่างนี้ ให้เป็นสังโยชน์ จะเป็นการดีกว่าถ้าพิจารณาให้รู้ชัด ปรากฏด้วยปัญญาตนเสียก่อน ?
ถ้าไม่รู้ว่าตะเกียงสว่างกว่าหิ่งห้อย ก็อาศัยหิ่งห้อยส่องแสงให้ ถ้าไม่รู้ว่ากองไฟใหญ่สว่างกว่าตะเกียง ก็อาศัยตะเกียงส่องแสงให้ ถ้าไม่รู้ว่าดาวศุกร์สว่างกว่ากองไฟใหญ่ ก็ใช้กองไฟใหญ่ส่องแสงให้ ถ้าไม่รู้ว่าดวงจันทร์เต็มดวงสว่างกว่าดาวศุกร์ ก็ใช้ดาวศุกร์ส่องแสงให้ ถ้าไม่รู้ว่าดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงสว่ากว่าดวงจันทร์ ก็ใช้ดวงจันทร์ส่องแสงให้ ถ้าได้รู้แสงจากแหล่งต่าง ๆ แล้ว ก็ไม่ลำบากเลยถ้าจะพิจารณาตามความเหมาะสม?
หมายเหตุ. พระธาตุเป็นที่ระลึกเพื่อละอกุศลนำไปสู่กุศลธรรม.ดี
จากคุณ : นายอิ่ม
|
|
|
37
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / แท้ที่จริงเพราะขลาดกลัว ไม่ใช่ การวางเฉย เลือกข้างเพราะอาตัวรอดครับ
|
เมื่อ: สิงหาคม 10, 2012, 07:04:18 pm
|
ภยาคติ อยู่ในอคติ 4 นะครับ หมายถึง ความลำเอียงเพราะกลัวว่าจะมีภัยมาถึงตน จึงลำเอียงไม่ช่วยเหลือ ภาษาเราชาวบ้านเรียกว่า ลอยแพ ทอดทิ้ง เลือกข้าง เลือกฝ่าย ครับ
อุเบกขา หมายถึงการวางเฉย แต่ว่าวางเฉยแล้วต้องผ่านกระบวนการตั้งแต่ เมตตามาก่อน
ยกตัวอย่าง เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ความเมตตา ส่งสารอยากใ้ห้เขามีความสุข กรุณาช่วยเหลือ มุทิตาด้วยความเต็มใจยินดี แต่เมื่อถึงคราวที่เหลือบ่ากว่าแรง ก็ต้องวางอุเบกขา
ภยาคติ นั้น ใกล้ เคียงกันมาก กับ อุเบกขา มีเรื่องจริงที่ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพื่อนผมคนหนึ่งเป็นผู้หญิง ถูกเจ้านายมากระลิ้มกระเลี่ย ลวนลามพวกเราเห็นกันหลายคน ในตอนนั้นผมอายุยังน้อยครับพึ่งเข้าทำงานใหม่ เรื่องก็เลยถูกร้องเรียนไปถึง เจ้านายที่ใหญ่กว่า แต่พวกเรา ลงความเห็นไม่เข้าไปยุ่ง โดยใช้คำ่ว่า อุเบกขา ใช่กันอย่างเต็มปากเลยครับ ว่าให้วางเฉยดีกว่า อย่าหาเรื่องเจ็บตัว เดี๋ยวตกงาน เงินเดือนไม่ขึ้น พนักงาน 20 กว่าคนที่เห็นเหตุการณ์ ล้วนแต่ให้การว่าไม่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งผมด้วย
เราใช้คำว่า อุเบกขา วางเฉย อย่าเข้าไปยุ่งเดี๋ยวเดือดร้อน
ผลของการวาง อุัเบกขา ทำให้พนักงานหญิง ซึ่งเธอเป็นคนดี ต้องออกจากงาน ไม่รู้ชะตากรรมเป็นอย่างไร จะเคียดแค้นพวกผมกันขนาดไหน แต่กรรมนี้ก็มาตามทันกัน อย่างต่อเนื่องทุกคน เมื่อเราอยู่ในเหตุการณ์ ที่คิดว่าจะมีคนช่วยเหลือเรา แต่เราก็จะุถูกเขาวางเฉยไม่ช่วยเหลือ ทำให้เดือดร้อน เพื่อนผมคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุรถมอร์เตอร์ไซค์ตกหลุม กลางถนน เจ้าตัวนอนอยู่กับพื้นเพราะสลบ จนตื่นเองอยู่ในพงหญ้า ข้างทาง คนผ่านไปผ่านมาก็มีเห็นเหตุการณ์ ฟังจากเพื่อนเล่า แต่ไม่มีใครช่วยเหลือ เขาโทษว่าคนทั้งหลายเหล่านั้นไร้น้ำใจ แต่ผมว่ามันเป็นเวรกรรมที่กลับมาตามทันกัน และอีกหลายๆ ท่านที่ผมเห็นและรู้ รวมทั้งตัวผมด้วย ก็จะถูกเหตุการณ์ ที่คนทั้งหลาย วางอุเบกขา อย่างนี้กับเรา
เมื่อผมได้ศึกษาธรรม จากครูอาจารย์แล้วเรียนถามท่านเรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า โยมใช้คำผิด แท้ที่จริงไม่ใช่ อุเบกขาธรรม แต่ เป็น ภยาคติ คือลำเอียงเพราะกลัวภัย
ผมเล่าอย่างนี้ เพื่อนๆ ก็คงจะเข้าใจกันบ้างแล้วนะครับ ผมคิดว่า คนที่ทำก็น่าจะคิดแบบเดียวกับผม นี่แหละครับ
ดังนั้น วันนี้อยากให้ท่านทั้งหลาย ใช้คำธรรมะ สอบใจตัวเอง ว่า เราเป็น เป็น ภยาคติ หรือ อุเบกขา ที่ปล่อยให้คนดี เดือดร้อนโดยที่เราก็ช่วยได้แต่ไม่ช่วย
|
|
|
|