ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สมาธิชาวบ้าน : ธาตุรู้ (1)  (อ่าน 1424 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
สมาธิชาวบ้าน : ธาตุรู้ (1)
« เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2014, 11:17:22 am »
0


สมาธิชาวบ้าน : ธาตุรู้ (1)

การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นมีความสำคัญมาก ดพราะมนุษย์เป็นสัตว์โลกเพียงชนิดเดียวที่มีสิ่งที่เรียกว่า "มีสติปัญญา" อยู่ในตัว ถ้าต่ำกว่ามนุษย์ลงไปคือสัตว์เดรัจฉานหมด ซึ่งไม่สามารถพัฒนาสติปัญญาให้เข้าถึงภูมิจิตภูมิธรรมได้

    แต่ถึงแม้ว่าได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม แต่ถ้าไม่ได้อบรมจิตหรือว่าการปฏิบัติ มนุษย์ก็ย่อมไม่รู้อะไรอยู่ดี ดังนั้นเราเมื่อมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ก็ต้องหาทางปฏิบัติหรืออบรมจิต เพราะว่าปกติถ้าเรานั่งอยู่เฉยๆ เราก็ไม่รู้ว่าสิ่งภายในที่มันเป็นแกนของความเป็นมนุษย์นี้มันคืออะไร


     :96: :96: :96:

    ทุกวันนี้เราอยู่บนโลก เราก็อาศัยสมมติอยู่ แต่เราไปปนอยู่กับสมมติ พอเราไปปนอยู่กับสมมติโลก เราก็ไม่รู้จักจักสมาธิว่าคืออะไร? เราก็ไม่รู้ว่าเราเกิดมาทำไม? เวียนว่ายตายเกิดวนเวียนอยู่อย่างนี้ วนไปวนมา แล้วเราก็ยังโง่อยู่ กลับไปวนอยู่ในละครน้ำเน่า เกิดแล้วเกิดอีก เกิดแล้วก็ตาย ตายแล้วก็เกิดอีก เพียงแต่ผลัดเปลี่ยนกันเล่นเป็นบทต่างๆ เพราะเราไม่เคยรู้ความจริง

    อย่างชาตินี้เกิดมาเป็นเจ้าหนี้ก็จริง แต่รู้ไหมว่าเราก็เคยเกิดเป็นลูกหนี้มาก่อน บททุกบทเรารู้ เราจำได้ บางครั้งแค่คนแสดงอาการอะไรออกมา เรากลับสามารถจำอารมณ์ของคนคนนั้นได้เลย ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าเราเคยเกิดเป็นคนคนนั้นมาก่อน เราจึงจำความรู้สึกเหล่านั้นได้



    เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่มีการเกิด มันก็วนเวียนเกิด มันไม่ได้มีอะไรมารับประกันว่าการที่ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นเศรษฐี แล้วชาติหน้าเราจะได้เกิดมาเป็นเศรษฐีอีก หรือว่าถ้าชาตินี้เกิดมาเป็นตำรวจ แล้วชาติหน้าจะต้องเกิดเป็นตำรวจอีก มันก็ไม่แน่เสมอไป บางทีทันเวียนกันเป็น อย่างชาตินี้เกิดมาเป็นตำรวจ แต่ชาติหน้าไปเกิดเป็นโจร เป็นต้น

    แม้เราเกิดมาชาตินี้ เราจะไม่เคยเป็นคนคนนั้นก็ตาม แต่เชื่อหรือไม่ว่า บางครั้งเพียงแค่เราเห็นคนคนนั้น เรายังจำอารมณ์เช่นนั้นได้เลย โดยที่มไจำเป็นต้องเป็นเอง ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราดูหนัง พอถึงฉากที่คนไปติดอยู่ในช่วงที่อันตราย เรายังจำอารมณ์แบบนั้นได้เลย นั่นเป็นเพราะว่าเราเคยเป็นมาก่อน ทั้งๆ ที่ปัจจุบันเราไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ตามที หรืออย่างฉากของนักโทษติดคุก ทั้งๆ ที่เราไม่เคยไปติดคุกเลย แต่เรากลับจำอารมณ์ที่เราไร้อิสรภาพได้ จำได้แม่นเลย ทั้งๆ ที่ในภพชาตินี้เราไม่เคยอยู่ในเหตุการณ์นั้น ไม่เคยเข้าหลักประหาร แต่อารมณ์ที่เราเพียงแค่เห็นเรากลับจำได้ นั่นก็เพราะเราเคยนับบทเหล่านั้นมาก่อน เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน เราก็เลยจำมันได้


      :25: :25: :25:

    พอเราเกิดใหม่มา ชาตินี้ก็เป็นอย่างนี้ ละครเรื่องนี้ไม่นานก็จบลง แล้วเรื่องใหม่ก็เริ่มเล่นใหม่มา ที่มันแปลกคือทุกครั้งที่ละครเรื่องนี้มันเริ่มเล่น มันยังมีเราเล่นด้วยทุกที เราไม่หายไปจากโรงละครโง่ๆ นี้เสียที เราก็แค่เปลี่ยนบทเล่นกันไป เราก็ยังคงเล่นอยู่ทุกครั้งทุกเรื่อง ไม่เคยพ้นไปไหนได้ เรายังมีอยู่

    พระพุทธเจ้ารู้ว่า สิ่งที่เรากำลังจะต่อสู้ สิ่งที่เรากำลังจะฝึกนี้ มันเป็นมิติของความคิดที่มันอยู่ลึกเกินว่าการนั่งเฉยๆ แล้วมานั่งจินตนาการถึงธรรมและมันรู้ธรรมนั้น ยิ่งกว่านั้นก็คือเราต้องอบรมมัน จนมันเห็นจริงๆ ว่า จิตนี้แท้ที่จริงมันเป็นธาตุรู้ เราต้องค้นพบให้เจอธาตุรู้

    หู ตา จมูก ลิ้น กาย มันส่งไปที่ไหน คำตอบคือมันส่งไปที่คำว่า "รู้" คำเดียว แล้วคำว่า "รู้" มันอยู่ที่ไหน? มันอยู่ในใจหรืออยู่ในสมอง? สัปดาห์หน้าเรามาดูกันต่อ...


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/130714/93011
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: สมาธิชาวบ้าน : ธาตุรู้ (1)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2014, 11:53:12 am »
0
 st12
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี