ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ′ธงทอง′ กับความทรงจำ สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์ ตอนที่ 1  (อ่าน 1724 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


′ธงทอง′ กับความทรงจำ สมเด็จพระสังฆราชสิ้นพระชนม์ ตอนที่ 1

วันที่ 24 ตุลาคม เป็นวันครบรอบ 1 ปี นับแต่วันสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ขณะเมื่อเกิดเหตุสิ้นพระชนม์นั้น ผมรับราชการอยู่ในตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่กับการเตรียมและการจัดงานพระศพ ประกอบกับเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชพระองค์นั้นทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ในคราวเมื่อผมอุปสมบทเป็นพระภิกษุนาคหลวงเมื่อพุทธศักราช2538

ผมจึงอยู่ในฐานะเป็นสัทธิวิหาริกของพระองค์ท่านด้วยผู้หนึ่งสิ่งที่ได้ปฏิบัติหรือพบเห็นเมื่อปีที่แล้ว แม้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวแต่ก็น่าจะเป็นประโยชน์ หากจะได้บันทึกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์นี้ไว้สำหรับผู้สนใจจะได้สืบค้นในภายภาคหน้านี้ ผมจึงเรียบเรียงบันทึกนี้ขึ้น เพื่อทบทวนความจำของตนเอง และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านตามสมควร

เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระชันษาครบร้อยปี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2556 แต่ในการฉลองโอกาสสำคัญครั้งนั้น พระสุขภาพพลานามัยไม่เอื้ออำนวยให้สามารถเสด็จออกจาก ณ ตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบาร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยที่ประทับอยู่แล้วนานปีได้


 :25: :25: :25: :25: :25:

แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าพระชันษาอยู่ในเขตที่ทรงชรามากแล้วก็ตามแต่หัวใจของชาวพุทธทุกคนก็ย่อมปรารถนาที่จะให้ดำรงพระชนม์ยืนยาวที่สุดเพื่อเป็นมิ่งขวัญและเป็นหลักที่พึ่งทางจิตใจแก่พุทธศาสนิกชนทั้งปวงอีกช้านาน

อีกทั้งธรรมเนียมไทยของเราการตระเตรียมความพร้อมในเรื่องงานศพงานเมรุก็เป็นเรื่องที่ถือกันเคร่งครัดว่าไม่ควรแม้แต่จะคิดเว้นแต่มีเหตุจำเป็นจนถึงที่สุดเท่านั้น

ดังนั้น การเตรียมการเผื่อล่วงหน้าสำหรับกรณีการสิ้นพระชนม์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชจึงอยู่นอกเหนือการดำเนินการของผู้ใดทั้งสิ้น

ถึงแม้ว่าใจของเราจะปรารถนาให้วันเวลาแห่งความสูญเสียอย่าเพิ่งเข้ามาใกล้เพียงไรก็ตามแต่สามัญลักษณะที่เป็นไปตามธรรมดาของโลกก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายได้

 st12 st12 st12 st12 st12

ผมได้ยินข่าวอยู่เป็นระยะๆว่าพระสุขภาพและพระอาการของเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชอยู่ในลักษณะที่อ่อนพระกำลังลงโดยลำดับ กระทั่งเช้าวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2556 ผมได้รับการติดต่อประสานงานเป็นการด่วนจากทางวัดบวรนิเวศให้ไปประชุมหารือด้วยข้อราชการสำคัญที่ตำหนักเพ็ชรวัดบวรนิเวศวิหาร

ถ้าจำไม่ผิดผมรีบไปถึงวัดเวลาประมาณเกือบสิบนาฬิกาได้รับทราบเป็นการภายในเบื้องต้นว่าพระอาการเช้าวันนี้ไม่สู้ดีและเป็นเวลาอันสมควรที่ต้องคิดอ่านเตรียมการเรื่องงานพระศพไว้บ้างแล้ว พระเถระที่ร่วมหารือในวันนั้นมีสมเด็จพระวันรัตเป็นประธาน นอกจากนั้นก็มีพระโสภณคณาภรณ์ พระบวรสุทธิวงศ์ (เวลาบัดนี้เป็นพระราชพุทธิมุนี) และภิกษุวัดบวรฯ อีกรูปหรือสองรูป

ทางฝ่ายฆราวาสมีผมและข้าราชการจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอีกสามคน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ พร้อมคณะ ข้าราชการจากสำนักพระราชวัง รวมตลอดถึงผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง

ข้อหารือเช้านั้นสรุปว่าเนื่องจากพระอาการไม่น่าวางใจจึงมีความจำเป็นต้องเตรียมสถานที่ตำหนักเพ็ชรไว้เพื่อใช้ราชการหากเกิดเหตุสิ้นพระชนม์ดังนั้นจึงแบ่งปันหน้าที่ว่าใครต้องทำอะไรบ้างหากเกิดเหตุดังกล่าว ทางฝ่ายวัดบวรนิเวศนั้นจะเร่งทำความสะอาดและจัดตั้งอาสนะสงฆ์ ชิดฝาผนังท้องพระโรงด้านตะวันตกตลอดแนว และย้ายพระแท่นเบญจปฎลเศวตแตรของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ที่ประดิษฐานอยู่หน้าพระฉากด้านทิศใต้ของท้องพระโรงไปประดิษฐานที่ต้นอาสนะสงฆ์ กับจะดูแลความเรียบร้อยของไฟฟ้าแสงสว่างและดวงโคมต่างๆ ตลอดถึงการทำงานของเครื่องปรับอากาศให้พร้อมใช้งานได้เต็มที่ด้วย


 st11 st11 st11 st11 st11

ส่วนทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและสำนักพระราชวัง จะได้เตรียมปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้องให้พร้อมเพรียง นอกจากนั้นได้คิดอ่านกันด้วยว่าคงจะมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากมาร่วมในงานพระราชพิธีสรงน้ำพระศพ เพื่ออนุโลมตามธรรมเนียมที่ได้มีการปฏิบัติในงานพระศพสมเด็จพระบรมวงศ์หลายคราวที่ผ่านมา น่าจะได้เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ถวายน้ำสรงหน้าพระรูปเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช ในสถานที่ที่เหมาะสมภายในบริเวณวัดบวรนิเวศที่อยู่ไม่ห่างไกลจากตำแหน่งเพ็ชรด้วย ที่สุดตกลงกันได้ว่าควรจะได้เตรียมห้องโถงกลางของตึกมนุษยนาควิทยาทานไว้ โดยขอให้ทางวัดบวรนิเวศเป็นผู้ปฏิบัติในส่วนนี้โดยตรง

การหารือเช้าวันนั้นใช้เวลาไม่นานนัก เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย เมื่อผมกลับมาที่ทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลก็ได้โทรศัพท์รายงานเหตุการณ์และการปฏิบัติที่ได้หารือกันให้รองนายกรัฐมนตรีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ซึ่งกำกับดูแลราชการสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีทราบตามแบบแผนทางราชการ

บ่ายวันนั้น ผมยังคงปฏิบัติราชการตามปกติแต่ก็ได้ระแวดระวังเฝ้าสดับตรับฟังข่าวคราวที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดอยู่โดยตลอดกระทั่งเสร็จราชการปกติเวลาราวสิบหกนาฬิกาผมย้อนกลับไปที่วัดบวรนิเวศอีกครั้งหนึ่งที่ตำหนักเพ็ชรมีสมเด็จพระวันรัตอำนวยการจัดสถานที่และดูแลความเรียบร้อยอยู่โดยมีเจ้าคุณพระพรหมมุนีจากวัดราชบพิธ มาช่วยเป็นกำลัง

นอกจากนั้นยังมีทั้งชาววัดและชาววังมาช่วยงานอยู่ราวสิบกว่าคน มีการตั้งนั่งร้านเหล็กชั่วคราวขึ้นเพื่อเปลี่ยนดวงโคมที่หลอดไฟขาดและติดตั้งดวงไฟฟ้าเพิ่มเติมในบางจุดระหว่างที่อยู่ที่ตำหนักเพ็ชรนั้นเอง

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

เจ้าคุณพระศากยวงศ์วิสุทธิ์ (ดร.พระอนิลมาน ธมฺมสากิโย) ซึ่งเฝ้าพระอาการอยู่โดยใกล้ชิดอยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โทรศัพท์มาแจ้งข่าวว่าพระอาการอยู่ในภาวะวิกฤตและความดันพระโลหิตตกลงโดยลำดับ ผมอยู่ได้ยินข่าวจึงออกเดินทางจากตำหนักเพ็ชรในเวลาประมาณ 18.30 น. กว่าจะเดินทางถึงโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นพระมหากรุณาธิคุณ หรือชั้น 6 ของตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบารซึ่งเป็นที่ประทับ นาฬิกาก็บอกเวลา 19.30 น.

ทันทีที่ผมไปถึงก็ได้รับทราบข่าวว่าเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราชเพิ่งสิ้นพระชนม์ไปก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่นาทีตามบริเวณทางเดินและห้องใหญ่น้อยที่อยู่โดยรอบใกล้เคียงกับห้องที่ประทับมีผู้คนมากหน้าหลายตาทุกคนอยู่ในอาการเศร้าโศกและมีสีหน้าสลดอยู่ด้วยกันทั้งสิ้นเจ้าคุณพระศากยวงศ์วิสุทธิ์ได้เมตตานำผมเข้าไปที่หน้าห้องที่ประทับเพื่อผมจะได้กราบสักการะพระศพที่ประดิษฐานอยู่บนพระแท่นบรรทมพยาบาลในห้องนั้น

เมื่อสักการะพระศพแล้วผมเดินเลี่ยงออกมาที่ห้องอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนักมีลักษณะคล้ายห้องประชุมเพราะมีโต๊ะขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางและมีเก้าอี้ประมาณสิบตัวล้อมรอบนอกจากนั้นยังมีโซฟาตัวเขื่องวางชิดฝาผนังอยู่อีกสองสามตัวในห้องนั้นมีเจ้าคุณพระเทพปริยัติวิมลพระเถระผู้ใหญ่จากวัดบวรนิเวศนั่งอยู่พร้อมด้วยผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คือคุณนพรัตน์ ที่ได้พบกันเมื่อตอนเช้าแล้วรอบหนึ่ง หลังจากนั่งคุยกันไปสักพักก็มีหม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล เสด็จมาสมทบ (เนื่องจากโอรสของท่าน คือ พระมหา หม่อมราชวงศ์นันทวัฒน์ ปธ.3 ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุนาคหลวงปีเดียวกับผมอยู่ในคณะผู้ถวายการดูแลขณะเสด็จมาประทับ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นเหตุให้ท่านชายมีความคุ้นเคยกับพระวัดบวรฯ)


 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

เรื่องที่สนทนาหารือกันก็คืองานเบื้องต้นที่ต้องปฏิบัติในวันรุ่งขึ้นคือ การเชิญพระศพจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์กลับไปยังตำหนักเพ็ชร เพื่อสรงน้ำพระศพในงานพระราชพิธีของหลวง รวมทั้งการประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องโดยรวมด้วย เมื่อเริ่มพูดคุยกันนั้น ยังไม่มีการออกประกาศเรื่องการสิ้นพระชนม์อย่างเป็นทางการจากคณะแพทย์ของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่อย่างรีบด่วน

ผมโทรศัพท์แจ้งให้รองนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง) ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียนด้วยว่าหลังจากมีแถลงการณ์ของคณะแพทย์อย่างเป็นทางการแล้ว เข้าใจว่าจะมีประกาศสำนักพระราชวังเรื่องการไว้ทุกข์ในพระราชสำนักตามมา เมื่อมีประกาศทั้งสองฉบับแล้วรัฐบาลจะได้ออกประกาศเรื่องให้ข้าราชการไว้ทุกข์ตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมาทั้งนี้เป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่จะออกประกาศดังกล่าวและผมได้ประสานโดยตรงกับเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(นายอำพนกิตติอำพน)และผู้บริหารของกรมประชาสัมพันธ์ด้วยแล้ว

อีกสักครู่หนึ่งก็มีนายแพทย์ผู้ใหญ่ของโรงพยาบาลท่านหนึ่ง(ดูเหมือนจะเป็นท่านรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล)เข้ามากราบนมัสการเจ้าคุณพระเทพปริยัติวิมลพร้อมทั้งนำแถลงการณ์ของคณะแพทย์เรื่องการสิ้นพระชนม์มาถวายเป็นอันว่าข่าวการสิ้นพระชมน์ถือเป็นข่าวทางการได้แล้ว

 :96: :96: :96: :96: :96:

หลังจากนั้นไม่นานมีผู้มาส่งข่าวแจ้งวงสนทนาว่า ความทราบฝ่าละอองพระบาทสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารแล้ว มีพระราชบัณฑูรว่าจะทรงส่งเข้าราชบริพารในพระองค์มาปฏิบัติการในการเคลื่อนพระศพให้งดงามสมควรแก่พระเกียรติยศหน้าที่ของผมในค่ำวันนั้นคงเหลือแต่เพียงการประสานงานให้มีผู้ใหญ่ทางฝ่ายรัฐบาลมาร่วมในขบวนเชิญพระศพในเช้าวันรุ่งขึ้นที่สุดแล้วรัฐบาลมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี(นายพงศ์เทพเทพกาญจนา)มาเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่

ผมได้แจ้งทางโทรศัพท์ให้ท่านทราบว่า ขอให้แต่งกายเครื่องแบบปกติขาวไว้ทุกข์และมาที่ตึกวชิรญาณสามัคคีพยาบาร ในเวลาประมาณ 11.00 น. พร้อมกันนั้น ผมสั่งการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดรถตู้สามคันมารอปฏิบัติตามที่จะได้มอบหมายอีกครั้งหนึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้นโดยให้พร้อมปฏิบัติตั้งแต่เวลา08.00น.เป็นต้นไป


(อ่านต่อฉบับพรุ่งนี้)


ที่มา : มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 24 ตุลาคม 2557
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1414121508
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ