ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ประกอบอาชีพอย่างไร จึงตกนรก  (อ่าน 2384 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ประกอบอาชีพอย่างไร จึงตกนรก
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2011, 12:07:56 pm »
0
ถาม – อยากทราบว่าผู้ที่ประกอบอาชีพ… จะต้องตกนรกไหม?

มีผู้ที่ถามถึงคติที่ไปข้างหน้าของคนประกอบอาชีพนั้นอาชีพนี้มามากพอสมควร ผมจึงละชื่อ
อาชีพไว้ และขอตอบแบบที่จะครอบคลุมโดยรวมอย่างนี้แล้วกันนะครับ

อาชีพการงานมีส่วนสำคัญในการกำหนดคติที่ไปได้จริง เพราะกรรมทางการคิด การพูด
การทำเกี่ยวกับงานนั้นๆเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน จัดเป็นอาจิณณกรรม มวลรวมของกรรมมี
น้ำหนักและความหนาแน่นสูง โอกาสที่จะเป็นกรรมนำเกิดในภพใหม่ที่เหมาะสม (ชนกกรรม) ก็สูง
ไปด้วยและอย่าว่าแต่ชาติหน้าชาติโน้นเลยครับ กรรมที่ทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น โดยมากจะให้ผล
ในทางใดทางหนึ่งทันใจในชาติปัจจุบันเห็นทันตาเลยทีเดียว


เพราะเมื่อทำกรรมใดบ่อยๆจนชินย่อมมีใจหนักแน่น ย่อมมีความยินดีเต็มใจในกรรมนั้นๆ
และยิ่งวันความกว้างความลึกของหน้าที่การงานย่อมไปกระทบเข้ากับบุคคลจำนวนมาก
ซึ่งพอมีน้ำหนักกรรมถึงระดับหนึ่ง ก็จะได้คิวให้ผลแทรกแซงทันตา ชนิดที่บางทีอาจทำให้
เจ้าตัวสำนึกโดยไม่อาจคิดค้านสามารถเชื่อโดยง่ายว่านี่แหละผลกรรมอันสนองคืนการ
กระทำของตนที่ผ่านมา

(ที่จะไม่เชื่อก็เพราะโน้มเอียงจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาโลก เช่นเคยใช้อำนาจหน้าที่ในการตุกติกไว้มาก พอวัน
หนึ่งโดนตุกติกบ้างก็จะไม่ค่อยนึกว่าเป็นกรรมเก่า เพราะใครๆก็ทำอย่างนี้ โดนอย่างนี้กันถ้วนหน้า
อยู่แล้ว)


อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งด่วนสรุปทันทีว่าประกอบอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วเที่ยงที่จะได้ไป
นรกหรือสวรรค์ทันที เพราะคนส่วนใหญ่ประกอบกุศลและอกุศลคละกันสลับซับซ้อน เจ้าพ่อและนัก
โกงกินบ้านเมืองจำนวนมากชอบช่วยคนและทำบุญใส่บาตรสร้างวัดเสมอๆ

แล้วผมก็เคยพบผู้หญิงคนหนึ่งในงานบุญที่จัดเป็นประจำ เธอเผยให้ทราบว่าประกอบอาชีพโสเภณี
ที่ทำบุญมากๆก็เพราะไม่อยากเกิดมาเป็นอย่างนี้อีก…


หลายคนประกอบอาชีพมืดด้วยความจำทน ไม่เต็มใจ ละอายใจ และตั้งใจจะเลิกอยู่ทุกลม
หายใจเข้าออก หากไม่ติดขัดภาระที่แบกไว้บนบ่า หากสามารถเลือกอาชีพสว่างได้ พวกเขาจะทำ
ทันทีโดยไม่คิดเสียดายและไม่เหลียวหลังกลับไปหาอาชีพมืดอีก

พวกที่ฝืนใจทำนั้น น้ำหนักของกายกรรมแม้มากก็ถูกถ่วงดุลไว้ด้วยมโนกรรมได้เหมือนกัน
ถึงแม้ต้องร่วงหล่นลงอบายตามแรงเหวี่ยงของกายกรรม ก็จะได้แรงฉุดของมโนกรรมมา
ช่วยดึงขึ้นสูงในเวลาไม่เนิ่นช้านัก


หรือถึงแม้พวกประกอบอาชีพมืดด้วยความเต็มใจก็เถอะ คุณต้องดูกรรมหลักๆที่ทำเป็น
อาจิณชนิดอื่นๆประกอบไปด้วย อย่างเช่นเขากตัญญูกตเวทีกับพ่อแม่ไหม เขามีน้ำใจกับคนทั่วไป
แค่ไหน เขามีความอ่อนน้อมถ่อมตนหรือแข็งกระด้างเย่อหยิ่ง เขาเห็นเหตุผลหรือมีปรัชญาในการ
ตัดสินใจอย่างไร ฯลฯ

พูดง่ายๆกุศลกรรมที่ทำเป็นประจำของเขานั้น ถ้ามากและมีกำลังพอจะ
คานกันกับอกุศลกรรมที่ทำอาชีพมืดแล้ว ก็อาจแย่งกันเป็นตัวนำเกิดในภพชาติต่อไปได้
หรืออีกประเภทหนึ่ง ถึงแม้เขาทำกรรมดำท่าเดียว ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องดำไปตลอดชีวิต ชีวิต
คนแม้ตกต่ำถึงขีดสุดก็อาจเหมือนอยู่ในกระดานหมากรุกที่ยังเล่นไม่จบ แม้เพลี่ยงพล้ำถลำลึกเข้าสู่
วังวนปัญหาบ้าง ก็เป็นไปได้ที่จะแก้ลำ กลับร้ายให้กลายเป็นดี


หรือกระทั่งเป็นผู้ชนะอย่างเด็ดขาดเมื่อจบเกม หากช่วงกลางหรือช่วงท้ายชีวิตประกอบกรรมดี
ที่มีแสงสว่างเกินความมืดเก่าๆเขาก็จะได้ไปสู่สุคติก่อน ส่วนกรรมดำที่ทำไว้อาจให้ผลภายหลัง
โดยมากจะมาในรูปของวิบากที่เบียดเบียนให้ทุกข์ร้อน หรือบีบคั้นให้ต้องทำหน้าที่
เลือกการงานแบบมืดๆอีก

ผมหมั่นเน้นเป็นประจำว่ากรรมทุกอย่างในชีวิตคนเรา แม้เล็กน้อยเพียงใดก็มีความหมาย
กรรมขาวย่อมรวมกับกรรมขาวปรุงแต่งเราให้ขาวมากขึ้นเรื่อยๆ กรรมดำย่อมรวมกับกรรมดำปรุง
แต่งเราให้ดำมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ความคิดอ่านเล็กๆน้อยๆด้วยอาการชะล่าก็นับหมด เป็นสะพานไปสู่
ความชะล่าอื่นๆได้หมด


พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าอย่าประมาทว่านี่เป็นกรรมชั่วเล็กน้อย เพราะ
เมื่อสั่งสมให้มากแล้วย่อมเกิดผลร้ายอย่างใหญ่ ลองดูตามจริงเถอะครับ ถ้าใครนึกสนุกอยากตบหัว
แมวเล่นแล้วตบมันตามอำเภอใจ เขาจะมีแนวโน้มของความ ‘อยากตบหัว’ เกิดขึ้นเรื่อยๆ เช่นอยาก
ตบซ้ำ หรืออาจเขยิบขึ้นเป็นตบหัวหมา จากนั้นกลายเป็นอยากตบหัวคนในที่สุด

วกกลับมาพูดถึงคติที่ไปของผู้ประกอบอาชีพมืด ผมขอจำแนกไว้คร่าวๆ โดยให้ดูว่าอาชีพ
นั้นๆส่งผลกระทบต่อวงกว้างเพียงใด คือมีผลให้กลุ่มคนหรือประชาชนเกิดกิเลสประเภทใดเป็นหลัก


๑) ทำให้หมู่ชนเกิดราคะกล้า ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานในทางใดทาง
หนึ่งจากราคะ เช่นมีราคะแรง ไม่เคยอิ่มไม่เคยเต็มเข้านั้นโรคจิต หรือประสบความฟุ้งซ่านกระวน
กระวายจนเป็นปัญหาเกี่ยวกับคนรักเสมอๆ


๒) ทำให้หมู่ชนเกิดโทสะกล้า ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานอันเกิดจากความ
ร้อนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นเป็นคนโกรธง่ายหายช้า หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา หรือเกิดเรื่องขัด
เคืองกับคนรอบตัวเสมอๆ แถมอยู่ดีๆใครเห็นหน้าแล้วพานอยากมีเรื่องด้วยเป็นประจำ


๓) ทำให้หมู่ชนเกิดโมหะกล้า (คือทำให้คนเห็นผิดเป็นชอบ หรือเห็นชอบเป็นผิด มอมเมา
ให้หมกมุ่นกับอบายมุข ยาเสพติดให้โทษ ฯลฯ) ผลแก่ผู้ประกอบอาชีพจะเป็นความทรมานอันเกิด
จากความมืดมนอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นโง่ทึบ มองอะไรผิดเพี้ยนขวางโลก ตัดสินใจพลาดเสมอ
ตลอดจนกระทั่งเผลอทำเรื่องต้องถูกขังคุกมืดไม่เห็นเดือนเห็นตะวันก็ยังได้


ทั้งหมดที่กล่าวมาอาจปรากฏผลในปัจจุบันทันตาหรือในอนาคตชาติ ถ้าหากเป็นอนาคตชาติ
จำพวกแดนอบาย ก็จะประสบเครื่องลงโทษที่สมกัน เช่นเปลี่ยนจากไฟในอกเป็นไฟนรก หรือ
เปลี่ยนจากคุกมืดเป็นโลกันตนรก (แดนที่ไม่มีความสว่างใดๆส่องเข้าไปถึง)


ผู้มีอาชีพมืดส่วนใหญ่จะปฏิเสธกฎแห่งกรรมวิบาก เพราะขืนเชื่อกฎแห่งกรรมวิบากมากๆ
เดี๋ยวจะหมดอาชีพทำกิน อันนี้ก็เป็นธรรมดาโลกครับ ชาติไหนเกิดมาเจอผู้ชี้ทางถูกแล้วกลับใจเสีย
ได้ เปลี่ยนใจจากอาชีพเสียได้ แล้วทำคุณในขั้วตรงข้าม เช่นจับหมาขายเปลี่ยนเป็นซื้อหมาปล่อย
อย่างนี้เส้นทางวิบากก็จะเริ่มหักเหหรือกลับทิศเสียได้


อ้างอิง หนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัวเอง ๔  โดยดังตฤณ
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ