ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คณะสงฆ์จับมือ มท.จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์” ช่วยเหลือพระ เณร  (อ่าน 218 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออนไลน์ ออนไลน์
  • กระทู้: 28448
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




คณะสงฆ์จับมือ มท.จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์” ช่วยเหลือพระ เณร ประชาชน

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เป็นประธานประชุมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชน ให้มีความสุขอย่างยั่งยืน เดินหน้าจัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์" ช่วยเหลือพระภิกษุสามเณร และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆ ในพื้นที่

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์มส. ประธานกรรมการอบรมประชาชนกลาง (อ.ป.ก.) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในการประชุมขับเคลื่อนการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน โดยมีผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ผู้บริหาร มท. ผู้แทนสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมประชุม ที่ห้องประชุมราชบพิธ กระทรวงมหาดไทย และผ่านระบบ Video Conference ไปยังศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ สำนักงานเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และสำนักงานเจ้าอาวาสทั่วประเทศ

@@@@@@@

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวว่า การสาธารณสงเคราะห์ คือ การช่วยเหลือสังคมทางวัตถุในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ขัดต่อหลักพระธรรมวินัย ใช้พื้นที่ของวัดเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศล ช่วยเหลือสงเคราะห์ประชาชนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน สงเคราะห์สถานที่จัดฝึกอบรมอาชีพต่างๆ แก่ประชาชน และเป็นศูนย์รวมของการทำกิจกรรมของชุมชน เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ประชาชน ที่ผ่านมาคณะสงฆ์ดำเนินงานด้านสาธารณสงเคราะห์ ในหลักการ 4 ด้าน คือ
   1. สงเคราะห์
   2. เกื้อกูล
   3. พัฒนา และ
   4. บูรณาการ

โดยมีแนวทางการสร้างภาคีเครือข่ายในพื้นที่เพื่อร่วมขับเคลื่อนงานร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมส.จะส่งเสริมใน 8 ประการ คือ

1. เผยแผ่หลักธรรมคำสอนในการเสริมสร้างให้คนมีจิตใจที่เป็นบุญเป็นกุศล เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
2. ช่วยสงเคราะห์พุทธศาสนิกชนให้มีขวัญกำลังใจในการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงรูปแบบ “โคก หนอง นา”
3. สนับสนุนให้ประชาชนตื่นตัวเรื่องการช่วยเหลือสังคม มีจิตอาสาความรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้เกิดสังคมสุขภาวะและความยั่งยืน
4. ดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือและพัฒนาสังคมทั้งด้านกายภาพและด้านจิตใจ
5. ส่งเสริมสนับสนุนพระสงฆ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ องค์กรพระพุทธศาสนา ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่าย พัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “เขตพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง”
6. ขับเคลื่อนพันธกิจฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมส.ด้านการสงเคราะห์เพื่อสังคม
7. พัฒนางานสาธารณสงเคราะห์ของคณะสงฆ์และพัฒนางานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) สร้างสังคมสุขภาวะสู่นโยบายระดับชาติ ระดับภาค ระดับจังหวัด และระดับพื้นที่
8. พัฒนาระบบกลไกการบูรณาการการทำงานด้านสาธารณสงเคราะห์ร่วมกันระหว่างองค์กรสงฆ์ ภาคีเครือข่าย สร้างการรับรู้และเชื่อมประสานการปฏิบัติศาสนกิจของพระสงฆ์ พระสังฆาธิการ พระสงฆ์นักพัฒนา และประชาชน เพื่อพัฒนาการทำงานสาธารณสงเคราะห์ การสงเคราะห์ชุมชน และพัฒนาการเผยแพร่ในสื่อสาธารณะ


@@@@@@@

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวอีกว่า ฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของ มส. กำหนดแนวทางการขับเคลื่อนงาน ดังนี้

1.ให้จังหวัดทุกจังหวัดร่วมดำเนินการสาธารณสงเคราะห์ร่วมกับศูนย์ประสานงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ประจำจังหวัด ตามมติที่ประชุม มส. ครั้งที่ 19/2565 ที่ได้มีมติให้เจ้าคณะจังหวัดและคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ประจำจังหวัดคัดเลือกพื้นที่จัดตั้ง “ศูนย์ประสานงานฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ประจำจังหวัด” เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานภาคีเครือข่ายในการช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆ ในพื้นที่

2.ให้พระสงฆ์ร่วมบูรณาการทำงานกับฝ่ายปกครองและภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งด้านการแก้ไขปัญหาความยากจน ส่งเสริมภูมิปัญญาการหาเลี้ยงชีพ ด้านจิตอาสาเพื่อสังคม ด้านเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง และด้านอื่นๆ ตามบริบทและสถานการณ์ในพื้นที่

3.ให้ฝ่ายปกครอง จัดสรรบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่างๆ เป็นที่ปรึกษาการให้ความช่วยเหลือ ได้แก่ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับพระสงฆ์ จัดตั้งหน่วยฝึกอบรม ศูนย์เรียนรู้ โดยใช้สถานที่ภายในวัดเป็นที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่

4.ร่วมถอดบทเรียนวัดที่มีการดำเนินงานอย่างเข้มแข็งเป็นต้นแบบ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนให้เกิดคุณประโยชน์กับวัดอื่นต่อไป

@@@@@@@

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอให้ทุกจังหวัดได้นำบันทึกข้อตกลงฯ เป็นกรอบในการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือในระดับพื้นที่ เพื่อจะได้มีภาคีเครือข่ายในพื้นที่มาเป็นคณะทำงานขับเคลื่อนภายใต้กรอบของบันทึกข้อตกลง ทั้งจัดตั้งศูนย์ประสานงานภาคีเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือฯ ในระดับจังหวัด ที่ศาลากลางจังหวัด และระดับอำเภอที่ว่าการอำเภอ รวมถึงระดับตำบล หมู่บ้าน ในสถานที่ที่เหมาะสม พร้อมทั้งนิมนต์พระสังฆาธิการเพื่อจับคู่ 1 พระสังฆาธิการ 1 ภาคราชการ ลงพื้นที่เยี่ยมประชาชน

นายอินทพร จั่นเอี่ยม รอง ผอ.รักษาราชการแทน ผอ.พศ. กล่าวว่า หลังจากนี้การจัดตั้งศูนย์ภาคีเครือข่ายของ มท. จะเป็นการเสริมพลัง “บวร” ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน โดยมี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ร่วมสนับสนุนผู้ว่าราชการจังหวัดในการสนองงานคณะสงฆ์ให้เกิดเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ในการประชุมดังกล่าวยังมีการรายงานผลการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน จากจังหวัดพื้นที่ต้นแบบ ประกอบด้วย

   - ศูนย์พุทธธรรมสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ป่าดงใหญ่ วังอ้อ ต.หัวดอน อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี
   - โครงการพระราชทาน “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจ และความหวัง” ณ วัดป่าศรีแสงธรรม จ.อุบลราชธานี
   - โครงการขับเคลื่อนและพัฒนาแนวทาง CLM ดอยอินทรีย์ แม่แบบ พัฒนาสู่เขตพัฒนาวิถีเศรษฐกิจพอเพียง ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย
   - โรงเรียนผู้สูงอายุวัดหัวฝาย อ.พาน จ.เชียงราย การดำเนินการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้กลุ่มเกษตรเครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียง ต.ตาโกน อ.เมืองจันทร์ จ.ศรีสะเกษ
   - พื้นที่นำร่องในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพอเพียง (SEDZ) ด้วยโมเดลเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล ที่ชุมชนบางสระเก้า อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี






ขอบคุณ : https://www.dailynews.co.th/news/2231981/
19 เมษายน 2566 , 12:00 น. , การศึกษา-ไอที   
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ