ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เจดีย์ ที่สำคัญอีกแห่ง  (อ่าน 1373 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

มหายันต์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 154
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เจดีย์ ที่สำคัญอีกแห่ง
« เมื่อ: ธันวาคม 19, 2012, 04:00:03 pm »
0

บางครั้งก็นึกน้อยใจนะครับ ที่คนรุ่นปัจจุบัน ได้นำองค์ความรู้ใหม่ (ซึ่งไม่ถูกต้อง) มาล้มล้าง หรือบดบัง หลักฐานเก่า บันทึกโบราณ ว่า เป็นเรื่องเล่าที่เป็นเพียงแค่ตำนาน ที่ไม่ใช่เรื่องจริง

ดังเช่น "การรู้จัก และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดน ไทย มอญ ลาวและกัมพูชา" ซึ่ง ได้กล่าวถึงการรู้จักพระพุทธศาสนา มาแต่ครั้งพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ แต่ยุคสมัยปัจจุบัน กลับ เชื่อตามองค์ความรู้ใหม่ว่า "เพิ่งรู้จักพระพุทธศาสนา ยุคพระเจ้าอโศกส่ง พระโสณะ-พระอุตตระ มายังสุวรรณภูมิ" เท่านั้น

และที่สำคัญ คนรุ่นปัจจุบัน ที่เสพองค์ความรู้ใหม่ คงไม่เชื่อว่า พระเจ้าอโศกมหาราช จะเสด็จมายังดินแดน พม่า มอญ ไทย ลาว ทั้งที่ เรามี เอกสารบันทึกโบราณ ถ่ายทอดกันไว้ ไม่ใช่ แต่ในพม่า-มอญ แต่รวมถึงในเมืองไทยด้วย เช่น

ที่ "พระธาตุศรีจอมทอง" ที่เชียงใหม่ ดังในประวัติที่ว่า..

จำ เดิมแต่กาลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วได้ ๒๑๘ ปี มีพระราชาองค์หนึ่งพระนามว่า ศรีธรรมาโศกราชหรืออีกนัยหนึ่งว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้ทรงเดชานุภาพปราบชมพูทวีปทั้งมวลได้เสด็จไปสู่ดอยศรีจอมทอง พร้อมด้วยท้าวพระยาเสนามาตย์ราชบริพารเป็นอันมาก ด้วยอานุภาพแห่งพระอินทร์ เทพยดาและพระอรหันต์แล้ว ได้ให้ขุดคูหาอุโมงค์ที่ใต้พื้นดอยศรีจอมทองลึกนัก ใหญ่ประมาณเท่าที่ตั้งพระคันธกุฏีแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระเชตวันมหาวิหาร พระนครสาวัตถี ในสมัยพุทธกาล แล้วให้สร้างพระถูปองค์หนึ่งแล้วด้วยทองคำสูง ๖ ศอก ไว้ในคูหานั้น หล่อ พระพุทธรูปยืนด้วยทองทิพย์หนัก ๑ แสน ๒ องค์ ตั้งไว้ทางทิศเหนือพระสถูปองค์ ๑ ทิศใต้ ๑ องค์ หล่อพระพุทธรูปนั่งด้วยทองคำ ๒ องค์หนักองค์ละ ๑ แสน ตั้งไว้ ณ ทิศตะวันออกพระสถูปองค์ ๑ ทิศตะวันตก องค์ ๑ และได้จัดสร้างดุริยดนตรี เครื่องปูลาด เตียงตั้ง และฉัตรธงไว้ทั้ง ๔ ด้านแห่งพระสถูปนั้น แล้วให้หล่อรูปยักษ์ ๘ ตน ยืนเฝ้าที่หน้ามุขพระสถูปทั้ง ๔ ด้าน ๆ ละตน และยืนเฝ้าประตูแห่งคูหาทั้ง ๔ ด้าน ๆ ละตน แล้วพระเจ้าอโศกมหาราชจึงเอาโกศแก้ววชิระ หนัก ๑ พันน้ำ มาตั้งไว้เหนืออาสนะทองคำ ครั้นได้นักขัตฤกษ์ชัยมงคล จึงพร้อมด้วยพระอรหันต์ เทวดา นาค ครุฑและสมณพราหมณ์ ทำการฉลองสมโภชบูชาพระบรมธาตุแห่งสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นมหาปางอันใหญ่ตลอด ๗ วัน ครั้นแล้วจึงได้ทำการอัญเชิญพระทักษิณโมลีธาตุจอมพระเศียรเบื้องขวาแห่งพระ พุทธเจ้า เท่าเมล็ดในพุทราเสด็จเข้าสู่โกศแก้ววชิระนั้น พร้อมทั้งพระธาตุกระดูกด้ามมีดเบื้องขวา โตเท่าเมล็ดข้าวสารหัก มีสัณฐานเป็นสามเหลี่ยม และพระบรมธาตุย่อยอีก ๕ องค์เท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด รวมเป็นพระธาตุ ๗ องค์ ให้เข้าอยู่ในโกศแก้ววชิระนั้น จึงเชิญโกศแก้ววชิระให้เข้าประดิษฐานไว้ในพระสถูปทองคำเสร็จแล้ว พระเจ้าอโศกมหาราช พร้อมด้วยท้าวพระยาเสนามาตย์ เทพยดา และพระอรหันต์ทั้งหลาย จึงกล่าวคำอธิษฐานไว้ว่า “ข้าแต่พระบรมธาตุเจ้า องค์ประเสริฐในกาลเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ได้เคยเสด็จมาสู่ที่นี่ และได้ตรัสทำนายไว้แก่พระยาอังครัฏฐะว่า "พระ ทักษิณโมลีธาตุของเราตถาคตจะมาประดิษฐานอยู่ที่นี่" ดังนี้ และบัดนี้พระบรมธาตุเจ้าก็ได้เสด็จเข้าประดิษฐานอยู่ในที่นี่ สมดังพระพุทธทำนายแล้ว ในกาลต่อไปข้างหน้า แม้ว่าคน เทวดาและครุฑ นาคใด ๆ ก็ดี จักมานำเอาพระบรมธาตุเจ้าไปในสถานที่ใดก็ดีขอพระบรมธาตุเจ้าอย่าได้เสด็จไป เลย แม้ถึงว่าได้เสด็จไปแล้วก็ขอจงได้ เสด็จกลับคืนมาอยู่ ณ สถานที่นี้ตราบเท่า ๕๐๐๐ พระวัสสา เพื่อได้เป็นที่สักการบูชาแก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลายชั่วกาลนาน ข้าแต่พระบรมธาตุเจ้าในอนาคตกาลข้างหน้า หากมีพระราชาหรือมหาอำมาตย์ผู้ใด ได้มาสักการะพระบรมธาตุเจ้า ณ ดอยศรีจอมทองที่นี่ ขอจงให้พระราชาเป็นต้น พระองค์นั้นจงมีเดชานุภาพเหมือนดั่งข้าพระพุทธเจ้าอโศกมหาราชธรรมราชานี้ เทอญ ข้าแต่พระบรมธาตุเจ้า เมื่อใดพระราชามหาอำมาตย์ผู้เสวยราชบ้านเมือง มีบุญวาสนาเสมอดั่งข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอนิมนต์พระบรมธาตุเจ้า จงเสด็จออกมาจากพระสถูปทองคำแสดงอภินิหารให้ปรากฏแก่คนและเทพยดาทั้งหลาย เพื่อให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองต่อไปตลอด ๕,๐๐๐ พระวัสสา ถ้าหากพระราชาและอำมาตย์เสวยราชบ้านเมืองที่นี้ ปราศจากการเคารพนับถือพระรัตนตรัย กระทำแต่บาปอกุศลกรรมมีประการต่าง ๆ ไซร้ ขอพระบรมธาตุเจ้า จงเสด็จประทับอยู่ในพระสถูปทองคำ แห่งข้าพระพุทธเจ้า ขอจงอย่าได้เสด็จออกมาให้ปรากฏแก่ผู้ใดเลย ข้าแต่พระบรมธาตุเจ้า กาลใดเมื่อพระพุทธศาสนาตั้งอยู่ตลอด ๕,๐๐๐ พระวัสสา แล้ว พระธาตุแห่งพระพุทธเจ้าก็จักเสด็จไปรวมกันในที่แห่งเดียว ขอพระสถูปทองคำของข้าพระพุทธเจ้ากับทั้งเครื่องสักการบูชาทั้งหลาย จงอย่าได้สูญหายเป็นอันตรายไปเลย ขอจงตั้งอยู่ตราบเท่าถึงศาสนาพระศรีอริยะเมตไตรยผู้จะมาตรัสในภายหน้า และขอจงให้พระศรีอริยะเมตไตรยพระองค์นั้นจงนำพระสถูปทองคำของข้าพระพุทธเจ้า นี้ออกมาแสดงแก่เทพยดา และมนุษย์ทั้งหลาย ได้กระทำสักการบูชาทุก ๗ วันเทอญ” เมื่อพระเจ้าอโศกมหาราชทรงอธิษฐานดังนี้แล้ว เหล่าเทพยดา นาคครุฑ ทั้งหลายจึงไปนำเอาหินจากป่าหิมพานต์ เอามาก่อแวดล้อมพระสถูปไว้ ๗ ชั้น เพื่อมิให้คนและสัตว์มาทำอันตรายได้ แล้วจึงอาณัติสั่งเทวดา ๒ ตนและพญานาค ๒ ตน ให้อยู่พิทักษ์รักษาพระบรมธาตุเจ้าต่อไป ในกาลใดถ้าหากพระราชามหาอำมาตย์และฝูงชนทั้งหลาย ประกอบด้วยบุญสมภารมีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ในกาลนั้น เทพยดา และพระยานาคผู้รักษาพระบรมธาตุ ก็ดลบันดาลให้ชนทั้งหลายทราบว่าพระบรมธาตุเจ้ามีอยู่ในที่นี้ ถ้าชนทั้งหลายมีใจหนาแน่นไปด้วยกิเลสประกอบแต่กรรมอันเป็นอกุศลบาปธรรม เทพเจ้าผู้รักษาพระบรมธาตุก็นิมนต์พระบรมธาตุให้เข้าอยู่ในคูหาใต้พื้นดอย ศรีจอมทองเสีย มิให้ออกมาปรากฏแก่คนทั้งหลาย และในกาลนั้นพระเจ้าอโศกธรรมราชาได้รับสั่งให้เสนาอำมาตย์ราชบริพารทั้งหลาย ให้ขุดหลุมใหญ่ฝังทองคำไว้ในทิศทั้ง ๘ แห่งดอยศรีจอมทอง ทรงอธิษฐานไว้ว่าเมื่อใดพระบรมธาตุเจ้าเจริญรุ่งเรืองไปภายหน้า ขอจงให้ผู้อยู่ปฏิบัติรักษาพระบรมธาตุนี้ จงขุดเอาทองคำที่ฝังไว้นี้ออกบำรุงก่อสร้าง สถาปนาพระพุทธศาสนาให้เจริญถาวรต่อไปชั่วกาลนานเทอญ ครั้นแล้วท้าวเธอพร้อมด้วยเสนามาตย์ราชบริพารก็เสด็จคมนาการกลับไปสู่พระนคร ของพระองค์ ณ กาลนั้นแล 

   
 
 

จากคุณ    : ศรีวรุณะอิสโร
บันทึกการเข้า