ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ท่านมีความเห็นอย่างไร ต่อการที่ญาติโยม สมาทานศีล  (อ่าน 3099 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0

QA  ใครช่วยตอบได้ ก็ช่วยตอบกัน ด้วยนะ จะนำคำถามมาลงก่อน ก็แล้วกันนะ ส่วนคำตอบจะทะยอยตอบ


ปุจฉา
      ท่านมีความเห็นอย่างไร ต่อการที่ญาติโยม สมาทานศีล กันเอง ที่ผิดไปจากธรรมเนียมเดิม โยมเห็นมาแล้ว ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด     


วิสัชชนา

    <?<?<? ยังไม่ได้ตอบ รอให้ สมาชิกธรรม ร่วมตอบกันก่อน


 ;) 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

SAWWALUK

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 246
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ท่านมีความเห็นอย่างไร ต่อการที่ญาติโยม สมาทานศีล
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2012, 10:10:21 am »
0
คิดว่าดีคะ การสมาทานศีล นั้นควรกระทำทุกวัน
 ที่นี้อาจจะสับสนกับเรื่องการ รับ ศีลนะคะ การรับ ศีล เราก็รับ กับพระคุณเจ้า ไปตั้งสัจจะ คะ แต่การสมาทานคือปฏิบัติ ในศ๊ลควรกระทำทุกเวลาคะ

 ไม่ทราบ ว่าถูก หรือ ผิด (โปรดอภัยให้ด้วยนะคะ)

  :s_hi:
บันทึกการเข้า

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ท่านมีความเห็นอย่างไร ต่อการที่ญาติโยม สมาทานศีล
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2012, 04:34:32 pm »
0
เมื่อเราไปทำบุญที่วัด หรือกับพระสงฆ์ พระสงฆ์จะให้เรากล่าวคำขอศีล นั้นก็คือการอาราธนาศีล 5 ณ ตอนนั้นที่เรากล่าวกัน บางคนก็นำไประวังรักษามิให้ตนเองละเมิด บางคนก็กล่าวไปตามธรรมเนียมหาได้ใส่ใจจะทำตามที่กล่าวไม่ สุดแท้แต่แรงปรารถนาแห่งจิต

จะกล่าวถึงคนที่ปรารถนาจะระวัง รักษา ศีล 5 เมื่อเราขอศีลจากพระสงฆ์แล้วกลับมาบ้านในวันต่อมา เราสวดมนต์ไหว้พระและกล่าวคำขอศีลอีกต่อหน้าพระพุทธรูป ก็เป็นเพียงเพื่อการย้ำเตือนศีลที่เราได้ขอมาแล้วจากพระสงฆ์ว่าเราจะระมัดระวังมิให้ตนเองทำผิดศีล 5 หรือเรียกว่าการทบทวนศีลที่ตนได้อาราธนาไว้แล้ว

อานิสงฆ์ในการรักษาศีล 5 ในแต่ละวันจะเป็นบาทฐานในการปฏิบัติกรรมฐาน ด้วยนะค่ะ
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี

painting

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 72
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ท่านมีความเห็นอย่างไร ต่อการที่ญาติโยม สมาทานศีล
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2012, 12:21:42 am »
0
มองแง่ ดี ก็คือ ผู้สมาทานมีความจริงใจ ที่จะน้อมนำไปปฏิบัติ จึงได้สมาทานไว้ ซึ่งก็ควรจะถูกต้องด้วยการสมาทานกันเอง เพราะต้องรักษาศีลกันเอง

 แต่มองโดยประเพณี แล้ว อาจจะต้องเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ต้องไปรับศีล ที่วัดนะครับ


   :08: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ท่านมีความเห็นอย่างไร ต่อการที่ญาติโยม สมาทานศีล
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2012, 10:31:21 am »
0
การที่เข้าสู่ กระแสธรรม ก็ต้องมีสิ่งที่มีคู่กันไปด้วย

     วินัย และ ธรรม อันเป็นแบบอย่างเพื่อความพ้นทุกข์ มิได้เอาแต่ธรรมอย่างเดียว แล้วก็ทิ้งรูปแบบ นะจ๊ะวันนี้อาตมามีชีิวิต อยู่ด้วยความลำบาก อัตคัต ก็เพราะยังรักษาวินัย ไว้ด้วย มิใช่เข้าใจธรรมแล้วเอาแต่ธรรมละทิ้งจากวินัยไป

   ศีลธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม คุณธรรม เป็นโลกียธรรม ก็ต้องรักษาไว้ด้วย วินัย

   ภาวนาธรรม มรรค ผล นิพพาน เป็นโลกุตตรธรรม ก็ต้องรักษาด้วยธรรม


   การที่เปลี่ยนแบบแผน ก็เปลี่ยน วัฒนธรรม เมื่อเปลี่ยนแล้ว ก็ต้องดูหมู่ชน ทั้งหมดด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนเองแล้วปฏิเสธ ที่เขาทำกันอยู่ว่าไม่ดี อย่างนี้ดี อันนี้ไม่ใช่ อาตมาเคยทำมาแล้ว อาจจะไม่ถูกกาละเทศะ สมัยนี้เป็นพระที่ตั้งใจเผยแผ่ธรรม ในแนวทางการปฏิบัติของสวนโมก สมัยนั้นที่กระทำก็คือ เรื่องการสวดมนต์แปล ไปที่ไหนฉันก็จะสวดมนต์แปล ถ้าไม่สวดมนต์แปล ไม่เอาไม่ร่วมดัวย นึกเอาเองประมาณนี้

    ปัจจุบัน การสวดมนต์แปลเริ่มเป็นที่นิยมกันมากขึ้น แต่อาตมาเองกลับหันมาสวดมนต์ไม่แปล นะจ๊ะ แต่ไปที่ไหนก็สวดได้ทั้งสองแบบไม่ได้ชักชวน ใครแบบเมื่อก่อน ให้ทำแบบนั้น บางท่านอาจจะบอกว่า หมดไฟแล้วใช่ไหม หลวงพี่ ถ้าคิดอย่างนั้นก็อาจจะใช่ นะจ๊ะ แต่ วันนี้ไม่ได้มองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่มองเรื่องการภาวนา รู้เห็นตามความเป็นจริง สำคัญกว่า และความหมายของประัเพณีที่ควรก้าวล่วง สีลัพพตปรามาส ด้วยมันไดุู้ถูกพัฒนา ให้เห็นตามความเป็นจริงว่า เป็นเพียงสิ่งหนึ่ง เหตุปัจจัยหนึ่งเท่านั้น เป็นอุบายในการภาวนา สาระมันก็มีแค่นั้นจริงๆ ดังนั้นสาระการภาวนา ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง จึงมีนัยสำัคัญกว่า อย่างนี้

    ดังนั้น ท่านทั้งหลาย ควรช่วยกัน รักษา วินัย และ ธรรม ไว้ด้วยกัน เพื่อชนลูกหลาน และ การสืบอายุพระพุทธศาสนา ก็อยู่ที่พระพุทธสาวก จะช่วยกันรักษาไว้ได้ครบ 5000 ปีหรือไม่.

    ปัจจุบัน การเรียนธรรม วัดวาอาราม สถาบัน ทางพระพุทธศาสนา มีมากขึ้น แต่พระอริยะบุคคล พวกเรารู้สึกหรือไม่ ว่ามีน้อยลง พอ ๆ กับพระสงฆ์ตอนนี้ น้อยลงไปทุกวันนะจ๊ะ อย่าคิดว่า ศาสนาเจริญรุ่งเรืองไปดู สถิติพระสงฆ์ ในปัจจุบันมิได้เพิ่มขึ้น มีแต่น้อยลงทุกวัน และวัดก็ร้างมากขึ้นด้วยนะจ๊ะ อันนี้เป็นความจริงดังนั้นการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม มีความจำเป็นหรือไม่ อยู่ที่ใจของท่านทั้งหลายที่ต้องรู้ชัดว่า ฉันจะเปลี่ยนแปลงเพื่ออะไร

  เจริญธรรม

  ;)

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 15, 2012, 11:12:11 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา