คนระลึกชาติ และมีญาณหยั่งรู้ได้อย่างไร พระพุทธเจ้ามีคำตอบหลายคนอาจคุ้นเคยกับความเชื่อเรื่อง “ ระลึกชาติ ” จากคำบอกเล่าของคนระลึกชาติผ่านรายการและหนังสือธรรมะ หรือหนังสือแนวเหนือธรรมชาติ เช่น คนที่สามารถบอกชื่อ บอกจุดที่ตนเองตายได้ บ้านเกิด พ่อแม่ครอบครัวในชาติก่อนได้อย่างแม่นยำ
พระพุทธศาสนากล่าวถึงการระลึกชาติไว้เช่นกัน หลักฐานที่เด่นชัดคือ ชาดก เป็นเรื่องเล่าในอดีตพระชาติของพระพุทธเจ้านั่นเอง ในคัมถีร์อรรถกถาส่วนท้ายของชาดก พระพุทธเจ้าจะตรัสว่าใครเกิดร่วมพระชาติกับพระองค์บ้าง ตัวอย่างเช่น เวสสันดรชาดก พระเวสสันดรคือพระพุทธเจ้า พระนางมัทรีคือพระนางพิมพา พระชาลีคือพระราหุล พระกัณหาคือพระอุบลวรรณาเถรี ชูชกคือพระเทวทัต เป็นต้น ซึ่งพระอรรถกถาจารย์เรียกว่า “ประชุมชาดก”
เรื่องการระลึกชาติกลายเป็นที่สนใจของชาวตะวันตกด้วย เสฐียรพงษ์ วรรณปกได้กล่าวว่า มีชาวต่างชาติอยู่ 2 คนที่ศึกษาเรื่องการระลึกชาติ คือ ดร.เอียน สตีเวนสัน กับ ดร.ฟรานซิส สโตรี่ เขาจะทำการตามไปเก็บข้อมูลคนที่สามารถระลึกชาติได้ ซึ่งทั้งสองท่านก็ได้เดินทางไปทั่วโลก แล้วรวบรวมจนสามารถตีพิมพ์เป็นหนังสือได้ เสฐียรพงษ์บอกว่า การที่จะระลึกชาติได้มีด้วยกัน 3 สาเหตุ
1. รู้เรื่องราวเหล่านี้มาตั้งแต่เด็ก
2. สะกดจิต และ
3. การฝึกสมาธิจนได้ปุพเพสันนิวาสานุสสติญาณ
โพธิราชกุมารสูตรระบุว่า ปุพเพสันนิวาสานุสสติญาณ จะเกิดขึ้นหลังจากสำเร็จจตุตฌาน ซึ่งจิตจะผ่องใสอย่างสิ้นเชิง แล้วเกิดญาณตามมา ซึ่งทางพระพุทธศาสนาแบ่งญาณออกเป็น 3 ประการคือ
- ปุพเพสันนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกชาติได้ ตามมาด้วย
- จุตูปปาตญาณ สามารถรู้การเกิดกับการตายของสัตว์ (ตาทิพย์) และ
- อาสวักขยาญาณ สามารถรู้อริยสัจ 4
เมื่อพระพุทธเจ้าปฏิบัติสมาธิจนได้ญาณถึงขั้นอาสวักขยาญาณ พระองค์จึงทรงรู้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค จึงเรียกได้ว่าพระองค์ตรัสรู้อริยสัจ 4 อย่างแท้จริง กล่าวได้ว่า เมื่อสำเร็จฌาน ก็จะตามมาด้วยญาณ ทันที สำหรับการระลึกชาติจะเกิดขึ้นได้ต้องสำเร็จฌาน 4 เสียก่อน จึงจะระลึกชาติได้ ทางพระพุทธศาสนาเรียกสิ่งที่ได้จากญาณว่า “อภิญญา” (แสดงฤทธิ์ หูทิพย์ อ่านใจคน ระลึกชาติ ตาทิพย์ และสิ้นอาสวกิเลส) ซึ่งการระลึกชาติจัดเป็นอภิญญาลำดับที่ 4
พระพุทธเจ้าตรัสการระลึกชาติได้ไว้ใน “สามัญญสูตร” ว่า “เมื่อจิตเป็นสมาธิผ่องใสปราศจากกิเลส และอุปกิเลส (สิ่งที่ทำให้จิตเศร้าหมอง) โดยไม่หวั่นไหวย่อมโน้มจิตเป็นปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จะสามารถระลึกชาติได้หลายชาติ หรือตลอดสังวัฏฏกัป (ทุกชาติที่เกิดมา) ว่าเกิดมาเป็นอย่างไร ชื่ออะไร กินอะไร มีรูปร่างอย่างไร ประสบกับทุกข์และสุขอย่างไร สิ้นอายุขัยตอนอายุเท่าไหร่ ตายแล้วไปเกิดในชาติต่อไปเป็นอะไร ไม่ต่างจากผู้ชายคนหนึ่งจากบ้านของตนไปยังที่อยู่ใหม่”
จิตที่ฝึกฝนจนเป็นสมาธิสามารถทำให้ผู้ปฏิบัติสามารถระลึกชาติได้ แต่จิตต้องปราศจากกิเลส และสิ่งที่ทำให้จิตเศร้าหมอง (อุปกิเลส) เช่น ความพยาบาท ความอิจฉา ความริษยา ความเศร้า ความขุ่นมัว ความถือตัว เป็นต้น
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องฤทธิ์ที่เกิดจากสมาธิไว้ใน “สติสูตร” ว่า ไม่ว่าจะการแบ่งร่างเป็นหลายคน เหาะไปเทวโลกและพรหมโลก อ่านใจคน ได้ยินเสียงทิพย์ของเทวดาและเสียงของมนุษย์แม้จะอยู่ไกลก็ตาม หรือการระลึกชาติได้เป็นเป็นฤทธิ์อย่างหนึ่ง
พระพุทธศาสนามองว่าผู้ที่จิตปราศจากกิเลส และอุปกิเลสคือพระอนาคามีและพระอรหันต์ เพราะพระโสดาบัน และ พระสกคามี ยังมีกิเลสอยู่ แต่เบาบาง การสำเร็จเป็นพระอริยบุคคลจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับระลึกชาติได้ แต่สำหรับคนธรรมดาที่ทราบว่าสามารถบอกเรื่องราวในอดีตได้ตรงกับสิ่งที่เกิดในตอนนั้น อาจตรงกับฤทธิ์ที่เกิดมาจากผลกรรม หรือ ฤทธิ์ของท่านผู้มีบุญ ซึ่งอิทธิกถาอธิบายว่าเพราะสะสมกุศลกรรมมาดีอาจทำให้ระลึกชาติได้
การระลึกชาติไม่ได้มีขึ้นเพื่อให้ผู้ปฏิบัติหลงว่าตนเหนือกว่าคนอื่น เพราะจิตเดินทางและเวียนว่ายมาหลายภพและชาติ ย่อมเก็บความทรงจำบันทึกไว้ เมื่อปฏิบัติจนได้ญาณ จิตยอมเผยความทรงจำให้เราได้ทราบ ให้เข้าใจถึงสังสารวัฏว่าเป็นทุกข์อย่างไร เมื่อเข้าใจความเป็นทุกข์ หนึ่งในอริยสัจ 4 และไตรลักษณ์แล้ว ย่อมสลายกิเลสและอุปกิเลสทั้งปวงได้ในที่สุด ที่มา : สติสูตร ,สามัญญผลสูตร ,โพธิราชกุมารสูตร ,อิทธิกถา
ภาพ :
https://pixabay.comขอบคุณ :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/167800.htmlBy Alternative Textnintara1991 , 5 August 2019