ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “เจตนา”ทำบุญ ของอัมพปาลี-คณิกาแคว้นโกศล กับ ยายแฟง-แม่เล้าเมืองบางกอก  (อ่าน 448 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


รูปหล่อ “ยายแฟง” ผู้ออกทุนทรัพย์ให้สร้าง “วัดคณิกาผล” ภายในอาคารหลังอุโบสถวัดคณิกาผล


“เจตนา”ทำบุญ ของอัมพปาลี-คณิกาแคว้นโกศล กับ ยายแฟง-แม่เล้าเมืองบางกอก

“อัมพปาลี” เป็นนางคณิกา แห่งเมืองเวสาลี แคว้นโกศล ในสมัยพุทธกาล ส่วน “ยายแฟง” เป็นแม่เล้าคนดังแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ความเหมือนของสตรีทั้งสองคือ ต่างเป็นคนวงการเดียวกัน และชอบทำบุญบำรุงพระศาสนาเหมือนกัน

ในพระสุตตันปิฏกกล่าวว่า อัมพปาลี เป็นคนสวยคมคาย, ฉลาด, เท่าทันคน, และมั่งคั่ง อายุเธอน่าจะประมาณ 35-40 ปี ครั้งหนึ่งนางอัมพปาลี ได้เฝ้าพระพุทธเจ้าที่เสด็จจากราชคฤห์เพื่อจะไปกบิลพัสดุ์ ซึ่งต้องผ่านและแวะพักที่เวสาลี

เมื่อเสด็จถึงเวสาลี พระองค์ประทับที่สวนมะม่วงของนางอัมพปาลี นางได้มาเฝ้าพระพุทธเจ้าและแจ้งความประสงค์ว่าวันรุ่งขึ้นจะขอนำอาหารมาถวาย ขณะที่นางอัมพปาลีกำลังเดินทางกลับก็สวนกับคณะของพระราชาลิจฉวี ที่ต้องการถวายภัตตาหารพระพุทธองค์พรุ่งนี้เช่นกัน พระราชาลิจฉวีขอให้นางอัมพปาลีเลื่อนคิวของนางออกไปก่อน เพื่อพระองค์จะได้เข้ามาแทนที่ หากนางยินยอมพระองค์ยินดีมอบเงินให้เป็นการชดเชยจำนวนแสนหน่วย แต่นางอัมพปาลีไม่ยินยอมและยังท้าทายว่า แม้จะยกเมืองเวลสลีให้ก็มิยอม พระราชาลิจฉวีจึงต้องเป็นฝ่ายยอมเอง

วันรุ่งขึ้นนางอัมพปาลีนำภัตตาหารมาถวายพระพุทธองค์และพระสาวก ทั้งได้ถวายสวนมะม่วงของนางให้เป็นสมบัติสงฆ์หรือสังฆการามนับแต่นั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม เน้นศีล สมาธิ ปัญญา กับการเจริญธรรมให้บังเกิดความกล้าหาญ นางอัมพปาลีและบริวารต่างเป็นสุขด้วยธรรมมกิถานั้น

@@@@@@

อาจารย์พระมหาสังเวย ธมมเนตติโก และอาจารย์ ดร. บรรจบ บรรณรุจิ ได้เขียนถึงภิกษุณีสมัยพุทธกาลผู้สำเร็จอรหัตตผลไว้อย่างน่าสนใจ ท่านแรกนำเสนอในรูปของงานวิจัยชื่อ ภิกษุณีกับการบรรลุอรหัตผล ท่านหลังเขียนเป็นหนังสือชื่อ ภิกษุณี : พุทธสาวิกาครั้งพุทธกาล

ในงานวิจัยและงานเขียนของทั้งสองท่านนั้น มีชื่อ “อัมพปาลี” นางคณิกาที่ออกบวชเป็นภิกษุณีและสำเร็จเป็นพระอรหันต์อยู่ด้วย

ส่วนยายแฟง เป็นหนึ่งในแม่เล้าเมืองชื่อดังเมืองบางกอก กรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ 3 ถึงกับมีคำพูดกล่าวขานว่า “ยายฟักขายแกง ยาแฟงขาย… ยามีขายเหล้า” อย่างที่ได้กล่าวไปตอนต้นว่ายายแฟงกับนางอัมพปาลีมีส่วนเหมือนกันคือ มีใจใฝ่การบุญกุศล ขณะที่นางอัมพปาลียกสวนมะม่วงให้พระพุทธเจ้า ยายแฟงที่เป็นแม้เล้า ก็สร้างวัดถวายพุทธศานาเช่นกัน


@@@@@@

วัดที่ยายแฟงสร้างชื่อ “วัดใหม่ยายแฟง” หรือ “วัดคณิกาผล” เขตป้อมปราบฯ ในปัจจุบัน เมื่อวัดสร้างเสร็จ ก็จัดงานสมโภชวัด โดยยายแฟงนิมนต์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรมหมรังสี) สมัยเป็นมหาโตมาเทศน์ฉลองวัด แต่มหาโตเทศน์ไม่ได้ดังใจโยมอย่างยายแฟง

ยายแฟงจึงไปนิมนต์ทูลกระหม่อมพระ (รัชกาลที่ 4) มาประทานธรรมอีกกัณฑ์หนึ่ง เพราะหวังจะได้รับคำชมจากพระองค์ท่าน สรุปคือ ทั้งมหาโตและทูลกระหม่อมพระเน้นไปที่เจตนาการสร้างเป็นหลัก นัยว่าหากเจตนาดีย่อมได้กุศลมาก ด้วยมีเรื่องเล่าขานกันว่า เจตนาส่วนหนึ่งของยายแฟง คือต้องการได้รับคำชมจาการสร้างวัด บุญกุศลอันพึงจะได้คงจะน้อยลงไปตามสัดส่วน




ข้อมูลจาก :-
- ส.สีมา. “จากอัมพปาลีคณิกา ถึงยายคุณท้าวแฝง” ใน, ศิลปวัฒนธรรม เมษายน 2553
- ส.สีมา. “ภิกษุณีกับชีวิตโสเภณี” ใน, ศิลปวัฒนธรรม สิงหาคม 2553
- เสถียรพงษ์ วรรณปก.วาระสุดท้ายของพระพุทธองค์, สำนักพิมพ์มติชน, มิถุนายน 2541
เผยแพร่ : วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2563
เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรก : เมื่อ 7 กรกฎาคม 2563
ขอบคุณ : https://www.silpa-mag.com/history/article_52476
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ