ได้รับคำตอบมาเหมือนกัน คะ
เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิ มีความตั้งมั่น ในระดับพระอุปจาระสมาธิ แล้ว ถ้าไม่ปรารถนา
เจโตวิมุตติ ก็ใ้ห้เดินจิตเป็น วิปัสสนา ต่อได้เลย
โดยภาวนา เร่ิมที่ ทุกขัง ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย ให้ เห็นทุกข์
เมื่อจิต นึกหน่วง ในความทุึกข์ แล้วก็ให้ ภาวนาว่า อนิจจัง ๆ ๆ เมื่อจิตมองเห็น อนิจจัง แล้ว
ก็ให้ภาวนาว่า อนัตตา ๆ ๆ ๆๆ ไปเรื่อย ๆ
พระอาจารย์บอกว่า เมื่อภาวนามาถึงตรงนี้ แล้ว จิต จะมองเห็น บาป ที่ตนเองเคยทำในชาติปัจจุบัน จะทะยอย
เข้ามารบกวน จิตไปเรื่อยๆ ให้ข่มด้วย บุญ ที่เราได้ในชาตินี้ ถ้าบาป มีแรงมากก็จะเกิดเป็น สีดำ ในจิต คือมืด
ถ้าอย่างนี้ ไม่สามารถพ้นอบาย ให้รีบขวนขวายในบุญกุศลให้ไวที่สุด ถ้าหากภาวนา แล้วเป็นแสงขาว เจิดจ้า
ก็ให้ภาวนาต่อ ไป อนัตตา ๆๆๆๆๆ
อย่ากลัว ๆ ๆ ๆ ให้มอบกายถวายชีวิต แก่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า นั่นแหละจิตก็จักวางจาก
กายมองเห็น นี่สักแต่ว่ากาย สักแต่ว่าลม สักแต่ว่าตัวตน บุคคลเราเขา เป็นแต่เพียงสักว่า
ให้จิตนึกหน่วงในแสงนั้น อันเรืองรองเท่าแสงหิ่งห้อย พอเห็นอย่างนั้นก็นึกหน่วงไว้