ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร  (อ่าน 790 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28506
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร
« เมื่อ: มกราคม 05, 2017, 10:47:40 am »
0



เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร
บทความให้ข้อคิดจาก พระไพศาล วิสาโล

ยูริ กาการิน เป็นมนุษย์คนแรกที่ได้ท่องอวกาศและโคจรรอบโลก เรื่องราวของเขากลายเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่คนทั้งโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว อีกทั้งยังสร้างชื่อเสียงให้แก่สหภาพโซเวียตในฐานะผู้นำด้านอวกาศ ก่อนที่จะเสียตำแหน่งให้แก่สหรัฐอเมริกาในไม่กี่ปีต่อมา

มีเรื่องเล่าว่า ระหว่างที่เขาล่องลอยอยู่ในอวกาศและกำลังพิศวงอยู่กับโลกสีครามอันงดงามเบื้องล่างนั้น เขาได้ยินเสียงเหมือนเหล็กกระทบกันดังปิ๊กๆ ๆ ๆ เขาพยายามหาที่มาของเสียงเพื่อดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ แต่ก็หาไม่พบ ผ่านไปเป็นชั่วโมง เสียงนั้นก็ยังดังต่อไป ปิ๊กๆ ๆ ๆ ยิ่งเวลาผ่านไปเขาก็ยิ่งรู้สึกรำคาญเสียงนั้น เขาพยายามสืบหาว่าเสียงมาจากที่ใด จะได้กำจัดเสียแต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ลำพังการอยู่ในห้องนักบินที่คับแคบ เขยื้อนขยับแทบไม่ได้ ก็สร้างความอึดอัดแก่เขาอยู่แล้ว เมื่อมีเสียงปิ๊กๆ ๆ ๆ รบกวนไม่หยุดซ้ำเข้าไปอีก เขาก็เริ่มกระสับกระส่าย ยิ่งคิดต่อไปอีกว่าจะต้องอยู่กับเสียงนี้อีกหลายชั่วโมง เขาก็หัวเสียขึ้นมาทันที แต่ก็มีวูบหนึ่งที่เขาได้สติ เกิดความคิดขึ้นมาว่า ในเมื่อหนีเสียงนี้ไม่พ้น ทำไมไม่ลองทำใจรักมันดูล่ะ แล้วเขาก็หลับตา ทำใจสงบ และจินตนาการว่าเขากำลังได้ยินเสียงเพลงบรรเลง

สักพักใหญ่เขาก็ลืมตาขึ้น ปรากฏว่าเสียงปิ๊กๆ ๆ ๆ หายไป สิ่งที่มาแทนที่คือเสียงเพลง เขาแย้มยิ้มทันที นับแต่นั้นบรรยากาศในห้องนักบินก็เปลี่ยนไป ความอึดอัดกลายเป็นความผ่อนคลาย จนกระทั่งยานวอสต็อก 1 พาเขากลับมาสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัย

น่าคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับกาการินหากเขายังคิดต่อสู้หรือเป็นปฏิปักษ์กับเสียงประหลาดนั้น เขาอาจคลุ้มคลั่งหรือเป็นประสาทอ่อนๆ ไปเลยก็ได้ แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเพียงแต่หันมาทำใจรักเสียงนั้น

 :25: :25: :25: :25:

เรื่องราวของเขาบอกเราว่า อะไรเกิดขึ้นกับเราไม่สำคัญเท่ากับว่าเรารู้สึกกับสิ่งนั้นอย่างไร เสียงปิ๊กๆ ๆ ๆ อาจทำให้ใครบางคนเป็นบ้าไปได้ หากรู้สึกจงเกลียดจงชังมันอย่างรุนแรง แต่มันกลับกลายเป็นเสียงเพลงกล่อมใจขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกรักมันหรือเป็นมิตรกับมัน

คนเรานั้นเมื่อมีอะไรมากระทบใจ ทำให้รู้สึกเป็นทุกข์ เรามักทำอย่างใดอย่างหนึ่งคือ จัดการกับมันหรือไม่ก็หนีไปไกลๆ เช่น ถ้าเจอเสียงดังก็หาทางระงับเสียงนั้น หรือไม่ก็เดินห่างจากเสียงนั้น แต่บ่อยครั้งเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำทั้งสองอย่างได้ หรือทำแต่ไม่สำเร็จ สิ่งที่ตามมาก็คือความทุกข์

หลายคนมักมองว่าที่ตนทุกข์นั้นเป็นเพราะเสียงดังกล่าว แต่แท้จริงแล้วสาเหตุแห่งความทุกข์อยู่ที่ใจของตนเองต่างหาก นั่นคือความรู้สึกปฏิเสธ ผลักไส ชิงชังเสียงนั้น ยิ่งรู้สึกลบต่อเสียงนั้นมากเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น บางคนถึงกับคุมอารมณ์ไม่อยู่ ออกไปทะเลาะวิวาทกับเจ้าของเสียง ซึ่งอาจเป็นเพื่อนบ้านที่กำลังเลี้ยงฉลองหรือเปิดเพลงดัง บางกรณีถึงกับฆ่ากันตายเพราะเหตุดังกล่าว

ในชีวิตของเรานั้นมีอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างที่รบกวนจิตใจของเรา ไม่ใช่แต่เสียงประหลาดเท่านั้น ในบรรดาสิ่งรบกวนเหล่านั้นมีมากมายที่เรามิอาจหนีพ้นหรือจัดการกับมันได้ อย่างน้อยก็ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นแทนที่จะตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับมันจะไม่ดีกว่าหรือหากเราทำใจให้เป็นมิตรกับมันหรือรักมัน เพราะนั่นคือหนทางเดียวที่จะช่วยให้เราอยู่กับมันอย่างมีความสุข ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นงานการ ภูมิอากาศ การจราจรที่แน่นขนัด หรือแม้แต่รูปร่างทรวดทรง

 :96: :96: :96: :96:

หลายคนทำงานอย่างมีความทุกข์ แต่เราสามารถจะทำงานอย่างมีความสุขได้หากเรียนรู้ที่จะรักงานนั้น แม้รูปร่างหน้าตาเราจะไม่สะสวยเหมือนคนอื่น แต่เราก็สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้ หากเราเลิกชิงชังรังเกียจร่างกายของตนเอง จริงอยู่ปัญหาบางอย่างสมควรจะแก้ไข แต่หากยังแก้ไขไม่ได้ เราก็ควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่างมีความสุขหรือไม่ทุกข์มากไปกว่าเดิม นั่นคือหันมาเป็นมิตรกับมัน หรืออย่างน้อยก็ไม่ปฏิเสธชิงชังมัน

อะไรก็ตามที่เรารังเกียจชิงชัง สิ่งนั้นจะมีอำนาจหรืออิทธิพลทางลบต่อเรา และยิ่งเราผลักไสมันออกไป มันก็ยิ่งตามมารังควานเรา ยิ่งปฏิเสธก็ยิ่งนึกถึง เคยมีการทดลองให้อาสาสมัครนั่งอยู่คนเดียวในห้อง ทุกคนได้รับคำสั่งว่า จะคิดอะไรก็ได้ มีเงื่อนไขอย่างเดียวคือห้ามคิดถึงหมีขาว เมื่อใดก็ตามที่คิดถึงหมีขาวให้กดกริ่งทันที ผู้ทดลองให้คำสั่งได้ไม่นานเท่าใด เสียงกริ่งก็ดังระงมไปทั่วไม่เพียงแต่สิ่งรบกวนจิตใจเท่านั้น

สิ่งที่สร้างความทุกข์ทางกายก็เช่นกัน เช่น โรคภัยไข้เจ็บหรือความเจ็บปวด ความทุกข์ส่วนหนึ่งมักเกิดจากใจที่ปฏิเสธผลักไสอาการดังกล่าว หากโรคภัยไข้เจ็บหรือความเจ็บปวดนั้นอยู่ในวิสัยที่จะเยียวยาได้ ก็คงไม่เป็นปัญหามากนัก แต่ในความเป็นจริงมีโรคภัยไข้เจ็บและความเจ็บปวดหลายประเภทที่ยากแก่การเยียวยาได้


 :49: :49: :49: :49:

ดังนั้น หากตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว มีทางออกใดเล่าจะดีไปกว่าการทำใจเป็นมิตรกับโรคภัยไข้เจ็บและความเจ็บปวด มีผู้ป่วยมะเร็งหลายคนที่พบว่าความทุกข์บรรเทาลงมากเมื่อหันมาเป็นมิตรกับมะเร็ง บางคนเรียกสิ่งแปลกปลอมในหน้าอกของตนว่า “คุณก้อนมะเร็ง”

ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีใครหนีความแก่ ความเจ็บ และความตายพ้น ในเมื่อความจริงเป็นเช่นนี้ แทนที่จะทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับมัน จะไม่ดีกว่าหรือหากเราหันมาเป็นมิตรกับมัน

อะไรก็ตามที่เราหันมาเป็นมิตรได้ สิ่งนั้นจะคลายพิษสงลงและอาจกลายมาเป็นคุณแก่เราด้วยซ้ำ จึงไม่ต้องแปลกใจที่ครูบาอาจารย์หลายท่านย้ำนักย้ำหนาว่า…พบทุกข์ก็เห็นธรรม 


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.goodlifeupdate.com/30183/healthy-mind/anemy/
http://www.goodlifeupdate.com/30183/healthy-mind/anemy/2/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 05, 2017, 08:05:06 pm »
0
เอาทิฏฐิออก

  แล้วคุยกับศัตรูแบบคุยกับมิตร
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา