ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การเป็นเจ้าภาพ บวชพระสงฆ์ ได้บุญ และ อานิสงค์อย่างไร ครับ  (อ่าน 68493 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นินนินนิน

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การเป็นเจ้าภาพ บวชพระสงฆ์ ได้บุญ และ อานิสงค์อย่างไร ครับ

   คือไม่ทราบว่า มีอานิสงค์ อย่างไร เพราะผู้บวช แสดงความประสงค์ ว่าบวชทดแทนคุณพ่อ คุณแม่ แต่คุณพ่อ คุณแม่ ไม่มีทุนทรัพย์จัดง่านบวชให้ จึงได้ช่วยอนุเคราะห์เป็นเจ้าภาพ ซึ่งผู้บวชก็แสดงความขอบคุณ แต่ผมสงสัยเรื่องอานิสงค์ ของการเป็นเจ้าภาพว่า ผมได้บุญ หรือ พ่อแม่ ของเขาที่ให้ชชีวิตได้บุญ คือพ่อแม่ของเขาก็แค่มาร่วมงานในพิธิวันบวช

    รู้สึกคาใจ ว่า เหมือนเราไปแย่งบุญของ พ่อแม่ เขาหรือไม่ และเราได้อานิสงค์จริง ๆ หรือไม่จากการอุปถัมภ์การบวชพระในครั้งนี้

   :s_hi: :c017:
บันทึกการเข้า

sanrak

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พ่อแม่ เขาน่าจะได้บุญโดยตรงนะคะ
ส่วนเราเป็นเจ้าภาพนั้น ไม่ใช่บุญโดยตรงคะ เป็นทางอ้อมคะ

  :58: :58: :25:
บันทึกการเข้า

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ได้บุญเต็มๆเลยละจ๊ะ แต่เป็นคนและแบบกันกับทางฝ่ายผู้เป็นพ่อเป็นแม่  รอคุณ nathaponson มาให้รายละเอียด  รายละเอียดมันเยอะนิดนึง
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พิจารณาแล้ว ก็น่าจะได้บุญ ครับ อานิสงค์การส่งเสริมการบวช ของผู้ที่ปฏิบัติดีนั้น สูงครับ
แต่อาจจะไม่เท่ากับ คุณพ่อ คุณแม่ ที่ให้กำเนิดชีวิตโดยตรงนะครับ

 อย่างไรก็ได้บุญครับ ไม่ได้แย่งบุญของ พ่อแม่เขามาหรอกครับ น่าจะมีอานิสงค์ไปคนละแบบแต่ผมก็ไม่รู้ว่า มีอานิสงค์อย่างไร ครับ รอผู้รู้มาเสริมความรู้ตรงนี้นะครับ

  :25:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

อานิสงส์บวช

      ...บวชนี้ย่อมมีผลานิสงส์อย่างมากมาย องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ตรัสเทศนาอานิสงส์แห่งการบรรพชาอุปสมบทไว้โดยอเนกประการว่า

     ทาสสฺส อานนฺท ดูกรอานนท์
     บุคคลใดมีศรัทธา บรรพชาทาสกรรมกรให้เป็นสามเณร หรือสามเณร มีอานิสงส์ ๔ กัล์ป บวชเป็นภิกษุหรือภิกษุณี มีอานิสงส์ ๘ กัล์ป
     และ ถ้าอุปสมบทจะได้รับอานิสงส์ ๑๖ กัล์ป
     หากอุปสมบทได้อานิสงส์ ๓๒ กัล์ป
     ถ้าอุปสมบทตนเองในพระพุทธศาสนา ด้วยศรัทธาเลื่อมใสจะได้อานิสงส์ถึง ๖๔ กัล์ป
     บุคคลใดได้บรรพชาบุตรตนก็ดี บุตรของผู้อื่นก็ดี ก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิ

    แล้วพระองค์ตรัสอีกว่า
    ดูกรอานนท์ดังจะเห็นได้จาก หญิงผู้หนึ่ง เขามีบุตรอยู่คนเดียว บุตรชายเขาขอไปบวชมารดาก็ไม่ให้บวชบุตรชายจึงหนีไปบวช อยู่มาวันหนึ่งมารดาของสามเณรนั้นออกจากบ้านไปแต่เช้า เพื่อจักแสวงหาฟืน มารดาสามเณร

     ครั้นหาฟืนได้พอสมควรแล้วก็กลับบ้าน พอมาถึงระหว่างทางได้พักอยู่โคนต้นไม้ใหญ่ แล้วลงนอนพักผ่อนก็หลับไป ได้นิมิตรฝันไปว่ามีพระยายมราชมาถามว่า
     ดูกรผู้หญิง เธอได้กระทำบุญหรือว่าไม่ได้กระทำเลย
     มารดาของสามเณรนั้นตอบว่า ข้าแต่เจ้า ดิฉันไม่ได้กระทำบุญอย่างไรเลย
     พระยายมราชทราบแล้ว ก็จับเอาผู้หญิงนั้นไปใส่นรกทันที


     ผู้หญิงนั้นได้เห็นไฟนรกลุกโพรงก็ถามพระยายมราชว่า อันไฟแดงนั้นเป็นอย่างไร
     พระยายมราชว่า อันไฟแดงนั้นเป็นไฟนรก ผู้หญิงจึงบอกว่าเหมือนกับผ้าจีวรของลูกชายของข้าพเจ้าอันได้บวชเป็นสามเณรนั้นแล
     พระยายมราชจึงกล่าวว่า ดูกรผู้หญิง ลูกชายของเธอยังได้บวชหรือ
     นางก็ตอบว่า ลูกชายยังได้บวชเป็นสามเณรอยู่
     พระยายมราชได้ยินคำของนางดังนั้นแล้ว จึงนำนางมาคืนไว้เดิมเสีย เหตุอันนี้ก็เพราะบุญของลูกชายตนได้บวชเป็นสามเณร ในพุทธศาสนาไปกั้นไว้ในนรกได้


     ครั้นนางตื่นขึ้นมาก็ตกใจกลัวรีบกลับบ้าน ตั้งแต่นั้นนางก็เลื่อมใสในพุทธศาสนา เฝ้าปฏิบัติสามเณรลูกชายของตน มิได้ขาดจนนางได้ตายไปตามอายุขัยก็ไปบังเกิดในสวรรค์ดั้งนี้ เป็นต้น


ที่มา http://84000.org/anisong/08.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 02, 2012, 01:05:14 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



อานิสงส์ถวายสัพพทาน

...... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทานของสัปบุรุษเหล่านี้ ๘ อย่าง คือ
      ๑. ให้ของที่สะอาด ๒. ให้ของประณีต ๓. ให้ถูกกาล ๔. ให้ของที่สมควร
      ๕. เลือกให้ ๖. ให้เสมอ ๆ๗. กำลังให้ยังจิตให้เลื่อมใส ๘. ครั้นให้แล้วปลื้มใจ
      สัปปุริสทาน ๘ อย่างนี้ประเสริฐยิ่งนักหนา
     ในกาลครั้งนั้น องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก็สถิตสำราญอยู่ในป่าเชตวันอันเป็นอารามของนายอนาถปิณฑิกมหาเศรษฐีอยู่ในที่ใกล้ ๆ นครสาวัตถี


      ในกาลครั้งนั้นมีพระยาองค์หนึ่ง ชื่อ มหานามะ ก็เอา ประธูปประทีปคันธรสของหอมแล้วพาหมู่บริวารทั้งหลายเข้าไปสู่ที่เฝ้าพระสัพพัญญูเจ้า แล้วก็นั่งในที่ควรแห่งหนึ่ง จึงทูลถามพระสัพพัญญูเจ้าว่า
       “ภนฺเต ภควา” ข้าแต่องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าบุคคลผู้ใดเลื่อมใสศรัทธา มาก่อสร้างสัพพาทานหลาย ๆ ชนิด ก็จักมีอานิสงส์ดังรือพระเจ้าข้า “ภควา” อันว่าองค์

        ... สมเด็จพระศาสดาจารย์เจ้าจึงเทศนาว่า ดูกรมหาบพิตร นรชนหญิงชายทั้งหลายมีใจเลื่อมใสศรัทธา
มาก่อสร้างสัพพาทานหลาย ๆ ชนิดเป็นต้นว่า

        สร้างพระพุทธรูปก็จักได้อานิสงส์ ๙ กัลป
        สร้างพระไตรปิฏกธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ก็ได้อานิสงส์ ๑๐ กัลป
        ผู้ใดได้บวชตนเป็นสามเณร ก็จักได้อานิสงส์ ๑๒ กัลป
        ผู้ไดได้บวชตนเป็นพระภิกษุ ก็จักได้ อานิสงส์ ๒๔ กัลป


        ผู้ใดได้สร้างพระธาตุเจดีย์ก็จักได้อานิสงส์ ๘๐ กัลป
        ผู้ใดได้ปลูกไม้ศรีมหาโพธิ์ ก็จักได้อานิสงส์ ๙ กัลป
        ผู้ใดให้โภชะนังยังข้าวน้ำ โภชนะอาหารให้เป็นทานแก่ภิกษุสามเณร ก็จักได้บริวารแสนหนึ่ง
        ผู้ใดได้สร้างเจดีย์ทรายก็จักได้อานิสงส์ ๖๐ กัลป

        ผู้ใดสร้างกุฏีให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐ กัลป
        ผู้ใดสร้างอุโบสถให้เป็น ทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐ กัลป
        ผู้ใดสร้างกฐินให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๘๐ กัลป
        ผู้ใดสร้างอารามให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๔๐กัลป
        ผู้ใดสร้างพัทธสีมาให้เป็นทานก็จักได้อานิสงส์ ๑๐๐ กัลป


        ผู้ใดได้บวชบุรุษผู้อื่นให้เป็นพระภิกษุก็จักได้อานิสงส์ ๘ กัลป
        บวชบุตรตนเองให้เป็นภิกษุ ก็จะได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป
        ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นสามเณร ก็จักได้อานิสงส์ ๑๖ กัลป
        ภรรยาบวชสามีของตนให้เป็นพระภิกษุ ก็จักได้อานิสงส์ ๓๒ กัลป
        สามีบวชภรรยาให้เป็นภิกษุณี ก็จักได้อานิสงส์ ๖๔ กัลป ฯลฯ



ที่มา http://84000.org/anisong/38.html
ขอบคุณภาพจาก http://static1.pg.in.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อานิสงส์การเป็นเจ้าภาพงานบวช (พระหรือสามเณร)
     
     1. ย่อมได้เกิดเป็นมนุษย์ มีชาติตระกูลสูง
     2. ย่อมได้เกิดในสถานที่รุ่งเรืองด้วยศีล สมาธิ ปัญญา
     3. ย่อมเป็นผู้มีศรัทธามั่นคง เป็นสัมมาทิฎฐิบุคคล
     4. ย่อมเป็นผู้ทรงจำดี มีปฏิภาณว่องไว มีปัญญาดี
     5. ย่อมมีอาชีพและกิจการเป็นหลักฐานมั่นคงตลอดไป


     6. ย่อมเป็นผู้มีเสน่ห์ เป็นที่รักนับถือของมนุษย์และเทวดา
     7. ย่อมปลอดภัยจากศัตรูหมู่พาลทั้งหลาย
     8. ย่อมเป็นผู้มีร่างกายแข็งแรง สมส่วน สง่างาม
     9. ย่อมมีอิสระเสรี มีอำนาจมาก
   10. เมื่อยังไม่หมดกิเลส เมื่อตายไปย่อมไปเกิดในสวรรค์เป็นเทวดาหรือพรหม ดังนี้
       - ให้ทาสบรรพาชาเป็นสามเณรได้ผลานิสงส์ 4 กัปป์ อุปสมบทเป็นภิกษุได้ผลานิสงส์ 8 กัปป์
       - ให้บุตรบรรพชาเป็นสามเณรได้ผลานิสงส์ 8 กัปป์ อุปสมบทเป็นภิกษุได้ผลานิสงส์ 16 กัปป์
       - ให้ภรรยาบรรพชาเป็นสามเณรี หรือให้สามีบรรพชาเป็นสามเณรได้ผลานิสงส์ 16 กัปป์
          อุปสมบทเป็นภิกษุณีหรือภิกษุได้ผลานิสงส์ 32 กัปป์


     บางท่านว่าไว้ดังนี้ : -
        "สำหรับบิดามารดา (ให้ลูกบวชเป็นพระ) จะได้อานิสงส์คนละ 30 กัปป์
        สำหรับคนที่ไม่ใช่พ่อแม่ เป็นเจ้าภาพบวชให้จะได้อานิสงส์คนละ 12 กัปป์ต่อ 1 รูป
        สำหรับท่านที่ช่วยเขาคนละบาทสองบาทหรือช่วยด้วยกำลัง แรงอย่างนี้ มีอานิสงส์รูปละ 8 กัปป์"


  11. ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผล นิพพาน ได้ง่าย



ที่มา board.palungjit.com/f2/อยากได้ข้อมูล-อานิสงส์-การทำบุญงานบวช-118516.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.tripandtrek.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา ครับ ในพระสูตรมีระบุอานิสงค์เหล่านี้หรือไม่ครับ
ขอบคุณ มากครับ

  :c017: :c017: :c017:
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา ครับ ในพระสูตรมีระบุอานิสงค์เหล่านี้หรือไม่ครับ
ขอบคุณ มากครับ

  :c017: :c017: :c017:

    ผมได้เคยเสิร์ชหามานานเป็นปี ไม่เคยเจอเลยครับ และข้อมูลจากเว็บต่างๆก็ไม่ระบุที่มาว่า นำมาจากที่ไหนหรืออ้างอิงจากหนังสือเล่มไหน แต่ที่พออ้างอิงได้บ้าง คือ คำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ท่านเทศน์ไว้และถูกบันทึกไว้ในหนังสือสองเล่ม คือ
     - หนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑" หน้า ๒๙-๓๕
     - หนังสือ "พ่อสอนลูก" หน้า ๓๕๗-๒๖๑





จากหนังสือ "ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๑" หน้า ๒๙-๓๕ ขอคัดบางส่วนมาแสดง

  ..........องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เมื่อทรงพระชนม์อยู่ องค์สมเด็จพระบรมปรารถเรื่องการอุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดาตรัสว่า การอุปสมบทบรรพชานี้มีอานิสงส์พิเศษ

    อานิสงส์อย่างอื่น มีการสร้างวิหารทานก็ดี การถวายสังฆทานก็ดี ทอดกฐินผ้าป่าก็ดี จัดว่าเป็นอานิสงส์สำคัญ แต่อานิสงส์นี้นั้น บุคคลที่จะพึ่งได้ต้องโมทนาก่อน หมายความว่า ถ้าบุตรธิดาของตนบำเพ็ญกุศล บิดามารดาไม่โมทนาย่อมไม่ได้ แต่ว่าการอุปสมบมบรรพชานี้แปลกกว่านั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า
 
     สมมุติว่า บุตรชายของท่านผู้ใดออกจากครรภ์มารดาวันนั้น
     บิดามารดาก็จากกัน ลูกกับพ่อ ลูกกับแม่ย่อมไม่รู้จักกัน
     เวลาที่บรรพชานั้น บิดามารดาก็ไม่ทราบ
     แต่ทว่า ถึงอย่างก็ดี องค์สมเด็จพระชินศรีตรัสว่า บิดามารดาย่อมได้อานิสงส์โดยสมบูรณ์

     นี่เป็นอันว่า อานิสงส์แห่งการการอุปสมบทบรรพชานี้แปลกจากบุญกุศลอย่างอื่น.........


     ทีนี้จะว่ากันไปถึงอานิสงส์แห่งการอุปสมบท-บรรพชา คำว่า บรรพชา นี้หมายความว่า บวชเป็นเณร  คำว่า อุปสมบท นี้หมายความว่า บวชเป็นพระ สำหรับท่านที่บรรพชาในพุทธศาสนาเป็นสามเณร อันนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า

    ท่านผู้บรรพชาเองคือเณร ถ้าประพฤติปฏิบัติดี นี่เอากันถึงด้านการประพฤติปฏิบัติดี ถ้าปฏิบัติเลวการการบวชเณรก็ถือว่าเป็นการซื้อนรก ถ้าปฏิบัติดีนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า
     ท่านที่บวชเข้ามาเป็นเณรในพุทธศาสนาแล้วปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตามระบอบพระธรรมวินัย สำหรับเณรผู้นั้น ย่อมมีอานิสงส์คือ ถ้าตายจากความเป็นคน ถ้าจิตของตนมีกุศลธรรมดา ไม่สามารถจะทรงจิตเป็นฌาน
     องค์สมเด็จพระพิชิตมารตรัสว่า ท่านผู้นั้นจะเสวยความสุขบนสวรรค์ ได้ถึง ๓๐ กัป เช่นเดียวกัน.......





    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวว่า ท่านที่บวชเป็นเณรเอง และมีความประพฤติปฏิบัติดี ต้องเป็นเทวดาหรือพรหมอยู่ถึง ๓๐ กัป นั่นก็หมายความว่า อายุเทวดาหรือพรหมย่อมีกำหนดไม่ถึง ๓๐ กัป และเมื่อหมดอายุแล้วจะเกิดเป็นพรหมใหม่ อยู่บนนั้นไปจนกว่าจะถึง ๓๐ กัป หรือมิฉะนั้นก็ต้องเข้านิพพานก่อน

     สำหรับ บิดามารดา ของบุคคลผู้บวชเป็น สามเณร ย่อมได้อานิสงส์คนละ ๑๕ กัป คือครึ่งหนึ่งของเณร หมายความว่าบิดารมีอานิสงส์ ๑๕ กัป มารดามีอานิสงส์เสวยความสุขบนสวรรค์หรือพรหมโลก ๑๕ กัป......
 
     สำหรับบรรดาท่านผู้ไม่ใช่บิดามารดาของบุตรกุลธิดาที่อุปสมบทบรรพชาในพระพุทธศาสนา เป็นผู้ช่วยในการบวช นี่หมายความว่า เวลาเขาจะบวชพระครั้งหนึ่ง เราทราบเข้าก็ไปบำเพ็ญกุศลร่วมกับเข้าด้วยจตุปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง ให้สิ่งของบ้าง ช่วยขวยขวายในกิจการงานในการที่จะอุปสมบทบ้าง หมายความว่า

    เขาจะบวชลูกบวชหลานของเขา เราไม่มีลูกหลานจะบวช เขามาบอกบุญมาหรือไม่บอกบุญก็ตาม เอาจตุปัจจัยบ้าง เอาของที่จะพึ่งจะใช้ในงานบ้าง ไปช่วยในงานด้วยความเลื่อมใส ถ้าไม่มีจตุปัจจัย ไม่มีของ ก็เอากายไปช่วย ช่วยขวนขวายในกิจการงาน  อย่างนี้องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดากล่าวว่าท่านผู้นั้นจะมีอานิสงส์เสวยความสุขอยู่บนสวรรค์ หรือในพรหมโลก คนละ ๘ กัป
 
    แต่ถ้าหากเป็นคนฉลาด อย่างเช่นเขาบวชพระกัน ๔๒ องค์ เราก็ช่วยกันบำเพ็ญกุศลช่วยในการ บวชพระ ไม่เจาะจงท่านผู้ใดผู้หนึ่ง เรียกว่าช่วยหมดทั้ง ๔๒ องค์ ก็ต้องเอา ๔๒ ตั้งเอา ๘ คูณ  นี่เป็นอันว่า...อานิสงส์ที่ที่จะพึงได้ในการอุปสมบทบรรพาชากุลบุตรกุลธิดาในพระพุทธศาสนาสำหรับผู้ช่วยงาน

    แต่สำหรับท่านผู้เป็น เจ้าภาพ ในฐานะคนที่บวชไม่ได้เป็นบุตรของเรา แต่ว่าเป็นผู้จัดการขวยขวายในการอุปสมบทบรรพชาให้ อันนี้องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดากล่าวว่า ท่านผู้จัดการบวชจะ ได้อานิสงส์ ๑๒ กัป จะมีผลหลั่นซึ่งกันและกัน.....



อ่านรายละเอียดอื่นๆ ได้ทีี่่
https://sites.google.com/site/sphrathewtheph/Home-8-5-1
ขอบคุณภาพจาก http://www.watpaknam.org/,http://4.bp.blogspot.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา ครับที่ ยังแจกธรรม สมกับเป็นบัณฑิตห้อง ส่งจิตออกนอกครับ
ที่ได้ค้นคว้านำมาให้เพื่อนได้อ่านกัน อย่างไม่ผิดหวังในคำถามครับ

 สาธุ สาธุ สาธู
 :c017: :25: :25: :49:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ 
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค

๒. สามัญญผลสูตร
สูตรว่าด้วยผลของความเป็นสมณะ

    พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ป่ามะม่วงของหมอชีวก ใกล้กรุงราชคฤห์ พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่คืนวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ อันเป็นวันอุโบสถ เดือน ๑๒ พระเจ้าอชาตศัตรูเสด็จไปเฝ้า ทูลถามถึงผลของดีของความเป็นสมณะที่เห็นได้ในปัจจุบัน และตรัสเล่าว่า เคยไปถามครูทั้งหกมาแล้ว แต่ตอบไม่ตรงคำถาม เปรียบเหมือนถามถึงเรื่องมะม่วง แต่ไปตอบเรื่องขนุน  จึงต้องกลับ . พระผู้มีพระภาคตรัสตอบเป็นข้อ ๆ ดังนี้ :-

    ๑. ผู้เคยเป็นทาสหรือกรรมกรของพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อออกบวชประพฤติตนดีงามแล้ว จะทรงเรียกร้องให้กลับไปเป็นทาสหรือกรรมกรตามเดิมหรือไม่. พระเจ้าอชาตศัตรูตรัสตอบว่า ไม่เรียกกลับ แต่จะแสดงความเคารพถวายปัจจัย ๔ และถวายความคุ้มครองอันเป็นธรรม. ตรัสสรุปว่า นี่เป็นผลของความเป็นสมณะที่เห็นได้ในปัจจุบัน.
    ๒. คนทำนาของพระเจ้าอชาตศัตรุ เมื่อออกบวชประพฤติตนดีงามแล้ว จะทรงเรียกร้องให้กลับไปทำนาให้ตามเดิมหรือไม่ ตรัสตอบเหมือนข้อแรก จึงนับเป็นผลของความเป็นสมณะที่เห็นได้ในปัจจุบัน.

    ๓. คฤหบดีหรือบุตรคฤหบดี ฟังธรรมเลื่อมใสแล้วออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ สมบรูณ์ด้วยศีล , สำรวมอินทรีย์ คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มิให้บาปอกุศลเกิดขึ้นท่วมทับจิต, มีสติสัมปชัญญะ, มีความสันโดษ ยินดีด้วยปัจจัย ๔ ตามมีตามได้, ออกป่าบำเพ็ญสมาธิ ละกิเลสที่เรียกว่านีวรณ์ ๕ เสียได้ จึงได้บรรลุฌานที่ ๑ นี้ก็เป็นผลของความเป็นสมณที่เห็นได้ในปัจจุบัน.
    ๔. ได้บรรลุฌานที่ ๒
    ๕. ได้บรรลุฌานที่ ๓
    ๖. ได้บรรลุฌานที่ ๔

 



    ๗. น้อมจิตไปเพื่อเกิดความรู้เห็นด้วยปัญญา ( ญาณทัสสนะ) ว่า กายมีความแตกทำลายไปเป็นธรรมดา วิญญาณก็อาศัยและเนื่องในกายนี้ ( วิปัสสนาญาณ ญาณอันทำให้เห็นแจ้ง).
    ๘. นิรมิตร่างกายอื่นจากกายนี้ได้ ( มโนมยิทธิ คือฤทธิ์ทางใจ).
    ๙. แสดงฤทธิ์ได้ เช่น น้อยคนทำให้เป็นมากคน มากคนทำให้เป็นน้อยคน เดินน้ำ ดำดิน เป็นต้น ( อิทธิวิธิ)
    ๑๐. มีหูทิพย์ ได้ยินเสียงใกล้ไกล ที่เกินวิสัยของมุนษย์ธรรมดา (ทิพย์โสต).
    ๑๑. กำหนดรู้ใจผู้อื่นได้ ( เจโตปริยญาณ).
    ๑๒. ระลึกชาติในอดีตได้ ( ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ).
    ๑๓. เห็นสัตว์อื่นตายเกิดด้วยตาทิพย์ ( เรียกว่าทิพย์จักษุ หรือจุตูปปาตญาณ คือญาณรู้ความตาย และความเกิดของสัตว์).
    ๑๔. รู้จักทำอาสวะ คือกิเลสที่หมักหมม หรือหมักดองในสันดานให้สิ้นไป ( อาสวักขยญาณ). ลำดับ



   เมื่อจะย่อผลแห่งความเป็นสมณะที่เห็นได้ในปัจจุบันทั้งสิบสี่ข้อนี้เป็นหมวด ๆ ก็อาจย่อได้ ๓ หมวด คือ

    หมวดที่ ๑ ทำให้พ้นจากฐานะเดิม คือ พ้นจากความเป็นทาส เป็นกรรมกร พ้นจากความเป็นชาวนา ได้รับการปฏิบัติด้วยดี แม้จากพระมหากษัตริย์ คือ ผลข้อ ๑ กับข้อ ๒.
    หมวดที่ ๒ เมื่ออบรมจิตใจจนเป็นสมาธิ ก็เป็นเหตุให้ได้ฌาน ที่ ๑ ถึง ๔ อันทำให้ละกิเลสอย่างกลางได้ คือผลข้อ ๓, ๔, ๕, และ ๖.
    หมวดที่ ๓ ทำให้ได้วิชชา ๘ อันเริ่มแต่ข้อ ๗ ได้วิปัสสนาญาณ จนถึงข้อ ๑๔ ได้อาสวักขยญาณ).


   
ที่มา http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prasuttanta/1.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.kalyanamitra.org/


อ่านพระสูตรฉบับเต็มได้ที่
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑ ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
๒. สามัญญผลสูตร เรื่องพระเจ้าอชาตศัตรู
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๙  บรรทัดที่ ๑๐๗๒ - ๑๙๑๙.  หน้าที่  ๔๕ - ๗๙.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=9&A=1072&Z=1919&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=91






สามัญญผลสูตรนี้ พระพุทธเจ้าตรัสถึงอานิสงส์ของการบวช ในแง่ของผลเอาไว้
ผมหามาได้เพียงเท่านี้ครับ :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณครับ
 :c017: :25:
บันทึกการเข้า