หัวข้อ: “ศรีลังกา” หยดน้ำตาแห่งมหาสมุทรอินเดีย เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มิถุนายน 06, 2013, 07:51:12 am (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//5dikia6ga8dgfeaghe6bb.jpg) “ศรีลังกา” หยดน้ำตาแห่งมหาสมุทรอินเดีย ถ้าศรีลังกาเป็นหยดน้ำตา คงเป็นหยดใหญ่กว่ามัลดีฟส์หลายเท่า ก็ดูขนาดประเทศสิ หยดของศรีลังกาเป็นหยดเบ้อเริ่ม แต่มัลดีฟส์เป็นฝอยกระจายพันกว่าหยด ”หยดน้ำตาแห่งมหาสมุทรอินเดีย”เป็นสิ่งที่ทุกคนเปรียบเปรยศรีลังกา ถ้าศรีลังกาเป็นหยดน้ำตา คงเป็นหยดใหญ่กว่ามัลดีฟส์หลายเท่า ก็ดูขนาดประเทศสิ หยดของศรีลังกาเป็นหยดเบ้อเริ่ม แต่มัลดีฟส์เป็นฝอยกระจายพันกว่าหยด อาจจะดูเก็บเนื้อเก็บตัว แต่ต้องบอกว่าเสน่ห์ของศรีลังกานั้นรุนแรงไม่แพ้อินเดีย เนปาล และปากีสถาน ทั้งความเข้มขลัง ความคลาสสิค ความอลังการ และความสงบงามแห่งดินแดนพุทธศาสนา เติมแต่งคลุกเคล้าให้ศรีลังกากลายเป็นประเทศเจ้าเสน่ห์ไปในบัดดล จริงอยู่ที่หน้าตาของศรีลังกาวันนี้อาจเปลี่ยนไปบ้าง อาจจะมีสิ่งก่อสร้างทันสมัยผสมผสานกับวัฒนธรรมเก่าแก่ ทั้งหอนาฬิกาอายุกว่า 100 ปี และสูงระฟ้าจึงอยู่ไม่ไกลกันนัก ที่นี่เคยเป็นฐานที่มั่นของเจ้าอาณานิคมตะวันตกทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะเป็นโปรตุเกสหรืออังกฤษ โคลัมโบที่เห็นในวันนี้ จึงไม่เพียงเป็นเมืองหลวงที่มีการจัดวางผังไว้ดีเยี่ยม แต่ยังมีตะกอนและริ้วรอยแห่งอดีตเหลือทิ้งไว้จากผู้ล่า (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//fied9d85h6ij68c8ci979.jpg) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//cd5cg7aah55kaa9a7cki5.jpg) ก่อนจะเดินทางไปหาศรีลังกา หลายคนมักสงสัยในความปลอดภัย ซึ่งต้องบอกว่าศรีลังกาในวันนี้แสนสงบและน่าเที่ยวเหลือเกิน จริงอยู่ที่ก่อนนี้ศรีลังการ้อนระอุ ยิ่งถ้าเป็นตามวัดหรือสถานที่สำคัญ ๆ ล่ะก็ ต้องเตรียมทหารไว้คุ้มกันอย่างหนาแน่น รอยร้าวระหว่างเชื้อชาติของชาวศรีลังกานั้นเกิดขึ้นมาเนิ่นนานกว่า 20 ปี คงเป็นเพราะความหลากหลายของผู้คนนั่นเอง ราว 70% เป็นชาวสิงหลซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ส่วนอีกประมาณ 20% เป็นชาวทมิฬที่ส่วนใหญ่อพยพมาจากทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย และนับถือศาสนาฮินดู และ มุสลิมประมาณ 7% ส่วนที่เหลือเพียงเล็กน้อยเป็นชาวคริสต์ มาถึงเมืองหลวงของศรีลังกาอย่างโคลอมโบ ไม่ได้ไปเที่ยววัด คงเหมือนขาดอะไรไปอย่าง อย่างที่รู้กันว่าไทยและศรีลังกานั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก และเพราะความที่เป็นชาวพุทธด้วยกันนี่เอง หากจะย้อนไปมองอดีตกันแล้ว ก็แทบจะเรียกได้ว่าไทยและศรีลังกานั้นมีความสัมพันธ์แนบแน่นกันมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//aai6b6ddck8h6b6ajgkcg.jpg) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//i9ig9jeh79g5eb6fc7hak.jpg) วัดแรกที่น่าไปมากคือวัดคงคาราม ที่นี่จะทำให้ทุกคนสัมผัสได้ว่า ศรัทธาของชาวศรีลังกานั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้ชาวพม่าและไทย ชาวศรีลังกานั้นทำบุญปฏิบัติธรรมเป็นกิจวัตร นี่ถ้ามาเจอช่วงวันพระ จะเห็นชัดกว่านี้ เรียกว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหน จะมีแต่คนนุ่งขาวห่มขาวเข้าวัดปฏิบัติธรรมกัน วัดคงคารามเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่นี่สงบ ขนาดเล็กเล็กและไม่อลังการงานสร้างเหมือนบ้านเรา รายรอบวัดคงคารามทำให้เชื่อว่า ชาวศรีลังกาสนิทแนบแน่นกับคนไทยในทางพุทธศาสนาเป็นอย่างดี เพราะมีคนไทยหลายคนนำพระพุทธรูปขนาดใหญ่ไปตั้งเรียงรายอยู่บนกำแพงวัดแห่งนี้มากมายหลายองค์ ซึ่งที่ฐานองค์พระมีชื่อคนไทยผู้สร้างพระไปถวาย สลักโชว์ไว้ให้เห็นเพียบ นอกจากวัดคงคารามแล้วยังมีวัดที่น่าไปอีก 2-3 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ วัดกัลนิยาราชมหาวิหาร วัดใหญ่อยู่ใจกลางเมืองโคลัมโบ ที่มีเจดีย์ทรงลังกาสีขาวขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น นอกจากวัดนี้จะมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่แล้ว คนมาวัดนี้ยังมาชมภาพเขียนแบบเฟรสโกที่อยู่ในวิหารอีกด้วย รวมถึงยังมีพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ ที่เป็นเหมือนคลังของศรีลังกา เนื่องจากที่นี่มากมายไปด้วยโบราณวัตถุ แถมยังเป็นมรดกเก่าแก่ชิ้นสำคัญของศรีลังกาอีกด้วย นั่น คือพระพุทธรูปองค์โต รูปหล่อสำริดของพระโพธิสัตว์ ไปจนถึงพวกข้าวของเครื่องใช้ในอดีต ภาพเขียน เครื่องแต่งกายไปจนถึงเครื่องดนตรี (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//agahhk58bcaeba5bb5j79.jpg) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//hd5eb9kk6gjk788dgjcih.jpg) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//6hgggfj7b6ba9ekabi5f7.jpg) เที่ยววัดชมพิพิธภัณฑ์กันเสร็จแล้ว ถ้าออกไปตระเวนชมเมือง คุณก็จะพบว่า โคลัมโบเป็นเมืองหลวงของศรีลังกาแบบอยู่กันหลวมๆ ทุกวันนี้อาจจะกำลังเร่งพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว บางมุมแน่นไปด้วยตึกสูงระฟ้า หากแต่บางมุมยังคงฉายภาพให้เห็นความสงบงามแห่งดินแดนพุทธศาสนา นั่นทำให้ระหว่างการท่องเมืองโคลัมโบ คุณอาจเห็นภาพของสิ่งก่อสร้างทันสมัยอย่างตึกเวิล์ดเทรด ประเดี๋ยวเดียวกลับเจอวัฒนธรรมเก่าแก่ที่แทรกตัวอยู่ทุกหลืบมุมเมือง และความที่เคยเป็นประเทศในอาณานิคมของอังกฤษ ฮอลแลนด์และโปรตุเกส ทำให้ยังมีอาคารเก่าแก่หลายแห่ง โคลัมโบที่เห็นในวันนี้ จึงไม่เพียงเป็นเมืองหลวงที่มีการจัดวางผังไว้ดีเยี่ยม แต่ยังมีตะกอนและริ้วรอยแห่งอดีตเหลือทิ้งไว้จากผู้ล่า นอกจากสิ่งปลูกสร้าง สถาปัตยกรรมจากซีกโลกตะวันตกที่พบเจอ ตามถนนหนทางในกลางกรุงโคลัมโบ ยังมีรูปปั้นบุคคลสำคัญมากหน้าหลายตาที่มักพบเห็นในยุโรป (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//8df7jcgabfccjdidbgjea.jpg) (http://www.komchadluek.net/media/img/size1/2013/06/05//9ekadccak66ajiha6iaki.jpg) และมาถึงเมืองชาซีลอนทั้งที ถ้าใครไม่ได้หอบชาซีลอนติดมือกลับภูมิลำเนาอาจจะเสียเที่ยวได้ เป็นเรื่องง่ายดายมากที่จะหาร้านขายชาซีลอน เรียกว่า ไม่ว่าจะเร่ไปมุมไหนของเมืองก็มีขายทั้งนั้น แต่ถ้าอยากช้อปในห้าง ก็แวะไปที่ห้าง ODEL ที่พวกเซเลบของศรีลังกาเขาไปเดินกรีดกรายกัน จะได้ดูทั้งคนและช้อปชาไปพร้อมๆกัน ศรีลังกาอยู่ไม่ไกลจากบ้านเราเท่าไหร่ นี่คืออีกประเทศหนึ่งของโลก ที่มีความเข้มแข็งของศรัทธาในพุทธศาสนา รอให้ทุกคนไปสัมผัส ขอบคุณภาพข่าวจาก www.komchadluek.net/nationzone/296/20130605/162/“ศรีลังกา”หยดน้ำตาแห่งมหาสมุทรอินเดีย.html#.Ua_alNj0YXF (http://www.komchadluek.net/nationzone/296/20130605/162/“ศรีลังกา”หยดน้ำตาแห่งมหาสมุทรอินเดีย.html#.Ua_alNj0YXF) หัวข้อ: Re: “ศรีลังกา” หยดน้ำตาแห่งมหาสมุทรอินเดีย เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มิถุนายน 06, 2013, 09:39:40 am ศรีลังกา เป็นประเทศที่ ทมิฬ อยู่มีพวกโหดร้าย อยู่ 50 50
|