ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - ธัมมะวังโส
หน้า: 1 ... 27 28 [29] 30 31 ... 35
1121  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เว็บมาสเตอร์ ลาอุปสมบถ ในวันที่ 3 - 17 ธันวาคม 2554 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2011, 08:58:32 am
เนื่องด้วย เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ ให้พ่อหลวงของแผ่นดิน
คุณทินกร ทัศนะภาค ได้แจ้งกับ อาตมาว่า จะลาอุปสมบท
ในวันที่ 3 - 17 ธันวาคม 2554
ณ วัดจุฬามณ๊ พิษณุโลก ก็ขอเชิญพี่น้อง สมาชิก
 ที่รู้จักคุ้นเคยไปร่วมงานบวช ( อุปสมบท )
หรือ ร่วมอนุโมทนา ในกุศล ครั้งนี้ ทุกท่าน

เจริญพร


 ;)
1122  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๙ (๓ ถึง ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔) วัดท่าขนุน เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2011, 09:18:41 am
กำหนดการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๙ (๓ ถึง ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔)

วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ (วันเสาร์)

๐๙.๐๐ น. พิธีบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๙

๐๙.๓๐ น. ปฏิบัติธรรมภาคเช้า (เดินจงกรม - ภาวนา)

๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุ-สามเณรทั้งวัด

๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมภาคบ่าย (เดินจงกรม - ภาวนา)

๑๕.๐๐น. พักผ่อน ทำธุระส่วนตัว

๑๖.๓๐ น. ทำความสะอาดวัดร่วมกัน

๑๘.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบแรก

๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบสอง

๒๐.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย


วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ (วันอาทิตย์)

๐๔.๐๐ น. พระอาจารย์นำเจริญพระกรรมฐาน

๐๔.๓๐ น. ทำวัตรเช้าร่วมกัน

๐๖.๐๐ น. พระภิกษุ-สามเณรออกบิณฑบาต (อนุญาตให้ผู้ปฏิบัติธรรมไปใส่บาตรในตลาดได้)

๐๗.๓๐ น. ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุ-สามเณรทั้งวัด

๐๙.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมภาคเช้า (เดินจงกรม - ภาวนา)

๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุ-สามเณรทั้งวัด

๑๓.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมภาคบ่าย (เดินจงกรม - ภาวนา)

๑๕.๐๐น. พักผ่อน ทำธุระส่วนตัว

๑๖.๓๐ น. ทำความสะอาดวัดร่วมกัน

๑๘.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบแรก

๑๙.๐๐ น. ทำวัตรค่ำรอบสอง

๒๐.๐๐ น. พักผ่อนตามอัธยาศัย


วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ (วันจันทร์)

๐๔.๐๐ น. พระอาจารย์นำเจริญพระกรรมฐาน

๐๔.๓๐ น. ทำวัตรเช้าร่วมกัน

๐๖.๐๐ น. พระภิกษุ-สามเณรออกบิณฑบาต (อนุญาตให้ผู้ปฏิบัติธรรมไปใส่บาตรในตลาดได้)

๐๗.๓๐ น. ถวายภัตตาหารเช้าแก่พระภิกษุ-สามเณรทั้งวัด

๐๙.๐๐ น. ปฏิบัติธรรมภาคเช้า (เดินจงกรม - ภาวนา)

๑๑.๐๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแก่พระภิกษุ-สามเณรทั้งวัด

๑๓.๐๐ น. พิธีลาศีล ๘ รับศีล ๕ มอบวุฒิบัตรแก่ผู้ร่วมปฏิบัติธรรม

๑๔.๐๐ น. เดินทางกลับ


 http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2970
1123  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ประกาศ ยกเลิกจดหมายที่ส่งถึงอาตมา ตั้งแต่ วันที่ 31 ต.ค.2554 ย้อนหลังไปทั้งหมด เมื่อ: ตุลาคม 31, 2011, 03:44:37 pm
เนื่องด้วยในตอนนี้อาตมาได้เข้ามาอ่าน จดหมายที่คั่งค้าง ที่ส่งกันมามากมาย จริง ๆ มีทั้งคำถาม ทักทาย  หรือ อื่น ๆ เป็นจำนวนเกินกว่า 2000 กว่าฉบับ นั้น ทำให้มีความลำบากในการอ่านจดหมายย้อนหลัง เพราะบางเรื่องก็ผ่านไปแล้ว แก้ไขไม่ได้

 ดังนั้น เพื่อเป็นการลดภาระ จึงประกาศให้ท่านสมาชิก ที่ส่งจดหมายเข้ามาสอบถามนั้น ว่า

ขอยกเลิกจดหมายที่ส่งย้อนหลังมาตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค 2554 นั้นทั้งหมด นะจ๊ะ หากมีธุระหรือ ต้องการให้ตอบขอให้ส่งมาใหม่ จะเริ่มตอบ จดหมายตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ย. 2554 เป็นต้นไป

จึงแจ้งมาเพื่อให้เรารับทราบ ตามนี้ นะจ๊ะ

เจริญธรรม

  ;)
1124  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / รับบริจาค เป็นเจ้าภาพ โดเมนเนม www.madchima.org ประจำปี 2555 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2011, 08:51:53 am
เนื่องด้วย domain name

www.madchima.org



จะหมดอายุในวันที่ 6 พ.ย.2554
( มีอายุครบ 2 ปี )
จึงขอประกาศรับบริจาคเป็นเจ้าภาพ domain name
ซึ่งต้องต่ออายุภายในวันที่ 29 ต.ค.2554
จึงประกาศมาเพื่อให้ท่านสาธุชน ทราบกันถ้วนหน้า
ซึ่งจะมีค่าใช้จ่าย hosting จำนวน 2,500 บาท และ                           domain name 500 บาท
แจ้งความประสงค์ได้ที่ อาตมาภาพ


ติดต่อทาง email pra_sonthaya@madchima.org

Aeva Debug: 0.0004 seconds.
1125  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / อนุโมทนา กับผู้บริจาค เน็ตบุ๊ค ให้กับงาน สำันักงานส่งเสริมพระกรรมฐาน เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 09:59:51 am
         เนื่องด้วยตั้งแต่ วันที่16 ก.ย.2554 ทางสำนักงานส่งเสริมพระกรรมฐาน ได้รับผลกระทบจากกระแสไฟฟ้าตกจึงทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ เกิดความขัดข้อง ไม่สามารถ ทำงานในระบบวิทยุ เพราะ hardware เสีย
         อาตมาจึงได้เิดินทางเข้าไป ที่ กทม. เพื่อหาเครื่องมาชดเชย แต่ติดที่ ปัจจัยไม่พอเพียง ขาดเป็นจำนวนมาก       
         จนกระทั่งวันที่ 20 ก.ย.2554 จึงได้รับการติดต่อจาก คุณดนัย สิริอังคาวุธ ได้แจ้งความประสงค์ ถวายเครื่องเน็ตบุ๊คให้ใหม่ เป็นจำนวนเงิน ค่าใช้จ่าย 10,300 บาท




ขณะนี้ได้ รับการถวาย เครื่อง พร้อม อุปกรณ์ ซึ่งเป็นของใหม่ทั้งหมด ในวันที่ 20 ก.ย.2554 สำหรับเครื่องนี้ก็จะนำมาเป็นเครื่องเปิด รายการ วิทยุออนไลน์ ตามความประสงค์ที่แจ้งไป

จึงขออนุโมทนา กับกุศลในธรรมทานครั้งนี้ ด้วยเทอญ

สำหรับ spec เครื่องนี้ ได้รวม ค่าซอฟแวร์ windows xp ด้วยนะจ๊ะ
และเป็นเครื่องที่ประหยัดไฟฟ้า

จึงขออนุโมทนาไว้ให้กับเจ้าภาพในที่นี้

Aeva Debug: 0.0004 seconds.
1126  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.dharma-gateway.com/ มีประวัติบุคคล หลายคน เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2011, 10:02:24 am


http://www.dharma-gateway.com/ 

มีประวัติบุคคล หลายคน

1127  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / การอุบัติของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เรื่อง ง่าย ๆ นะจ๊ะ เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2011, 07:59:17 am
พระโพธิสัตว์ที่จะมาเกิด(อุบัติ)เป็นพระพุทธเจ้าในชาติสุดท้ายนั้นจะต้องพิจารณาสิ่ง ๕ สิ่งก่อน

เรียกว่ามหาวิโลกนะ ๕ ประการคือ

๑)กาล แม้ พระโพธิสัตว์จะทรงมีบารมีเต็มเปี่ยมบังเกิดอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิตตลอดเวลา ๕๗โกฏิปี ยิ่งด้วยอีก ๖ ล้านปี แม้เมื่อตรวจดูกาลเมื่อไม่ใช่กาลก็จะไม่บังเกิด ต่อเมื่อเป็นกาลอันควรจึงจะบังเกิด กาลที่ว่านี้คือเมื่อใดอายุของมนุษย์อยู่ในระหว่าง ๑๐๐ ปี ถึง ๑๐๐,๐๐๐ ปี ในระหว่างอายุเท่านี้จึงเรียกว่ากาลอันสมควร เพราะเหตุใด?

ตอบว่า เมื่อใดอายุของ มนุษย์มากกว่าแสนปีขึ้นไป ชาติ (ความเกิด) ชรา(ความแก่) มรณะ(ความตาย)จะไม่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่สัตว์ทั้งหลาย ชื่อว่าพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าทั้งหลายอันจะทำให้พ้นจากพระไตรลักษณ์ก็ จะไม่มี เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดังนี้ สัตว์ทั้งหลายก็จะพูดว่า พระพุทธเจ้าตรัสอะไร แล้วไม่สำคัญเพื่อจะฟัง เพื่อจะเชื่อ แต่นั้นก็จะไม่มีการตรัสรู้ เมื่อไม่มีการตรัสรู้ คำสอนก็จะไม่นำสัตว์ออกจากทุกข์ เพราะฉะนั้นจึงกล่าวว่าไม่ใช่กาล

ในกาลเมื่อมนุษย์ถอยลงไปกว่า ๑๐๐ ปีก็ไม่ใช่กาล ถามว่าเพราะเหตุไร? ตอบว่า เพราะ ในกาลนั้นสัตว์ทั้งหลายมีกิเลสหนา(มากๆ) โอวาทที่ให้แก่สัตว์ที่มีกิเลสหนาย่อมไม่ดำรงอยู่ในฐานะเป็นโอวาท(คงตั้ง อยู่เหมือนเป็นคำด่ามั้ง) เหมือนไม้เท้าขีดลงไปในน้ำย่อมหายไปทันที เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่กาล

๒) ทวีป ทรงตรวจดูทวีปทั้ง ๔ ว่าควรจะอุบัติในทวีปใด ทรงเห็นว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายย่อมบังเกิดในชมพูทวีป

๓) ประเทศ ทรงตรวจดูแล้วว่าควรจะบังเกิดในมัชฌิมประเทศ

๔) ตระกูล ทรงตรวจดูว่าในขณะนั้นเขานิยมว่าตระกูลใดประเสริฐ ตระกูลกษัตริย์หรือพราหมณ์ประเสริฐ

๕) พระมารดา ทรง ตรวจดูพระมารดาว่า ธรรมดาพระพุทธมารดาไม่เป็นหญิงเหลาะแหละ ไม่เป็นนักเลงสุรา บำเพ็ญบารมีมาแล้วถึงแสนกัป ตั้งแต่เกิดมามีศีล ๕ ไม่ขาด ก็หญิงเช่นนี้จักเป็นพระมารดาของเราดังนี้.


1128  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ขอยก พุทธภาษิต สำหรับ สัปดาห์แรกของการเข้าพรรษา เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2011, 08:53:37 am
สุวิชา โน ภวํ โหติ ทุวิชาโน ปราภโว :

 ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม

สุวิชา โน ภวํ โหติ สุวิชาโน ปราภโว :

ผู้เจริญก็รู้ง่าย ผู้เสื่อมก็รู้ง่าย

  สำหรับ วันนี้ขอยก พระพุทธภาษิต ของพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อมาสนทนากันในกระทู้ ของสัปดาห์ที่ 1 ในช่วงเข้าพรรษา วันนี้เห็นว่าเริ่มกันแบบเบา ๆ กันก่อนนะ ในเรื่องของความรู้

  ความรู้ เป็นสิ่งที่มนุษย์ ทุกคนแสวงหา ความรู้ สำหรับ มนุษย์ ก็คือความอยากรู้ ถ้าบุคคลใดเรียบเรียงบทและ
ทำให้เรื่องเดาไม่ออก ก็จะทำให้เรื่องนั้นมีรสชาติ เพราะความอยากรู้ ของคน ดังนั้น ความรู้ เมื่อรู้แล้ว ก็จะเป็นธรรมดา เพราะรู้แล้วก็เหมือนดูหนังจบ ทำให้ความรู้นั้น ไม่เป็นความรู้อีก ดังนั้นเรื่องใด ที่รู้แล้ว เรื่องนั้นก็ไม่ใช่
ความรู้อีก เพราะถือว่า รู้แล้ว ที่นี้ ความรู้ กับ วิชา นั้นเรายังมักใช้ปนเปกันอยู่ จึงคิดว่าความหมายนั้นคล้ายกัน หรือ เหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ความรู้ คือ สิื่งที่เกิดจากวิชา คือ การเรียนรู้ ศึกษา จะด้วยตนเอง หรือ ด้วยผู้อื่น และถูกบันทึกไว้ ไม่ว่าจะเป็นจากความทรงจำ ประสพการณ์ คำพูด ตำรา หนังสือ หรือ โดยสื่อต่าง ๆ อันนี้เรียกว่า วิชา

  ดังนั้น ความรู้ กับ วิชา เป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกัน และ ความรู้ กับ วิชา จึงมี มากมาย สรุปแล้ว พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสแสดงไว้ ในพระพุทธภาษิต นี้ไว้สองนัย ด้วยกัน คือ

   ประการที่ 1  สุวิชาโน การรู้ดี ผู้รู้ดี  รู้สิ่งที่มีสาระ เป็นแก่นสาร เป็นประโยชน์ แก่ชีิวิต พึ่งพาอาศัยความรู้นั้นได้ การรู้ดีนั้น หมายถึง การรู้ในสิ่งที่ดี และทำในสิ่งที่ดี

   ประการที่ 2  ทุวิชาโน การรู้ไม่ดี ผู้รู้ไม่ดี รู้ในสิ่งที่ไม่มีัสาระ ไม่เป็นแก่นสาร ไม่เป็นประโยชน์ แก่ชีิวิต และ พึ่งพาอาศัยไม่ได้ การรู้ชั่ว หมายถึง รู้ในสิ่งที่ไม่ดี และทำในสิ่งที่ไม่ดี

   ดังนั้น สำหรับปุถุชน คน กำลังภาวนาอย่างพวกเรานั้น การรู้ดี ย่อมเป็นการส่งเสริม ความเพียร เพรามั่นอยุ่ในกุศลธรรม เป็นธรรมเครื่องสนับสนุนพระนิพพาน

   สุวิชา กับ ญาณ เหมือนกันหรือไม่ ?

   ก็ตอบว่า ไม่ เพราะสุวิชา นั้นยังมีความหมายรวม ๆ อยู่ แต่ ญาณ มีความหมายเฉพาะเจาะจงลงไปที่ พระนิพพาน เป็นไปเพื่อ พระนิพพาน มีผล คือ พระนิพพาน

   ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการรู้แบบไหน ๆ จะตอบ ว่ายาก หรือ ง่าย พระพุทธพจน์ ก็แสดงให้เราเข้าใจแล้วว่า
ทั้งสองอย่างนั้นเสมอกัน  คือ ผู้เจริญก็รู้ง่าย ผู้เสือมก็รู้ง่าย

   ดังนั้นในตอนท้ายนี้ขอกล่าวอย่าง รวม ๆ ว่า การรู้ดี ควรรู้เรื่องอะไร สำหรับผู้ภาวนา

   ก็ขอตอบว่า ควรรู้เรื่อง ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และ มรรค เพราะรู้ สี่อย่างนี้เป็นการรู้ดี เป็นไปเพื่อ ญาณ นะจ๊ะ

  เจริญธรรม ยามเช้า

   ;)

1129  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / พุทธานุภาพ คือ อะไร ? อยากรู้ เราจะพึ่งพา พุทธานุภาพ ได้อย่างไร เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2011, 10:22:13 am




พุทธานุภาพ คือ อะไร ? อยากรู้ เราจะพึ่งพา พุทธานุภาพ ได้อย่างไร



 พุทธานุภาพ = พุทธะ + อานุภาพ

 แบบศัพท์ ไทย ๆ ก็คือ อานุำภาพของพระพุทธเจ้า

 มีอยู่ดังนี้ 

 1.อิทธิอานุภาพ  อานุภาพโดยฤทธิ์
 2.ธาตุอานุภาพ  อานุภาพโดยธาตุ
 3.ธรรมานุภาพ  อานุภาพโดยธรรม
 4.ปุคคลานุภาพ  อานุภาพบุคคล
 5.ญานานุภาพ   อานุภาพโดยญาณ
 6.อรหันตุสัมสัมพุทธานุภาพ อานุภาพโดยการตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ด้วยพระองค์เอง
 7.สัพพัญญุตญาณานุภาพ อานุภาพแห่งพระสัพพัญญู
 8. ยังมีอีก ว่าโดยญาณที่ มีข้อความปรากฏใน พระไตรปิฏก ปฏิสัมภิทามรรค ก็ไป 72 อานุภาพแล้ว

 
 ดังนั้น เอาอานุำภาพ ที่เราควรรู้กอ่น นะ
 คือ 1. อานุภาพของพระพุทธเจ้า อันเกิดจากการตามระลึกถึง พระพุทธคุณ
         1.1 เพื่อขจัดความหวาดกลัว เป็นที่พึ่งที่ปรากฏได้ด้วยใจ
         1.2 เพื่อเป็นเครื่องส่งเสริมการภาวนา
         1.3 เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ ไม่ประมาท ต่อสังสารวัฏ

      2.อานุภาพของพระพุทธเจ้า อันเกิดจากการภาวนา
         2.1 พระธรรมปีิติ
         2.2 พระยุคลธรรม
         2.3 พระสุขสมาธิ
         2.4 พระโสดาบัน
         

  เอาแค่ สองประการนี้ก่อนนะจ๊ะ

เจริญธรรม

  ;)

 
1130  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ชีวิต หลังจากตาย แล้ว มีจริงหรือไม่ เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2011, 09:59:29 am




อยากทราบว่า คนเราพอตายไปแล้ว วิญญาณ ภพ สวรรค์ นรก นั้นมีจริงหรือไม่




เรืื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจยาก สำหรับ บุคคลที่ยังไม่ตาย เพราะคนตายที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเราก็ไม่เคยกลับมาบอก ใช่ หรือ ไม่ ? หรืออาจจะกลับมาบอก แต่เราสื่อกันไม่ได้

ดังนั้น ตรงนี้ อย่าไปสงสัยมาก ให้เชื่อ ในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เลยดีกว่า

การเชื่อการตรัสรู้ ของพระพุทธเจ้า ก็ควรเชื่้่อทั้งหมด ไม่ใช่ เลือกเชื่อแต่เพียง อาสวักขยญาณ

พระุพุทธเจ้า ตรัสรู้ อะไรให้กับมาศึกษาตรงนี้
ในยามราตรี คืน วิสาขบูชา นั้น

ยามแรก บรรลุ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ญาณตามระลึกชาติ ทั้งของตนและของสรรพสัตว์
ยามสอง บรรลุ จตูปปาตญาณ อตีตนาคตังสญาณ ล่วงรู้กรรมของสรรพสัตว์ที่จุติ แบบต่าง ๆ ทั้งเหตุ และ ผล
ยามสุดท้าย บรรลุ อาสวักขญญาณ ญานที่ตัดอาสวะกิเลส

ดังนั้นบุคคลตั้งแต่ ระดับพระโสดาบัน ควรสิ้นสงสัยในเรื่องนี้เสีย เพราะเคารพต่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
การที่เราไม่รู้แจ้ง หรือ ต้องรู้จากการพิสูจน์นั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ต้องเสียเวลาในการภาวนาได้

สรุปคำตอบ ก็คือ มีจริง และ เป็นไปอย่างนั้น จริง ๆ ควรเชื่อเพราะ เชื่อแล้วไม่เสียหายอะไรส่งเสริมการภาวนา มากกว่า

เจริญธรรม


 ;)


1131  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สาระวันอาสาฬหบูชา เมื่อ: กรกฎาคม 15, 2011, 07:24:54 am


1.ใน ต้น ฤดูฝน หลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แล้ว ทรงอยู่ด้วย มหาวิหารโพธิญาณ จำนวน 49 วันตรวจการตรัสรู้ และ ละกิเลสได้แล้วเป็น สมุจเฉทปหาน จึงทรงตรวจด้วยญาณ ตามระลึกถึงบุคคล ที่ควรได้รับคุณธรรม เพื่อ การรู้ละ ดับกิเลสตาม ในขณะนั้น ก็ระลึกได้ ถึง 2 ท่านคือ
   1. อุทกดาบส ( เป็นฤาษี ) 2. อาฬารดาบส ( ก็เป็นฤาษี )  แต่ทั้งสองก็ได้ิิสิ้นอายุขัยไปแล้ว

พระองค์ก็ทรงท้อในพระหทัย ว่า ธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้วนั้น เป็นธรรมที่อันบุคคลทั่วไปรู้ได้ยาก ครั้งนั้นท้าวสหัมบดีพรหมก็มาให้ความเห็นว่า ยังพอจะมีบุคคลที่พอจะรู้ธรรมอยู่ จึงอาราธนาพระพุทธเจ้าโปรดบุคคลที่สมควรแก่การรู้ธรรม พระพุทธเจ้าจึงทรงดำรินึกถึงพยานธรรมที่สมควรแก่ธรรม ก็คือ เหล่าปัญจวัคคีย์

ซึ่งมี อัญญาโกณฑัญญะพราหมณ์ วัปปะพราหมณ์ ภัททิยะพราหมณ์ มหานามะพราหมณ์ และ อัสสชิพราหมณ์
พระองค์จึงทรงเสด็จไปโปรด พราหมณ์ทั้ง 5 จนสำเร็จเป็นพระโสดาบันในวัน เพ็ญ เดือน 8

ซึ่งอันนี้เป็นสาระ ประการที่ 1
คือเป็นวันที่มี พระรัตนตรัย ครบ ทั้ง 3 ประการ
คือ มีพระพุทธเจ้า ที่ทำหน้าที่ประกาศธรรม
     มีพระธรรม ที่ทรงได้ประกาศเป็นครั้งแรก ชื่อว่า อริยสัจจะ 4 ประการ
          มีทุกขสัจจะ  สมุทัยสัจจะ  นิโรธสัจจะ และ มรรคสัจจะ
     มีพระสงฆ์ เป็นพระอริยะ ( พระโสดาบัน ) รูปแรก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ
     ด้วยการอุปสมบถ แบบ เอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ พระพุทธเจ้าเป็นผู้บวชให้ด้วยการกล่าวประทานวาจา

อันนี้เป็นสาระ ที่ 1 นะจ๊ะ


เจริญธรรม

 ;)
1132  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมปฏิบัติธรรม ทำบุญ เฉลิมพระเกรียติ แม่ของแผ่นดิน กับ คณะสงฆ์สระบุรี เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 06:07:49 am




ณ วัดพระพุทธบาท สุสานป่าช้าตาลอย

1133  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / วันเข้าพรรษา เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2011, 07:06:18 am
วันเข้าพรรษา

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://scoop.mthai.com

       "เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่นๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เว้นแต่มีกิจธุระเจ้าเป็นซึ่งเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืนเรียกว่า สัตตาหะ หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์ แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด ระหว่างเดินทางก่อนหยุดเข้าพรรษา หากพระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆองค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่าที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้งถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีกเพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้   
       
         โดยปรกติเครื่องใช้สอยของพระ ตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฏฐบริขารอันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน และกว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าจำนำพรรษา หรือผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของท่านเป็นพิเศษในเข้าพรรษานับเป็นเหตุให้ มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันนี้สืบมาการที่พระภิกษุสงฆ์ท่านโปรดสัตว์อยู่ประจำเป็นที่เช่นนี้ เป็นการดีสำหรับสาธุชนหลายประการ กล่าวคือ ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามพระพุทธบัญญัติก็นิยมบวชพระ ส่วนผู้ที่อายุยังไม่ครบบวชผู้ปกครองก็นำไปฝากพระ โดยบวชเป็นเณรบ้าง ถวายเป็นลูกศิษย์รับใช้ท่านบ้าง ท่านก็สั่งสอนธรรม และความรู้ให้ และโดยทั่วไป พุทธศาสนิกชนนิยมตักบาตรหรือไปทำบุญที่วัด นับว่าเป็นประโยชน์           

         การปฏิบัติตน ในวันนี้หรือก่อนวันนี้หนึ่งวัน พุทธศาสนิกชนมักจะจัดเครื่องสักการะเช่น ดอกไม้ ธูปเทียนเครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น มาถวายพระภิกษุ สามเณร ที่ตนเคารพนับถือ ที่สำคัญคือ มีประเพณีหล่อเทียนขนาดใหญ่เพื่อให้จุดบูชาพระประธานในโบสถ์อยู่ได้ตลอด 3 เดือน มีการประกวดเทียนพรรษา โดยจัดเป็นขบวนแห่ทั้งทางบกและทางน้ำ     

         แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ ทำบุญรักษาศีลและชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่นๆ พอถึง วันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ ฟังธรรมและรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้น อบายมุขต่างๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลาน ของตนโดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับ อานิสงส์อย่างสูง     
         กิจกรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนในวันเข้าพรรษา
         ๑. ร่วมกิจกรรมทำเทียนจำนำพรรษา
         ๒. ร่วมกิจกรรมถวายผ้าอาบน้ำฝน และจตุปัจจัย แก่ภิษุสามเณร
         ๓. ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล
         ๔. อธิษฐาน งดเว้นอบายมุขต่างๆ

ขอบคุณเนื้อหาจากเว็บ

http://www.learntripitaka.com/History/In.html
1134  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อานิสงส์ถวายผ้าอาบน้ำฝน เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2011, 07:02:16 am
อานิสงส์ถวายผ้าอาบน้ำฝน



ขอบคุณภาพประกอบจาก http://www.supattarakan.com
                ...การถวายผ้าอาบน้ำฝนมีผลานิสงส์อย่างไร เป็นใจความว่า  ในสมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ณ กรุงสาวัตถีในวันนั้นเป็นวัน  ๘ ค่ำ นางวิสาขาได้ถือเครื่องสักการะ พร้อมด้วยบริวารเป็นอันมากไปสู่สำนักพระพุทธเจ้าถวายเครื่องสักการบูชาพระรัตนตรัยแล้วบังเอิญฝนตก พระภิกษุทั้งหลายได้เปลือยกายอาบน้ำฝนกันมากมาย   นางวิสาขาเห็นเช่นนั้นแล้วก็เกิดความละอาย และคิดในใจว่าพระภิกษุไม่มีผ้าสำหรับอาบน้ำฝน ก็บังเกิดมีจิตศรัทธา คิดจะสร้างผ้าอาบน้ำฝนถวายเป็นทานแล้วก็กลับไปสู่กรุงสาวัตถี จัดแจงหาผ้าได้พอสมควรแล้วพอตอนเย็นก็พาบริวารและผ้านั้นมาสู่สำนักพระพุทธองค์แล้วถวายผ้าอาบน้ำฝนนั้น  แก่องค์พระศาสดาพร้อมทั้งภิกษุทั้งหลายแล้วกราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การถวายผ้าอาบน้ำฝนนี้มีผลานิสงส์เป็นอย่างไรพระเจ้าข้า

     พระองค์ได้ตรัสเทศนาว่า ดูกรนางวิสาขา ถ้าบุคคลใดมีจิตศรัทธานำผ้าอาบน้ำฝนมาถวายแก่พระภิกษุ  ในพุทธศาสดาจะมีผลานิสงส์เป็นอเนกประการแล้วพระองค์ทรงนำอดีตนิทานมาแสดงต่อไปว่า 
 
     ในศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มีหญิงเข็ญใจคนหนึ่ง มีนามว่า อมัยทาสีอยู่มาวันหนึ่งนางได้เห็นคนทั้งหลาย นำผ้ากาสาวพัตรไปสู่สำนักภิกษุสงฆ์ให้เป็นทาน โดยกระทำให้เป็นผู้อาบน้ำฝน นางอมัยทาสีก็มีศรัทธาอยากจะทำบุญกับเขาบ้าง นางก็คิดว่าจะทำอย่างไรดีหนอ  ที่เราจะได้ทำบุญในคราวนี้บ้าง พิจารณาผ้าที่จะให้ทานก็ไม่มี รีบไปหามารดา แล้วบอกความจำนงของตนให้มารดา มารดาก็ตอบว่า เราจะเอามาแต่ที่ไหน เราก็เป็นทาสเขาอยู่ นางอมัยทาสี  เมื่อได้ยินดังนี้น้ำตาก็ไหลด้วยความเสียใจ มารดาของนางก็มีจิตสงสาร จึงแนะนำให้นางอมัยทาสีไปขึ้นค่าตัวกับนายนางได้รับคำแนะนำเช่นนั้นแล้วก็มีความยินดีจึงรีบไปหานายของนาง ฝ่ายเศรษฐีผู้เป็นนายก็ปฏิเสธไม่ยอมให้นางอมัยทาสีขึ้นค่าตัว นางไม่มีความสบายใจนางมาคิดว่าเมื่อชาติก่อนนี้เราไม่ทำบุญให้ทานมาชาตินี้เราจึงได้ตกระกำลำบาก ถึงเวลาจะทำบุญกับเขาบ้างก็จะไม่ทำกับเขาคราวนี้จะเป็นตายอย่างไรจะต้องขอทำบุญให้ได้ในครั้งนี้ ด้วยจิตศรัทธาแรงกล้านางอมัยทาสีทนความอับอาบขายหน้า ได้สละผ้าห่มแล้วนำใบไม้มาเย็บกลัดพอปกปิด บรรเทาความอายแล้วเอาผ้าซักฟอกให้หมดความสกปรกแล้วนำดอกไม้ธูปเทียนพร้อมด้วยผ้าไปสู่ธรรมศาลาถวายผ้าอาบน้ำฝนนั้นในวันแรม ๘  ค่ำ เดือน ๗ ก่อนเข้าพรรษาพร้อมกับมหาชนทั้งหลาย แล้วตั้งความปรารถนาว่า ด้วยอานิสงส์ที่ตนได้กระทำบุญในคราวครั้งนี้ ขึ้นชื่อว่าความยากจนเข็ญใจไร้ทรัพย์อย่าได้มีในชาติต่อ ๆ ไป จนถึงพระนิพพาน  และขอให้พบพระศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย์ เมื่อคำปรารถนาของนางจบลงแล้ว เทวดาทั้งหลายก็ซ้องสาธุการสนั่นหวั่นไหว

  ด้วยอานิสงส์ของนางอมัยทาสีทำบุญในคราวครั้งนั้น อยู่มาได้  ๗ วัน พระเจ้าพันธุมหาราช ได้เสด็จไปพบนางกำลังหาบฟืนมาในระหว่างทางก็เกิดความปฏิพัทธ์รักใคร่ในตัวนางมาก จึงตรัสปราศรัยไต่ถามความตลอดแล้วจึงยกนางขึ้นราชรถนำเข้าไปสู่พระนคร อภิเษกนางให้อยู่ในตำแหน่งอัครมเหสี   
 
   ครั้นทำลายขันธ์แล้วนางได้ไปเกิดบนสวรรค์มีวิมานทองสูง ๑๕ โยชน์  มีนางฟ้าเป็นบริวาร ๓ พัน ครั้นเสวยทิพย์สมบัติแล้วจนในชาติสุดท้ายนางจะได้เกิดในศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย์ได้บรรลุธรรมพิเศษดังนี้แล พระองค์ได้ทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบลงแล้ว ชนทั้งหลายก็ได้ดวงตาเห็นธรรมส่วนนางวิสาขาก็ตั้งอยู่ในพระรัตนตรัย

ขอบคุณที่มาเนื้อหา


http://www.84000.org/anisong/13.html
1135  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ประเพณีการหล่อเทียนพรรษา เมื่อ: กรกฎาคม 08, 2011, 06:57:01 am

การหล่อเทียนพรรษาเป็นประเพณีที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาที่มีมาแต่ครั้งโบราณกาลในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์  พิธีหล่อเทียน จัดเป็นพระราชกุศล และเป็นงานบุญทั่วไปของชาวบ้านอีกด้วย  โดยกำหนดจัดงานราชพิธีหล่อเทียนขึ้นในเดือน ๘ ของทุกปี ก่อน  เข้าพรรษาสมัยนั้นการหล่อเทียนใช้หล่อด้วยขี้ผึ้งทั้งสิ้น ในปีหนึ่ง ๆ  จะใช้ขี้ผึ้งเป็นจำนวนมากทั้งนี้เนื่องจากบรรดาวัดต่าง ๆ ที่เป็น  วัดหลวงทุกวัด จะได้รับพระราชทานเทียนพรรษาวัดละ ๑ เล่ม หรือมากกว่านั้นทุก  ๆ วัด จำนวนเทียนที่หล่อจึงมีมากขึ้น          กล่าวกันว่าประมาณปลายรัชการที่ ๓ ต้องหล่อเทียนจำนวนถึง  ๒๐๐ เล่ม จึงจะมีจำนวนมากพอที่จะนำไปถวายวัดต่าง ๆ ได้ อย่างทั่วถึง  ซึ่งการหล่อเทียนแต่ละเล่มสมัยนั้น ต้องใช้ขี้ผึ้งในการหล่อเทียนหนักถึง ๑๖  ชั่ง ปีหนึ่ง ๆ จะใช้ขี้ผึ้งจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อถึง  เวลาที่หล่อเทียนทางสำนักพระราชวัง จำบอกบุญไปยังพระบรมวงศานุวงศ์  ข้าราชการทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เจ้าภาษี นายอากร และ ขุนนางฝ่ายต่าง ๆ  เป็นต้น ให้นำขี้ผึ้งมาช่วยกันหล่อเทียน จึงสำเร็จลงได้ 
        มูลเหตุที่ต้องมีการหล่อเทียนนั้นก็เนื่องมาจากในฤดูฝน  หรือที่เรียกกันว่า "ฤดูการเข้าพรรษา" คือช่วงแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ถึงวัน  ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ นั้น กำหนดให้พระภิกษุทั้งหลายต้องเข้าอยู่ประจำ ณ  วัดใดวัดหนึ่งตลอดระยะเวลา ๓ เดือน พระภิกษุสงฆ์ที่ต้อง  อยู่จำพรรษาในพระอารามระหว่างนั้นมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้าค่ำ  มีความจำเป็นต้องใช้เทียนไว้สำหรับ จุดบูชาให้ตลอดพรรษา  พุทธศาสนิกชนจึงพร้อมใจกันหล่อเทียน สำหรับให้พระภิกษุสงฆ์ได้จุดบูชาตลอด ๓  เดือนของกำหนดเวลาเข้าพรรษา จึงเรียกเทียนที่หล่อ ขึ้นนี้ว่า "เทียนพรรษา" หรือ "เทียนจำนำพรรษา"
        การถวายเทียนพรรษาเป็นกุศลอย่างหนึ่งของการให้ทานด้วยแสง สว่าง ซึ่งจะเป็นปัจจัยให้เกิดปัญญา สว่างไสว พิธีหล่อเทียน  เริ่มก่อนการเข้าพรรษาเล็กน้อย การตระเตรียมงานพิธีหล่อเทียนในชุมชนนั้น  จะเริ่มขึ้นประมาณวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๘ ก่อนเข้าพรรษา ประมาณ ๑ สัปดาห์


มื่อหล่อเทียนในวันรุ่งขึ้นจะจัดขบวนแห่นำไปถวาย ณ วัดใดวัดหนึ่ง  เพื่อเป็นพุทธบูชาและ ในวันนั้นมีการทำบุญร่วมกัน ตักบาตร ถวายพระภิกษุสงฆ์  แสดงความศรัทธาโดยพร้อมเพรียงกัน 
        งานทำบุญหล่อเทียน  และถวายเทียนพรรษานับเป็นประเพณีที่ดีงามสมควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย  จะได้ช่วยกันรักษา ประเพณีนี้ไว้ให้คงอยู่สืบไปชั่วกาลนาน 
ภาพ:หล่อเทียน.jpg height=260
         อานิสงส์ของการหล่อเทียนหรือถวายเทียนพรรษาแก่พระภิกษุ  ถือกันว่าจะทำให้เป็นผู้มีปัญญาดีเจริญก้าวหน้า  เหมือนดังแสงเทียนที่สว่างในยามค่ำคืน  ซึ่งพระภิกษุสมัยก่อนใช้เป็นแสงสว่างในการอ่านหนังสือธรรมะและประกอบกิจของ สงฆ์



ขอบคุณเนื้อหาที่มา
http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%B2
1136  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / ประกาศ สมาชิก เพื่อทราบ เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2011, 09:12:14 am
เนื่องด้วยที่บอร์ดนี่ เป็นบอร์ดเพื่อให้ผู้สนใจในธรรม

ไว้ใช้เป็นที่ปรึกษา ศีกษาพระธรรม โดยเฉพาะพระกรรมฐาน

 อาตมา ต้องการให้เป็นบอร์ด ธรรมะ ไม่ใช่บอร์ดค้าขาย

ดังนั้น ขอความกรุณา สมาชิก

 อย่าโพสต์ข้อความ ในเรื่องการค้าขาย อีก


เจริญพร เพื่อทราบ


1137  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.watyaichaimongkol.net/ วัดใหญ่ชัยมงคล เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2011, 07:52:26 am



http://www.watyaichaimongkol.net

วัดใหญ่ชัยมงคล



[/b][/color]Aeva Debug: 0.0004 seconds.Aeva Debug: 0.0004 seconds.
1138  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://xn--5-zwf9bcfr6d3byb4cdpb9f.com/sec_mclass.php สำนักงานกองกลางวิปัสสนา เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2011, 07:45:58 am


 http://xn--5-zwf9bcfr6d3byb4cdpb9f.com/sec_mclass.php
 สำนักงานกองกลางวิปัสสนาธุระ


การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น
         พุทธศาสนิกชนทราบกันดีอยู่แล้ว แล้วว่า  เราได้มีโอกาสศึกษาพระธรรมคำสอนนั้น เนื่องด้วยพระมหาการุณาธิคุณ  และพระวิรยะ อุตสาหะอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธองค์  ที่ได้ทรงวางหลักธรรมคำสอนแนวสติปัฏฐาน ๔  ทรงกำหนดวิธีการปฏิบัติให้เราได้ฝึกปฏิบัติกันอย่างแท้จริงและเป็นสิ่งที่  เราควรจะเรียนรู้  ปลูกสร้างศรัทธาพร้อมกับการพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นด้วยสติปัญญาซึ่งเป็นสิ่ง  ที่จำเป็นในการดำเนินชีวิต อาจจะเป็นสิ่งที่ได้ยาก  แต่รับรองได้ว่าเราสามารถทำได้ ดังพุทธภาษิตที่ว่า "ธรรมเหล่าใด  ที่ไม่สามารถนำมาฝึกปฏิบัติได้ ย่อมไม่เกิดคุณค่า แต่หากว่าธรรมเหล่าใด  เมื่อนำมาฝึกได้แล้ว ย่อมเกิดคุณค่าเป็นที่ประจักษ์แจ้งฉันนั้น"  การแสวงหาสัจธรรม ด้วยการศึกษาเล่าเรียนเพียงอย่างเดียวนั้น หาเพียงพอไม่  เราควรจะลงมือปฏิบัติด้วย และปฏิบัติอย่างจริงจัง จึงจะสามารถค้นพบสัจธรรม  และไปถึงจุดหมายอันสูงสุดในพระพุทธศาสนาคือความพ้นทุกข์  ได้แก่เข้าถึงพระนิพพาน ด้วยการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น
                                
ระเบียบในการเข้าอยู่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
๑. เตรียมเสื้อผ้า    นุ่งผ้าถุง   ชุดขาว  และสิ่งของ  ใช้ส่วนตัวที่จำเป็น
                    ๒.  ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนใบสมัคร     และแจ้งการเข้าอยู่ปฏิบัติ
                    ๓. อ่านระเบียบข้อบังคับให้เข้าใจ    เพื่อจะได้ปฏิบัติตนให้ถูกต้อง
                    ๔. ต้องมีสุขภาพแข็งแรง  ไม่เป็นคนวิกลจริต    หรือมีโรคร้ายแรง
                    ๕.  เตรียมตัวขอขึ้นกรรมฐานตามเวลากำหนด     ในการเปิดอบรม
                    ๖.  พระสงฆ์ให้เทศนาบัติ ฆารวาสสมาทานศีล ๘ ก่อน
                    ๗.    ควรให้ความเคารพเชื่อฟังคำแนะนำสั่งสอนของพระวิปัสสนาจารย์
                    ๘.  ควรสำรวม  ตา  หู   จมูก  ลิ้น กาย  ใจ     ในขณะปฏิบัติกรรมฐาน
                    ๙.  ไม่ควรนำวิธีปฏิบัติแบบที่อื่น     ซึ่งไม่ตรงตามหลักการของวิธีปฏิบัติที่นี่มาใช้
                    ๑๐.ไม่อ่านหนังสือ  เขียน   พูดคุย  ฟังวิทยุ    โทรศัพท์   และดูทีวี
                    ๑๑.ไม่ควรนำสิ่งของมีค่าติดตัวมาด้วย    หากสูญหายทางวัดไม่รับผิดชอบ
                    ๑๒.ไม่เล่นการพนัน  บอกหวย   ดูดวง  ทรงเจ้า    เล่นไสยศาสตร์
                    ๑๓.ไม่เสพสิ่งเสพติด  เหล้า   บุหรี่  ยาเสพติดทุกชนิด
                    ๑๔.ไม่ส่งอารมณ์การปฏิบัติกันเอง    ให้ส่งกับพระวิปัสสนาจารย์เท่านั้น
                    ๑๕.ขณะปฏิบัติไม่ควรออกไปทำธุระภายนอกสถานที่ 
                    ๑๖. ผู้ปฏิบัติอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน    อยู่ต่อต้องได้รับอนุญาตก่อน
๑.   วัตถุประสงค์การฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐา
                    -   เพื่อนำทางชีวิตให้ถูกต้องตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
                    - เพื่อการพัฒนาจิต
                    - เพื่อให้รู้จักวิธีการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
                - เพื่อนำชีวิตถึงซึ่งหนทางแก่การดับทุกข์    (พระนิพพาน)
                   ๒. บุคลากร เจ้าหน้าที่ดำเนินงาน
                    - พระครูวิมลธรรมรังสี เจ้าคณะ ๕
                    - พระวิปัสสนาจารย์ วัดมหาธาตุ
                    - พระประสิทธิ์ อนาลโย เลขานุการคณะ ๕
                    - พระภิกษุ,  สามเณร,  แม่ชี,  ศิษย์วัดมหาธาตุคณะ ๕
                   ๓. งบประมาณ
                    - จากศรัทธาสาธุชนทั่วไป   (รับบริจาค)
                    - จากศรัทธาผู้เข้าปฏิบัติวิปัสสนา
                    - กองทุนภัตตาหาร - น้ำ - ไฟ (สมาชิก)
                    - มูลนิธิบำรุงคณะ ๕
                   ๔.    คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ารับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนา
                    -   มีความศรัทธาที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
                    - มีความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระอาจารย์
                    - มีสุขภาพแข็งแรง และไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง
                    - ผู้ปฏิบัติต้องปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด
                   ๕.   สิ่งที่ต้องเตรียมในการเข้าพักปฏิบัติธรรม
                    - เครื่องใช้ส่วนตัวเช่น สบู่   ยาสีฟัน แปรงสีฟัน  ผ้าเช็ดตัวและสิ่งของจำเป็น เป็นต้น
                    - ชุดขาว (ถ้าไม่มีทางสำนักฯ มีให้เช่า)
                    - ยารักษาโรคที่จำเป็นเฉพาะส่วนตัว
                     
๖.   ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
                    -   ทำให้เข้าใจในวิถีการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง    ตามหลักคำสอนแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
                    - ทำให้เข้าถึงทางการแก้ปัญหาชีวิตได้อย่างถูกต้อง    ทำให้เข้าถึงจุดมุ่งหมายสูงสุด และสำคัญที่สุดในชีวิต หมายถึง
                - การเข้าถึงความเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งกายและใจ
ตารางเวลาปฏิบัติ  วิปัสสนากรรมฐาน                       (เปิดทุกวัน)
                     
ภาคเช้า                       ๐๗.๐๐ - ๑๐.๐๐ น.
                    ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เดินจงกรม                       นั่งสมาธิ
                     
ภาคบ่าย                       ๑๓.๐๐  - ๑๖.๐๐ น.
                    ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เดินจงกรม                       นั่งสมาธิ
                     
ภาคค่ำ                       ๑๘.๐๐ - ๒๐.๐๐ น.
                    ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เดินจงกรม                       นั่งสมาธิ
                     
ภาคพิเศษ
                    ๒๐.๐๐ - ๒๑.๐๐ น.                       ส่ง  และสอบอารมณ์กรรมฐาน
                    (วันพระ บรรยายธรรมพิเศษ )
หมายเหตุ :    ส่งและสอบอารมณ์ทุกวัน (งดวันอาทิตย์)     แจ้งความประสงค์ที่จะเข้ารับการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหรือร่วมบริจาค   เป็นเจ้าภาพภัตตาหาร  - น้ำ - ไฟ    เพื่อทำนุบำรุงสนับสนุนส่งเสริมกิจการทางพระพุทธศาสนา กรุณาติดต่อ    ๐๒-๒๒๒-๖๐๑๑
                    อีเมล์ centermeditation@hotmail.com
1139  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ชมภาพยนต์ธรรม ฟรี วันนี้วันสุดท้ายแล้ว จัดโดย เสถียรธรรมสถาน(อ่านเมลช้าไปหน่อย) เมื่อ: มิถุนายน 29, 2011, 09:13:01 am


เสถียรธรรมสถาน

ขอเชิญท่านชมภาพยนตร์ที่สร้างจากชีวิตจริงของผู้หญิง 7 คน ความจริงในชีวิตของผู้หญิง
ในสไตล์และมุมมองที่ต่างกัน จากผู้กำกับฯมืออาชีพ

ในวันที่ 27 - 29 มิถุนายน นี้ จองบัตรชมภาพยนตร์(หนังสั้น)"ฟรี"

(จำนวนจำกัด) ในโรงภาพยนตร์ เอสพลานาด รัชดา รอบฉายหนังมี 2 รอบ

คือรอบ 10 โมงเช้า และสองทุ่ม
เสถียรธรรมสถาน ได้รับความร่วมมือจากนักแสดงคุณภาพระดับประเทศ ที่
เข้ามาทำงานครั้งนี้ด้วย อาทิ นุ่น- ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ,
กิ๊ก-มยุริญ ผุดผ่องพันธ์, , เอ-อัญชลี สายสุนทร นางเอกจากเรื่อง " Wonderful Town", ออม-สุชารัตน์ มานะยิ่ง นางเอกจากเรื่อง
yes or no อยากรักก็รักเลย, หลิว-มนัสวี กฤตานุกูลย์ , โย-ทัศนวรรณ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา , ต่าย-สายธาร นิยมการณ์, เป๋อ-ภคกุล
สนิทวงศ์ ณ.อยุธยา, ตรี-นันทรัตน์ เชาวราษฏร์ (หลานของเพชรา เชาวราษฏร์) , ฐา-กิตต์ลภัส กรสุทธิ์ไรวรรณ จาก ภาพยนตร์เรื่อง
"บุญชู" ภาคล่าสุด, นีโน่-ฉัตรโสรฬ ธนูทพยกุล, มิค-เอกรัตน์ ขลิบเงิน จากเรื่อง "แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า" หญิง-พลอยลภัสร์
อมรธนาพรกุล พร้อมทั้งนักแสดงรับเชิญ อาทิ หมิว-ลลิตา ศศิประภา, เข็ม-กฤตธีรา อินพรวิจิตร, ตุ๊ก-ชนกวนันท์ วัชรคุณ
และบ๊วย-เชษวุฒิ วัชรคุณ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 หนึ่งในหนังตัวอย่าง "ความรัก ศรัทธา ปาฏิหาริย์"


วิธีการขอตั๋วชมภาพยนตร์ฟรี ผ่าน SMS
• ชมภาพยนตร์(หนังสั้น)ใน วันที่ 27 มิถุนายน เรื่อง "แสงสุดท้าย" และ "ผู้หญิงคนนี้ไม่อยากชื่อบุญรอด"
ต้องการชมรอบ 10 โมงเช้า.. ขออภัยรอบนี้ฉายไปแล้วคะ
ต้องการชมรอบค่ำ 2 ทุ่มตรง....      ขออภัยรอบนี้ฉายไปแล้วคะ
• ชมภาพยนตร์(หนังสั้น)ใน วันที่ 28 มิถุนายน เรื่อง "เสียงของความเงียบ" และ "ขยะ"
ต้องการชมรอบ 10 โมงเช้า..    ขออภัยรอบนี้ฉายไปแล้วคะ
ต้องการชมรอบค่ำ 2 ทุ่มตรง...     ขออภัยรอบนี้ฉายไปแล้วคะ
• ชมภาพยนตร์(หนังสั้น)ใน วันที่ 29 มิถุนายน เรื่อง "ภัยใกล้ตัว" "สวัสดีความรัก" และ "ฟื้น"
ต้องการชมรอบ 10 โมงเช้า..     พิมพ์ MM29 พร้อมชื่อ-นามสกุล ส่งมาที่ » 4712277 หนึ่ง SMS ต่อตั๋วภาพยนตร์ 1 ใบ (มีตั๋ว 66 ใบ)
ต้องการชมรอบค่ำ 2 ทุ่มตรง...     ขออภัยรอบนี้เต็มแล้วคะ


ตัวอย่างเช่น คุณชื่อ สมหญิง สกุลงาม ต้องการดูในวันที่ 28 รอบเช้าให้ พิมพ์.. MM28 สมหญิง สกุลงาม แล้วส่งมาที่ 4712277
(ชื่อจะใช้ไทยหรืออังกฤษก็ได้)   หนึ่งชื่อ-นามสกุล ต่อหนึ่งบัตร (แต่สามารถใช้เบอร์โทรศัพท์เดียวกันส่งใหม่ได้ ถ้าต้องการหลายใบ)
หลังจากนั้น คุณจะได้รับการยืนยันกลับทันที......ท่านสามารถไปรับตั๋วด้วยขื่อ-นามสกุล หน้าโรงหนังคะ...

ถ้าต้องการตั๋วชมภาพยนตร์มากกว่าหนึ่งใบ ....กรุณาส่ง SMS เท่าจำนวนบัตรที่ต้องการ แต่ขอให้ใส่ชื่อ ที่แตกต่างค่ะ
หมายเหต
- ข้อความที่พิมพ์เข้ามาจะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่หรือเล็กก็ได้
- เฉพาะเครือข่าย AIS, DTAC, True move
- ทุก 3 บาท/ครั้ง ของท่านจะเป็นการทำบุญเพื่อสร้างสาวิกาสิกขาลัย ขออนุโมทนาค่ะ
                                             ธรรมสวัสดี 
ส่งได้ทุกระบบ ยกเว้น Hatch (ฮัทซ์) และ CAT cdma ยังไม่สามารถใช้งานได้คะ
ระบบ SMS นี้ ใช้เพื่อขอตั๋วชมภาพยนตร์(หนังสั้น)


 
http://www.sdslive.org/
1140  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ได้ยินมาว่า พระอาจารย์สอนให้คนติดสุขสมาธิ ไม่ใช่หนทางนิพพาน เมื่อ: มิถุนายน 28, 2011, 10:34:05 am




ได้ยินมาว่า พระอาจารย์สอนให้คนติดสุขสมาธิ ไม่ใช่หนทางนิพพาน



เพราะผู้ที่พูดไม่เคยศึกษาเนื้อหา หรือปฏิบัติ ร่วมกับอาตมา และเป็นพวกที่คิดว่า การภาวนาธรรมนั้นไม่ต้อง
ใช้สมาธิ เพียงแต่เจริญสติ ไม่ต้องมีสมาธิ ก็จะบรรลุธรรมนั้นได้

ดังนั้น ควรศึกษา และ ภาวนาก่อน เนื่องด้วยการภาวนานั้น ไม่ได้มาล็อกให้ท่านภาวนาอย่างอื่นไม่ได้นะจ๊ะ

ดังนั้น อาจจะต้อง กาลามสูตร และเทียบ กับ อริยมรรค ด้วยนะจ๊ะ

อย่าให้กำแพง ของความคิด หรือ คำพูดต่าง ๆ ปิดบัง อริยมรรคในใจ คุณก็เพียงพอแล้ว

เจริญธรรม

 ;)
1141  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อานาปานสังยุตต์ - ๒. ทุติยวรรค - อิจฉานังคลสูตร เมื่อ: มิถุนายน 28, 2011, 10:15:10 am
อานาปานสังยุตต์ - ๒. ทุติยวรรค - อิจฉานังคลสูตร


พระไตรปิฎก ฉบับธรรมทาน ทุติยวรรคที่ ๒ อิจฉานังคลสูตร ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพระอริยะ

[๑๓๖๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ไพรสณฑ์ชื่ออิจฉานังคละ ใกล้ อิจฉานังคลนคร ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้ง
หลาย เราปรารถนาจะหลีกเร้นอยู่สักสามเดือน ใครๆ ไม่พึงเข้ามาหาเรา เว้นแต่ภิกษุผู้นำบิณฑ
บาตรูปเดียว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสพระผู้มีพระภาคแล้ว ใครๆ ไม่เข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาค เว้นแต่ภิกษุผู้นำบิณฑบาตรูปเดียว


[๑๓๖๔] ครั้งนั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากที่เร้น โดยล่วงสามเดือนนั้นแล้ว ตรัส เรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้วตรัสว่า
   ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกจะพึงถามเธอทั้งหลายอย่างนี้ว่า
   ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย พระสมณโคดมอยู่จำพรรษาด้วยวิหารธรรมข้อไหนมาก
   เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้ว พึงตอบพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกนั้นอย่างนี้ว่า
   ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย
   พระผู้มีพระภาคอยู่จำพรรษาด้วยสมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติมาก.


[๑๓๖๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรามีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า
    เมื่อหายใจออก ยาวก็รู้ชัดว่า หายใจออกยาว
    หรือเมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น
    ก็รู้ชัดว่า หายใจออกสั้น หรือเมื่อหายใจเข้าสั้นก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น
    ย่อมรู้ชัดว่า เราจักกำหนดรู้กองลมหายใจทั้งปวงหายใจออก ... ย่อมรู้ชัดว่า เราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก ย่อมรู้ชัดว่าเราจักพิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจเข้า.

[๑๓๖๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อจะกล่าวถึงสิ่งใดโดยชอบพึงกล่าวถึงสิ่งนั้นว่า
 ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพระอริยะบ้าง ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหมบ้าง ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของ
พระตถาคตบ้าง ดังนี้ พึงกล่าวถึงสมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของ
พระอริยะบ้าง ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหมบ้าง ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพระตถาคตบ้าง ภิกษุ
เหล่าใดเป็นเสขะยังไม่บรรลุอรหัตผล ย่อมปรารถนาความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยมอยู่ สมาธิอัน
สัมปยุตด้วยอานาปานสติ อันภิกษุเหล่านั้นเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความ
สิ้นอาสวะ.

[๑๓๖๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเหล่าใดเป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว ปลงภาระลงแล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้วโดยลำดับ สิ้นสังโยชน์
เครื่องนำไปสู่ภพแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ สมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติ อัน
ภิกษุเหล่านั้นเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน และ
เพื่อสติสัมปชัญญะ.

[๑๓๖๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเมื่อจะกล่าวถึงสิ่งใดโดยชอบ พึงกล่าวถึงสิ่งนั้นว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพระอริยะบ้าง ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหมบ้าง ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของ
พระตถาคตบ้าง ดังนี้ พึงกล่าวถึงสมาธิอันสัมปยุตด้วยอานาปานสติว่า ธรรมเป็นเครื่องอยู่
ของพระอริยะบ้าง ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหมบ้าง ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพระตถาคตบ้าง.

 จบ สูตรที่ ๑
1142  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / คนตกน้ำ 7 จำพวก ( อุทกูปมสูตร ) เมื่อ: มิถุนายน 28, 2011, 09:45:35 am
อุทกูปมสูตร
สัตตกนิบาต อังคุตรนิกาย



ภิกษุ ท. ! บุคคลเปรียบด้วยบุคคลตกน้ำเจ็ดจำพวก เหล่านี้ มีอยู่หาได้อยู่ ในโลก.
เจ็ดจำพวกเหล่าไหนเล่า ?ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ :
(๑) บุคคลบางคน จมน้ำคราวเดียวแล้วก็จมเลย;
(๒) บุคคลบางคน ผุดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วจึงจมเลย;
(๓) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ลอยตัวอยู่;
(๔) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว เหลียวดูรอบ ๆ อยู่;
(๕) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ว่ายเข้าหาฝั่ง;
(๖) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว เดินเข้ามาถึงที่ ตื้นแล้ว;
(๗) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ถึงฝั่งข้ามขึ้นบกแล้วเป็นพราหมณ์ยืนอยู่.

สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๐/๑๕




คนตกน้ำ...
พระพุทธเจ้าได้ทรงเปรียบบุคคลในโลกนี้....เหมือนคนตกน้ำ
ไว้ 7 ประเภท...นับว่าน่าสนใจ และอาจใช้เปรียบเทียบกับตัว
เราได้ แต่สำนวนค่อนข้างจะฟังยาก.....จึงขอสรุปเป็นภาษา
ชาวบ้านดังนี้....

บุคคลประเภทที่ 1
'ตกน้ำแล้วคราวเดียว ก็จมลงไปเลย'....
ได้แก่ บุคคลที่เกิดมาแล้ว ชีวิตทั้งชีวิตนี้ มีแต่การประกอบ
อกุศลธรรมโดยส่วนเดียว....

บุคคลประเภทที่ 2
'ตกน้ำแล้ว ก็โผล่ขึ้นมา แต่กลับจมลงไปอีก'....
ได้แก่ บุคคลที่เกิดมาแล้ว มีธรรม...คือ ศรัทธา หิริ โอตัปปะ
วิริยะ และปัญญาชั้นดีๆในกุศลธรรมทั้งปวง แต่ธรรมเหล่า
นั้น มีศรัทธาเป็นต้น ไม่คงที่ ไม่เจริญขึ้น ได้แต่เสื่อมไป...

บุคคลประเภทที่ 3
'ตกน้ำแล้ว โผล่พ้นน้ำขึ้นมา แล้วทรงตัวอยู่ได้'...
ได้แก่ บุคคลที่เกิดมาแล้ว มีธรรม...คือศรัทธา หิริ โอตัปปะ
วิริยะ และปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งปวง แต่ธรรมเหล่า
นั้น มีศรัทธาเป็นต้น เป็นธรรมที่ไม่เสื่อม แต่ก็ไม่เจริญขึ้น...
ทรงตัวอยู่เหมือนเดิม.....

บุคคลประเภทที่ 4
'ตกน้ำแล้ว โผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้ แล้วเหลียวไปมา'...
ได้แก่ บุคคลที่เกิดมาแล้ว มีธรรม...คือศรัทธา หิริ โอตตัปปะ
วิริยะ และปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งปวง เพราะละสังโยชน์
3 ได้ เป็นพระโสดาบันบุคคล มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้
เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า...

บุคคลประเภทที่ 5
'ตกน้ำแล้ว โผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้ กำลังเตรียมตัวจะข้ามน้ำ'...
ได้แก่ บุคคลที่เกิดมาแล้ว มีธรรม...คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ
วิริยะ และปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งปวง เพราะละสังโยชน์
3 ได้ และทำราคะ โทสะ และโมหะ ให้บางเบาลง เป็นพระสกทาคามี
มาสู่โลกนี้อีกครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้...

บุคคลประเภทที่ 6
'ตกน้ำแล้ว โผล่พ้นน้ำขึ้นมาก็ได้ที่พึ่ง'...
ได้แก่ บุคคลที่เกิดมาแล้ว มีธรรม...คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ
วิริยะ และปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งปวง เพราะละโอรัมภา-
คิยสังโยชน์ 5 ได้สิ้นไป เป็นพระอนาคามี จักปรินิพพานในภพนั้น
มีอันไม่กลับจากโลกนั้นอีกเป็นธรรมดา....

บุคคลประเภทที่ 7
'ตกน้ำแล้ว โผล่พ้นน้ำได้แล้ว กลายเป็นพราหมณ์ ข้ามพ้นฝั่ง
และยืนอยู่บนบก'....
ได้แก่ บุคคลที่เกิดมาแล้ว มีธรรม...คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ
วิริยะ และปัญญาชั้นดีๆ ในกุศลธรรมทั้งปวง กระทำให้แจ้งซึ่ง
เจโตวิมุติ และปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้ง
หลายสิ้นไปด้วย..'ปัญญา' อันยิ่งเองในปัจจุบัน เป็น...'พระอรหันต์'...
1143  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.polyboon.com/worship/dhumma03_04.html ใครชอบแนวกสิณ ทางนี้ เมื่อ: มิถุนายน 28, 2011, 08:52:55 am




ใครต้องการฝึกแนวกสิณ ก็ลองไปอ่านดูแนะนำ

http://www.polyboon.com/worship/dhumma03_04.html
1144  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญร่วมทำบุญทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พระธรรมธีรราชมหามุนีปีที่ ๑๙ 3 ก.ค.54 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2011, 08:39:34 am
ขอเชิญร่วมทำบุญทักษิณานุปทานอุทิศถวายแด่พระธรรมธีรราชมหามุนีปีที่ ๑๙
     
       ด้วยคณะศิษยานุศิษย์ได้กำหนดจัดงานบำเพ็ญกุศลทักษิณานุปทาน  เพื่ออุทิศถวายแด่ พระเดชพระคุณ พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ปธ.9)  อดีตพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสนาธุระ และอุทิศกุศลแด่  พระบูรพวิปัสนาจารย์ในวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ขึ้นเป็นประจำทุกปี  ซึ่งในปี พ.ศ. 2554 นี้เป็นปีที่ 23 โดยได้กำหนดจัดงานขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 3  เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ณ สำนักงานกลางการวิปัสนาธุระ คณะ 5  ของวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ท่าพระจันทร์

       กำหนดการ เริ่ม 9.00 น พระสงฆ์ 22 รูป รับทักษิณานุปทาน
                       มอบทุน การศึกษาแก่ พระภิกษุสงฆ์ สามเณร

                           10.00  พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 15 รูป เจริญพุทธมนต์ เจ้าภาพถวายเครื่องไทยทาน กรวดน้ำรับพร
                           
                           11.00  ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุ สามเณร 200 รูป เจ้าภาพและญาติโยม เชิญรับประทานอาหาร

                           12.00  พระภิกษุสามเณร สวดมาติกา บังสุกล เสร็จ รับพร

                           13.00  มีพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์

             
หากท่านใดมีจิตศรัทธา บริจาคสามารถโอนเงิน ทาง
 ธนาคารกสิกรไทย สาขา ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กรุงเทพ
 ชื่อบัญชี กองทุนบำเพ็ญกุศลพระธรรมธีรราชมหามุนี เลขที่บัญชี   645-2-04007-5
และกรุณาส่งสลิปที่บริจาค มาที่โทรสาร 02-2233091  02-2233743
เพื่อจะได้ออกอนุโมทนาบัตรส่งไปให้

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่   พระครูวิมลธรรมรังสี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เจ้าคณะ 5  ประธานดำเนินงาน
 โทร 02-2224981     02-2226011    089-6938600


http://www.udomwid.org/


ขออนุโมทนากับทุกท่านนะครับ
และขอกราบขอโทษด้วยหากกระทู้นี้นี้เป้นการรบกวนท่าน


จากคุณ จ้าววายุ
1145  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / ปัญหา เข้าเน็ตได้ช้า เกิดจากอะไร เมื่อ: มิถุนายน 27, 2011, 04:07:39 pm
ที่สอบถามกันมา มี 3 สาเหตุนะจ๊ะ

1. ทาง hosting server temporary cookie สูง ต้อง reset server อาจจะต้องทำสัก 10 - 15 วัน ครั้ง

2. Bandwidth สูงมีผู้เข้าชมมาก ( สำหรับเว็บ มัชฌิมา นั้น ยังไม่ถือว่ามาก นะจ๊ะถ้ามากต้อง 3000 ip ขึ้นไป นะจ๊ะ ) ถ้าจะเป็นจากกรณี ที่ เว็บที่ใช้ hosting เดียวกัน มีคนเข้าสูงมากกว่า โดยเฉพาะถ้าเป็นเว็บฝากเสียง วีดีโอ ไฟล์ขนาดใหญ๋ อันนี้มีผลนะจ๊ะ

3. สัญญาณเน็ต ของผู้ใช้งาน มีปัญหา เองนะจ๊ะ

ดังนั้นที่สอบถาม และแจ้งปัญหาการใช้งาน เข้ามานั้นจึงเป็นเรื่องปกติ


ส่วนท่านที่ใช้ เน็ตมือถือ นั้นไม่สามารถจะดู youtube ได้นะจ๊ะ ความเร็วที่จะใช้ youtube ได้นั้นต้อง
วิ่ง 2 mb ขึ้นไปถึงจะใช้ได้ ยกเว้น 3G  wifi


 ;)
1146  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ภาษิต จากหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน เมื่อ: มิถุนายน 25, 2011, 07:57:53 am



เป็นภาษิตเก่า เตือนจิต สะกิดใจ ที่ท่านจำมาบอกตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นเด็ก


อย่าข้ามคนล้ม  อย่าข่มคนรู้  อย่าขู่คนกล้า
อย่าท้าคนพาล  อย่าวานคนร้าย อย่าขายคนรัก
อย่ากักคนรีบ อย่าบีบคนบอบ  อย่าชอบคนชั่ว
อย่ายั่วคนดี
1147  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / อันตราย ๕ ประการ เทียบกับอันตรายของดอกบัว เมื่อ: มิถุนายน 24, 2011, 07:28:00 am


พระอรรถกถาจารย์ กล่าวสาเหตุที่ภิกษุสามเณรจะพินาศเพราะพรหมจรรย์ ต้องละเพศไปสู่ฆราวาส ท่านว่าเพราะอันตราย ๕ ประการ เทียบกับอันตรายของดอกบัว คือ

๑. ดอกบัวย่อมเป็นอันตรายด้วยพายุใหญ่พัดเอาหักโค่น เปรียบด้วยพระภิกษุสามเณรผู้ต้องลมปาก คือคำชักชวนของคนพาล มาชักน้ำเกลี้ยกล่อมให้จิตใจเห็นเคลิบเคลิ้มในโลกียวิสัย หน่ายรักจากพระศาสนา ต้องละเพศพรหมจรรย์ไป

๒. ดอกบัวย่อมเป็นอันตรายด้วยถูกกิมิชาติ คือหนอนเข้าเบียดเบียนกัดต้นกินใบ เปรียบเหมือนพระภิกษุสามเณรผู้ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์ แต่ถูกโรคาพาธต่าง ๆ เข้ามาเบียดเบียนตัดรอน จนไม่อาจประพฤติพรหมจรรย์ได้

๓. ดอกบัวย่อมเป็นอันตรายด้วยถูกฝูงกินนรีเก็บเอาไปเชยชม คือมีผู้มาเด็ดไปจากต้น เปรียบเหมือนพระภิกษุสามเณร ถูกมาตุคาม (สตรี) ล่อให้ลุ่มหลงสิ้นศรัทธาในพระศาสนา ต้องละเพศพรหมจรรย์

๔. ดอกบัวย่อมเป็นอันตราย ด้วยถูกเต่าและปลากัดกินเป็นอาหาร เปรียบเหมือนพระภิกษุสามเณรผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ถูกพระยามัจจุราชคือความตายมาตัดรอนคร่าเอาชีวิตไปเสีย

๕. ดอกบัวย่อมเป็นอันตรายด้วยน้ำและโคลนตม ไม่บริบูรณ์เหือดแห้งหดไป เปรียบเหมือนพระภิกษุสามเณรผู้ประพฤติพรหมจรรย์ด้วยความตั้งอกตั้งใจ แต่เพราะกุศลหนหลังและวาสนาปัจจุบันไม่มี ก็เผอิญให้มีอุปสรรคขัดข้องต่าง ๆ ไม่สามารถทรงจำพระธรรมวินัยได้ เป็นเหตุให้ท้อถอยต้องลาเพศพรหมจรรย์ไป

1148  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เห็นกายตัวเอง สลาย กลายเป็นขี้เถ้า เจริญภาวนาถูกหรือไม่ เมื่อ: มิถุนายน 22, 2011, 07:28:00 am




พอนั่งสมาธิ ไปแล้ว จิตก็หลบไปแล้วรื้อร่างกาย ออกเป็นชิ้นเล้ก ชิ้นน้อย และ มองเห็นเป็นภาพ แต่ละชิ้น
ถูกเผาด้วยไฟ จนเป็นขี้เถ้า

ตอนนั้นรู้สึก เกิดความรู้สึก ตื้นตันใจ อย่างไร ไม่สามารถจะอธิบายออกมาได้ น้ำตาไหล ออกมาเป็นทาง
ตั้งแต่วันนั้นมา ก็รู้สึกได้ว่่า ไม่ค่อยจะยินดี ยิ้นร้ายในการแต่งตัว ทาหน้า ทาปาก เแบบเมื่อก่อนเลยคะ

อยากเรียนถามพระคุณเจ้า ว่า โยมภาวนา ผิดวิธีหรือไม่ คะ







พุทธโอวาท


         ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! 
         ครั้นก่อนแต่ตรัสรู้เมื่อเรายังเป็นโพธิสัตย์ยังไม่ตรัสรู้นั่นเทียว  ได้เกิดการปริวิตกขึ้นว่า
         อะไรหนอเป็นรสอร่อยในโลก
         อะไรเป็นโทษในโลก 
         อะไรเป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลก

         ดูก่อน  ภิกษุทั้งหลาย ! 
         ความรู้สึกได้เกิดขึ้นแก่เราว่า สุข โสมนัสที่ปรารภโลกเกิดขึ้นนี้เอง เป็นรสอร่อยในโลก
         โลกไม่เที่ยงทรมานมีการเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา  นี่เองเป็นโทษในโลก
         การนำออกเสียสิ้นเชิง  ซึ่งความกำหนัดด้วยอำนาจเพลินในโลกนี่เอง เป็นอุบายเครื่องออกไปจากโลกได้

         ดูก่อน ภิกษุทั้ง หลาย !
         ตลอดเวลาเพียงไรที่เรายัง ไม่รู้จักว่ารสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย 
         ยังไม่รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ 
         ยังไม่รู้จักเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริงตลอดเวลาเพียงนั้น 
         เรายังไม่ได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ  ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์ เทวดา  พร้อมทั้งมนุษย์

         ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! 
         เมื่อใดแลเราได้รู้จักรสอร่อยของโลกว่าเป็นรสอร่อย 
         รู้จักโทษของโลกว่าเป็นโทษ 
         รู้จักอุบายเครื่องออกว่าเป็นเครื่องออกตามที่เป็นจริง  ด้วยอาการอย่างนี้เมื่อนั้น
         เราได้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะซึ่งอนุตรสัมมา สัมโพธิญาณในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะพราหมณ์  เทวดา พร้อมทั้งมนุษย์  ก็แหละญาณทรรศนะเครื่องรู้เครื่องเห็นเกิดขึ้นแล้วว่า  ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย  บัดนี้ภพเป็นที่เกิดใหม่ไม่มีอีกดังนี้

         ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ! 
         พรหมจรรย์นี้เราประพฤติมิใช่เพื่อหลอกลวงคน 
         มิใช่เพื่อให้คนทั้งหลายมานับถือ 
         มิใช่เพื่ออานิสงส์ลาภสักการะและความสรรเสริญ 
         มิใช่จุดมุ่หมายเพื่อเป็นเจ้าลัทธิและแก้ลัทธิอย่างนั้นอย่างนี้ 
         มิใช่เพื่อให้ใครรู้จักตัวว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
         ที่แท้  พรหมจรรย์นี้เราประพฤติเพื่อสังวระ คือ ความสำรวม เพื่อปหานะ คือ ความละ  เพื่อวิราคะ คือ คลายความกำหนัดยินดี และเพื่อนิโรธะ คือความดับทุกข์
         ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย !
         ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ลึกซึ้งเห็นได้ยาก
         รู้ตามได้ยาก 
         สงบประณีตมิใช่วิสัยแห่งตรรก ( คือคิดเอาไม่ได้หรือไม่ควรลงความเห็นด้วยการเดา )
         แต่เป็นธรรมที่บัณฑิตพอรจะรู้ได้



1149  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เกิดอย่างนี้ ต้องทำอย่างไร ต่อไปครับ เมื่อ: มิถุนายน 22, 2011, 07:11:24 am




กำหนดลมหายใจเข้าว่า "พุทธ" กำหนดลมหายใจออกว่า  "โธ"
แล้วก็พยายามทำใจจดจ่ออยู่กับการกำหนดลมหายใจเข้าออก 
พอกำหนดไปได้สักพักนึง ก็มีอาการดังนี้ พร้อมมีอาการเคลิ้ม ๆ ด้วย

ในขณะที่เคลื้ม  ๆ นั้นจะเห็น เป็นดวงแำก้วขนาดกำปั้น ปรากฏ อยู่ตรงด้านหน้า
ดีใจลืมตาขึ้นมา แล้ว ดวงแก้ว ก็หายไป พอกำหนดแบบเดิมอยู่อีก ก็ปรากฏชขึ้นมาอีก เป็นอยู่อย่างนี้หลายวันแล้ว ควรทำอย่างไรดีครับ
( ปล. ไม่ได้เป็นศิษย์ กรรมฐาน มัชฌิมา นะครับ )




อาการที่เกิด เป็นอาการระหว่าง ที่ นิมิต กำลังเริ่มเป็น อุคคหนิมิต
ภาวะของสมาธิ กำลังเกิด วิธีปฏิบัติ ก็คือ ไม่ต้องสนใจกับภาพ ที่เกิด คงบริกรรมต่อไป

ถ้าเปรียบนิมิต เ้ป็นโอภาส แล้ว ก็ควรจะบริกรรม ต่อไป เท่านั้นปล่อยให้สิ่งที่เกิดเป็นสภาวะธรรมเท่านั้น
อาจจะเข้าใจยาก นิดหนึ่งว่า

  ไม่ทำจิตให้สนใจ ยินดี ไม่สนใจ ไม่ยินดี หรือ วางเฉย ล้วนแล้วเป็นวิธีที่ผิด ทั้งหมด

  แล้วทำอย่างไร ?

  ก็ ภาวนา ต่อไปตามนั้นปล่อยให้สิ่งนี้เกิดเป็นธรรมสภาวะ เมื่อภาวนาไปตามขั้นตอนที่ศึกษามาไว้ดีแล้ว

  จิต ก็จักเจริญขึ้นไปตามสภาวะธรรม นั้นเอง

  หน้าที่ เราต้องภาวนา เท่านั้นเอง

  เจริญธรรม

   ;)




1150  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / พระคุณธรรมข้อกตัญญู องค์ปัจจุบัน ที่เกี่ยวกับ หลวงปู่ เมื่อ: มิถุนายน 21, 2011, 08:53:00 am


  ดังกล่าวมาแล้วในตอนต้นว่า เจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ทรงมี  พระคุณธรรมข้อนี้อย่างเด่นชัด   และทรงหาโอกาสสนองคุณของผู้ที่มีพระคุณต่อพระองค์ แม้เพียงเล็กน้อยอยู่เสมอ   ดังเช่น เมื่อทรงได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่  สมเด็จพระญาณสังวร ก็ทรงรำลึกถึงพระคุณของสมเด็จพระสังฆราช  (สุก ญาณสังวร)  ที่ทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ สมเด็จพระญาณสังวร   เป็นรูปแรกในยุคกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะหาก ไม่มีสมเด็จพระญาณสังวร (สุก)   เป็นรูปที่ ๑ ก็คงไม่มีสมเด็จพระญาณสังวร คือพระองค์เอง เป็นรูปที่ ๒   ฉะนั้นเมื่อถึงเทศกาลเข้าพรรษา  จึงเสด็จไปถวายสักการะพระรูปสมเด็จพระญาณสังวร  (สุก)  ที่วัดราชสิทธารามเป็นประจำทุกปีตลอด

ที่มา เนื้อหา

http://www.santidham.com/sankarach/sankarach.html
1151  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ภาพจิตรกรรมฝาผนัง วัดราชสิทธาราม เมื่อ: มิถุนายน 21, 2011, 08:49:28 am

ภาพจิตรกรรมฝาผนัง สมัย ร1 ยังคงมีให้ชมอยู่ที่ อุโบสถ วัดราชสิทธาราม







1152  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ปฏิบัติธรรมวันอาสาฬหบูชา 15-16-17 ก.ค. 54 วัดราชสิทธาราม คณะ 5 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2011, 08:00:12 am
ปฏิบัติธรรมวันอาสาฬหบูชา  ถวายเทียนพรรษา
ขึ้นกรรมฐานใหญ่ประจำปี54 พุทธาภิเษก
15-16-17 ก.ค. 54
กำหนดการ 15-16-17 กรกฏาคม 54

 ที่คณะ 5 วัดราชสิทธาราม
 ซอยอิสรภาพ 23 เขตบางกอกใหญ่
 กรุงเทพ

 

เวียนเทียน วันอาสาฬหบูชา ถวายผ้าอาบเทียนพรรษา ขึ้นกรรมฐานใหญ่

วันศุกร์ที่ 15 กรกฏาคม 2554 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8  (วันอาสาฬหบูชา)

เวลา  09.00-10.00           ลงทะเบียน รับประทานอาหารเช้า

เวลา 10.000-11.00          รับศีล ขึ้นกรรมฐาน  รับประทานอาหารกลางวัน

เวลา  13.00-14.00           ฟังธรรมบรรยาย ถามปัญหา พักดื่มน้ำปานะ

เวลา 14.00-16.30            เจริญจิตภาวนา เดินจงกรม อาบน้ำ  ทำธุระส่วนตัว

เวลา 16.30-17.00            ทำวัตรเย็น   ปฏิบัติธรรม

เวลา 19.30-20.00            ฟังเทศน์ เวียนเทียน รอบพระอุโบสถ กลับบ้าน หรือค้างวัด

วันเสาร์ที่ 16 กรกฏาคม 2554 แรม 1 ค่ำ เดือน 8 (วันเข้าพรรษา)

เวลา  06.30-07.00           ทำวัตรเช้า  รับประทานอาหารเช้า

เวลา 07.000-11.00          นั่งกรรมฐาน เดินจงกรม รับประทานอาหารกลางวัน

เวลา  13.00-14.00           ถวายผ้าจำนำพรรษา ถวายสลากพัตร ถวายเทียนพรรษา

                                    ในพระอุโบสถ วัดราชสิทธาราม

เวลา 14.00-16.30            ทำพิธีเข้าพรรษา

เวลา 16.30-17.00            ญาติโยมทำวัตรเย็น   ลาศีล กลับบ้าน  หรือค้างวัด

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฏาคม 2554 แรม 2 ค่ำ เดือน 8

เวลา  06.30 -07.00           ทำวัตรเช้า  รับประทานอาหารเช้า

เวลา 07.00 -10.00             บวงสรวงเทพยดา เจริญภาวนา เดินจงกรม

เวลา  10.30 -11.00           พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ฉันเพล 9 รูป

เวลา 13.00 -15.30            ทำพิธีขึ้นกรรมฐานใหญ่ ประจำปี ครั้งที่220มีเทศน์ขึ้นธรรม 1 กัณฑ์

เวลา 16.30 -17.00            พระสงฆ์ และผู้ถือศีล ทำวัตรเย็น สวดธรรมจักร 

เวลา 18.30 – 20.00         พระสงฆ์สวดพุทธาภิเษก และพระสงฆ์นั่งปรก




ที่มาข่าวสาร

http://www.somdechsuk.org/node/165
1153  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ว่าด้วยสัทธานุสารี และธัมมานุสารีบุคคล เมื่อ: มิถุนายน 20, 2011, 08:05:04 am
ว่าด้วยสัทธานุสารี และธัมมานุสารีบุคคล


           [๔๗๑]     กรุงสาวัตถี.  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า     ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย    จักขุวิญญาณไม่เที่ยง    มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่นเป็น
ธรรมดา   โสตวิญญาณ  ฯลฯ  ฆานวิญญาณ  ฯลฯ  ชิวหาวิญญาณ  ฯลฯ
กายวิญญาณ  ฯลฯ มโนวิญญาณ
   ไม่เที่ยง  มีอันแปรปรวนเป็นอย่างอื่น
เป็นธรรมดา     ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย     ผู้ใดเชื่อมั่นไม่หวั่นไหวซึ่งธรรม
เหล่านี้อย่างนี้  เรากล่าวผู้นี้ว่า  สัทธานุสารี ฯลฯ  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ธรรมทั้งหลายเหล่านี้    ย่อมควรเพ่งด้วยปัญญา    โดยประมาณอย่างนี้
แก่ผู้ใด เรากล่าวผู้นี้ว่า  ธัมมานุสารี ฯลฯ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ผู้ใดรู้เห็น
ธรรมเหล่านี้  อย่างนี้  เรากล่าวผู้นี้ว่าเป็นพระโสดาบัน  มีความไม่ตกต่ำ
เป็นธรรมดา  เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.

 จบ  วิญญาณสูตร

1154  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ระหว่าง อานาปานสติ กับ พุทธานุสสติ พระอาจารย์คิดว่าควรฝึกอะไรก่อนดีครับ เมื่อ: มิถุนายน 09, 2011, 07:58:49 am




ระหว่าง อานาปานสติ กับ พุทธานุสสติ พระอาจารย์คิดว่าควรฝึกอะไรก่อนดีครับ




ฝึกอะไรก่อนก็ได้นะจ๊ะ เพราะการเจริญ พุทธานุสสติ นั้นก็เป็นการแสดงความเคารพในพระพุทธเจ้านะจ๊ะ
ดังนั้นในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ จึงให้ฝึก พระพุทธานุสสติ ก่อน

ตามธรรมเนียม แล้วถ้าเราจะฝึกภาวนาหลักธรรมในพระพุทธศาสนา หรือ เราจะเรียนวิชา กับครู
ก็ต้องมีความเคารพในครูก่อนนะจ๊ะ มิฉะนั้นความตั้งใจเรียนจะไม่สมบูรณ์

เจริญธรรม

 ;)
1155  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากทราบวิธีการฝึก เจริญ เมตตา แบบง่าย ๆ นะคะ เมื่อ: มิถุนายน 09, 2011, 07:53:25 am




เนื่องด้วยดิฉันเป็นผู้สนใจในการภาวนาใหม่ ๆ ยังไม่มีความลึกซึ้งในการภาวนาปฏิบัติหรือฟังธรรมได้มากเท่าไหร่ จึงอยากให้พระอาจารย์ช่วยแสดงวิธีการฝึก เมตตากรรมฐาน แบบง่าย ๆ ให้ด้วย นะคะ
กราบนมัสการขอบพระคุณคะ




การเจริญแผ่เมตตา แบบง่าย ๆ ที่สุด

1.ไม่ว่าจะอยู่ในอิีริยาบถไหน ๆ ก็สามารถทำได้ เพียงแค่นึกได้ว่าต้องแผ่เมตตา

2. เริ่มจาก พูดในใจ หรือ มีเสียงก็ได้นะจ๊ะว่า

  " ขอให้เรามีความสุข ขอให้ทุกชีวิตจงเป็นผู้มีความสุข "
3.ทำได้ทุกสถานที่ เลยนะจ๊ะ

4.การแผ่เมตตา นั้นต้องรู้ว่า มีบุคคลไม่ควรแผ่เมตตา ให้ด้วย เพราะยิ่งแผ่จะยิ่งปิดกั้นจิต นะจ๊ะ

   บุคคลที่เป็นโทษแห่งเมตตา

๑.บุคคลที่เกลียดกัน  ตั้งอยู่ในฐานแห่งคนรักกันย่อมลำบาก

๒.บุคคลที่เป็นสหายรักกันมาก  ตั้งไว้ในฐานแห่งคนกลาง ๆ ย่อม
     ลำบาก  เมื่อทุกข์เกิดขึ้นแก่เขาจนถึงกับร้องไห้ได้

๓.บุคคลที่เป็นกลาง ๆ กัน  ตั้งอยู่ในฐานแห่งคนรักย่อมลำบาก

๔.บุคคลที่เป็นศัตรูกัน  ความโกรธย่อมเกิดขึ้น


อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ลิงก์นี้ นะจ๊ะ

เมตตาพรหมวิหาร กับ เมตตาอัปปมัญญา นั้นต่างกันอย่างไรในกรรมฐาน
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=871.0

เจริญธรรม นะจ๊ะ

 ;)
1156  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ปฏิบัติสมาธิ แบบง่ายที่สุด สำหรับคนที่ยังไม่เคยภาวนาทำอย่างไรดีคะ เมื่อ: มิถุนายน 09, 2011, 07:36:04 am




ปฏิบัติสมาธิ แบบง่ายที่สุด สำหรับคนที่ยังไม่เคยภาวนาทำอย่างไรดีคะ



ใช้วิธีสวดมนต์ก่อน เช่น สวดบทพระพุทธคุณ เพียงบทเดียว สวดไปเรื่อย ๆ และนับบทไปด้วยว่าได้กี่ จบ แล้ว ง่ายที่สุดแล้วนะจ๊ะ อานสิงค์ของการสวดบทพระพุทธคุณยังมีอีกหลายประการ นะจ๊ะ ดังนั้นถ้าทำสมาธิยังไม่ได้เลย ก็ให้สวด บทพระพุทธคุณ เริ่มตั้งแต่ 3 จบ 9 จบ 18 จบ 36 จย 72 จบ 108 จบ เป็นต้นนะจ๊ะเป็นการเจริญ สมาธิ ที่ง่ายที่สุดแล้วนะจ๊ะ

เจริญธรรม

 ;)
1157  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ท่านมีความเห็นอย่างไร ที่คนสมัยนี้เข้าวัด เพื่อบุญ มากกว่า ธรรมะ เมื่อ: มิถุนายน 09, 2011, 07:31:35 am




ท่านมีความเห็นอย่างไร ที่คนสมัยนี้เข้าวัด เพื่อบุญ มากกว่า ธรรมะ



ส่วนใหญ่ คนเข้าวัดก็เพราะต้องการไปทำบุญ ไม่ใช่ไปฟังธรรม หรือ ภาวนาอันนี้ก็เป็นความจริงอยู่บ้าง แต่ที่เข้าวัดไปเพื่อฟังธรรม และภาวนาก็มีอยู่พอสมควร ดังนั้นถ้ามอง บุญ ก็ คือธรรมะ ก็ยังจัดว่าไปแสวงธรรม คือคุณธรรม เพิ่มบารมี ดังนั้นจะไปเพื่อบุญ ก็ เพื่อธรรม บำรุงพระพุทธศาสนา ศาสนทายาท ต่ออายุ เมื่อถึงเวลาที่สติ สัมปชัญญะ สมบูรณ์ ก็จะแสวงธรรมที่มากกว่าคำว่า บุญ ขึ้นเองนะจ๊ะ

 ;)
1158  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / ในวันที่ 6 มิ.ย. 00.00 - 7 มิ.ย. 04.00 น. เข้าใช้งานเว็บไม่ได้นะจ๊ะ เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 08:23:34 pm
กราบเรียนลูกค้า ผู้มีอุปการะคุณ ทุกท่าน เนื่องจากทาง CAT-IDC จะทำการปิดระบบไฟฟ้า เพื่อปรับปรุงระบบ UPS ให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้ทาง hostinglotus ต้อง ปิด server ทุกเครื่อง ทำให้ web hosting และ vps ไม่สามารถเข้าได้ ในคืนวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2554 เวลา 0.00 - 2.00 (คืนวันจันทร์ ต่อ เช้าวันอังคาร ที่ 7 มิถุนายน 2554) รวมเป็นเวลาสองชั่วโมง ทางเราต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยครับ support hostinglotus

ประกาศให้รับทราบ สำหรับคนใช้งานช่วงดึก นะจ๊ะ

 ;)
   
1159  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ปฏิบัติวิปัสนา ควรจะต้องรู้จัก วิปัสสนาภูมิ กันบ้าง เมื่อ: มิถุนายน 02, 2011, 09:11:42 am
พอพูดถึง การภาวนา ทุกคนจะนึกถึงเรื่อง วิปัสสนา กันก่อนเพราะว่าคิดว่า ทำได้ง่าย ปฏิบัติ ได้ง่ายเพียงเพราะความคิดอย่างนี้ ก็ควรอนุโมทนาด้วยแล้ว แต่เพราะคิดว่าง่าย นี่ละสิ นะ ถึงทำให้ผู้ภาวนาบางท่าน ภาวนากันมาตั้งแต่ กลางคน จนอายุ 70 80 90 ปี แล้วได้สนทนากับอาตมาว่า ยังไม่ไปไหนเลยครับ ยังไม่ได้สำเร็จอะไรเลยท่าน ดังนั้นเพื่อการเจริญ วิปัสสนา ให้ถูกทาง จะมาแนะนำเรื่องสำคัญของการเจริญวิปัสสนา ซึ่งมีความจำเป็น หากท่านยังไม่รู้และยังไม่เข้าใจใน วิปัสสนาภูมิ การเจริญภาวนาให้เห็นธรรมอย่างขาดนั้นเป็นไปได้ยาก

วิัปัสสนาภูมิ อ้างอิงจาก หนังสือ หลักปฏิบัติสมถะวิปัสสนากรรมฐาน เรียบเรียงโดย พระครูสิทธิสังวร
วัดราชสิทธาราม พระอาจารย์ใหญ่ผู้สืบกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับในปัจจุบัน คณะ 5





วิปัสสนาภูมิ คือ อะไร ?

วิปัสสนาภูมิ คือ ความรู้เบื้องต้น ท่ามกลาง และ ที่สุด ของวิปัสสนา ไม่ใช่เป็นเพียงแต่เริ่มต้น แต่เป็นถึงที่สุดดังนั้นวิปัสสนาภูิมิ จึงมีความสำคัญในการเจริญภาวนาวิปัสสนา เป็นอุปกรณ์จิต ลำดับจิต วิธีการเจริญจิต ทั้งหมด




วิปัสสนาภูมิ เหมาะแก่ใคร ?
วิปัสสนาภูมิ เหมาะแก่ผู้ที่มีความเบื่อหน่ายในสังสารวัฏ ผู้ที่ไม่ต้องการเกิดอีก ไม่อยากเวียนว่ายในกองทุกข์อีก ดังนั้นวิปัสสนาภูมิ เหมาะแก่ โคตรภูบุคคล จนถึง พระอนาคามีบุคคล และ พระอรหัตตมรรคบุคคล
ในกรรมฐานมัชฌิมา จึงมีการภาวนาคำว่า สัมมาอรหัง และ อรหัง

  สัมมาอรหัง คือ พระอริยะมรรค ตั้งแต่ โคตรภฺญาณ ถึง พระอรหัตตมรรค เป็นส่วนเหตุ
  อรหัง ก็คือ พระอรหัตตผล พระนิพพาน เป็นผล เป็นนิโรธ



วิปัสสนาภูมิ มีอะไรบ้าง

วิปัสนนาภูมิ มี 6

1. ขันธ์ 5
2. อายตนะ 12
3. ธาตุ 18
4. อินทรีย์ 22
5. อริยสัจจะ 4
6. ปฏิจจสมุปบาท 12

 ส่วนรายละเอียด จะมาเพิ่มเติมทีหลัง
 วานท่านใด โพสต์เป็นข้อ ๆ ได้ก็ยิ่งดี

เจริญธรรม

 ;)




Aeva Debug: 0.0008 seconds.
1160  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.reincarnation.tk/ โจโฉ รวมเสียงธรรม เมื่อ: มิถุนายน 01, 2011, 10:33:25 am


http://www.reincarnation.tk/  โจโฉ รวมเสียงธรรม

เว็บนี้เป็นเว็บที่ส่งเสริมเรื่อง ธรรมทาน ด้วยนะจ๊ะ
ก็แนะนำให้รู้จัก


[/]
หน้า: 1 ... 27 28 [29] 30 31 ... 35