ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นำของไหว้เจ้า มาใส่บาตรจะได้บุญหรือไม่คะ ?  (อ่าน 2897 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0




เนื่องด้วยที่บ้านมีการเซ่นไหว้แม่ มีผลไม้ และอาหารมาก จึงนำของไหว้เจ้าไปใส่บาตร อยกาทราบว่าจะได้บุญหรือไม่ ?


อาหารใดได้มาโดยความบริสุทธิ์ เราเป็นเจ้าของโดยบริสุทธิ์ อาหารนั้นนับว่าเป็นอาหารใหม่สำหรับเรา เมื่อมีจิตศรัทธาในส่วนบุญกุศลจะใส่บาตร ก็ไม่มีมีความผิดนะจ๊ะใส่แล้วก็เป็นบุญ นะจ๊ะ แต่เพื่อความสบายใจเราแจกทานแก่คนยากที่ต้องการอาหารก่อนก็ได้นะจ๊ะ เช่นมีลูกน้องนำไปฝากลูกน้อง ญาติ มิตร ก็น่าจะแจกกันได้เพียงพออยู่แล้ว

สรุป ได้บุญอยู่แล้วนะจ๊ะ จะมาก หรือ จะน้อย อยู่ที่ศรัทธา และ ความบริสุทธิ์ของอาหาร

  ทานจะมีผลมาก ก็ต่อเมื่อ ผู้ให้ และ ผู้รับ มีองค์ประกอบที่ถูกต้อง

เจริญธรรม

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: นำของไหว้เจ้า มาใส่บาตรจะได้บุญหรือไม่คะ ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2011, 07:27:52 am »
0
ทักขิณาวิสุทธิ 4 - สัมปทาคุณ 4
ทักขิณาบางอย่างบริสุทธิ์ฝ่ายทายก     แต่ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิคาหก
ทักขิณาบางอย่างบริสุทธิ์ฝ่ายคาหก    แต่ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายปฏิทายก
ทักขิณาบางอย่างไม่บริสุทธิ์ฝ่ายทายก และฝ่ายปฏิคาหก
ทักขิณาบางอย่างบริสุทธิ์ฝ่ายทายก และฝ่ายปฏิคาหก

                        ทิกขิณาวิสุทธิ หมายถึง ความบริสุทธิ์แห่งทักขิณา คือสิ่งที่บุคคลบริจาค ท่านจัดไว้เป็น 4 ประเภท
                        ทายก ปฏิคาหก และทักขิณา หมายถึงอะไร
                        คำว่า "ทายก" หมายถึงท่านที่บริจาควัตถุสิ่งของ และสิ่งของที่บริจาคนั้นได้ชื่อว่าทักขิณา ที่เรียกว่า "ทักขิณาทาน" ส่วนปฏิคาหก คือ ท่านผู้รับสิ่งของที่ทายกมอบให้ อะไรเป็นเหตุให้ทักขิณามีผลแตกต่างกัน?
                        สิ่งที่ทำให้ทักขิณามีผลมากน้อยกว่ากันนั้น  ท่านวัดกันด้วย  "ความมีและความไม่มีศีลและกัลยณธรรมของบุคคลทั้งสองฝ่าย"คือ
                        ประเภทแรก ทายกเป็นผู้มีศีลมีกลัยาณธรรม แต่ปฏิคาหกไม่มีศีลไม่มีกัลยาณธรรม มี ผลเพียงกึ่งเดียว เหมือนการหว่านชนิดดีลงบนพื้นที่นาที่ขาดปุ๋ย
                        ประเภทที่สอง ปฏิคาหกคือผู้รับเป็นผู้มีศีล มีกัลยาณธรรม แต่ทายกเป็นผู้ไม่มีศีลไม่มีกัล ยาณธรรม มีผลเพียงกึ่งเดียวเช่นกัน เหมือนหว่านพืชไม่ดี หว่านลงในนาดี
                        ประเภทที่สาม ทั้งสองฝ่ายไม่มีศีล ไม่มีกัลยาณธรรม หวังผลได้น้อย เหมือนการหว่าน พืชชนิดเลวลงบนเนื้อนาที่ขาดปุ๋ย
                        ประเภทที่สี่ ทั้งสองฝ่ายคือ ทายก และปฏิคาหก ต่างก็สมบูรณ์ด้วยศีล  สมบูรณ์ด้วย กัลยาณธรรมตามควรแก่ฐานะของตน ทักขิณาเช่นนี้ มีผลมีอานิสงส์มาก เหมือนการหว่านพืชชนิดดี ลงในพื้นนาที่อุดมด้วยปุ๋ย ฉะนั้น
                    สัมปทาคุณ คืออะไร?
                    คำว่า "สัมปทาคุณ" คือสมบูรณ์ด้วยคุณสมบัติ ทีทำให้ทานที่ทายกบริจาคลงไป  มีผลมีอานิสงส์มาก และสามารถเห็นผลแห่งทานที่ตนบริจาคทันตาเห็น คือจะได้รับผลแห่งทานหลังจากบริจาคไม่นาน ท่านจัดเป็นสัมปทาคุณไว้ 4 ประการคือ
                    1. วัตถุสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยวัตถุ
                    2. ปัจจยสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยปัจจัย
                    3. เจตนาสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยเจตนา
                    4. คุณาติเรกสัมปทา ความถึงด้วยคุณพิเศษของท่านผู้รับ
                  สัมปทาคุณทั้ง ๔ มีอธิบายว่าอย่างไร?
                    1. วัตถุสัมปทา ท่านหมายเอาท่านผู้รับทาน จะต้องเป็นพระอนาคามี และพระ อรหันต์ ผู้อาจเข้าสมาบัติได้ เพราะท่านเป็นยอดแห่งทักขิณาบุคคล
                    2.  ปัจจยสัมปทา  หมายถึงสิ่งที่นำมาบริจาค  จะต้องเป็นสิ่งที่ได้มาด้วยความชอบ ธรรมไม่ฉ้อโกง ลัก ใครมาทำทาน
                    3. เจตนาสัมปทา คือเจตนาในการบริจาคนั้น จะต้องสมบูรณ์ใน 3 กาลคือ
                            3.1 ปุพพเจตนา เจตนาที่จะบริจาคเกิดขึ้นในครั้งแรก มีความบริสุทธิ์  เกิด จากศรัทธา และเห็นคุณค่าในการบริจาคอย่างแท้จริง
                            3.2 มุญจนเจตนา ในขณะที่กำลังบริจาคทานอยู่  ยังคงรักษาความรู้สึกนั้นไว้ ได้ไม่เกิดความเสียดาย หรือมีจิตใจเศร้าหมอง
                            3.3 อปราปรเจตนา หลังจากบริจาคทานเสร็จไปแล้ว ไม่เกิดความเสียดาย ทั้งเมื่อระลึกถึงการบริจาคของตน กลับมีความชื่นชมโสมนัส มีจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส
                    4.  คุณาติเรกสัมปทา  คือปฏิคาหกผู้รับทานนั้นเป็นพระอริยบุคคลระดับพระอนาคามี หรือพระอรหันต์ ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติมาใหม่ๆ  ทายกผู้นั้นบริจาคทานแก่ท่านเป็นคนแรก
                    การบริจาคทานที่สมบูรณ์ด้วยสัมปทาคุณ  4 ประการนี้  ท่านบอกว่า  ผู้บริจาคจะได้รับผลในเวลาเร็วที่สุดคือในวันนั้นเอง  แต่หลักฐานในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาปรากฏว่า แม้ในสมัยพุทธกาล ท่านที่ได้รับผลทานในวันนั้น เพราะความสมบูรณ์ของสัมปทาคุณ ทั้ง 4 มีเพียง 6 คนเท่านั้น

อนุโมทนาเนื้อหานี้จาก

http://www.bp-smakom.org/BP_School/Social/BUDDA/som-pa-ta4.htm
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 19, 2011, 07:29:27 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: นำของไหว้เจ้า มาใส่บาตรจะได้บุญหรือไม่คะ ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2011, 04:20:53 pm »
0
อนุโมทนาสาธุ คะอ่านเคลียร์ เลยคะ

 :25:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ