แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - keyspirit
|
หน้า: [1] 2
|
7
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ที่นี่ รู้จัก มนุษย์ป้า หรือ ยัง ถ้ายัง รีบ มาทำความเข้าใจกัน ก่อนเร็ว
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2014, 09:39:28 pm
|
เป็นที่ฮือฮากันมากในโลกอินเตอร์เน็ต กับศัพย์ใหม่ที่ออกมาก็คือ มนุษย์ป้า โดยที่บางคนอาจจะงงว่า มนุษย์ป้า คืออะไร อะไรคือ มนุษย์ป้า เดี๋ยวไปรู้จักกันเลยครับ
มนุษย์ป้า คือสาววัยกลางคนที่ทำอะไรตามใจโดยที่ไม่สนใจสังคมหรือคนรอบข้างว่าจะเดือดร้อนขนาดไหน ยกตัวอย่างนะครับ
ในระหว่างที่ไปซื้อของใน 7-11 เวลาจ่ายเงินก็จะต้องไปยืนต่อคิว แต่มนุษย์ป้าจะไม่สนใจก็จะแซงคิวไปเลย การยืนรอรถเมล์จะต้องมายืนต่อแถวกัน แต่มนุษย์ป้าจะมาจากไหนก็ไม่รู้จะไปยืนอยู่ป้ายรถเมล์ พอรถเมล์มาปุ๊บก็ขึ้นก่อนเลยทันที เวลาเดินในที่สาธารณ ส่วนมากจะยืนชิดเลนที่ให้เดิน แต่มนุษย์ป้าจะเดินขวางเลย โดยไม่เกรงใจใครเลย เวลานั่งรถตู้เวลามีรถตู้เยอะก็จะชอบขึ้นไปนั่งเบาะล่าสุดและนั่งตรงกลางกันไม่ให้คนอื่นมานั่งด้วย
แต่ก่อนอาจจะไม่มีการเอาในโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่เดี๋ยวนี้เทคโนโลยี เวลามีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลยมีการถ่ายคลิปเพื่อเอามาประจาน ทำให้เกิดศัพย์ใหม่ขึ้นมาเลยทีเดียว
สรุป มนุษย์ป้า คือบุคคลที่ทำอะไรแหวกกฏที่สังคมตั้งไว้ หรือว่าทำอะไรผิดโดยที่ไม่รู้ตัวเอง เอาความสบายไว้ก่อนทำให้คนรอบข้างไม่สบายใจและหงุดหงิด
|
|
|
11
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ลับลวงพรางฉบับลาว โดนต้มจนเปื่อย ไปหลวงพระบาง ไหว้แต่พระปลอมมาตลอด
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2014, 12:43:53 pm
|
เป็นเหมือนกันเลยครับ ผมซื้อที่ตลาด สุวรรณเขต ปากกาทดลองเขียน สองด้าม ก็ใช้ได้ ตอนซื้อกลับมาประมาณ 30 ด้ามแจกเพื่อน ครูด้วยกัน ปรากฏว่า โดยต่อว่า เอาปากกาไม่มีไส้ มาให้เขาทำไม ? หน้าแตก ค่อนข้างโรงเรียนเลยครับ ตอนนั้นซื้อมาด้ามละ 25 บาท ปากกาด้ามละ 40 บาท ( บ้านเรา ด้ามละ 250 บาท ) ไส้อันละ 140 บาท ผมเลยต้องสละเงินเดือน ๆ นั้นไปเหมาซื้อไส้ปากกาที่ร้านในเมือง มาด้ามละ 140 บาท 28 อัน แจกไปยังเพื่อนใหม่ เพื่อรักษาหน้าและเกรียติ ครับ คิดดูสิครับ มันหลายบาทนะครับ คนลาว หลอก คนไทย .... 555 55 นึกว่าถูก ก็ถูกจริง คือ ถูกต้ม
|
|
|
13
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เชื่อปีนี้ คนสอบธรรมศึกษา ทะลุ 2 ล้าน
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2014, 12:36:02 pm
|
ุ้ถ้าเป็นการบังคับ ของ ทางโรงเรียน เองแล้ว ยอดเกินแน่ ๆ แต่ถ้าเปิดแล้ว แต่จะสมัครละก็ ไม่มีทางครับ ทืี่โรงเรียน ที่ผมดูแลอยู่นั้น นักเรียนที่พร้อมสอบ ธรรมศึกษา มีถึงจำนวน 600 กว่าคน แต่ทุกปี โรงเรียนให้สมัคร ตามความชอบใจ ทุกปีมีนักเรียนสมัครสอบเพียง 5-8 คนเท่านั้น แม้โรงเรียน จะมีพระเข้ามาสอนหนังสือในโรงเรียนแ้ล้วก็ตาม แต่ ธรรมะ ดูเหมือนเด็ก ๆ จะไม่ค่อยชอบกันเพราะเนื้อหาจดจำมีมาก เกินไป ธรรมศึกษา ทั้งเล่ม ถ้าจะต้องอ่านกันมันใช้เวลาเป็นปี ถึงจะไปสอบได้ แต่ที่โรงเรียน หลังจากสมัครเรียนแล้ว จะมีพระเข้ามาสอนในหลักสูตรนี้ เพียง 4 วันเท่านั้นก่อนสอบ เด็กนักเรียนย่อมไม่สนใจเพราะว่า การเรียนของเขาก็หนัก ถ้าจะให้ไปอ่านหนังสือแล้วมาเตรียมตัวสอบอีก เขาไม่ทำกัน เห็นข่าวนี้แล้ว จึงรู้ว่า ถ้าโรงเรียนไม่บังคับ ลงไป ก็ไม่มีทางจะที่จะถึง หลักล้าน หรอกครับ อีกอย่างการสอบธรรมศึกษาได้ ก็เอาไปเทียบกับอะไรก็ไม่ได้ คนทำงานสมัครงาน ใบนี้เอาแนบไปเขาก็ไม่สน ไม่มีก็ได้นะครับ ถ้าอยากทำให้มันเป็นเรื่อง เป็นราว เป็นการส่งเสริมจริง ๆ ต้องให้ค่า ของ ประกาศนียบัตร ฉบับนี้ในระบบสักอย่างหนึ่ง ครับ
|
|
|
16
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: "สมภารส้อง" รับรู้เห็นเปิดบ่อนในวัด
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2014, 12:25:17 pm
|
เรื่องเหตุอย่างนี้แหละ ที่จะทำให้การจัดตั้งสำนักสงฆ์ หรือ วัด นั้น ทำได้ยากขึ้น ใช่ไหมพี่น้อง ที่สำคัญ ถ้าวัด หรือ สำนักสงฆ์ กระทำดำเนินการเยี่ยงนี้ แล้ว ส่งเสริมการพนัน จัดเป็นบ่อน เท่ากับย่ำยี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สำหรับโทษ ที่ให้ลาสิกขาบถนั้น ธรรมดามากไป ถ้าไม่มีการดำเนินคดี ต่อไป นี้ผิดมาก ตามกฏหมาย คือการตั้งบ่อน เล่นการพนัน ถึงเป็นบุคคลธรรมดา ก็ต้องวิ่งหนี ตำรวจแล้ว ถูกจับขัง และปรับตามส่วน
|
|
|
23
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขอแนะนำ ภาพยนต์ ที่ดีที่สุด ที่ชมมาของ เกาหลี My way
|
เมื่อ: มกราคม 11, 2013, 08:35:38 pm
|
My Way (2011) สงคราม มิตรภาพ ความรัก | 3.23GB เรื่องย่อ หลังความสำเร็จของ Taegukgi(2003) จนมีผู้ชมเกิน 10 ล้านคนทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในขณะนั้น ผู้กำกับ คัง เจกิว กลับมาพร้อมกับงานใหม่ว่า My Way (เดิมเคยใช้ชื่อว่า D-Day) โดยยังคราวนี้จะยังคงเป็นหนังสงครามเช่นเดิม แต่การมาคราวนี้ ประเดิมเรื่องเกิดขึ้น เกิดขึ้นที่เกาหลี ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น โดยที่ Jun-shik ซึ่งอาศัย อยู่ในเมืองที่มีชาวญี่ปุ่น อยู่มาก พร้อมทั้ง เข้าต้องเจอคู่แข่งขันที่เป็นชาวญี่ปุ่น คือ Tatsuo ซึ่งจะแข่งขันกันวิ่งมาราธอน แต่ว่า Jun-shik เขาได้ถูกเลือกให้ไปแข่งขันวิ่งมาราธอนที่โอลิมปิก ที่โตเกียว แต่ว่า ได้เกิดสงคราม กับสหภาพโซเวียต ทำให้เข้า ถูกเกณฑ์ และในวันหนึ่ง Tatsuo ได้รับเลือกและให้เป็น หัวหน้า เพื่อป้องกันหน่วยที่ Jun - Shik นั้นเป็นทหารอยู่ แต่ว่า เหตุการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น เขาทั้งคุ่ ตกเป็นเชลย ให้กับสหภาพโซเวียต ในระหว่างนั้น การโจมตีของเยอรมัน (นาซี) ที่มีต่อสหภาพโซเวียต นั้น ทั้ง 2 คน ต่างหาทางหลบหนี และถูกจับ โดยชาวเยอรมัน ทำให้คนทั้งคู่ต้องแยกออกจากกัน ในปี 1944 ทั้งคุ่ เจอกันอีกครั้ง ใน ชายฝั่งนอร์มังดี Jun - Shik ได้กลายเป็นทหารเยอรมัน (นาซ๊) โดยไม่เต็มใจ และจุดนี้เอง การต่อสู้กับกองกำลังพันธมิตร ก็เกิดขึ้น แต่ว่า คนทั้ง 2 ก็ตัดสินใจที่จะหนีจากวิกฤตินี้อีกครั้งภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก 3 ประเทศ จีน เกาหลี และญี่ปุ่น และได้ดารานำจาก 3 ประเทศ คือ Jang Dong-gun , Joe Odagiri และ Fan Bingbing ชมฟรี ใน youtube นะครับ ไม่กล้าโพสต์ ลิงก์ เกรงว่าจะผิดกฏ นะครับ ท่านพิมพ์ชื่อแล้ว ค้นหาก็เจอครับ เรื่องนี้สะท้อนชีิิวิต ยุคสงครามโลก ครั้งที่ 2 ได้อย่างดี กับ ชะตาชีิวิต คนที่ พลิกผัน และ ความต้องการของมนุษย์ ในสงครามคืออะไร ?
|
|
|
26
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ทำให้พ่อแม่ เสียชีิวิต ด้วยอุบัติเหตุ เป็น อนันตริยกรรม หรือไม่ครับ
|
เมื่อ: ธันวาคม 22, 2012, 10:49:12 am
|
เป็นปัญหา น่าคิด นะครับ ตอนนี้ ก็ตกนรก ทั้งเป็นอยู่แล้วนะครับ สำหรับเรื่อง อนันตริยกรรม นั้นเราคงตัดสินเองไม่ได้ครับ.... คงต้อง หาผู้ัตัดสิน หลังจากเสียชีิวิตไปแล้วนั่นแหละ ที่จะตอบได้จริง ๆ ว่าใช่ หรือ ไม่ใช่ นึกกระทู้หนึ่ง ที่พ่อแม่ ตรอมใจตายเพราะลูก อย่างนี้เป็นอนันตริยกรรมหรือไม่ต้อง ลองค้นดูครับ รู้สึกว่าจะมี วินิจฉัย ไว้แล้วว่า ใช่หรือไม่ใช่ แล้วด้วย กรรม เป็น สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เรามีชีิวิตอยู่ ก็พึงสร้างกุศลให้มากขึ้นนะครับ รอดตายมาอย่างนี้ ต้องใช้นาทีที่เหลือ ให้ คุ้มสุด ๆ เลยนะครับ เพราะเหมือนทุกคนช่วยรักษาชีิวิตเราไว้นะครับ
|
|
|
29
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ชมภาพ วัดพระพุทธบาท สระบุรี
|
เมื่อ: ตุลาคม 25, 2012, 12:35:29 am
|
ให้ดีก็ ไปวัดพระพุทธฉาย แล้วนำภาพมาฝาก บ้างนะครับ แถมอีก 2 วัดนะครับ คือ วัดสะตือ และวัดไก่จ้น วัดบึงลัฏฐิวัน ด้วยนะครับ คุณ Roj khonkaen น่าจะเป็นคนพื้นที่ ภาชี แน่ ๆ นะครับ สาธุ สาธุ สาธุ บอกตรง ๆ ภาพที่คุณถ่ายมานั้น ดีมาก ๆ นะครับ ภาพชัดจัดมุมกล้องดีด้วยครับ มืออาชีพ
|
|
|
38
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การเห็นในกรรมฐาน คือการเห็น มโนภาพ ใช่หรือไม่ครับ
|
เมื่อ: กันยายน 28, 2012, 02:58:08 pm
|
อธิบายเชิงวิทยาศาสตร์อาจจะยากหน่อย แต่อธิบายตามหลักของวิทยาศาสตร์น่าจะพอไหว คือ ใช้การสังเกตจากสิ่งรอบตัว จากสิ่งที่มีอยู่แล้ว ใช้การเทียบเคียงและการวิเคราะห์ รวมไปถึงการกระทำในเชิงปฏิบัติการ
คำถามแรก คือ เราสามารถเห็นภาพในจิตได้จริง ๆ หรือ คำตอบคือ เราสามารถเห็นได้ และเราก็ทำอยู่เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ทดลองโดย ให้เราหลับตาและนึกภาพอะไรสักอย่างขึ้นมา เช่น หน้าจอที่เราเพิ่งจะมองเมื่อกี้นี้ เรารู้ได้ไหมว่าภาพที่เรานึกขึ้นมาคือภาพอะไร รูปร่างอย่างไร มีสีอะไร แม้ว่าเราหลับตา แต่เราก็เห็นภาพในใจได้อย่างนี้
เพียงแต่ว่า ภาพในใจนั้น ไม่ชัดเหมือนกับลืมตาเห็น เพราะว่าเรายังไม่เคยฝึก แม้ที่สุดแล้วคนที่นึกภาพอะไรในใจไม่ออกเลย ก็ยังรู้ว่า "มันเป็นสีดำ"
คำถามสอง คือ ภาพในใจนั้น เราสามารถเห็นชัดหรือพอจะเป็นสาระได้บ้างไหม คำตอบคือ หากใครเคยนอนหลับและฝัน เราจะเห็นเลยว่า ความฝันนั้น บางครั้งก็แสดงถึงสิ่งที่อยู่ในใจของเราเอง บางครั้งก็แสดงถึงสิ่งที่เราไม่เคยนึกถึง บางครั้งก็แสดงถึงสิ่งที่ปกติแล้วเราไม่เคยพบเจอหรือไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้ อย่างเช่น ผมเคยฝันว่าผมแต่งเพลง พอตื่นมายังจำเนื้อเพลงได้ แถมยังเป็นเพลงที่เพราะมากด้วย ซึ่งในชีวิตจริงแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงทำนองอย่างไร แต่ความฝันมักจะลืมง่าย หากไม่จด ไม่พยายามจำ ไม่บันทึก มักจะลืมไปอย่างรวดเร็ว
หรือบางคราว ความฝันนั้นก็ปรากฏเหมือนความจริง คือ เหตุการณ์ความรู้สึกเหมือนจริงมาก ตื่นขึ้นมายังสงสัยว่าฝันไปแน่หรือ เพราะเหมือนจริงมาก ๆ หากใครเคยเป็นแบบนี้ ก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก ว่าภาพที่ปรากฏในใจโดยไม่ผ่านสายตานั้น สามารถชัดเจนได้ เสมือนว่าเป็นความจริงเลยทีเดียว ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ภาพ แต่ความรู้สึกทั้งหลาย เช่น เสียง กลิ่น รส สัมผัส ก็ยังอาจจะรู้สึกได้เหมือนกับเราไปเผชิญเหตุการณ์นั้นมาจริง ๆ เลยด้วย
คำถามถัดไปคือ แล้วสิ่งที่รับรู้ได้ด้วยจิตเหล่านี้ จะมีอยู่จริงหรือ คำตอบคือ สิ่งที่เราเห็นด้วยจิตนั้น มีอยู่จริงทั้งหมด เพียงแต่จะเป็นจริงในแง่ไหน เช่น เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในใจของเรา คือ เกิดจากความคิดของเราเอง ทำให้เราเห็นภาพความคิดของตัวเอง หรือ เกิดจากเหตุอื่น ๆ ที่ใจเราสามารถไปรับรู้ได้เพราะว่าคลื่นตรงกัน เหมือนวิทยุที่เราปรับคลื่นไปมาแล้วบังเอิญไปเจอคลื่นต่าง ๆ ที่มีคนส่งออกมานั่นเอง
คนบางคนฝันแล้วก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงตามที่ฝัน แม้ว่าจะมีน้อยแต่ก็มีคนเป็นเช่นนี้ เพราะว่าเหตุของความฝันมีหลายอย่าง ความคิดเราก็ส่วนหนึ่ง เหตุภายนอกก็ส่วนหนึ่ง สำคัญแต่ว่า ใจของเรานั้นมีประสิทธิภาพพอที่จะรับรู้ได้แค่ไหน
เราเกิดมาพร้อมกับร่างกายที่ไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการมองเห็นด้วยจิต ถูกปิดบัง ถูกอำพรางไว้ ด้วยเลือด น้ำเหลือง เส้นเอ็น ไขมัน ฯลฯ ซึ่งเป็นของหยาบ แต่ว่าจิตเป็นของละเอียดอ่อน แต่จากที่กล่าวแล้ว นั่นแสดงว่า จิตมีความสามารถในการเห็นอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้อาศัยกายหยาบ กายหยาบนั้นทำหน้าที่เพียงส่งผ่านภาพหยาบ ๆ ไปให้จิตเท่านั้น
ต่อเมื่อใดที่เราได้ฝึกฝนจิตใจตามวิธีการที่ถูกต้อง ก็จะทำให้จิตใจมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อ่อนโยนขึ้น นุ่มนวลขึ้น สงบขึ้น ซึ่งเป็นสภาวะที่จิตใจจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ภาพที่เราเคยเห็นไม่ชัดนั้น ชัดขึ้น ไม่ว่าภาพนั้นจะเกิดขึ้นเพราะความคิดของเราเอง หรือเกิดขึ้นเพราะเหตุภายนอกใด ๆ ก็ตาม ซึ่งเราเรียกว่า มีจักษุเกิดขึ้น
เพราะว่าจิตมีความละเอียดอ่อน จิตจึงสามารถเห็นสิ่งที่ละเอียดเท่าเทียมกับจิตได้ ไม่ว่าจะเป็นความคิดของเราเอง ความคิดของผู้อื่น หรือสิ่งที่เป็นธาตุละเอียด ภพภูมิละเอียด เมื่อเราฝึกทำสมาธิใหม่ ๆ จิตก็ยังตั้งมั่นไม่เพียงพอ กิเลสก็ยังหนา แต่ว่าจิตเริ่มจะปรับตัว จึงเห็นนิมิตเกิดขึ้น และเพราะใจยังไม่บริสุทธิ์เพียงพอ นิมิตที่เห็นจึงไม่ชัดบ้าง ไม่ตรงกับความจริงบ้าง มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนบ้าง ในขณะที่จิตของผู้ไม่มีกิเลสเห็นอะไรก็ตรงกับความจริงทั้งหมดและเข้าใจได้อย่างถูกต้อง
ที่สำคัญ ไม่ว่าจะการเห็นหรือความเข้าใจ ก็ย่อมมีลำดับขั้นของมัน การที่เราเห็น การที่เราเกิดความเข้าใจในธรรมซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อน แล้วเข้าไปยึดถือ เข้าไปทำความสำคัญทั้ง ๆ ที่ใจยังไม่บริสุทธิ์เต็มที่ จะทำให้เราพลาดโอกาสแห่งการบรรลุมรรคผล ซึ่งเป็นเป้าหมายที่แท้จริง เพราะว่าแม้จะเป็นนิมิตขั้นต้น ความชัดเจนของการเห็นและขอบเขตการเห็น ก็ยังมากกว่าการเห็นด้วยตาอยู่ดี คือ สามารถเห็นเทวดา นรก สวรรค์ได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงนิมิตขั้นต้น แต่ว่าเห็นผิดเพี้ยนไปหมด เหมือนคนที่มองผ่านแว่นดำ มองผ่านเลนส์นูนเลนส์เว้า หรือเหมือนคนที่หูตึง หูเพี้ยน ที่ฟังอะไรก็ได้ยิน แต่เพี้ยนไปหมด เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หากอยากทำความเข้าใจเรื่องนิมิตมากขึ้น เมื่อเราศึกษาถึงวิธีการและเป้าหมายของการทำสมาธิเป็นอย่างดีแล้ว การลองปฏิบัติดูจะทำให้เข้าใจง่ายที่สุด เพราะหากเราตั้งใจจริง ๆ ทำอย่างต่อเนื่อง ผลที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัตตัง คือรู้ได้ด้วยตน ก็จะเกิดขึ้นกับเราได้ไม่นานเลย
จากคุณ : พักผ่อน
|
|
|
39
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: หนทาง ที่เราจะไม่ต้องกลับมาเกิด อีกนั้น ต้องใช้ สมถะ หรือ วิปัสสนา
|
เมื่อ: กันยายน 28, 2012, 02:47:18 pm
|
จิตก็ส่วนจิต..สิ่งที่จรเข้ามาปรุงแต่งย้อมจิตก็อีกส่วน ยามมีสติสิ่งปรุงแต่งก็หายไป...แต่เมื่อไร้สติ..มันก็จะกลับมา ก็เลยไม่แปลกที่ในแต่ละวันของปุถุชน..จะเกิดอารมณ์ได้สารพัดชนิด จิตจึงไม่เคยเป็นอิสระจากอารมณ์ได้เลย..แม้กระทั่งยามหลับ
ปรากฏการณ์รอบตัวมันสะท้อนความจริงให้เราเห็นทุกวินาที แต่ก็น่าแปลกที่เราไม่เคยสนใจหันไปมอง...เราก็เลยไม่เห็น..ไม่เคยรับรู้และเข้าใจ วันใดที่จิตมันรู้เห็นความจริงจากการฝึกวิปัสสนาบ่อยๆ...ปัญญาก็จะค่อยพัฒนาเข้มแข็งขึ้น มันจะมองเห็นความจริงและยอมรับมันได้ด้วยความสงบ..ไม่ว่าสุขหรือทุกข์จะผ่านเข้ามา จิตมันก็เพียงแต่รับรู้..วาง..แล้วก็กลับไปสงบ ถ้ารู้แล้วยังชอบความสุข..ยังเกลียดชังความทุกข์..ยังเบื่อ..ยังอยากและไม่อยากตลอดเวลา แบบนี้เป็นธรรมชาติของทุกคนครับ...ไม่ต้องฝึกให้เสียเวลา
ความทุกข์มันมีอยู่คู่กับทุกชีวิต..ของใครของมันหยาบละเอียดซับซ้อนแตกต่างกัน บริหารจัดการแทนกันไม่ได้..ถ้าเจ้าตัวยังไม่รู้สึกเบื่อ..ความเบื่อของเราก็ช่วยอะไรใครไม่ได้ นอกจากคอยบั่นทอนจิตใจของเราให้ซึมเศร้าและเป็นทุกข์ไปกับความทุกข์ของสรรพสิ่ง
แม้การเกิดจะเป็นทุกข์..แต่อีกด้านถ้าเรารู้จักที่จะเรียนรู้ มันก็ช่วยสอนให้เรามองเห็นความทุกข์ได้ชัดเจนขึ้น การเรียนรู้และเข้าใจความทุกข์ผ่านความสุข...คงทำได้ลำบาก หากยังไม่เห็นทุกข์...เส้นทางไปสู่การดับทุกข์...ก็จะไม่ปรากฏ
ทุกข์มันควรจะชี้ไปสู่..สมุทัย..นิโรธ..มรรค..และการหลุดพ้น หากทุกข์แล้วยังเบื่อ..ซึมเศร้า..หมดหวัง เอาแต่นั่งกอดเข่าท้อแท้..สาปส่งโชคชะตาฟ้าลิขิต..เงยหน้าด่าเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นอกจากไม่สามารถหลุดพ้นไปจากความทุกข์ได้ ยังอาจถูกดึงจมดิ่งลงไปสู่ก้นมหาสมุทรของความทุกข์ หมดโอกาสเห็นแสงเดือนแสงตะวัน..
ความทุกข์ของคนอื่นมันควรจะทำให้เราย้อนกลับมามองเห็นความทุกข์ในตัวของเราชัดเจนขึ้น มันเป็นโอกาส...ไม่ใช่อุปสรรค..
|
|
|
40
|
เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: 2 สิ่ง ที่มักจะเสียใจ เสมอ ๆ
|
เมื่อ: กันยายน 20, 2012, 01:10:44 am
|
น่าจะมีคำบรรยาย ประกอบ ด้วยนะครับ อ่านแล้วโดนใจ มากครับ 1. ทำไป โดยไม่ได้ คิด มาก่อน ว่าจะเป็นโทษ ช่วยเหลือ คนผิด โดยอุปนิสัย เลยกลายเป็นสนับสนุนคนชั่ว ทำให้คนดีเดือดร้อน อยุ่ไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราเสียใจมากครับ 2. คิดไว้ ว่าจะทำ แต่ก็ไม่เคยทำสักที คิดไว้ตั้งแต่เด็ด จนโตแล้ว ก็ไม่ได้ทำ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่น่าจะทำได้เช่นการ กราบตักแม่ กราบเท้าพ่อ คุยกับพ่อแม่ ด้วยวาจาสุภาพ ทำดีกับแฟน แต่ทำไมทำไม่ได้สักทีทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องยาก ในการทำได้แต่คิดว่า สักวันหนึ่ง ฉันจะทำ ฉันจะทำ แล้ววันนั้น คือ วันไหน กันน้า สุดท้ายก็ไปเข้า ภาพที่ สอง อยากเรียกว่า เวลา กลับมาแก้ไข เหตุการณ์ในวันนั้น .... จริง ๆ น้า มนุษย์ นี้เป็นอย่างไร อยากจำ กลับ ลืม อยาก ลืม กลับ จำ ขอภาพเพิ่มด้วยนะครับ ....
|
|
|
|