สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ธรรมะสัญจร => ข้อความที่เริ่มโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 09:38:46 am



หัวข้อ: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 09:38:46 am

ปิดทริป ธรรมะสัญจร อิสาณ เรื่องสุดท้าย นะ กับความบังเอิญ ที่ไม่บังเิอิญ กับการได้ไปกราบนมัสการพระธาตุบังพวน

(http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/69250_337716139678170_1223344671_n.jpg)
  พระธาตุบังพวน ตั้งแต่เราเหยียบย่างเข้าสู่ หนองคาย จนกระทั่งไป อุดรธานี ไม่มีใครแนะนำให้ไป และไม่มีข้อมูลให้เราสนใจ แต่หลังจากได้เดินทางผ่านไป 3 วัน ในคืนที่ 3 ก็ นิมิต ฝันเห็นเจดีย์ สีเหลืองอ่อน และนิมิตเห็นคน ถูกขื่อคาถูกกักขังอยู่ในคุก จำนวน 2 คน ผอม และ อ้วน คนทั้งสองได้บอกว่าถ้าเราได้ไปถึงเจดีย์สีเหลืองนี้ จะทำให้เขาหลุดจากขื่อคาได้ ตื่นมาก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่รู้จัก และไม่รู้จะไปยังไง ทำอย่างไร

(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/559777_337716109678173_1479413478_n.jpg)
ในค่ำคืนที่ 4 ก็ นิมิตแบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ได้รับคำแนะนำ จากหลวงตารูปหนึ่งท่านกล่าวว่า ถ้าไม่รู้ว่าเป็นที่ไหน ก็ให้อธิษฐานไว้ในใจ ให้เทวดาพาไป ก็ได้เดี๋ยวก็ได้ไปเอง ครั้นพอตื่นมา ทบทวนแล้วก็ได้ทำการอธิษฐานว่า ถ้าเรามีบุญวาสนากับ เจดีย์พระธาตุนี้ขอให้มีคนพาไป ก่อนที่จะกลับ ด้วยเถิด

(http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/60726_337716119678172_610560010_n.jpg)
เหมือนคำอธิษฐาน จะสัมฤทธิผล และแล้วในวันเดินทางกลับ หลังจากที่โยมได้พาไปดูวัดโคกเจริญเสร็จแล้ว แทนที่จะพากลับเส้นททางเก่าซึ่งมีระยะทางใกล้กว่า โยมกลับพามาอีกทาง โดยมีเหตุหลวงพ่อชาลีท่านคิดถึงอุปํฏฐากท่าน ก็เลยให้คนขับรถขับไปหาอุปัฏฐากท่าน แต่ครั้นใกล้่จะถึงนั้น เราได้เห็นละมองออกไปด้านหน้าเห็นเจดีย์เหลืองอร่ามอย่างในนิมิต ขึ้นมาจึงบอกให้คนขับแวะทันที จึงได้เข้ามาถึง วัดพระธาตุบังพวน


(http://sphotos-e.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/538086_337716166344834_2138637127_n.jpg)
ตอนที่ลงจากรถ ก็มีภาพปรากฏขึ้นมาในใจ อย่างรวดเร็ว เหมือนหนังเรื่องหนึ่งไวมากเพียง 3 นาทีก็เห็นภาพซ้อนภาพในสถานทีี่นี้ เหมือนคนตาลายเห็นภาพลวงตา แต่เรื่องอย่างนี้ไม่ใ่ช่เป็นเรื่องแปลก เพราะเป็นมานานแล้วหลายปี ที่เป็นอย่างนี้ จึงไม่ได้นำมาคิดปรุงแต่ง เพียงแต่สักว่าเห็น ว่ารู้เท่านั้น จึงได้เดินเข้าไปที่องค์พระธาตุเพื่อกราบนมัสการตามที่ ได้อธิษฐานไว้

(http://sphotos-c.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc7/3526_337716163011501_1677034095_n.jpg)
หลังจากได้กราบแล้ว ก็ได้ทำการประทักษิณ รอบองค์พระธาตุ แล้วถ่ายภาพเก็บมาฝากท่านทั้งหลาย แต่รอบนี้ลำบากเรื่องเก็บภาพเพราะแบตเตอรีี หมด ต้องปิดเปิดกล้องพักเป็นช่วง ๆ จึงเก็บภาพเหล่านี้มาได้ ตามอัตภาพ ดังนั้นภาพชุดนี้ จึงมีจำนวนน้อย


(http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/35506_337716186344832_483196836_n.jpg)
เมื่อยืนและมอง บรรยากาศในบริเวณวัดพระธาตุบังพวน ทำให้นึกถึง เมือง อโยธยา ทันทีเพราะมีลักษณะก่อสร้างคล้ายคลึงกัน อยู่หลายส่วนและ สภาพเมืองเก่า ที่มีการอนุรักษ์ ใ้ห้เห็นสภาพเป็นบางส่วน นั้นมองเห็นเด่นชัด


(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/563029_337716226344828_225931989_n.jpg)
หลังจากได้เดินออกจากองค์รั้ว องค์พระธาตุแล้ว พอเราก้าวเท้าแรก ออกมายืนหันกลับไปมององค์พระธาตุอีกครั้ง เพื่อจะถ่ายภพา พลันนั้น ระฆังใบเล็กที่อยู่บนยอดพระธาตุ ใบหนี่ง ก็มีการกวัดแกว่ง เป็นสัญญาณ เหมือนระฆังทำวัตร ซึ่งเราก็ยืนมองกันสององค์ เพราะไม่มีลมเลยแต่ระฆังก็กวัดแกว่ง เหมือนมีใครโยกอยู่ ทั้งที่ถ้ามีลมก็ควรจะดังทั้งหมด 4 ใบ นี่กลับมีการกวัดแกว่ง อยู่เพียงใบเดียว แถมเป็น ใบกลางด้วย จึงหันไปบอก ท่านนิพนธ์ว่า เทวดาเขาอนุโมทนา ที่เรามากราบนมัสการพระธาตุ ท่าน นิพนธ์ตอบว่า ผมนึกแล้ว เพราะดูผิดธรรมชาติ ระฆังใบนั้นดังครบรอบเหมือน พระที่ทำวัตรไม่มีผิดเลย เริ่มด้วย 1 รัว 3 ชุด 3 ลา จริงๆ

(http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash4/379223_337716246344826_783614563_n.jpg)
ตอนที่ไปถึงวัดพระธาตุบังพวนก็เป็นเวลา  15.45 น. แล้วนะ ดังนั้นแดดที่ส่องด้านนี้จึงเป็นที่บอกทิศได้ อย่างดี


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 09:39:55 am


(http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/35492_337716296344821_797525567_n.jpg)
ยอดเจดีย์ ที่มีระฆังใบน้อย ๆ แต่เสียงดังกังวาน ดีมาก อยู่ด้านบน

(http://sphotos-a.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/64734_337716383011479_447441670_n.jpg)
อุบาสก อุบาสิกาน้อย มายืนรอ ขอขนม มีลูกอมที่ได้ถวายมาเมื่อสักครู่อยู่ถุงหนึ่งกำลังคิดอยู่ว่า เราก็ไม่อมซะด้วยจะแจกใครดี ได้จังหวะแล้ว แต่ก่อนให้บอกให้สวดมนต์ให้ฟังก่อน แต่อายุ 3 ขวบ 5 ขวบ สวดไม่ได้เลยให้ว่าตาม บท นะโม และ คำนมัสการ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

(http://sphotos-g.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/551393_337716409678143_896164052_n.jpg)
เจดีย์เก่า ที่อยู่ในบริเวณพระธาตุมีหลายเจดีย์ มีทั้งซากเก่า และ ที่คงสภาพอยู่ไม่กี่เจดีย์

(http://sphotos-f.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-ash3/559902_337716416344809_293968886_n.jpg)
แสดงถึงความรุ่งเรือง ทางพระพุทธศาสนา ที่มีกับชาวบังพวน ทุกคนเพราะการสร้างวัดและพระธาตุระดับใหญ่อย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายในสมัยก่อนโน้น แสดงว่าวัดพระธาตุบังพวนต้องเป็นแหล่ง ศิลปะวิทยาด้วยในสมัยนั้น แต่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร อันนี้ยังไม่ทราบ

(http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-snc6/308050_337716433011474_663736889_n.jpg)
องค์หลวงพ่อใหญ่ ที่อยู่ด้านซ้ายองค์พระธาตุ ก็น่าจะมีอายุไม่น้อย สันนิษฐานว่าตรงนี้เป็น อุโบสถ หรือ วิหาร ซึ่งมีขนาดใหญ่ด้วย

(http://sphotos-b.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/17688_337716509678133_758998889_n.jpg)
เราเคยเห็น แต่ศิลปะเจดีย์ ทางอิสาณ ซึ่งจะขึ้นเป็น รูปสี่เหลื่ยม แต่พอได้เห็น ฐานเจดีย์ที่นี่ซึ่งเป็นลักษณะคุ้มระฆังคว่ำ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่เป็นลักษณะภาคกลางแสดงให้เห็นว่า พระที่มาสร้างน่าจะมาจากภาคกลางด้วย ต้องไปตามประวัติถูกผิดอย่างไร ก็ให้เป็นแค่คำสันนิษฐานส่วนตัว


(http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/58470_337716529678131_1953635924_n.jpg)
บรรยากาศโดยรวม ทำให้นึกถึงเมืองอยุธยา จริง ๆ ภาพชุดนี้มีน้อยเนื่องด้วยแบตเตอรีหมด นะจ๊ะจึงมีฝากให้ท่านทั้งหลายได้ชมกันเพียงเท่านี้




หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 09:53:19 am
(http://sphotos-h.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/35492_337716296344821_797525567_n.jpg)

สถานที่ตั้ง เลขที่ ๑๗๒ บ้านพระธาตุบังพวน หมู่ที่ ๓ ตำบลพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย

ประวัติความเป็นมา
เจดีย์พระธาตุบังพวนสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๐๐ ดังปรากฏในคัมภีร์ใบลานชื่ออุรังคธาตุหรืออุรังคนิทานว่ามีพระอรหันต์ ๓ รูป คือ พระรักขิตเถระ พระธรรมรักขิตเถระ และพระสังฆรักขิตเถระ ซึ่งเป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะเถระ พร้อมด้วยศิษย์ซึ่งเป็นพระอรหันต์อีก ๕ รูป เดินทางไปประเทศอินเดียอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำนวน ๔๕ พระองค์ มาประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ ๔ แห่ง คือ
ที่พระเจดีย์พระธาตุบังพวน ๒๙ องค์
ที่พระธาตุกลางน้ำ เมืองหล้าหนองคาย ๙ องค์
ที่พระธาตุโพนจิกเวียงงัว (ธาตุบุ๋) ๓ องค์ และ
ที่พระธาตุหอผ้าหอแพร ๔ องค์
ในปีพุทธศักราช ๒๑๐๓ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ได้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองหลวงพระบางมาสร้างใหม่ที่เมืองเวียงจันทน์ ได้มีพระราชศรัทธาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยได้สร้างเสริม พระธาตุบังพวนให้ใหญ่โตขึ้น โดยก่ออิฐโลมต่อออกไปอีก และได้ก่อสร้างกำแพงรอบวัด ซุ้มประตูทั้ง ๔ ทิศ ในบริเวณลานพระธาตุ สร้างอุโบสถ วิหารพระประธาน และพระนาคปรก รวมทั้งศิลาจารึกไว้ที่ข้างพระประธานในวิหาร ทรงสร้างสระน้ำ และบ่อน้ำในบริเวณวัด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๒๑๐ มีเขตวิสุงคามสีมาขนาดกว้าง ๔.๒๐ เมตร ยาว ๑๒.๖๐ เมตร
วันที่ ๒๑ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๑๓ เวลา ๐๔.๐๐ นาฬิกา เจดีย์พระธาตุบังพวนได้พังทลายลง เนื่องจากเกิดพายุและฝนตกหนักรัฐบาลไทยโดยกรมศิลปากรได้ดำเนินการก่อสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหม่ในเวลาต่อมา สิ้นงบประมาณก่อสร้างทั้งสิ้น ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน) โดยสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก (วาส มหาเถระ) เสด็จเป็นองค์ประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๒๐และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระเจ้าลูกเธอทั้ง ๒ พระองค์ เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในการยกฉัตรขึ้นสู่ยอดองค์พระธาตุบังพวน เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๒๑
ปัจจุบันทุกวันเพ็ญเดือน ๓ ของทุกปี ประชาชนในตำบลพระธาตุบังพวนจำนวน ๑๒ หมู่บ้าน จะร่วมใจกันจัดงานเทศกาลนมัสการพระธาตุบังพวน ๕ วัน ๕ คืน พร้อมกับเทศกาลนมัสการองค์พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม ชาวบ้านจะนำเอาข้าวเปลือก ๑ กระบุง หรือ ๑๒ กิโลกรัม ไปถวายเพื่อเป็นการบูชาองค์พระธาตุ เรียกว่า "ข้าวพุทธทาส" เพื่อเป็นการอธิษฐานขอศีลขอพรจากพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าได้โปรดให้ความคุ้มครองปลอดภัยและอยู่ดีมีสุขในปีต่อ ๆ ไป

ลักษณะของเจดีย์พระธาตุบังพวน
สภาพของเจดีย์พระธาตุบังพวน เป็นเจดีย์ ๔ เหลี่ยม สร้างด้วยอิฐเผาและศิลาแลงฐานสูงจากผิวดิน ๑ เมตร มีฐานทักษิณ ๓ ชั้น รูปบัวคว่ำ ๒ ชั้น ต่อด้วยรูปปรางค์สี่เหลี่ยม บัวปากระฆังคว่ำ บัวสายรัด ๓ ชั้นรับดวงปลี บัวตูม และตั้งฉัตร ๕ ชั้น เนื้อทองแดงปิดทองคำ ส่วนฐานล่างแต่ละด้านกว้าง ๑๗.๒๐ เมตร ขนาดสูงสุดถึงยอดฉัตร ๓๔.๒๕ เมตร รูปทรงศิลปะท้องถิ่น ลักษณะจากเชิงบัวคว่ำรับองค์ปรางค์ ซุ้มชั้นบนเหมือนกับพระธาตุพนม จากบัวคว่ำลงมาถึงฐาน มีลักษณะเหมือนพระธาตุหลวงที่นครเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

หลักฐานที่พบ
นอกจากเจดีย์พระธาตุบังพวน ๑ องค์ พระปรางค์ ๓ องค์ เจดีย์เล็ก ๗ องค์ พระพุทธรูปใหญ่ ๑ องค์ พระนาคปรก ๑ องค์ ศิลาจารึก ๑ หลัก แล้วยังพบ "สัตตมหาสถาน" คือ สถานที่มีความสำคัญ ๗ แห่ง เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ๔๙ วัน หรือ ๗ สัปดาห์ เพื่อเสวยวิมุตติสุข ๗ แห่ง ๆ ละ ๗ วัน ซึ่งจำลองมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่ดังกล่าวนี้พบในประเทศไทยเพียง ๒ แห่ง คือ ที่วัดเจ็ดยอด จังหวัดเชียงใหม่ และที่วัดพระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคาย โดยเฉพาะที่วัดพระธาตุบังพวนแห่งนี้สัตตมหาสถาน ครบทั้ง ๗ แห่ง ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย กล่าวคือ
๑. โพธิบัลลังก์ หมายถึง สถานที่พระพุทธเจ้าประทับใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ตั้งอยู่ตรงกลางหมู่เจดีย์ ก่อด้วยอิฐ เป็นทรงกลม เหมือนรูปโอคว่ำ สูง ๓ เมตร กว้าง ๖ เมตร
๒. อชปาลนิโครธเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์รูป ๔ เหลี่ยม ก่อด้วยอิฐถือปูน ตอนบนเจดีย์มีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิราบ ผินพระพักตร์เข้าหาโพธิบัลลังก์
๓. มุจจลินทเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโพธิบัลลังก์ เป็นวิหารมุงหลังคาไม่มีฝากั้น ภายในมีพระพุทธรูปปางนาคปรก ๙ เศียร ผินพระพักตร์เข้าหาโพธิบัลลังก์
๔. ราชายตนเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์ ๔ เหลี่ยมเช่นเดียวกับอชปาลนิโครธเจดีย์ ตอนบนมีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิราบ ผินพระพักตร์เข้าหาโพธิบัลลังก์
๕. รัตนเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของโพธิบัลลังก์ มีลักษณะเป็นเจดีย์ไม้สิบสองก่อด้วยอิฐถือปูน มีขนาดใหญ่เท่าเจดีย์องค์อื่น ตอนบนมีซุ้มพระพุทธรูปปางสมาธิราบผินพระพักตร์เข้าหาโพธิบัลลังก์
๖. อนิมิสเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์ ๔ เหลี่ยมก่อด้วยอิฐถือปูน มีขนาดเล็กกว่าเจดีย์องค์อื่น ๆ
๗. รัตนจงกรมเจดีย์ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโพธิบัลลังก์ เป็นเจดีย์ ๔ เหลี่ยม ก่อด้วยอิฐถือปูน ทางด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ก่อด้วยอิฐกว้าง ๑ เมตร ทอดยาวไปทางทิศตะวันออกเกือบจดกับอนิมิสเจดีย์ ซึ่งหมายถึงทางเสด็จจงกรมองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (แก้ว อุทุมมาลา, ๒๕๓๖)

เส้นทางเข้าสู่วัดพระธาตุบังพวน
โดยเส้นทางหลวงแผ่นดินสายอำเภอท่าบ่อ-หนองคาย ระยะทาง ๒๒ กิโลเมตร

http://www.prapayneethai.com/th/archaeological_site/north_east/view.asp?id=0653 (http://www.prapayneethai.com/th/archaeological_site/north_east/view.asp?id=0653)


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 09:59:39 am

การจำลอง
ที่วัดพระธาตุบังพวนแห่งนี้สัตตมหาสถาน ครบทั้ง ๗ แห่ง ที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย


วัดที่จำลอง
สัตตมหาสถาน ที่พอหาดูได้ใน กทม. คือวัด สุทัศน์   อันประกอบด้วย สัญญลักษณ์

(http://watsuthat.net/images/place_12.gif)


          1.ต้นโพธิ์ลังกา นำกิ่งพันธุ์มาจากประเทศลังกาที่เมืองอนุราธปุระมาปลูกไว้สมมุติเป็นต้นมหาโพธิ์ที่ตรัสรู้ ปลูกอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ใต้ต้นโพธิ์มีรัตนบัลลังก์ไว้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย รูปพระแม่ธรณีบีบมวยผมและหมู่มารรูปร่างหน้าตาต่าง ๆ กัน ตั้งอยู่หน้ารัตนบัลลังก์ ตามพุทธประวัติกล่าวว่า พระพุทธเจ้าหลังจากตรัสรู้แล้วได้เสด็จประทับเสวยวิมุติสุขภายใต้ร่มโพธิ์เป็นเวลา 7 วันเป็นสัปดาห์ที่ 1

          2.เก๋งจีน ศิลาจีนสลักเป็นรูปปราสาท ตั้งอยู่บนฐานสูงมีบันไดทางขึ้นรอบผนังฐานปั้นลายนูนต่ำรูปท้องฟ้าก้อนเมฆและเทวดาล่องลอยอยู่บนฟ้า เก๋งจีนนี้สมมุติเป็นอนินมิสเจดีย์ที่ประทับยืนทอดพระเนตรดูต้นมหาโพธิ์ ตามพุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากเสวยวิมุติสุขเป็นเวลา 7 วัน จึงเสด็จออกจากต้นมหาโพธิ์ ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ แล้วหันกลับมาประทับยืนจ้องดูต้นมหาโพธิ์โดยไม่กระพริบพระเนตรตลอด 7 วัน เป็นสัปดาห์ที่ 2 ภายในเก๋งจีนนี้ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางถวายเนตร
     

          3.แผ่นศิลาปูนบนฐานสี่เหลี่ยมสูง แผ่นศิลานี้สมมุติเป็นที่รัตนจงกรมเจดีย์ ดังพุทธประวัติกล่าวว่า เมื่อประทับยืนจ้องดูต้นโพธิ์ 7 วัน แล้วจึงทรงเนรมิตที่จงกรมขึ้นระหว่างต้มหาโพธิ์กับอนิมมิสเจดีย์ และเสด็จจงกรมเป็นเวลา 7 วัน เป็นสัปดาห์ที่ 3 บนแผ่นศิลาประดิษฐานพระพุทธรูปปางเสด็จจงกรม

          4.ศาลาศิลาทรงโรงแบบจีน สิลาจีนสลักรูปอาคารหรือเรือนอีกหลังหนึ่งที่มีฐานเตี้ยกว่าหลังแรก สมมุติเป็นเรือนแก้วหรือรัตนฆรเจดีย์ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิ พุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากเสด็จจงกรม 7 วัน แล้วทรงเนรมิตเรือนแก้วขึ้นทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของต้นมหาโพธิ์ แล้วพระองค์ประทับนั่งพิจารณาพระอภิธรรมตลอด 7 วัน เป็นสัปดาห์ที่ 4

          5.ต้นไทรบนฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทับนั่งยกพระหัตถ์ขวาห้ามธิดาพญามาร มีรูปกระบือสลักจากศิลาจีนตั้งอยู่บริเวณต้นไทร ต้นไทรนี้สมมุติเป็นต้นอชปาลนิโครธ ดังพุทธประวิติกล่าวว่า หลังจากทรงพิจารณาพระอภิธรรม พระองค์ได้เสด็จไปทางทิศตะวันออกแห่งต้นมหาโพธิ์ ประทับนั่งใต้ไม้ไทร อันเป็นที่อาศัยของคนเลี้ยงแพะเป็นเวลา 7 วัน เพื่อเสวยวิมุติสุข เป็นสัปดาห์ที่ 5 ได้มีพญานาคมาอาราธนาให้เสด็จเข้าสู่ปรินิพพานแต่ทรงปฏิเสธ พระองค์ทรงให้รอจนกว่าพุทธบริษัทจะสืบศาสนาก่อนต้นจิกบนฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรกมีอ่างรูปสี่เหลี่ยมสลักด้วยศิลาจีนปลูกบัวใส่ปลาและเต่าในอ่าง สมมุติต้นจิกเป็นต้นมุจลินท์ ดังพุทธประวัติว่าในสัปดาห์ที่ 6 เสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นมหาโพธิ์ ประทับใต้ต้นจิก ทรงนั่งเสวยวิมุติสุขเป็นเวลา 7 วัน ตลอดสัปดาห์มีฝนตกตลอด พญานาคมุจลินทร์จึงแผ่พังพานปกพระเกษกันฝน และลมมิให้ต้องพระวรกาย ครั้งฝนหายแล้วก็คลายขนาดจำแลงเพศเป็นมานพยืนเฝ้าพระพุทธเจ้าเฉพาะพระพักตร์

          7.ต้นเกดบนฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐถือปูน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางรับผลสมอนั่งสมาธิ หัตถ์ขวาถือผลสมอ ด้านข้างมีศิลาจีนสลักรูปม้าเทียมเกวียน ต้นเกดนี้มีคุณสมบัติเป็นต้นไม้ราชายตนะ ในพุทธประวัติกล่าวว่า ในสัปดาห์ที่7 นี้ พระพุทธองค์เสด็จออกทางทิศใต้ของต้นมหาโพธิ์เสด็จไปยังต้นราชายตนะประทับเสวยวิมุติสุขเป็นสัปดาห์สุดท้าย ณ ที่นี้พระองค์ทรงได้ปฐมอุบาสก 2 คน ชื่อตปุสสะและภัลลิกะ ซึ่งเดินทางมาค้าขาย เห็นพระองค์เข้าเกิดความเลื่อมใส จึงนำข้าวสัตตุผงและข้าวสัตตุก้อน ซึ่งเป็นเสบียงเดินทางถวาย พ่อค้าทั้งสองคนได้แสดงตนเป็นอุบาสก อ้างพระพุทธกับพระธรรมเป็นสรณะ นับเป็นอุบาสกคู่แรก แล้วเดินทางค้าขายต่อไป


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 10:03:34 am
(http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201207/16/58945f45f.jpg)(http://www.oknation.net/blog/home/user_data/file_data/201207/16/589456122.jpg)

  สำหรับ สัตตสถานที่วัดพระธาตุบังพวนยังมีครบถ้วนทั้งเจ็ดองค์ และมีแผนที่ตั้งเหมือนกันกับที่พุทธคยา ประมวลได้ดังนี้  นั้นคืออย่างไรตั้งตรงไหน ในวัดให้ไปอ่านเพิ่มเติมจากลิงก์นี้ นะจ๊ะ

 http://www.oknation.net/blog/chanidapa13/2012/07/16/entry-1 (http://www.oknation.net/blog/chanidapa13/2012/07/16/entry-1)


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 04:56:09 pm
อ่านแล้ว ได้ทราบเรื่องราว และน่าติดตาม คะ
  st11 st12 thk56


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 05:04:08 pm
อ้างถึง
้เจดีย์พระธาตุบังพวนสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๐๐๐ ดังปรากฏในคัมภีร์ใบลานชื่ออุรังคธาตุหรืออุรังคนิทานว่ามีพระอรหันต์ ๓ รูป คือ พระรักขิตเถระ พระธรรมรักขิตเถระ และพระสังฆรักขิตเถระ ซึ่งเป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะเถระ พร้อมด้วยศิษย์ซึ่งเป็นพระอรหันต์อีก ๕ รูป เดินทางไปประเทศอินเดียอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำนวน ๔๕ พระองค์ มาประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ ๔ แห่ง คือ
ที่พระเจดีย์พระธาตุบังพวน ๒๙ องค์
ที่พระธาตุกลางน้ำ เมืองหล้าหนองคาย ๙ องค์
ที่พระธาตุโพนจิกเวียงงัว (ธาตุบุ๋) ๓ องค์ และ
ที่พระธาตุหอผ้าหอแพร ๔ องค์

 สงสัยเรื่องจำนวนพระพุทธเจ้า 45 พระองค์ คะ เพราะในพระสูตรกล่าวถึงสมเด็จองค์ปฐม ตามพระดำรัสพระสูตร อาฏานาฏิยสูตร นั้นปรากฏ แค่ 28 พระองค์ เองนะคะ

  :67: :smiley_confused1: :13:


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: kindman ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 05:06:00 pm
ตำนาน อาจจะบันทึก คลาดเคลื่อนะครับ

  เอาเป็นว่า ฟังหู ไว้หูก่อน และเชื่อพระสูตรหลักไว้ก่อนนะครับ


 :67:


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: drift-999 ที่ กุมภาพันธ์ 23, 2013, 11:41:37 pm
สาระหนึ่งทีเ็ห็นก็คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง การเดินทางจาริกของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ย่อมมีแก่นสารให้เราได้อนุโมทนา ครับ


  st11 st12 thk56


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: MICRONE ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2013, 12:08:18 am
อนุโมทนา สนใจเรื่อง นิมิตที่พระอาจารย์นำเรื่อง ไว้หน่อยหนึ่งครับ

 st12 st12 st12


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: sinjai ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2013, 10:38:11 am
อยากให้พระอาจารย์ เล่าเรื่องเป็น เสียงคงจะน่าฟังมากคะ เกี่ยวกับตำนาน ต่าง ๆ ที่พระอาจารย์เดินทางจาริก เพราะสายตาอ่านตัวหนังสือลำบาก คะ ตอนนี้ จอเล็กคะ

 thk56 st11 st12


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: montra ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2013, 10:46:43 am
อยากให้พระอาจารย์ เล่าเรื่องเป็น เสียงคงจะน่าฟังมากคะ เกี่ยวกับตำนาน ต่าง ๆ ที่พระอาจารย์เดินทางจาริก เพราะสายตาอ่านตัวหนังสือลำบาก คะ ตอนนี้ จอเล็กคะ

 thk56 st11 st12

 เห็นด้วยครับ อยากให้พระอาจารย์ เล่าการเดินทาง ต่าง ๆ ให้ฟังบ้างครับ


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: pichai ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2013, 11:03:17 am
 thk56

 พระอาจารย์ ที่นำเรื่องราวมาถ่ายทอด ให้รับทราบ ครับ

  st12


หัวข้อ: Re: พระธาตุบังพวน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ได้ไป นะ ที่นี่
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ กุมภาพันธ์ 24, 2013, 12:34:57 pm
สงสัยเรื่องจำนวนพระพุทธเจ้า 45 พระองค์ คะ เพราะในพระสูตรกล่าวถึงสมเด็จองค์ปฐม ตามพระดำรัสพระสูตร อาฏานาฏิยสูตร นั้นปรากฏ แค่ 28 พระองค์ เองนะคะ

(http://statics.atcloud.com/files/entries/7/77787/images/1_display.jpg)

พระบรมศาสดาแห่งเราท่านทั้งหลายนั้น ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อ 20 อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัปที่แล้ว(พุทธาปทานชื่อปุพพกรรมปิโลติ (พระไตรปิฎกเล่มที่ 32)) และเริ่มสร้างบารมีโดยการอธิษฐานในใจว่าปรารถนาจะเป็นนับเนื่องในอสงไขยกัปที่ 1-16 แต่ครั้ง พระสัพพาภิภูพุทธเจ้า กระทั่งถึง 4 อสงไขยแสนกัปที่แล้วมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติถึง 4 พระองค์ เป็นสารมณฑกัป ได้แก่
 
1.   พระตัณหังกรพุทธเจ้า
2.   พระเมธังกรพุทธเจ้า
3.   พระสรณังกรพุทธเจ้า
4.   พระทีปังกรพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์แรกที่พยากรณ์ว่า พระโคดมพุทธเจ้าครั้งเป็นพระโพธิสัตว์จะได้ตรัสรู้เป็นพระ
      พุทธเจ้า)

ดังนั้น สมเด็จองค์ปฐมที่มีกล่าวอ้างถึงจึงมิใช่ พระตัณหังกรพุทธเจ้า หรือ พระทีปังกรพุทธเจ้า แต่เป็น พระพุทธสิกขีทศพลญาณที่ 1 และนิยมหล่อสร้างกันในกลุ่มเกจิคณาจารย์สายพุทธภูมิ อย่างเช่น วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ โดยมีหลวงตาม้า (พระวรงคต วิริยธโร) ศิษย์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก อ.ธนู จ.พระนครศรีอยุธยา ขวนขวายจัดสร้างอยู่ขณะนี้ วันที่ 3 มีนาคม 56 นี้ก็มีการจัดสร้างสมเด็จองค์ปฐมขนาดหน้าตัก 108 นิ้ว ณ โรงหล่อพุทธรังษี ปฏิมา จ.ปทุมธานี อีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้า 7 ตุลาคม 55 ได้มีการจัดสร้างไปแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ใครใคร่ไปก็ขอเชิญมีอานิสงส์แก่ผู้ขวนขวานภาวนานะครับ



http://atcloud.com/stories/77787