สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 11:09:14 am



หัวข้อ: ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ เป็นของร้อน เกิดที่ไหน ต้องดับตรงนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 11:09:14 am
(https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-xpf1/v/t1.0-9/988536_740124062770707_2497028553347471817_n.jpg?oh=f1358f126a6867fd6e5bf559f8317a67&oe=55D40724&__gda__=1438842312_c65d3c3da6898ec584a460b52cb33b20)

"ไฟ เป็นของร้อน ถ้าเกิดที่ไหน ๆ ก็ย่อมร้อน เกิดที่ตา ตาก็ร้อน เกิดที่หู หูก็ร้อน เกิดที่จมูก จมูกก็ร้อน เกิดที่ลิ้น ลิ้นก็ร้อน เกิดที่กาย กายก็ร้อน เกิดที่ใจ ใจก็ร้อน ความร้อนของไฟ ที่มีอยู่ย่อมแผดเผา ณ ที่เกิด ให้หมองคล้ำ ทำลาย ไฟนี้ คือ ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ เมื่อเกิดที่ไหน ทั้ง 6 แห่ง ล้วนแล้วเป็นของร้อน วิธีกำจัดไฟนี้ ต้องใช้การดับโดยตรง รอให้ดับไม่ได้ สำหรับศิษย์ เรา ท่านก็สวด คาถา พญาไก่แก้วให้มากขึ้น ให้ถี่ขึ้น ให้ไฟมันดับโดยไว สำหรับท่านที่ไม่ใช่ศิษย์ ไม่ทราบความหมายของคาถา ก็ใช้ขันติ เป็นกำลัง ใช้ เมตตา และปัญญา ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการสกัดกั้น เกิดที่ตา ก็หลับตาปิดตา ไม่ดู ไม่มอง ไม่จ้อง เกิดที่หู ก็ปิดหู ทวนลมเสีย เกิดที่จมูก ก็ปิดจมูก หนีไป เกิดที่กาย ก็พิจารณา ความจริง ว่า ขอให้เรามีความสุข เถอะ แต่ถ้าเกิดที่ใจ คงหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ก็ต้อง ขันติให้มากขึ้น พิจารณาความจริง คือ โทษของราคะ โทสะ และโมหะ ให้มากขึ้น ก็พอจะใช้ได้ "


"วันนี้ จะพูดเรื่องยาก ๆ สักนิด ใครเข้าใจก็ขออนุโมทนา ใครไม่เข้าใจ ก็ไม่ต้องคิดให้มาก ปกติเรามองเวลา นาฬิกา เรามองทั้งหน้า ทั้งหมดของนาฬิกา แต่เวลาใดที่เราจะใช้เวลา เราก็จะมองลงไปที่แกนเข็มหลัก คือ ชม. ก่อน แล้ว จึงเป็น นาที และ วินาที การภาวนาก็เช่นกัน เมื่อเราจะภาวนา ก็ต้องมองภาพรวมของ กาย จิต เจตสิก นิพพาน ทั้งสี่อย่าง แต่เวลาที่เราภาวนา จริง กับต้องให้ความสำคัญที่ (...1...) และ(..2..) และ (...3..) ดังนั้นเวลาใดที่เราทำถูกก็จะได้ผลไว และ รู้ผลไว แต่ทุกครั้งที่มันผิดไม่ได้ผล ก็จะได้ผลว่า ไม่ได้อะไร เป็นเพราะเราไปจับตัวเร็ว เกินไป จึงไม่เข้าใจ อะไร ๆ ในนั้นเลย แท้ที่จริง การภาวนาที่มาถึงสมาธิ ก็เพียงเพื่อให้จิตของเรานั้น อยู่ในสภาวะ ที่ปราดเปรียว (ว่องไว วสี ) บริสุทธิ์ ( สะอาด ปริสุทธิ ) ตั้งมั่น (มั่นคง อุเบกขา ) เมื่อจิตเป็นสมาธิ จริง ๆ ก็จะเห็น สรรพสภาวะ ทั้งปวง มันช้าลง เมื่อเราเห็นอะไร ๆ ช้าลง เราก็จะจับ ตัวปัญหา และขจัดปัญหา นั้นออกได้อย่างหมดจด เริ่มตั้งแต่ นิวรณ์ อุปกิเลส มานานุสัย และ อวิชชานุสัย นั่นเอง

สาธุ ใครเข้าใจ ลำดับ 1 2 3 ก็เห็นว่าพอมีปัญญาบ้างแล้ว ใครยังไม่เข้าใจ ก็ต้องศึกษาลงไปในกรรมฐาน คือ พระพุทธานุสสติเสียก่อน เพราะกรรมฐาน ที่สนับสนุน และเป็นกรรมฐาน ที่พอกพูนกรรมฐาน ให้ว่องไว บริสุทธิ มั่นคง ก็คือ พระพุทธานุสสติ นั่นเอง

เจริญธรรม / เจริญพร"


หัวข้อ: Re: ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ เป็นของร้อน เกิดที่ไหน ต้องดับตรงนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: VongoleX ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 02:20:50 pm
 st11 st12 st12


หัวข้อ: Re: ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ เป็นของร้อน เกิดที่ไหน ต้องดับตรงนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: DANAPOL ที่ พฤษภาคม 07, 2015, 07:06:36 pm
 st11 st12 st12


หัวข้อ: Re: ไฟราคะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ เป็นของร้อน เกิดที่ไหน ต้องดับตรงนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: VongoleX ที่ พฤษภาคม 13, 2015, 09:09:04 am
 st11 st12 st12 st12