หัวข้อ: ไม่เคารพในสมาธิ นำความเสื่อมมาให้ภิกษุได้.!?! เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ สิงหาคม 17, 2016, 10:28:47 am (http://www.madchima.net/forum/gallery/30_17_08_16_10_29_24.jpeg) ไม่เคารพในสมาธิ นำความเสื่อมมาให้ภิกษุได้.!?! พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๕ [ฉบับมหาจุฬาฯ] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต ๔. เทวตาวรรค ๑. อัปปมาทคารวสูตร [๓๒] ครั้งนั้น เมื่อราตรีผ่านไป(๑-) เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะงดงามยิ่งนัก เปล่งรัศมีให้สว่างไปทั่วพระเชตวัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๗ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ ธรรม ๗ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา ๒. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระธรรม ๓. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระสงฆ์ ๔. ความเป็นผู้มีความเคารพในสิกขา ๕. ความเป็นผู้มีความเคารพในสมาธิ ๖. ความเป็นผู้มีความเคารพในความไม่ประมาท ๗. ความเป็นผู้มีความเคารพในปฏิสันถาร(๒-) ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๗ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ” เมื่อเทวดานั้นได้กราบทูลดังนี้แล้ว พระศาสดาทรงพอพระทัย ครั้นเทวดานั้นรู้ว่า ‘พระศาสดาทรงพอพระทัยเรา’ จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ(๓-) แล้วหายไป ณ ที่นั้นแล :25: :25: :25: :25: ครั้นคืนนั้นผ่านไป พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อราตรีผ่านไป เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะงดงามยิ่งนัก เปล่งรัศมีให้สว่างไปทั่วพระเชตวัน เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ไหว้เราแล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร ได้กล่าวกับเรา ดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๗ ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุธรรม ๗ ประการ อะไรบ้าง คือ ๑. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา ๒. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระธรรม ๓. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระสงฆ์ ๔. ความเป็นผู้มีความเคารพในสิกขา ๕. ความเป็นผู้มีความเคารพในสมาธิ ๖. ความเป็นผู้มีความเคารพในความไม่ประมาท ๗. ความเป็นผู้มีความเคารพในปฏิสันถาร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม ๗ ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ" ภิกษุทั้งหลาย เทวดานั้นครั้นกล่าวดังนี้แล้ว จึงไหว้เรา ทำประทักษิณแล้วหายไป ณ ที่นั้นแล ans1 ans1 ans1 ans1 ภิกษุมีความเคารพในศาสดา มีความเคารพในธรรม มีความเคารพอย่างแรงกล้าในสงฆ์ มีความเคารพในสมาธิ มีความเพียร มีความเคารพอย่างแรงกล้าในสิกขา มีความเคารพในความไม่ประมาท มีความเคารพในปฏิสันถาร เป็นผู้ไม่ควรเสื่อม ดำรงอยู่ใกล้นิพพานทีเดียว อัปปมาทคารวสูตรที่ ๑ จบ ขอบคุณที่มา : http://www.84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=23&siri=29 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/m_siri.php?B=23&siri=29) เชิงอรรถ :- (๑-) ราตรีผ่านไป ในที่นี้หมายถึงปฐมยาม (ยามแรก) กำหนดเวลา ๔ ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา ๑๘ นาฬิกา ถึง ๒๒ นาฬิกาแห่งราตรีผ่านไป กำลังอยู่ในช่วงมัชฌิมยาม (ยามท่ามกลาง) คือ กำลังอยู่ในช่วงเวลา ๒๒ นาฬิกา ถึง ๒ นาฬิกาของวันใหม่ (องฺ.ฉกฺก.อ. ๓/๒๑-๒๒/๑๐๘) และดู องฺ.ฉกฺก. (แปล) ๒๒/๓๒/๔๗๘ (๒-) ปฏิสันถาร ในที่นี้หมายถึงการต้อนรับ มี ๒ อย่าง คือ (๑) อามิสปฏิสันถาร (การต้อนรับด้วยอามิส) (๒) ธัมมปฏิสันถาร (การต้อนรับด้วยธรรม) (องฺ.ทุก. (แปล) ๒๐/๑๕๓/๑๒๓) (๓-) ทำประทักษิณ หมายถึงเดินเวียนขวาโดยการประนมมือเวียนไปทางขวาตามเข็มนาฬิกา ๓ รอบ มีผู้ที่ตนเคารพอยู่ทางขวา เสร็จแล้วหันหน้าไปทางผู้ที่ตนเคารพ เดินถอยหลังจนสุดสายตา จนมองไม่เห็นผู้ที่ตนเคารพแล้วคุกเข่าลงกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ (การกราบด้วยอวัยวะทั้ง ๕ อย่าง ลงกับพื้น คือ กราบเอาเข่าทั้งสอง มือทั้งสอง และศีรษะ(หน้าผาก)จรดลงกับพื้น) แล้วลุกขึ้นเดินจากไป(วิ.อ. ๑/๑๕/๑๗๖-๑๗๗) {ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๓ หน้า : ๔๙-๕๐} |